ราชันเร้นลับ 735 : สำรวจอีกครั้ง
ชารอนเงียบงันสองสามวินาที“ไว้ฉันจะช่วยถามให้”ตัวเธอเองก็ไม่เอาหรือ? นั่นสินะ ผลข้างเคียงของ ‘ตาชั่งโชคชะตา’ คงทำให้ใครหลายคนลังเล… แต่ขวดพิษชีวภาพนั้นเข้ากันได้ดีมากกับวิญญาณอาฆาต หากไม่ใช่เพราะเราร้อนเงิน และการพกติดตัวทำให้ป่วยไข้ได้ง่าย เราคงไม่ตัดใจขายทิ้ง… มันถือเป็นอาวุธที่มีประโยชน์มากสำหรับปฏิบัติการซุ่มโจมตี! ไคลน์พอจะเดาเจตนาของชารอนออก จึงเหน็บสร้อยคอเงินแท้และจี้เหรียญโบราณกลับเข้าไปในคอเสื้อชายหนุ่มถามหลังจากใคร่ครวญ“พลังที่ทำให้วัตถุไร้ชีวิตรอบๆ ตัวโจมตีเป้าหมายได้เอง เป็นของผู้วิเศษครึ่งเทพลำดับใดบนเส้นทางนักโทษ?”“หุ่นกระบอก” ชารอนตอบห้วนพลังของลำดับ 4 หุ่นกระบอก? เปลี่ยนตัวเองให้เป็นหุ่นกระบอกและควบคุมวัตถุไร้ชีวิตทั้งหมดภายในรัศมีรอบตัว? ถ้าอย่างนั้น หากพัฒนาลำดับขึ้นไปอีก จะมีพลังในการควบคุมสมบัติวิเศษของศัตรูด้วยไหม? ไคลน์พยักหน้ารับ“คุณรู้จักครึ่งเทพแบบนั้นบ้างไหม”ชายหนุ่มเริ่มอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับชายชราที่ทำร้ายตนในป่าด้านนอกเมืองบายัม“แจ็คส์” ชารอนเอ่ยชื่ออย่างใจเย็นอันที่จริง ผมอยากได้รายละเอียดมากกว่านี้… ไคลน์ย่อมทราบสไตล์การสนทนาของชารอน จึงทำเพียงยิ้ม“แล้วคุณรู้จักซัตทเวนไหม”นี่คือชื่ออาจารย์ของหัวหน้านิกายกายาสวรรค์บนเกาะโอลาวี“ครึ่งเทพที่กำลังตามล่าพวกเรา” ชารอนในสภาพคล้ายตุ๊กตา ตอบกลับโดยปราศจากอารมณ์หรือการปกปิดแจ็คส์สินะ… หมอนั่นเป็นคนแรกที่ทำให้เรารู้สึกว่า เก้าอี้ โต๊ะ และผ้าม่านรอบตัวพร้อมจะฆ่าเราได้ทุกเมื่อ… ช่างบังเอิญอะไรขนาดนี้… แต่ก็ทำให้เราได้ทราบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ถูกชักนำโดยใครบางคน… กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้แต่โรงเรียนกุหลาบที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ก็ยังถือครองครึ่งเทพไว้ไม่มาก… จำนวนใกล้เคียงกับชุมนุมแสงเหนือ ระดับนักบุญมีประมาณห้าคน เทวทูตสองถึงสาม และสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ก็สองถึงสามเช่นกัน… แน่นอน นี่เป็นเพราะการกวาดล้างอย่างหนักของเจ็ดโบสถ์หลัก บีบให้ฐานใหญ่ขององค์กรต้องซ่อนอยู่ในเกาะอาณานิคมห่างไกล หากเป็นในยุครุ่งเรือง พวกมันต้องถือครองพลังอำนาจมากกว่านี้แน่… ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ตั้งคำถาม“แล้วคุณรู้จักสมาชิกที่สามารถทำให้ภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือนได้ด้วยแขนข้างเดียวไหม?”