ราชันเร้นลับ 737 : เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ทำไม ‘ชายเสียสติ’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ถึงต้องมองหาคนช่วยเบิกค่าหัวของพลเรือเอกโลหิต? มีบางอย่างไม่ถูกต้อง… ทำไมเขาถึงสามารถเบิกค่าหัวของพลเรือเอกโลหิตได้… ทันใดนั้น เดนิสพลันตื่นจากภวังค์สับสน เริ่มกระจ่างในบางประเด็นมันรีบก้มหน้าลง ไม่ปล่อยให้ดวงตาเผยความประหลาดใจนักผจญภัยโต๊ะข้างๆ พูดขึ้น“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่มีใครกล้าขึ้นเงินแทนหมอนั่นหรอกน่า”“ใช่… เว้นเสียแต่ว่า คนคนนั้นอยากตกเป็นเป้าระบายโทสะของโบสถ์วายุสลาตัน หรือไม่ก็อยากขายข่าวเกอร์มัน·สแปร์โรว์ให้ทางการ!”“สี่หมื่นสองพันปอนด์… ถ้าได้เงินก้อนดังกล่าว เป็นฉันจะรีบกลับเบ็คลันด์ทันที ใช้ชีวิตเยี่ยงมหาเศรษฐี!”“ฮะฮะ! ถ้าเป็นฉันจะเสพสุขในโรงละครแดงสักครึ่งปีก่อน”“บางที เกอร์มัน·สแปร์โรว์อาจเปลี่ยนไปขึ้นค่าหัวกับอินทิสหรือฟุซัคก็ได้ แม้จะไม่มากถึงสี่หมื่นสองพันปอนด์ แต่ก็มากพอที่จะใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย”…ยิ่งบทสนทนาของนักผจญภัยดำเนินไป พวกมันยิ่งแข่งกันพรรณนาว่าจะใช้เงินสี่หมื่นสองพันปอนด์อย่างไร ถึงขั้นทะเลาะกันจนหน้าแดงบ้าน่า… หมายความว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์เชือดพลเรือเอกโลหิตไปแล้ว? ทำได้ยังไง… ถึงหมอนั่นจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังขาดคนคอยสนับสนุน จำเป็นต้องร่วมมือกับกัปตัน… แอนเดอร์สัน·ฮู้ด? เดนิสลุกขึ้นยืน กดหมวกติดศีรษะ ก้มหน้าลงและเดินไปทางห้องบิลเลียด แถวๆ นั้นมักมีหนังสือพิมพ์ให้อ่านฟรีเมื่อเดินจากไป นักผจญภัยกลุ่มก่อนหน้าหันมามองตามหลัง ลดเสียงลงและซุบซิบนินทา“นายรู้จักหมอนั่นไหม? ทำตัวน่าสงสัยชะมัด!”“เห็นหน้าไม่ชัด แต่คิดว่าน่าจะเป็นโจรสลัด แฝงตัวในบายัมเพื่อสืบข่าว”“ถ้าอย่างนั้นพวกเรา…” นักผจญภัยใช้มือทำท่าปาดคอตัวเอง“อาจเป็นคนที่เราไม่ควรไปยุ่งก็ได้ รอดูท่าทีไปก่อน” นักผจญภัยอีกคนรีบปรามพวกพ้องเดนิสเข้าไปในห้องบิลเลียดที่ปราศจากผู้คน เดินไปตรงมุมและหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาหนึ่งปึก กวาดสายตาอ่านลวกๆ สีหน้าค่อยๆ บิดเบี้ยวทีละนิดชายเสียสติคนนั้นทำได้ยังไง? เขาฆ่าพลเรือเอกโลหิตไปแล้วจริงๆ … ผ่านไปแค่ไม่กี่เดือน ทำไมพลังถึงเพิ่มขึ้นมากมายขนาดนี้! น…นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์ยังไม่มีการเอ่ยถึงแอนเดอร์สัน·ฮู้ด… เดนิสรู้สึกประหลาดใจพร้อมกับขอบคุณตัวเอง ขอบคุณที่ตนยอมจำนนต่อเกอร์มัน·สแปร์โรว์มาตลอด ไม่อย่างนั้น ชื่อของตนอาจปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ในฐานะเหยื่อของเกอร์มัน·สแปร์โรว์นานแล้ว ถูกแลกเปลี่ยนเป็นค่าหัวอย่างน่าสมเพชไม่สิ… หากเป็นตอนนั้น ชื่อของเราคงไม่มีค่าพอที่จะเขียนลงหนังสือพิมพ์… เดี๋ยวนะ… เกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นสมาชิกขององค์กรลับชั่วร้าย… ขณะคิดถึงเรื่องนี้ เดนิสพลันยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นสืบเนื่องจาก ดูเหมือนว่ามันเองก็เป็นสมาชิกขององค์กรลับชั่วร้ายนั่นด้วย!