ราชันเร้นลับ 730 : จัดการกับภัยคุกคามซ่อนเร้น
บนภูเขานอกบายัม ผืนป่าทั้งหมดล้วนไร้ชีวิตชีวา หลายจุดถูกฝังกลบโดยผาหินที่ถล่มลงมาชายวัยกลางคนตัวใหญ่กำยำ ผมสีน้ำเงินเข้ม สวมเสื้อคลุมนักบวชวายุสลาตัน กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ จ้องมองลงมาด้วยแววตาเผยความโกรธโดยไม่ปิดบังไม่ใช่ใครนอกจากพระคาร์ดินัลแห่งโบสถ์วายุสลาตัน อาร์ชบิชอปแห่งน่านน้ำหมู่เกาะรอสต์ อาวุโสลำดับสูงของทูตพิพากษา ‘เจ้าสมุทร’ แยนน์·ค็อตแมนจนกระทั่งตอนนี้ ภาพการต่อสู้เมื่อครู่ยังคงชัดเจนในใจค็อตแมน จดจำได้แม่นยำว่าใครหลบหนีด้วยวิธีใดบ้างเทวทูตแห่งโรงเรียนกุหลาบใช้พลังหรือวิธีการบางอย่าง ส่งการโจมตีมาจากระยะไกล แต่ดูเหมือนจะไม่บรรลุจุดประสงค์ ภายหลังได้พาตัวพวกพ้องที่บาดเจ็บหนีกลับไปอย่างไม่ยากเย็น และแน่นอน ไม่มีใครอยากให้ ‘ท่าน’ อยู่ที่นี่ต่อ เว้นเสียแต่สัตว์ประหลาดตนหนึ่งซึ่งโผล่มาจากไหนไม่มีใครทราบ แยนน์·ค็อตแมนยังคงไม่ลืม เมื่อเทวทูตดึงแขนกลับ บนผิวหนังสีเข้มมีขนนกสีขาวปกคลุมประปราย ไม่ว่าจะบนกะโหลกและดวงตาที่นูนยืน รวมถึงอีกหลายจุดที่ยากจะจินตนาการถึง อันที่จริง ความเสียหายควรจะมากกว่านี้ แต่ครึ่งเทพของโรงเรียนกุหลาบสามารถหลบถุงมือที่มีกลิ่นอายของพระผู้สร้างแท้จริงพ้น ขณะเดียวกันก็ออกแรงเล็กน้อยเพื่อบดขยี้นกหวีดทองแดงธรรมดาๆ ที่ถูกขว้างมาหลังจากสิ่งมีชีวิตวิญญาณพิสดารตนหนึ่งเข้ามาพัวพันกับเทวทูตของโรงเรียนกุหลาบได้สักพัก ตัวตนดังกล่าวได้หนีเข้าไปในส่วนลึกของโลกวิญญาณ แยนน์·ค็อตแมนจึงจนปัญญาจะไล่ตามส่วนนักบุญของชุมนุมแสงเหนือที่เปิดประตูมิติออกมา ตัดสินใจไม่เข้าร่วมการต่อสู้ เพียงเฝ้ามองอย่างสนใจอยู่พักใหญ่ จึงค่อยหยิบถุงมือที่ปนเปื้อนกลิ่นอายของพระผู้สร้างแท้จริงขึ้นมา เปิดประตูมิติกลับไปก่อนที่สงครามจะปิดฉากสัตว์ประหลาดที่โผล่มาจากนกหวีดทองแดงมีรูปร่างไม่ตายตัว ราวกับเป็น ‘วิวัฒนาการ’ ของความตาย ทำตัวเหมือนกับหมอกขนนกสีขาวที่เปื้อนคราบน้ำมันสีเหลือง แต่เป้าหมายของมันชัดเจนมาก คือการโจมตีใส่เทวทูตของโรงเรียนกุหลาบ เมื่อเห็นคู่ต่อสู้หนีไป สัตว์ประหลาดขนนกก็หายตัวไปจากจุดเกิดเหตุ คล้ายกับพยายามไล่ตามเป้าหมาย แต่ถึงอย่างนั้น แยนน์·ค็อตแมนที่เพิ่งบินมาถึงจุดเกิดเหตุพร้อมกับสมบัติปิดผนึก กลับรู้สึกอึดอัดเหนือคำบรรยาย คล้ายกับตัวมันกำลังเดินเข้าใกล้ความตายเข้าไปทุกขณะบุคคลหนึ่งเดียวที่ไม่ใช่ครึ่งเทพได้หลบหนีไปก่อนที่แยนน์·ค็อตแมนจะมาถึง หายตัวไปจากบริเวณรอบๆ และหาไม่พบอีกเลยอย่างไรก็ตาม แยนน์·ค็อตแมนทราบดีว่าชายคนนั้นเป็นใครนักผจญภัยผู้สามารถสังหารลำดับ 5 ‘ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย’ ปัจจุบันกำลังโด่งดังจนเอกสารข้อมูลของชายคนนี้ถูกนำมาวางบนโต๊ะทำงานของ ‘เจ้าสมุทร’ !