ราชันเร้นลับ 733 : การกลับมา
ไม่ว่าจะสายฝนโปรยปราย กลุ่มหมอกเจือจาง ทิวแถวโคมไฟถนนที่กำลังมอบแสงสว่างอย่างยากลำบาก หรือกลุ่มรถม้าที่แล่นผ่านไปมาเป็นครั้งคราว ทั้งหมดคือฉากยามค่ำคืนที่พบเห็นได้บ่อยในกรุงเบ็คลันด์นอกจากสิ่งเหล่านี้ ไคลน์ผู้กำลังยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เริ่มสังเกตเห็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่น่ายินดีกริ๊ง กริ๊ง!ท่ามกลางเสียงอันคมชัดและกังวาน ยานพาหนะประหลาดที่มีเพียงสองล้อกำลังแล่นอยู่ริมถนน ก่อนจะหักเลี้ยวไปยังถนนอีกเส้น – โครงแกนกลางของยานพาหนะมีสีดำเข้ม แต่ส่วนอื่นเป็นโลหะสีเทาอมขาว สะท้อนแสงจากโคมไฟแก๊สบนถนนจนเกิดความแวววาวด้านบนของยานพาหนะชนิดนี้มีบุรุษสวมชุดพนักงานไปรษณีย์ ขาทั้งสองข้างกำลังหมุนเป็นวงกลมอย่างขยันขันแข็ง ด้านหลังมีกล่องไม้สีเขียวถูกมัดติดผลักดันกันเต็มที่เลยสินะ… ไคลน์ ผู้แต่งกายด้วยเชิ้ตสีขาวและเสื้อกั๊กสีดำในมาดหนุ่มใหญ่ เฝ้ามองฉากตรงหน้าพลางถอนหายใจเงียบเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกลับถึงเบ็คลันด์ ชายหนุ่มได้พบกับยานพาหนะแปลกๆ แต่คุ้นเคยจำนวนมาก – ไม่ใช่สิ่งใดนอกจาก ‘จักรยาน’ ที่ตนมีหุ้นส่วนและพยายามผลักดันอย่างเต็มที่!จากหนังสือพิมพ์ ไคลน์ได้ทราบว่าบริษัทจักรยานเบ็คลันด์ลงโฆษณามากมายในทุกวัน นอกจากนั้นยังมีการจัดแข่งจักรยานในเขตเชอร์วู้ดและย่านสะพานเบ็คลันด์เพื่อดึงดูดความสนใจ มีนโยบายส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้งาน ไม่ว่าจะไปรษณีย์ กรมตำรวจ หรืออื่นๆ โดยผลลัพธ์ออกมาน่าพึงพอใจมากกลยุทธ์การกำหนดราคายังเป็นไปตามคำแนะนำของไคลน์ หลีกเลี่ยงชนชั้นกลางและชั้นสูงที่มักใช้รถม้า กำหนดกลุ่มเป้าหมายหลักให้เป็นแรงงานฝีมือดีที่มีรายรับหนึ่งปอนด์สิบซูลต่อสัปดาห์ขึ้นไป รวมถึงนักเรียนเกรดดีและพนักงานของรัฐที่ต้องเดินทางบ่อย ราคาจึงตกอยู่ที่คันละสามถึงห้าปอนด์ สามารถซื้อได้ไม่ยากหากทนกระเบียดกระเสียรสักพัก ขณะเดียวกันก็ยังเป็นสิ่งที่สามารถใช้โอ้อวดกับคนรายได้ต่ำกว่าแต่ปัญหาตอนนี้ก็คือ เบ็คลันด์มีฝนตกบ่อยเกินไป นักปั่นไม่สามารถขับมือเดียวและถือร่มไปพร้อมกันได้… ลำดับถัดไปคงต้องเป็นเสื้อกันฝนสินะ… ไคลน์ถอนสายตากลับ ส่ายหน้าแผ่วเบาปัจจุบัน ชายหนุ่มอาศัยในโรงแรมหรูหราของเขตฮิลสตัน ราคาสิบซูลต่อหนึ่งคืน ค่อนข้างแพงสำหรับไคลน์ แต่เพื่อให้สอดคล้องกับบุคลิกของตัวตนใหม่ มันจำต้องกัดฟันทนตามความคิดของไคลน์ ดอน·ดันเตสคือเศรษฐีลึกลับที่มาจากอ่าวเดซีย์และศรัทธาในเทพธิดารัตติกาล ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับที่ดินและเหมืองแร่ หวังแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ภายในกรุงเบ็คลันด์ มีความสนใจที่จะบริจาคเงินเพื่อให้ได้รับบรรดาศักดิ์ขุนนาง แต่ในช่วงแรกยังไม่ได้มีเงินเหลือกินเหลือใช้ จำเป็นต้องขยายแวดวงทางสังคมและลงทุนทำกำไรเสียก่อนข้อดีของตัวตนนี้ก็คือ แตกต่างจากทุกบทบาทที่ไคลน์เคยสวมโดยสิ้นเชิง และยังสามารถเข้าถึงบุคคลในแวดวงชนชั้นกลางและชั้นสูงได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะคนในสโมสรนายทหารและบิชอปของโบสถ์รัตติกาลประจำกรุงเบ็คลันด์ ส่งผลให้ค่อนข้างสะดวกต่อการค้นหาความจริงเบื้องหลังโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน นอกจากนั้นยังมีโอกาสรวบรวมข้อมูล ร่างแผนขโมยสมุดบันทึกของตระกูลอันทีโกนัสด้านหลังประตูยานิสในมหาวิหารนักบุญแซมมวลแต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน เศรษฐีซึ่งมีปูมหลังเป็นปริศนาย่อมถูกจับตามองโดยเหยี่ยวราตรีและทูตพิพากษา ถูกขุดคุ้ยประวัติลึกไปถึงระดับหนึ่งจากประสบการณ์ของไคลน์ การสืบสวนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติมักถูกโยนให้หน่วยงานอื่นทำ เช่นกรมตำรวจสามัญ และการสืบสวนก็ไม่ค่อยเอาจริงเอาจังสักเท่าไร ทำเพียงผิวเผินพอเป็นพิธีดังนั้น ไคลน์ที่เชี่ยวชาญด้านการปลอมตัวจึง ‘ออกแบบ’ ความซับซ้อนของตัวละครชั้นที่สองให้ดอน·ดันเตส ไว้รับมือกับการถูกคุ้ยประวัติโดยเฉพาะในความซับซ้อนชั้นที่สอง ด้วยเหตุผลบางประการ ดอน·ดันเตสเป็นชายที่เคยเดินทางไปทั่วฝั่งตะวันตกและตะวันออกของจักรวรรดิไบลัมบนทวีปใต้ ดำรงชีวิตที่นั่นด้วยนามแฝงนานนับสิบปี แสวงหาโอกาสท่ามกลางอันตราย สั่งสมความมั่งคั่งเนื่องจากที่มาของเงินไม่ค่อยขาวสะอาด จึงแอบกลับไปที่อ่าวเดซีย์อย่างลับๆ ปลอมแปลงตัวตนใหม่ เตรียมเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเบ็คลันด์ และค่อยๆ เปลี่ยนให้ทรัพย์สินของตนเป็นสิ่งถูกกฎหมายบุคคลทำนองนี้มีอยู่มากในโลกเอ็น เป็นเรื่องราวที่ตำรวจสามารถยอมรับได้ และเพื่อให้ตัวตนในชั้นที่สองสมจริง ไคลน์ลงทุนสร้างเบาะแสปลอมๆ ที่ดูน่าสงสัยไว้ในเมืองคอนแนนท์ กระตุ้นให้ ‘ความจริง’ จอมปลอมถูกเปิดโปงโดยเร็วหนึ่งในเบาะแสก็คือ ต้นขั้วของตั๋วเรือเที่ยวจากไบลัมตะวันออกมายังเมืองคอนแนนท์ ทางตำรวจจะได้เริ่มสาวไปถึงเรื่องที่เคยอาศัยอยู่บนทวีปใต้ รวมถึงความร่ำรวยที่ไม่ทราบที่มาไคลน์เชื่อว่า ตราบเท่าที่ดอน·ดันเตสไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติครั้งใหญ่ การเตรียมตัวเพียงเท่านี้มากพอจะช่วยให้ตำรวจยุติการขุดคุ้ยประวัติลึกลงไปและถึงจะบังเอิญได้เจอกับผู้วิเศษทางการแสนขยัน ต้องการสืบสวนประวัติของตนลึกลงไป ทำถึงขั้นสอบถามข้อมูลจากพวกพ้องบนทวีปใต้ ดอน·ดันเตสยังมีตัวตนชั้นที่สามไว้คอยรองรับ – นักตุ้มตุ๋นที่มีพลังต่อต้านการทำนายและวางแผนปลอมตัวเป็นเศรษฐีลึกลับ ทุ่มเงินก้อนโตเพื่อหลอกลวงผู้คนครั้งสุดท้ายตัวตนนี้มากพอจะทำให้ดอน·ดันเตสคือบุคคลผิดกฎหมาย แต่ระดับความสนใจจะไม่สูงมาก ช่วยให้ไคลน์มีเวลาพอจะหนีอย่างเงียบเชียบ อันตรธานหายไปจากเวทีเมื่อเทียบกับการมาเยือนเบ็คลันด์ครั้งแรก เราเติบโตขึ้นมากที่คิดออกแบบตัวตนอันซับซ้อนเผื่อไว้ถึงสามชั้น… ไคลน์เดินไปยังใจกลางห้องอย่างไม่รีบร้อน จ้องกระจกยาวเต็มตัวตรงมุมในกระจกเงา ผมสีดำของชายหนุ่มมีสีขาวแซมเล็กน้อย ดวงตาลุ่มลึก อัดแน่นด้วยประสบการณ์อันหลากหลาย เป็นชายวัยกลางคนที่มีมาดหนุ่มใหญ่รสนิยมดีสำหรับไคลน์ การออกแบบตัวตนที่มีมิติสูงอย่างดอน·ดันเตสไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ยากกว่าคือการขโมยสมุดบันทึกอันทีโกนัสจากประตูยานิสของวิหารนักบุญแซมมวล ภารกิจดังกล่าวใกล้เคียงคำว่าเป็นไปไม่ได้ แทบไม่มีโอกาสสำเร็จไม่ว่าจะเป็นผู้วิเศษคนใดอย่างไรก็ตาม แตกต่างจากผู้วิเศษคนอื่น ไคลน์มีข้อได้เปรียบสองเรื่อง หนึ่งคือการที่เคยสังกัดเหยี่ยวราตรีมาก่อน ทราบเกี่ยวกับกระบวนการภายใน และทราบว่าจะใช้ประโยชน์จากจุดใดได้บ้าง ดังนั้น อันดับแรกจึงต้องตัดทิ้งแผนการปลอมตัวเป็นเหยี่ยวราตรีเพื่อแฝงตัวเข้าไปขโมยของวิธีนี้มีข้อเสียใหญ่อยู่หนึ่งเรื่อง เหยี่ยวราตรีไม่สามารถผ่านเข้าออกประตูยานิสได้ตามใจชอบ แม้แต่หัวหน้าหน่วยหรืออาวุโสก็ทำไม่ได้… ต้องรอให้เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น จึงจะมีสิทธิ์เบิกใช้งานสมบัติปิดผนึก และนอกจากนั้น ด้านหลังประตูยานิสยังมี ‘ผู้คุม’ คอยลาดตระเวน หากเดินเข้าไปส่งเดชอาจทำให้เกิดการปะทะโดยไม่จำเป็น – ไคลน์ไม่อยากให้แผนจารกรรมของตนลงเอยด้วยการมีสาวกเทพธิดาบาดเจ็บล้มตายหลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ชายหนุ่มเลือกเป้าหมายเป็น ‘ผู้คุม’ ด้านในชายชราเหล่านั้นเกษียณแล้ว เป็นอาสาสมัครที่รับงานดูแลสมบัติปิดผนึกด้านหลังประตูยานิสโดยเฉพาะ มาจากคนละหน่วยกับเหยี่ยวราตรี เข้าออกผ่านทางอุโมงค์ใต้วิหาร ไม่เคยแทรกแซงการทำงานของเหยี่ยวราตรี และไม่เคยถูกเหยี่ยวราตรีแทรกแซงอาจเพราะอยู่หลังประตูยานิสเป็นเวลานาน ผู้คุมด้านในจึงมีเอกลักษณ์หนึ่งที่เหมือนกัน – ออร่ารอบตัวเย็นเยียบ ไร้อารมณ์ ผิวพรรณซีดเผือด คล้ายกับสัตว์ประหลาดในเงามืดที่ยืนอยู่ระหว่างความเป็นและความตาย ไคลน์เชื่อว่าขอเพียงได้พบตัวเป็นๆ สักครั้ง ตนสามารถระบุเป้าหมายได้ไม่ยากแผนการขั้นแรกคือ เช่าบ้านใกล้กับวิหารนักบุญแซมมวลในย่านทิศเหนือ จ้างพ่อบ้าน บุรุษรับใช้ แม่บ้าน คนสวน พ่อครัว และคนขับรถม้าเพื่อแสดงความร่ำรวย จากนั้นก็แวะไปที่วิหารบ่อยๆ เพื่อสวดวิงวอนถึงเทพธิดา เข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนา บริจาคเงิน ทำความคุ้นเคยกับบิชอปและนักบวชระหว่างนั้น ชายหนุ่มจะลองค้นหาว่าใครคือ ‘ผู้คุม’ เลือกเป้าหมายมาสักสองสามคน สังเกตวิถีชีวิตประจำวัน รอโอกาสที่เหมาะสม จับหนึ่งในนั้นมาคุมขังและแปลงโฉมสวมรอยแทน หรือไม่ก็สิงร่างโดยตรง เดินผ่านประตูยานิสเข้าไปเปิดอ่านหรือไม่ก็ขโมยสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสนี่เป็นเพียงแผนการอย่างหยาบ เรียกว่าแนวคิดคงจะเหมาะกว่า อาจมีการปรับเปลี่ยนตามข้อมูลที่ไคลน์รวบรวมได้ย้อนกลับมาที่อีกหนึ่งข้อได้เปรียบ ไคลน์มีชุมนุมทาโรต์อยู่เบื้องหลัง มีตัวช่วยที่โบสถ์รัตติกาลและเหยี่ยวราตรีคาดไม่ถึง และยังสามารถชักชวนเหยี่ยวราตรีหรือ ‘ผู้คุม’ ของมุขมณฑลเบ็คลันด์มาเข้าร่วมชุมนุมเพิ่ม จากนั้นก็ให้ผู้ทรยศรายนี้ทำการขโมยของออกมา เช่นเดียวกับซาราธที่ใช้จักรพรรดิโรซายล์ขโมยสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสเราต้องแวะไปที่วิหารบ่อยๆ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นจึงจะหาเป้าหมายพบ… ไคลน์หันไปทางกระจก พยักหน้ากับตัวเองคงต้องบอกว่า ชายหนุ่มกำลังเกิดความขัดแย้งภายในใจ เพราะหากมี ‘ผู้คุม’ คนใดทรยศต่อเทพธิดาและหันมารับใช้มิสเตอร์ฟูลจริง ไคลน์รู้สึกว่าตนต้องลงโทษคนผู้นั้นสถานหนัก กำจัดไอ้พวกนกสองหัวกลับกลอกให้สิ้นซาก!หายใจออกหนึ่งครั้ง ไคลน์หัวเราะกับตัวเอง สวมโค้ทยาวกระดุมสองแถว สวมหมวก เดินออกจากห้องพักมายังถนนในสภาพถือร่ม ชายหนุ่มเดินอ้อมไปยังถนนอีกเส้น ฉวยโอกาสในจุดที่โคมไฟถนนอยู่ไกล ท่ามกลางฝนตกปรอย รีบเปลี่ยนไปใช้รูปลักษณ์ของเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ก้มมองกางเกงที่มีรอยยับเล็กๆ ไคลน์เหยียดแขนออกไปโบกรถม้า เดินทางไปยังบ้านของไอเซนการ์ด·สแตนธอนในย่านฮิลสตันราวครึ่งชั่วโมงถัดมา อาคารเก่าที่ค่อนข้างหม่นหมองปรากฏในสายตาไคลน์ชายหนุ่มจ่ายค่าโดยสารเป็นเงินสองซูล จากนั้น ท่ามกลางละอองฝนที่สะท้อนแสงสลัว เดินอ้อมแอ่งน้ำขังอย่างใจเย็น มาหยุดยืนหน้าประตูบ้านนักสืบเก็บร่มเสร็จ ไคลน์เอื้อมมือสั่นกระดิ่งและรอสักพัก จนกระทั่งเห็นบุรุษหน้าบานเปิดประตูออกมาผมสีเดียวกับข้าวสาลี ดวงตาสีฟ้าอมเทา แก้มโหนกนูน เป็นลักษณะเด่นของชาวลุนเบิร์กหรือไม่ก็มาซินผู้ช่วยคนใหม่ของไอเซนการ์ด? คนของโบสถ์ปัญญาความรู้? ไคลน์ถอดหมวกและยิ้ม“สายัณห์สวัสดิ์ มิสเตอร์ไอเซนการ์ด·สแตนธอนอยู่ที่นี่ไหม?”“อยู่ครับ… หลังกลับมาจากวันที่วุ่นวาย เขาเพิ่งรับประทานอาหารเสร็จ” บุรุษผมสีข้าวสาลีตอบอย่างสุภาพ “ขอถามได้ไหมว่าคุณเป็นใคร”ไคลน์ยิ้ม“บอกกับคุณนักสืบไปว่า เพื่อนของเขากลับจากการพักร้อนแล้ว”ชายคนดังกล่าวผงะ โพล่งขึ้นทันที“มิสเตอร์เชอร์ล็อก·โมเรียตี้?”…………………………………
คอมเม้นต์