ชายหนุ่มต้องการอธิบายลักษณะของแขนอย่างละเอียด แต่ลืมไปว่าตนเอาแต่หวาดกลัวจนไม่กล้ามองชารอนที่นั่งฟังอย่างเงียบงัน พลันดวงตาเบิกโพลงราวกับมีชีวิตกะทันหัน ถามด้วยเสียงกระจ่างใส“คุณไปเจออะไรมากันแน่?”ไม่มากเท่าไร… ก็มีนักบุญ เทวทูต เจ้าสมุทร ครึ่งเทพของชุมนุมแสงเหนือ สัตว์ประหลาดที่เป็นผลผลิตของนิกายวิญญาณ… ไคลน์จิกกัดตัวเองในใจ เผยรอยยิ้มจางๆ“ผมดันไปทำให้มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายไม่พอใจ จึงถูกโรงเรียนกุหลาบซุ่มโจมตี โชคดีที่อยู่ใกล้บายัม กองทัพและโบสถ์วายุสลาตันจึงเข้ามาพัวพันในเหตุการณ์ และเมื่อผมโยนวัตถุที่ปนเปื้อนกลิ่นอายของพระผู้สร้างแท้จริง กับวัตถุบางอย่างของนิกายวิญญาณไปยังใจกลางการปะทะ ความโกลาหลพลันก่อตัวขึ้นชั่วคราว ผมจึงฉวยโอกาสดังกล่าวหลบหนี”ชายหนุ่มเล่าความจริงทุกอย่าง เพียงปกปิดตัวตนของมิสผู้ส่งสารและมิสเตอร์อะซิก ในส่วนของพระผู้สร้างแท้จริง ชารอนเคยเห็นมาแล้วหลายครั้งว่าตนสามารถต้านทานอิทธิพลจากเสียงเพรียกได้ดีกว่าคนทั่วไป และมักฟื้นคืนสติกลับมาได้เร็วเสมอในยามคับขัน“มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย…” ชารอนพึมพำชื่อ ดวงตาสีฟ้าเผยความสั่นไหวทางอารมณ์ที่หาพบได้ยากไคลน์ไม่มีพลังในการถอดรหัสสีหน้าเหมือนกับ ‘ผู้ชม’ จึงไม่สามารถระบุอารมณ์ที่ถูกต้องของอีกฝ่าย ทราบเพียงรางๆ ว่าเธอค่อนข้างหวาดกลัวและขยะแขยงชารอนคืนสภาพปรกติอย่างรวดเร็ว กลายเป็น ‘ตุ๊กตา’ ที่สง่างามน่าหลงใหลหญิงสาวจ้องเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ฝั่งตรงข้าม“คุณโชคดีมาก… แถมยังลึกลับมากด้วย”ไคลน์ยิ้มโดยไม่กล่าวคำใด ไม่โกหก และไม่อธิบายชารอนไม่ซักไซ้ หันไปด้านข้างและพูด“ที่คุณได้เจอน่าจะเป็นเซียอา ท่านคือ ‘เทพหายนะ’ ที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อเก้าร้อยยี่สิบสองปีก่อน อ้างตนว่าเป็นบุตรแห่งเทพผู้ถูกล่าม ขณะเดียวกันก็เป็นผู้นำคนปัจจุบันของโรงเรียนกุหลาบ”บ้าน่า… แค่จะจัดการกับเรา โรงเรียนกุหลาบถึงกับต้องส่งผู้นำและครึ่งเทพมาด้วยตัวเอง… ทางนี้เป็นแค่ผู้วิเศษลำดับ 5 ตัวเล็กๆ เท่านั้น! ถ้าไม่ใช่เพราะ ‘แสงส้ม’ ฮิลลาเรี่ยนช่วยเตือนล่วงหน้า เกรงว่าเราคงถูกโรงเรียนกุหลาบจับตัวไปแล้ว… ไคลน์รู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้ง ถามโดยไม่หันไปมอง“เทพหายนะคือชื่อของลำดับที่เท่าไรบนเส้นทางนักโทษ? หนึ่งหรือสอง?”