แม้จะเป็นเอกสารที่ไม่สำคัญมาก แต่แยนน์·ค็อตแมนที่อยู่บนเส้นทาง ‘นักเดินเรือ’ สามารถจดจำเนื้อหาได้แม่นยำชำเลืองไปทางหน้าผา มองลงไปยังจุดที่คลื่นซัดสาดเข้าหาเกาะ เจ้าสมุทรพึมพำด้วยเสียงต่ำ“เกอร์มัน·สแปร์โรว์!”…บนเกาะร้างที่มิอาจระบุตำแหน่ง เงาสะท้อนของไคลน์และอะซิกปรากฏขึ้นริมชายหาดขณะไคลน์เตรียมกล่าวบางสิ่ง ดวงตาสีน้ำตาลของอะซิก ชายผิวแทนผู้สวมสูทสุภาพและหมวกกลมทรงสูง พลันมืดลงกะทันหัน คล้ายกำลังเชื่อมต่อเข้ากับโลกอันมืดมิดและไร้ชีวิตชีวาอะซิกใช้มือขวาคว้าอากาศ ส่งผลให้ขนนกสีขาวบนร่างไคลน์ลอยออกไปรวมกันที่ฝ่ามือของอีกฝ่ายเพียงบีบเบาๆ ขนนกประหลาดเหล่านี้พลันอันตรธานหาย ราวกับกลายเป็นอาหารของโลกที่ไร้ชีวิตชีวา“มิสเตอร์อะซิก ขนนกพวกนี้เกิดจากการเป่านกหวีดของนิกายวิญญาณ!” ไคลน์เปิดประเด็นด้วยข้อเท็จจริงเบื้องต้น ก่อนจะลงลึกรายละเอียด “สถานการณ์ค่อนข้างวิกฤติ ผมจึงทำให้โกลาหลยิ่งกว่าเดิมด้วยการเป่านกหวีดทองแดง มอบขนนกเปื้อนคราบน้ำมันให้กับผู้ส่งสาร หลังจากนั้นไม่นาน คล้ายกับรอบตัวผมถูกปกคลุมด้วยโลกแห่งความตาย ถึงจะรีบหนีออกจากจุดดังกล่าวโดยเร็ว แต่ก็ยังมีขนนกสีขาวติดตามร่างกาย”อะซิกที่มีใบหน้าอ่อนโยนผงกศีรษะรับ“แม้แต่ผมที่อยู่ไกลก็ยังสัมผัสได้… อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้วิเศษลำดับสูงธรรมดา แต่สงสัยว่าจะเป็นผลผลิตจากโครงการมรณาเทียมของพวกนิกายวิญญาณ”แบบนี้นี่เอง… ก็เลยมีพลังมากพอที่จะตรึงเทวทูตของโรงเรียนกุหลาบไว้ได้นาน? ไคลน์ครุ่นคิดด้วยความยินดีอะซิกกวาดตาไปรอบตัว กล่าวต่อ“ผมยังมีงานอื่นต้องไปทำ สิ่งนั้นจะช่วยฟื้นฟูความทรงจำกลับมาอีกมาก… หากสะสางเสร็จเมื่อไร ผมจะกลับมาหาคุณทันที ให้คุณช่วยพาไปรับแหวนที่เป็นมรดกของเทพมรณา ลางสังหรณ์บอกกับผมว่า ในอนาคตอาจต้องไปเยือนทวีปใต้หรือไม่ก็ทะเลคลั่ง… ผมขอแนะนำให้คุณหนีไปที่เมืองใหญ่อย่างเบ็คลันด์หรือไม่ก็ทรีอาร์ หากเป็นสถานที่เหล่านั้น โรงเรียนกุหลาบจะลงมือได้ไม่สะดวก ไม่กล้าทำตามอำเภอใจ… แน่นอน ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการหนีไปอยู่ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของโบสถ์หลัก เช่นเกาะปาซู แต่นั่นก็จะมาพร้อมความวุ่นวายในด้านอื่นๆ”ประโยคสุดท้ายของอะซิกเป็นเพียงมุกตลก เฉกเช่นที่สุภาพบุรุษชาวโลเอ็นชอบทำ ดูเหมือนว่าประสบการณ์ในชีวิตปัจจุบันจะสร้างความประทับใจให้ชายคนนี้ไม่น้อย ทั้งที่ฟื้นฟูความทรงจำเก่ากลับมาพอสมควรแล้ว แต่ก็ยังหลงเหลือเอกลักษณ์ของตัวตนปัจจุบันหืม… ในกรณีของผู้วิเศษที่อายุยืนยาวนับพันปี ช่วงเวลาหลายสิบปีนั้นแทบไม่ส่งผลต่อจิตใจ แต่ถ้าเป็นการเริ่มต้นจากภาวะความจำเสื่อม ช่วงเวลาเพียงยี่สิบสามสิบปีก็มากพอจะเกิดเป็นบุคลิกใหม่… ไว้ความทรงจำของมิสเตอร์อะซิกฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์เมื่อไร ค่อยมาดูว่าเขาจะกลายเป็นคนหลายบุคลิกจากความทรงจำสั้นๆ หลายช่วงหรือไม่… เป็นคำถามที่ยากจะหาคำตอบ คงต้องปรึกษามิสจัสติสไว้ล่วงหน้า เธอจะได้มีเวลาไปปรึกษากับสมาคมแปรจิต… ขณะไคลน์ครุ่นคิด เมื่อเห็นว่ามิสเตอร์อะซิกไม่ถามถึงเหตุผลที่ถูกโรงเรียนกุหลาบไล่ล่า ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก“มิสเตอร์อะซิก คุณมีข้อมูลของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายบ้างไหม”อะซิกส่ายหน้า“ก่อนจะได้อ่านจดหมายของคุณ ผมไม่เคยทราบด้วยซ้ำว่าท่านผู้นี้มีตัวตนอยู่”ไม่รู้จักมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย? ไคลน์ผงะ ถามต่อ“แล้วเทพผู้ถูกล่าม?”อะซิกส่ายหน้าอีกครั้ง ถอนหายใจและยิ้ม“ในสมัยโบราณ ท่านหรือพวกท่านอาจใช้นามอื่น”นั่นสินะ… ในช่วงปลายยุคสมัยที่สี่ มิสเตอร์อะซิกเริ่มเข้าสู่วังวนความจำเสื่อมและฟื้นฟู ต้อง ‘เตร็ดเตร่’ บนทวีปเหนือเป็นเวลานาน ส่วนโรงเรียนกุหลาบเพิ่งถือกำเนิดขึ้นบนทวีปใต้ในช่วงต้นยุคสมัยที่ห้า… ไคลน์พยักหน้ารับ ไม่ถามสิ่งใดเพิ่มเติม และเนื่องจากอะซิกจะค่อนข้างยุ่ง จึงทำเพียงมอบคำแนะนำเล็กน้อยก่อนจะพาไคลน์ท่องโลกวิญญาณ มาส่งที่ชายฝั่งตะวันออกสักแห่งของทวีปเหนือ ทิ้งไว้บนชายหาดเมื่อเห็นอะซิกจากไป ไคลน์ยืนมองน้ำทะเลที่กระทบเข้าฝั่งสักพัก จึงค่อยเดินไปยังเมืองใกล้เคียงอย่างไม่รีบร้อน เมื่อเห็นว่ามีถ้ำร้าง ชายหนุ่มตัดสินใจเข้าไปตั้งแท่นบูชาเรียบง่าย สร้างกำแพงวิญญาณ สังเวยยุบพองหิวโหย ลูกโม่ลางมรณะ นกหวีดทองแดงอะซิก การเดินทางของกรอซาย และดินที่เปื้อนเลือดเซนอลเข้าไปในมิติเหนือหมอกสีเทาจากนั้น ไคลน์ถอยหลังสี่ก้าว ส่งตัวเข้าไปในมิติลึกลับดังกล่าว นั่งบนเก้าอี้เดอะฟูลพร้อมกับเสกขวดโลหะเนื่องจากถูกเก็บรักษาไว้บนมิติหมอก เลือดในขวดจึงไม่แข็งตัว ไคลน์ที่สวมถุงมือและยัดสิ่งของอื่นๆ เข้าไปในร่างวิญญาณ ทำการป้ายเลือดตัวเองลงบนปก ‘การเดินทางของกรอซาย’ สองสามหยดหืม… ทั้งที่มีตัวละครใหม่เข้าร่วม