ราชันเร้นลับ 739 : พบหน้า และไม่พบหน้า
มหาวิหารนักบุญแซมมวล โถงสวดมนต์หลักบิชอปผมสั้นสีดำถอนสายตากลับ เลิกมองไปยังสุภาพบุรุษวัยกลางคนที่ยืนหน้ากล่องบริจาค ระงับความคิดที่จะเข้าไปคุยณ ที่แห่งนี้ หน้าแท่นบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ มันคือตัวแทนของศาสนจักร ภายใต้การจ้องมองจากเทพธิดา ห้ามเลือกปฏิบัติเพียงเพราะอีกฝ่ายบริจาคเงินจำนวนมากอย่างไรก็ตาม มันแอบจดจำรูปลักษณ์ของสุภาพบุรุษหนุ่มใหญ่มาดสง่างามและสุขุม ไว้มีโอกาสค่อยเข้าไปทักทายในภายหลังเพื่อสร้างความคุ้นเคยเมื่อเห็นธนบัตรใบสุดท้ายตกถึงก้นกล่องบริจาค ไคลน์หลับตาลง หันหลังกลับและเดินออกมาขณะผ่านหน้าบิชอปนักเทศน์ ชายหนุ่มจงใจหันไปมองและยิ้มบิชอปตอบกลับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ทำสัญลักษณ์สี่จุดทวนเข็มนาฬิกาบนหน้าอกไคลน์ไม่รีบร้อนติดต่อกับคนของวิหาร ต้องมั่นใจว่าทุกการกระทำของตนมีเหตุและผลรองรับมากพอ ไม่กระโตกกระตาก ทำเพียงเดินหลีกทางให้สาวกคนอื่นอย่างใจเย็น กลับไปยังเก้าอี้ตัวเก่า หยิบหมวกและไม้ค้ำ ก้าวออกจากห้องขณะเดียวกัน หลังจากฟังเทศนาจบ ผู้ศรัทธาหลายคนเดินตรงไปที่กล่องบริจาค แต่บางคนก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องโดยไม่กลัวว่าจะถูกมองไม่ดี เพราะการบริจาคมิใช่กิจบังคับแม้แต่ผู้เชื่อที่รักการบริจาคก็มิได้โยนเงินลงไปในกล่องทุกครั้งที่มาฟังเทศน์ ขึ้นอยู่กับสถานภาพของครอบครัวในขณะนั้น อาจทำสัปดาห์ละหนหรือสองหนหากเป็นชนชั้นล่าง การบริจาคจะมียอดครั้งละไม่กี่เพนนี ชนชั้นกลางจะเฉลี่ยสามถึงห้าซูล ส่วนเศรษฐีและขุนนางจะใช้ทองปอนด์ แต่ก็ไม่เกินคราวละร้อยปอนด์นี่คือสถานการณ์ปรกติ แต่ถ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ประจำปีของเทพธิดารัตติกาลซึ่งถูกเรียกว่า ‘วันเฉลิมฉลองเหมันต์’ ยอดการบริจาคจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า พลเมืองชั้นล่างที่พอมีเงิน จะบริจาคสองถึงสามซูล ชนชั้นกลางจะตกราวห้าปอนด์ ชนชั้นสูงและขุนนางจะบริจาคเงินให้บิชอปอาวุโสหรือองค์กรการกุศลของโบสถ์โดยตรง มีตั้งแต่ไม่กี่ร้อยปอนด์ไปจนถึงสองสามร้อยปอนด์‘วันเฉลิมฉลองเหมันต์’ หมายถึงวันที่มีกลางคืนยาวนานที่สุดของทุกปี ถือเป็นวันคล้ายวันประสูติของเทพธิดารัตติกาล…ออกจากวิหาร ไคลน์ยืนอยู่ด้านนอกจัตุรัส มองดูฝูงนกพิราบสีขาวกระพือปีก บินวนและร่อนลงชายหนุ่มลงทุนซื้ออาหารจากร้านข้างทางมาโปรยให้นกพิราบ ทำตัวตามสบาย ไม่ได้สนใจจะอ่านโฆษณาขายบ้านบนหนังสือพิมพ์เพื่อค้นหาที่อยู่ที่เหมาะสมในเขตเหนือ เพราะนั่นคืองานของพ่อบ้านพ่อบ้านมากประสบการณ์ซึ่งอาศัยในกรุงเบ็คลันด์มานาน ย่อมรู้จักขุนนางและเศรษฐีไม่มากก็น้อย รวมไปถึงชนชั้นกลางที่พอจะมีฐานะ รู้ว่าใครอาศัยอยู่แถวไหน จึงน่าจะเลือกบ้านได้อย่างเหมาะสมมากกว่าตนการพบปะกันระหว่างเพื่อนบ้าน ถือเป็นบันไดขั้นแรกสู่สังคมชนชั้นสูง!ไม่ว่าจะเป็นสโมสรคาร์ลตันที่สมาชิกพรรคอนุรักษนิยมมักมารวมตัว สโมสรชาวอิสรภาพที่พรรคหัวก้าวหน้ารวมตัว หรือสโมสรทหารผ่านศึกที่เป็นตัวแทนของกองทัพ การจะเข้าร่วมต้องให้คนสำคัญชักชวนเข้าไป… เฮ่อ สำหรับปัจจุบัน ความสัมพันธ์ลักษณะนี้มักถูกเรียกว่า ‘การเมืองสโมสร’ … ไคลน์ดึงความสนใจกลับ ครุ่นคิดว่าตนควรทำสิ่งใดหลังจากให้อาหารนกพิราบไตร่ตรองอย่างจริงจังสักพัก ชายหนุ่มพบว่าตนยังไม่มีธุระเร่งด่วน เพราะแผนการใหญ่ยังอยู่ในระดับผิวเผินด้วยเหตุนี้ ไคลน์ตัดสินใจเดินทางไปเพลิดเพลินกับอาหารกลางวันแสนหรูหราและเอร็ดอร่อย นี่คือสิ่งที่ดอน·ดันเตสควรทำ ขณะเดียวกันก็เป็นความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัวของไคลน์ในช่วงก่อน ตลอดหลายเดือนที่อาศัยอยู่ในเบ็คลันด์ ชายหนุ่มไม่มีความกล้ามากพอที่จะเดินเข้าไปในภัตตาคารราคาแพง เอาแต่ฝากท้องไว้กับหนึ่งในสี่ตัวเลือกที่ตนสะดวก ประกอบด้วย ห้องกินข้าวในบ้านตัวเอง ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ของสโมสรครักซ์ ร้านอาหารริมถนน และบ้านของนักกฎหมายเยอร์เก้น มีบางครั้งที่แวะไปหาอะไรกินในเขตตะวันออก กินมื้อเช้าหรือเที่ยงในร้านกาแฟที่ค่อนข้างเปื้อนน้ำมันภัตตาคารลาโบดีไหม? ได้ยินว่าพ่อครัวของที่นั่นมาจากบ้านเอิร์ลฮอลล์ บริการเฉพาะเศรษฐี ผู้ตรวจการ และข้าราชการระดับสูง โดยปรกติแล้วจะจองได้ยาก… ดูเหมือนว่าเอิร์ลฮอลล์จะถือหุ้นของภัตตาคารเป็นจำนวนมากด้วย… ถ้าจำไม่ผิด ภัตตาคารแห่งนี้ขึ้นชื่อในด้านอาหารท้องถิ่นของเบ็คลันด์ โดยเฉพาะของหวาน แต่ราคาไม่เป็นมิตรสักเท่าไร…ภัตตาคารอินทิสเซอเรนโซ่? เสิร์ฟแต่อาหารอินทิสดั้งเดิม หึหึ มีเมนูเด็ดที่จักรพรรดิโรซายล์คิดค้นขึ้นมากมาย ได้ยินว่ามาจากตำรับวังหลวงของจักรพรรดิโดยตรง… นอกจากนั้น ร้านอินทิสเซอเรนโซ่ยังมีอาหารหลากหลายชนิดให้เลือก แตกต่างจากภัตตาคารอื่นๆ ในระดับเดียวกันที่มักมีจานหลักแค่ไม่กี่เมนู… ไคลน์พึมพำข้อมูลร้านอาหารชั้นนำที่เคยเห็นจากหนังสือพิมพ์และนิตยสาร จนในที่สุด มันตัดสินใจแวะไปชิมอาหารตำรับชาววังของจักรพรรดิชายหนุ่มไม่รีรอ โบกรถม้า ตรงไปยังร้านอาหารอินทิสเซอเรนโซ่ในเขตตะวันตกเมื่อถึงทางเข้า ไคลน์ส่งเสื้อคลุม หมวก และไม้ค้ำให้บริกรชายในเสื้อกั๊กสีแดง ซักถามอีกฝ่าย“ยังมีที่ว่างเหลืออยู่ไหม? ผมไม่ได้จองไว้”“มีครับ” บริกรชายสวมกั๊กแดงไม่แสดงท่าทีรังเกียจ ซักถามนอบน้อม “เพิ่งมาเคยมาใช่ไหมครับ? มาท่านเดียวหรือ?”