“ไม่แน่ใจ” ชารอนไม่ยืนยันทันใดนั้น โดยไม่รอไคลน์ตอบสนอง เธอเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา“ถนนวิลเลียมส์พังพินาศไปแล้ว”เมื่อได้ยินคำถาม ไคลน์เริ่มครุ่นคิดว่าตนควรตอบสนองอย่างไร ทำได้เพียงขมวดคิ้วเป็นเวลานาน“ฝีมือใคร ตอนไหน?”“เหยี่ยวราตรีและจิตแห่งจักรกล ผ่านมานานกว่าสองเดือนแล้ว” เห็นได้ชัดว่าชารอนสืบข้อมูลมาแล้วเสร็จสรรพไคลน์พยักหน้าขึงขัง ครุ่นคิดสักพักจึงกล่าว“บางที เราอาจมองข้ามบางสิ่งไป… วิญญาณมารตนนั้นไม่จำเป็นต้องรอให้เราไปช่วย แต่มันสามารถควบคุมบาโรเน็ตพาวน์ให้ลงมือทำอะไรบางอย่าง! เจ้านั่นอาจเป็นต้นตอที่คอยกระตุ้นความสนใจของเหยี่ยวราตรีและจิตแห่งจักรกล?” ไคลน์กึ่งเดากึ่งใช้เหตุผล น้ำเสียงขาดความมั่นใจชารอนพยักหน้า“บาโรเน็ตพาวน์เสียชีวิตอย่างกะทันหันหลังจากจบงานเลี้ยงหนึ่ง”นี่ก็เป็นแผนของมัน? สายเลือดสุดท้ายของอลิสต้า·ทูดอร์ถูกทำลายแล้ว? ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก“ตอนนี้สถานการณ์บนถนนวิลเลียมส์เป็นยังไงบ้าง”“กำลังมีการก่อสร้างอาคารสูง” ชารอนกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ตอนแรกยังมีคนคอยแอบสอดส่อง แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ลดลงจนตอนนี้ไม่เหลือแล้ว”ไคลน์ไตร่ตรองสองสามวินาที“คุณเคยลงไปสำรวจบ้างหรือยัง”ชารอนกวาดตาไปทั่วใบหน้าชายหนุ่ม“ยัง”หรือว่าเธอยังรักษา ‘กฎที่ไม่ถูกเขียนไว้’ ของพวกเรา? : ในเมื่อเจอด้วยกัน ก็ต้องสำรวจด้วยกันทุกครั้ง! ช่างเป็นสตรีที่มีจิตใจสูงส่ง… ฝ่าย ‘ระงับแรงปรารถนา’ ของโรงเรียนกุหลาบดีกว่าอีกฝั่งไม่รู้ตั้งกี่เท่า! ไคลน์ถามอย่างไม่แน่ใจ“จะไปกันเลยไหม?”