ฮะฮะ… พวกศาสนจักรและกองทัพชอบกุเรื่องเกินจริงเสมอ… ใช่แล้ว ถึงจะเป็นองค์กรลึกลับ แต่ไม่ได้ชั่วร้ายสักหน่อย! เดนิสปลอบใจตัวเอง เป็นอีกครั้งที่ตระหนักว่าองค์กรลับเบื้องหลังเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ทั้งทรงพลังและเต็มไปด้วยปริศนาหลักฐานพิสูจน์ก็คือ เซนอล หนึ่งในเจ็ดพลเรือโจรสลัดถูกเชือดทิ้งอย่างง่ายดาย!ฟู่ว… เดนิสพ่นลมออก สรรเสริญเดอะฟูลในใจด้วยความหวาดกลัว เริ่มแสดงท่าทีขยันขันแข็งต่องานที่ได้รับมอบหมาย…ในอาคารเล็กๆ ใกล้กับสภาเมือง ไอร์แลนด์และออส·เคนท์เดินออกมา“จบสักที…” ไอร์แลนด์ถอนหายใจพลางสวมหมวกกัปตันลงบนศีรษะออส·เคนท์ลูบจมูกอันแดงก่ำที่เกิดจากเหล้า ถอนหายใจตาม“อา…”เนื่องจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์กลายมาเป็นตัวปัญหาของอาณาจักร พวกมันจึงถูกกักตัวสอบสวนนานสองวันเต็ม ต้องเผชิญหน้ากับ ‘นักสอบสวน’ ที่ชำนาญงานประเภทนี้โชคดีที่ไอร์แลนด์ไม่ได้ปิดบังอะไรตั้งแต่แรก เคยรายงานให้เบื้องบนทราบแล้วว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์มีเบื้องหลังคลุมเครือ แต่เป็นมิตรกับกองทัพ นายทหารระดับสูงจึงวางหมากให้นักผจญภัยเสียสติคนนี้เป็นสายข่าว ขณะเดียวกันก็ส่งคนไปตรวจสอบปูมหลังเพิ่มเติม ไอร์แลนด์จึงผ่านการสอบปากคำฉลุยทางด้านออส·เคนท์ก็ไม่มีปัญหา มันแค่ช่วยขึ้นค่าหัวแทนเกอร์มัน·สแปร์โรว์ตามระเบียบราชการปรกติขณะกำลังเดินไปตามถนนใจกลางสวน ไอร์แลนด์กล่าวด้วยสีหน้าซับซ้อน“ใครจะไปคิดว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์จะแข็งแกร่งและบ้าบิ่นขนาดนั้น”จากข้อมูลที่มันได้ยิน การฆ่าพลเรือเอกโลหิต คือเรื่องที่ปรกติที่สุด และมีความสำคัญต่ำที่สุดที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์ทำในวันนั้น!แต่ในทางกลับกัน ชายเสียสติคนเดียวกัน เพียงเพื่อจะช่วยชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือแค่สองสามคน เขายอมเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับเหตุการณ์ประหลาดในท่าเรือแบนชีที่เต็มไปด้วยอันตรายและไอร์แลนด์เพิ่งทราบในภายหลังว่า เหตุสยองขวัญบนเกาะแบนชี ความจริงแล้วเต็มไปด้วยอันตรายที่เกินกว่ามันจะจินตนาการออก – โบสถ์วายุสลาตันถึงขั้นไม่คิดจะสำรวจเกาะให้เปลืองตัว แต่เลือกที่จะทำลายล้างให้สิ้นซาก!ถ้าเราบอกกับเจ้าหน้าที่สอบสวนว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์มีจิตใจอ่อนโยน พวกเขาคงคิดว่าเราโกหก… มนุษย์ช่างเต็มไปด้วยความขัดแย้งในตัวเอง… ไอร์แลนด์ส่ายหน้าเงียบงันหลังจากฟังไอร์แลนด์ตัดพ้อ ออส·เคนท์ยิ้มแห้งๆ“ย้อนกลับไปในตอนนั้น ฉันคิดว่านายแค่แนะนำนักผจญภัยฝีมือกลางๆ คนหนึ่งให้รู้จัก ไม่น่าจะมีอะไรลึกซึ้ง แต่ใครจะไปคิดว่า หมอนั่นแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถเชือดพลเรือเอกโลหิต! บ้าจริง… ด้วยฝีมือระดับนี้ จะขึ้นไปเป็นราชาโจรสลัดคนที่ห้าก็ยังได้! ลองมองไปทางป่าสิ ดูเอาเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับภูเขาลูกนั้นบ้าง แล้วนายจะไม่สงสัยในสิ่งที่ฉันพูด! ที่นั่นเหมือนกับ… เหมือนกับ…”ไอร์แลนด์ชำเลืองออส·เคนท์ ช่วยเสริมให้อีกฝ่าย“เหมือนกับชายฝั่งที่คอยตั้งรับการโจมตีตลอดหนึ่งร้อยปี”“ใช่! ถูกเผง!” ออส·เคนท์เห็นด้วยกับคำอธิบายของไอร์แลนด์ขณะเดียวกัน ทั้งสองเดินพ้นจากประตูรั้วไอร์แลนด์มองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวและดวงจันทร์สีแดงเข้มซึ่งช่วยมอบแสงสลัว เงียบงันสักพัก จัดปกเสื้อและกล่าว“ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่กลับมาที่ทะเลอีก”…บายัม บ้านเลขที่ 6 ถนนสเฟียร์แดนตันในชุดสุภาพของเด็กผู้ชาย เดินเข้าไปในห้องอ่านหนังสือ กล่าวกับพี่สาวที่กำลังฝึกร่างภาพ“ดอนน่า… พ…พวกเขาบอกว่าลุงสแปร์โรว์เป็นคนเลว เป็นพวกนอกรีต เป็นฆาตกร! ถ…แถมยังเอาหนังสือพิมพ์ให้ฉันดู”ดอนน่าหันไปมอง พูดพลางขมวดคิ้ว“ฉันไม่เชื่อเด็ดขาด! ลุงสแปร์โรว์คือผู้ผดุงคุณธรรม เป็นคนกล้าหาญ เป็นนักผจญภัยที่จิตใจดี พวกเราเห็นทุกอย่างมากับตา ย่อมเป็นความจริงยิ่งกว่าหนังสือพิมพ์อยู่แล้ว!”ลังเลสักพัก หญิงสาวกล่าวต่อ“แม้ว่าจะมีรูปลักษณ์ค่อนข้างน่ากลัว แต่นั่นเป็นราคาที่เขาต้องจ่าย เพื่อให้ได้พลังที่สามารถปกป้องผู้คนมาครอบครอง! แดนตัน เธอต้องจำไว้ พวกหนังสือพิมพ์มักเขียนขึ้นจากข่าวลือและข่าวลวง”“จริงด้วย!” แดนตันพยักหน้าหนักแน่น “ฉันด่าพวกมันไปแล้ว!”หลังจากกล่าวชมน้องชาย ดอนน่ามองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่รู้ตัว เห็นโคมไฟถนนกำลังสาดแสงเข้ามาในสวน มอบความรู้สึกเงียบสงบและอบอุ่น…เขตฮิลสตัน ภายในโรงแรมหรูไคลน์สอดผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่พับอยู่ ลงไปในกระเป๋าเสื้อหน้าอกซ้าย ยกมือขึ้นพร้อมกับถอดหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูงวันนี้คือฤกษ์ดีที่ดอน·ดันเตส เศรษฐีลึกลับ จะได้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอย่างเป็นทางการโดยไม่ต้องรอขายหุ้นจักรยานหรือสมบัติวิเศษ ไคลน์เตรียมใช้เงินสดที่เหลืออีก 2,962 ปอนด์เพื่อพยุงค่าใช้จ่ายเบื้องต้นเงินจำนวนเท่านี้นับว่าเหลือเฟือ เทียบเท่ารายได้รวมของชนชั้นกลางค่อนไปทางสูงตลอดเจ็ดปีเต็ม!‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสไม่ได้เข้าฝันเราเมื่อคืน… หมายความว่าหากไม่ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด จะไม่ทราบว่าเรากลับถึงเบ็คลันด์แล้ว ถือเป็นเรื่องดี… ตกลง… งั้นคืนนี้เราจะติดต่อกับเครื่องรับโทรเลขเป็นครั้งสุดท้าย สอบถามเกี่ยวกับตำแหน่งปัจจุบันของวิญญาณมาร หลังจากนั้นก็ไม่ต้องคอยวุ่นวายกับวัตถุเสี่ยงอันตรายนั่นอีก… ไคลน์พึมพำเงียบ เดินออกจากโรงแรมพร้อมไม้ค้ำขณะเดียวกัน แสงแดดด้านนอกกำลังส่องทะลุชั้นหมอกเจือจาง ส่งผลให้คนที่เดินตามท้องถนนรู้สึกอบอุ่น ไคลน์โบกรถม้า มุ่งหน้าไปยัง ‘สำนักงานจัดหาคนรับใช้ในครัวเรือนแห่งมหานคร’ ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคารหมายเลข 9 ถนนคานาโร่ เขตเชอร์วู้ด เพื่อจ้างพ่อบ้านมากประสบการณ์ จากนั้นก็ให้พ่อบ้านเลือกทีมคนรับใช้ประจำคฤหาสน์ตามใจตัวเองภายในสำนักงานจัดหาคนรับใช้ในครัวเรือน เบลินหยุดสนทนากับเพื่อนร่วมงานชายที่กำลังพูดคุยด้วย ลดศีรษะลงเพื่อจัดการกับชาดำสองหยดที่หกเลอะเดรสสีใบบัวของตนทันใดนั้น สุ้มเสียงอันนุ่มนวลและทรงเสน่ห์ดังขึ้นข้างใบหู“อรุณสวัสดิ์ มาดาม”เบลินรีบเงยหน้า มองตรงไปยังแผนกต้อนรับ เห็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งในวัยย่างสี่สิบ อีกฝ่ายสวมโค้ทผ้าไหม ถือไม้ค้ำเลี่ยมทอง และตรงกระดุมเม็ดที่สามจากด้านบน มีโซ่สีทองยื่นออกจากกระเป๋าเสื้อสุภาพบุรุษคนนี้มีดวงตาสีฟ้าเข้ม ใบหน้าหล่อเหลา ถึงจะมีผมสีขาวแซมก็ยังดูดี เพียงแค่อีกฝ่ายยิ้ม เบลินพลันรู้สึกได้ว่าใบหน้าของตนเริ่มร้อนผ่าว“ม…มิสเตอร์ มีอะไรให้ดิฉันช่วยหรือคะ? ไม่สิ ดิฉันต้องเรียกคุณว่าอย่างไร” เบลินรีบลุกขึ้นทักทาย“ดอน·ดันเตส” ไคลน์ยิ้มอ่อนโยน “ผมอยากจ้างพ่อบ้าน… ที่มีฝีมือ”“มิสเตอร์ดันเตส ช่วยรอสักครู่ค่ะ กรุณานั่งลงก่อน” เบลินนำทางไคลน์มายังโซนรับแขก ก่อนจะชี้นิ้วไปที่โซฟาผ้าไคลน์ยิ้มอ่อน ไม่แสดงออกว่ารีบ ไม่กล่าวคำใด นั่งลงอย่างอดทน รอให้เจ้าหน้าที่นำรายชื่อพ่อบ้านมาให้เลือกช่างเป็นสุภาพบุรุษ… แย่ล่ะสิ เกือบลืมไปแล้วว่าเขามาที่นี่ทำไม! เบลินยกมือขึ้นมาแตะแก้ม“มิสเตอร์ดันเตส คุณต้องการพ่อบ้านแบบไหนหรือ”ไคลน์มีคำตอบในใจ กล่าวด้วยเสียงทุ้มนุ่มนวล“ถ้าเคยรับใช้ตระกูลขุนนางมาก่อนจะดีมาก”สิ่งนี้จะช่วยให้ดอน·ดันเตสขยายแวดวงทางสังคมออกไปเบลินค่อยๆ ฟื้นฟูความเป็นมืออาชีพ พูดลงลึกรายละเอียด“พ่อบ้านประเภทนี้หายากมาก คุณคงทราบดี ตระกูลขุนนางแทบไม่มีการเปลี่ยนตัวพ่อบ้าน เว้นเสียแต่จะทำงานบกพร่อง แต่ถึงจะถูกปลดจากตำแหน่งพ่อบ้าน ทางตระกูลก็ยังมอบหมายให้ดูแลส่วนอื่น… นอกจากนั้น นักธุรกิจที่ร่ำรวยเองก็ต้องการตัวพ่อบ้านในลักษณะเดียวกัน แถมยังพร้อมจ่ายค่าแรงราคาสูง… มิสเตอร์ดันเตส ทางเรามีพ่อบ้านในแบบที่คุณต้องการก็จริง แต่เงินเดือนของพวกเขาจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปอนด์ต่อปี”หมายความว่า ค่าจ้างรายสัปดาห์จะตกที่เกือบสองปอนด์… เงินเดือนประจำปีของพ่อบ้านทั่วไปจะอยู่ที่สี่สิบถึงแปดสิบปอนด์เท่านั้น หรือเทียบเท่าสิบห้าซูลต่อสัปดาห์ และหนึ่งปอนด์สิบซูลต่อสัปดาห์ ตามลำดับ… อาจฟังดูเป็นรายได้ที่น้อยเท่าแรงงานชำนาญการ แต่ในกรณีของพ่อบ้าน ผู้จ้างวานต้องจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้ด้วย เช่นห้องพัก อาหาร เสื้อผ้า ฟืนทำความร้อน เป็นต้น ตัวพ่อบ้านแทบไม่มีค่าใช้จ่าย… ค่าจ้างรายปีที่สูงกว่าหนึ่งร้อยปอนด์จึงนับว่าแพงมาก… ไคลน์รีบคำนวณราคาในใจ ตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย“ไม่มีปัญหา ขอเพียงเขาสามารถจัดการทุกๆ สิ่งได้ดี”……………………………………………………
คอมเม้นต์