ไคลน์พยักหน้าใจเย็น ยิ้มและพูด“ใช่”“ถ้าอย่างนั้น ผมขอเสียมารยาทแนะนำอาหารชื่อดังและไวน์รสเลิศของทางร้านเรา” บริกรกั๊กแดงกล่าวพลางเดินนำทางเข้าไป“กำลังต้องการอยู่พอดี” ไคลน์เดินผ่านประตูที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา เริ่มมองเห็นกำแพงสีทองระยิบระยับเพียงพริบตา ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเข้าอยู่ในคลังสมบัติจากนั้น ไคลน์สังเกตเห็นภาพวาดสีน้ำมันที่แขวนบนผนัง เห็นรูปปั้นหินอ่อนถูกจัดวางอย่างเหมาะสม นอกจากนั้นยังมีการประดับตกแต่งด้วยวัตถุสีทองตามจุดต่างๆ“เดินระวังด้วยนะครับ” บริกรเสื้อกั๊กแดงกล่าวเตือน พาไคลน์ไปนั่งริมหน้าต่างซึ่งมีเสียงไวโอลินอันไพเราะดังมาแต่ไกลบริกรชายนำเมนูและไวน์มาให้ เปิดหน้าแรก“เมนูขึ้นชื่อของร้านเราประกอบไปด้วย ซี่โครงเนื้อวัวทาเกียตุ๋น… เห็ดทรัฟเฟิลดำ ฟัวกราส์อินทิส โดยเฉพาะฟัวกราส์ ทางเรานำเข้าวัตถุดิบจากฟาร์มโบนาสในเมืองแชมเปญ อาณาจักรอินทิส”ไคลน์ฟังคำแนะนำของพนักงาน สายตาชำเลืองอ่านเมนูที่เขียนด้วยภาษาฟุซัคโบราณ สิ่งที่เตะตาที่สุดคือราคาหลังจากนำเสนอเกี่ยวกับจานหลัก ของทางเล่น ของหวาน บริกรชายหันมาอธิบายการจับคู่ไวน์“แชมเปญ ไวน์แดง และไวน์ขาวของเราล้วนมาจากไร่ที่มีชื่อเสียงในเมืองแชมเปญ นอกจากนั้นยังมีไวน์แดงเออเมียร์ที่ผลิตในปี 1330 ราคาหนึ่งร้อยยี่สิบหกปอนด์ต่อขวด หากคุณลูกค้าซื้อไป จะนำกลับบ้านหรือจะฝากไว้กับทางร้านก็ได้เช่นกัน เป็นการประหยัดค่าเครื่องดื่มในมื้อถัดไป”หนึ่งร้อยยี่สิบหกปอนด์… จ้างแม่บ้านเก่งๆ ได้หนึ่งคน… หึหึ… ไคลน์ยิ้มอย่างสง่างาม“อาหารและไวน์ของที่นี่ฟังดูยอดเยี่ยมมาก ผมเลือกไม่ถูก”บริกรชายเสื้อกั๊กแดงยิ้มอย่างกระฉับกระเฉง“คุณลูกค้าสามารถเลือก ‘ตามใจพ่อครัว’ ได้ครับ ให้พ่อครัวของเราเลือกเสิร์ฟอาหารอินทิสแท้ที่รสชาติเป็นเลิศ มีสามคอร์สให้เลือก ประกอบด้วยสิบห้าปอนด์ สิบปอนด์ และแปดปอนด์”ไม่อยากเลือกสักคอร์ส… ไคลน์เอนหลัง เผยรอยยิ้ม“สิบห้าปอนด์”“ตกลงครับ” บริกรชายเสื้อกั๊กแดงเก็บเมนูและรายการไวน์ เดินตรงไปทางห้องครัวไคลน์สูดลมหายใจ ผ่อนออกอย่างช้าๆ มองไปข้างหน้าอย่างไร้เป้าหมายทันใดนั้น ชายหนุ่มพบบุคคลที่ค่อนข้างคุ้นเคย เป็นสตรีในชุดสีเขียวมะกอกรูปร่างสูงโปร่ง สัดส่วนสมบูรณ์แบบ สวมหมวกอ่อนสีดำทรงโบราณ ตาข่ายคุณภาพดีห้อยลงมาปิดใบหน้าในฐานะ ‘ผู้ไร้หน้า’ ไคลน์เก่งกาจด้านการจำแนกรูปลักษณ์ของมนุษย์ จดจำได้ทันทีว่าสตรีผู้นี้เป็นใครราชินีเงื่อนงำ บุตรสาวคนโตของจักรพรรดิโรซายล์ แบร์นาแดต·กุสตาฟ!ชายหนุ่มไม่รีบร้อนถอนสายตากลับ เลื่อนไปด้านข้างอย่างเป็นธรรมชาติ โชคดีที่แบร์นาแดตไม่พบความผิดปรกติ เพียงเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนหล่อนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? จริงสิ… ภัตตาคารแห่งนี้โด่งดังด้านเมนูตำรับชาววังของจักรพรรดิโรซายล์ หึหึ… นึกว่าจะเป็นอาหารจีนเสียอีก จักรพรรดิคงทำอาหารไม่เก่ง อย่างมากก็อธิบายถึงแนวคิดได้คร่าวๆ ที่นี่จึงมีอาหารประเภทผัดทอดอยู่สองสามอย่าง… หรือว่าเธอจะเป็นเจ้าของกิจการอย่างลับๆ? แล้วทำไมถึงหมกตัวอยู่ในเบ็คลันด์แทนที่จะออกไปท่องทะเล? เธอได้พบตัวจริงของจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดไปแล้วไม่ใช่หรือ? ไคลน์นั่งในท่าสำรวม คำถามผุดขึ้นในใจทีละข้อ…ขณะเดียวกัน รถม้าคันหนึ่งกำลังแล่นไปบนถนน ปลายทางคือภัตตาคารอินทิสเซอเรนโซ่ภายในรถม้ามีครอบครัวของอลัน·คริสต์ ศัลยแพทย์คนดังผู้เป็นสมาชิกของสโมสรครักซ์ และยังเป็นเพื่อนของเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ ครั้งหนึ่งเคยมอบหมายให้นักสืบคนดังจัดการกับคดีของวิล·อัสตินนับตั้งแต่ภรรยาตั้งครรภ์ อลันรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างโชคดี หน้าที่การงานนับวันยิ่งเจริญก้าวหน้า ค่าแรงเพิ่มขึ้นทุกเดือน ล่าสุด มันประสบความสำเร็จในการผ่าตัดบารอนซินดราส ได้รับคำชมเชยจากขุนนางหน้าใหม่รายนี้ ถึงขั้นเชิญให้ครอบครัวของอลันไปรับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารเซอเรนโซ่“ได้ยินว่าไอศกรีมของที่นี่อร่อยมาก” อลันหันไปยิ้มให้ภรรยาภรรยาอลันเป็นหญิงงามเจ้าของเส้นผมสีดำขลับ ช่วงท้องป่องออกมาอย่างเห็นได้ชัด เธอเผยรอยยิ้มอ่อนโยน“ฉันอยากกินอาหารตำรับชาววังของจักรพรรดิโรซายล์มานานแล้ว”อลัน ‘อืม’ ในลำคอ มองออกไปนอกหน้าต่าง“ใกล้ถึงแล้ว”กล่าวจบ ภรรยาของมันกุมท้องกะทันหัน“เจ็บ…”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อลันได้เป็นพ่อคน จึงลงมือตรวจสอบครรภ์อย่างชำนาญ ทั้งที่ไม่พบความผิดปรกติใดเลย แต่ดูเหมือนเด็กในท้องจะเริ่มอาละวาดมากขึ้นเรื่อยๆ“ฉ…ฉันว่าฉันกลับก่อนดีกว่า… รู้สึกอยากนอนพักผ่อน” ภรรยาอลันเสนอแนะอลันครุ่นคิดสักพัก“ผมจะกลับไปกับคุณ”มันหันไปออกคำสั่งกับบุรุษรับใช้“คุณลงรถตรงนี้ เดินไปที่ร้านอาหารและขอโทษบารอนซินดราสแทนผม”เมื่อรถม้าหันหัวกลับ ความอึดอัดของภรรยาอลันเริ่มบรรเทาลงอย่างน่าประหลาด และเมื่อถึงบ้าน ทุกอย่างก็กลับเป็นปรกติหญิงสาวลูบท้องด้วยสีหน้าประหลาดใจ กล่าวกับสามี“สงสัยเด็กคนนี้จะไม่อยากกินไอศกรีม”ฮัดเช่ย! ภายในร้านอาหารอินทิสเซอเรนโซ่ ไคลน์ผู้ไม่เคยลิ้มรสอาหารระดับนี้มาก่อน ย่อมเพลิดเพลินไปกับไอศกรีมด้วยสีหน้าพึงพอใจ แต่ขณะกำลังกิน จมูกเกิดคันขึ้นมากะทันหัน จึงต้องดึงกระดาษทิชชูออกมาจาม…เขตตะวันตก ภายในบ้านที่ร่มรื่นฟอร์ส ผู้เพิ่งเลื่อนลำดับเป็น ‘โหราจารย์’ กระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมชุมนุมผู้วิเศษเพื่อมองหาช่องทางทำเงินปัจจุบัน เธอมีหนี้สินอยู่ที่สองร้อยยี่สิบปอนด์ มากจนเพื่อนสนิทเริ่มสงสัยว่า ฟอร์สอาจเข้าไปพัวพันกับการพนันผิดกฎหมายเราไม่มีแม้กระทั่งเงินจะซื้อลูกแก้วทำนาย… ขณะครุ่นคิด ฟอร์สพลันได้ยินสมาชิกคนหนึ่งพูดขึ้น“ผมต้องการขาย ‘หุ่นกระบอกจันทรา’”………………………………………………………
คอมเม้นต์