“ดี” ชารอนไม่สงวนท่าทีไคลน์สั่งให้คนขับรถม้าเลี้ยวแยกหน้าทันที ตรงไปยังถนนวิลเลียมส์ที่ตั้งอยู่ระหว่างเขตราชินีและเขตตะวันตกระหว่างทาง ชายหนุ่มเล่าเรื่องที่ได้พบเจอในทะเลและประสบการณ์อื่นๆ ที่ไม่เปิดเผยความลับตัวเอง แม้ว่าชารอนจะไม่ตอบสนองมากนัก แต่กิริยาท่าทางก็ยังบ่งบอกว่าตั้งใจฟัง ค่อนไปทางสนใจฉากตรงหน้าทำให้ไคลน์หวนนึกถึงครั้งที่ได้พบมิสบอดี้การ์ด เธอกำลังนั่งบนเก้าอี้พนักสูงในกระจกมุขหน้าต่าง ใช้มือขวาเท้าแก้ม ตั้งใจฟังบทสนทนาของตนกับเอียน ทำตัวเป็นผู้ชมที่เก่งฉกาจรถม้าแล่นไปบนถนนอันเงียบสงัดโดยมีสายฝนโปรยปราย จนกระทั่งมาถึงถนนวิลเลียมส์ยังไม่ทันจะเข้าไปลึก ไคลน์และชารอนได้พบกับเขตก่อสร้างขนาดใหญ่ทั้งคู่อ้อมไปทางด้านหลังของตำแหน่งที่ตรงกับซากอาคารใต้ดิน จนกระทั่งเดินมาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีใบหนาแน่น ไคลน์หันไปกล่าวกับชารอนที่ตัวไม่เปียกฝนทั้งที่ไม่ได้ถือร่ม“เราจะลงไปจากตรงนี้”เม็ดฝนโปรยปรายทะลุผ่านเส้นผมสีทองและเรือนร่างของชารอนโดยไม่สัมผัสสิ่งใด เพียงกระทบกับพื้นดิน“ตกลง” ชารอนไม่ถามว่าเชอร์ล็อกจะลงไปด้วยวิธีใดไคลน์สอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ สลายกำแพงวิญญาณ เปิดกล่องบุหรี่โลหะทันใดนั้น ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นด้านข้างชายหนุ่ม เป็น ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีแดงเข้มและหมวกสามมุมทรงโบราณ“เขาจะลงไปแทนผม” ไคลน์พูดพลางยิ้มจากนั้น มันบังคับหุ่นเชิดอย่างใจเย็น‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลกดมือลงบนหน้าอก โค้งคำนับชารอน“สายัณห์สวัสดิ์ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับคุณ”ชารอนมองไปมาระหว่างเซนอลและไคลน์ โดยไม่กล่าวคำใด ร่างกายหญิงสาวดำดิ่งอย่างรวดเร็ว ลงไปในพื้นโคลนเปียกๆหืม… ดูเหมือนว่าชารอนจะเกลียดเซนอล… ไคลน์อมยิ้ม รีบเปลี่ยนให้พลเรือเอกโลหิตกลายเป็นวิญญาณอาฆาต ดำดิ่งตามลงไปสำหรับร่างหลัก ชายหนุ่มยืนหลบหลังต้นไม้ใหญ่ด้วยดวงตาที่ปิดลงครึ่งหนึ่ง เพ่งสมาธิควบคุมหุ่นเชิดอย่างตั้งใจ รอบตัวไม่มีใคร มีเพียงฝนตกปรอยๆ และแสงไฟสลัวจากถนนทีละเล็กละน้อย ไคลน์เริ่มสัมผัสความรู้สึกของนักเชิดหุ่นวิสัยทัศน์ของชายหนุ่มกับเซนอลซ้อนทับกัน เริ่มมองเห็นดินสีน้ำตาลเข้มและแมลงชอนไชตามซอกหินหลังจากผ่านสิ่งกีดขวางมากมาย ‘ไคลน์’ และชารอนมาถึงในจุดเดิมที่มีซากอาคารใต้ดิน สภาพค่อนข้างยับเยิน เสาหินหักโค่น หลายจุดเต็มไปด้วยดินและกรวด บางจุดหายไปโดยสมบูรณ์ฉากดังกล่าวทำให้ไคลน์เชื่อว่า เทวรูปของหกเทพคงถูกทำลายไปแล้วเรื่องที่โชคดีก็คือ ตำแหน่งปัจจุบันของ ‘ไคลน์’ และชารอนค่อนข้างใกล้กับห้องที่วิญญาณมารถูกผนึก กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในภารกิจสำรวจคราวนี้ ชายหนุ่มไม่ต้องกังวลว่าระยะการควบคุมหุ่นจะเกิดขีดจำกัดหนึ่งร้อยเมตรท่ามกลางกลิ่นดินและกลิ่นเหม็นเน่า ชารอนและหุ่นเชิดของไคลน์ รีบเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยอันตรายเมื่อคราวก่อน ทว่า ท่ามกลางกองกรวดและดิน ด้านในมีเพียงกองกระดูกจำนวนหนึ่งซึ่งสวมเสื้อผ้าอยู่ แต่ประกายแวววาวสีทองเข้มและสีน้ำเงินเข้มที่เคยพบในคราวก่อน ยามนี้อันตรธานหายไปอย่างสมบูรณ์ตะกอนพลังถูกเหยี่ยวราตรีหรือไม่ก็จิตแห่งจักรกลเก็บไป? ใบหน้าเซนอลกระตุกเล็กน้อย สะท้อนอารมณ์ปัจจุบันของไคลน์ชารอนหันไปมองในที่มืดพลางส่ายหน้า“พวกเขาไม่ได้ส่งคนเข้ามา… ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตเคยผ่านเข้าออกห้องนี้”นั่นสินะ… หากมีคนเคยเข้าออกห้องภายในครึ่งปี วิญญาณอาฆาตน่าจะสัมผัสถึงร่องรอยได้… นอกจากนั้น แถวนี้ยังไม่มีกลิ่นอายของครึ่งเทพจากจิตแห่งจักรกลและเหยี่ยวราตรีหลงเหลืออยู่… แล้วตะกอนพลังหายไปไหน? ไคลน์ขมวดคิ้ว สืบเนื่องให้เซนอลทำแบบเดียวกันแล้ววิญญาณมารตนนั้นล่ะ? ถูกจำกัดไปแล้ว? หรือหนีออกไปได้นานแล้ว? ยิ่งครุ่นคิด ไคลน์ก็ยิ่งตื่นตัวชายหนุ่มข่มอารมณ์ ปล่อยให้เซนอลลอยตามชารอนผ่านห้องที่เต็มไปด้วยดินและกรวด มาถึงจุดที่มีประตูเปื้อนเลือดตั้งเด่นตระหง่าน ปัจจุบันเหลือเพียงร่องรอยแค่ไม่กี่อย่างที่บ่งชี้ว่าอีกฝ่ายเคยมีตัวตนอยู่บินต่อไปอีกไม่กี่เมตร ชารอนและ ‘ไคลน์’ เข้าไปในห้องที่วิญญาณมารเคยถูกผนึกแม้แต่ที่นี่ก็ยังถูกทำลายและมีดินถล่มฝัง ไคลน์ใช้ร่างกายและดวงตาของเซนอลค้นหาเบาะแสขณะสำรวจรอบๆ“ตรงนี้น่าจะเคยเป็นตำแหน่งของเก้าอี้พนักสูงสีดำ” ชารอนหยุด ชี้ไปยังเศษไม้ระหว่างหินสองก้อนทันใดนั้น ไคลน์พลันจดจำฉากที่เคยเห็นในความฝันได้ ชายคนหนึ่งซึ่งสงสัยว่าจะเป็นเมดีซี กำลังนั่งบนเก้าอี้พนักสูงในสภาพศีรษะก้มต่ำ ราวกับเสียชีวิตไปแล้วชารอนไม่หยุดสำรวจ ลอยไปยังจุดที่มีดินหนาแน่นเพื่อมองหาร่องรอยอื่นๆ จนกระทั่งเปิดปากพูดอีกครั้ง“ตรงนี้ก็น่าจะมีเหมือนกัน”อีกหนึ่งตัว…? เก้าอี้พนักสูงสีดำตัวที่สอง? ‘ไคลน์’ ลอยตัวกลางอากาศด้วยสีหน้าตกตะลึง……………………………………………………..
คอมเม้นต์