แต่ทำไมถึงไม่เริ่มเรื่องใหม่ด้วยชื่อใหม่? ไคลน์มองปกหนังสือเล่มเล็กที่ยังไม่เปลี่ยนชื่อ ตั้งคำถามกับตัวเองในใจแต่ยังไม่ทันจะได้คำตอบ ทัศนียภาพพลันพร่ามัว คล้ายกับรอบๆ ตัวเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตโปร่งใสเพียงไม่นาน ฉากตรงหน้าคมชัดอย่างรวดเร็ว ไคลน์พบว่าตัวเองกำลังนั่งบนเก้าอี้ยาวริมถนนนี่คือจุดเดิมก่อนออกไประบบช่วยบันทึกการอ่านล่าสุด? ไคลน์รำพันติดตลก นำดินที่เปื้อนเลือดเซนอลออกมาถือ หักกิ่งไม้เพื่อใช้เป็นแท่งทำนายเมื่อได้ผลลัพธ์ ชายหนุ่มเดินออกนอกเมือง เข้าไปในป่าใกล้ๆ ริมลำธารและพบพลเรือเอกโลหิตที่ยังนอนหมดสติสภาพคล้ายกับผ่านมาแล้วสิบนาทีหลังจากการต่อสู้ครั้งล่าสุด!บาดแผลเหวอะหวะบริเวณลำคอและหน้าอกเซนอลฟื้นตัวขึ้นมาก เป็นระดับความทนทายาดที่ไม่เหมือนมนุษย์เลยสักนิดอีกราวสิบห้าถึงสามสิบนาที พลเรือเอกโลหิตจะได้สติกลับมา และอีกราวหนึ่งถึงสองชั่วโมง มันจะกลับมาเคลื่อนไหวได้ตามปรกตินี่คือพลังของ ‘ซอมบี้’ ลำดับก่อนหน้า ‘วิญญาณอาฆาต’ !อันที่จริง นายยังมีโอกาสถูกเทวทูตและครึ่งเทพของโรงเรียนกุหลาบพาตัวกลับไป แต่เลือดดันบังเอิญกระเซ็นใส่การเดินทางของกรอซาย ส่งผลให้ถูกขังอยู่ในหนังสือเล่มนี้ มีเวลาเหลือเฟือให้ฉันเชือดนิ่มๆ … แต่เรื่องดีก็คือ นายไม่ต้องโดนลูกหลงตายที่นั่น… ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่… ไคลน์พึมพำพลางเก็บรายละเอียด มือข้างหนึ่งถือลางมรณะ อีกข้างหนึ่งจับคอเซนอลและปลดสร้อยคอที่ทำจากเงินแท้จี้ที่ห้อยอยู่กับสร้อยมีลักษณะคล้ายเหรียญโบราณ ด้านหน้าและด้านหลังปกคลุมไปด้วยลวดลายและสัญลักษณ์ลึกลับ นอกจากนั้นยังสลักถ้อยคำภาษาเฮอร์มิสโบราณ“เจ้าจะโชคร้ายเท่าที่เจ้าโชคดี”นี่คือสมบัติวิเศษช่วยเสริมดวงของพลเรือเอกโลหิต? น่าเสียดาย แม้แต่ครึ่งเทพก็มิอาจทำให้เราโชคดีขึ้นได้ การนำมาใช้เองคงไม่เกิดประโยชน์… ขายเป็นเงินดีไหม? ไม่สิ ควรถามมิสผู้ส่งสารดูก่อน ว่าสามารถใช้สิ่งนี้ชำระหนี้ได้ไหม… ไคลน์เก็บสร้อยคอ วางไว้บนก้อนหินด้านข้างมันกังวลว่าจะได้รับผลข้างเคียงเชิงลบขณะถืออยู่กับตัว ส่งผลให้แผนการขั้นถัดไปเกิดอุบัติเหตุถัดมา ไคลน์เพ่งสมาธิ เข้าควบคุมด้ายวิญญาณของพลเรือเอกโลหิตชายหนุ่มต้องการสร้างหุ่นเชิดที่ใช้งานได้นานๆ เป็นตัวแรก เพื่อสรุปกฎการสวมบทบาทของ ‘นักเชิดหุ่น’นอกจากนั้น ไม่มีหุ่นเชิดตัวไหนจะพกพาสะดวกสบายไปกว่า ‘วิญญาณอาฆาต’ อีกแล้ว!หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาทีเพียงสิบวินาที ไคลน์เข้าควบคุมขั้นต้นสำเร็จสัมผัสวิญญาณของเซนอลตระหนักถึงอันตรายที่เกิดกับร่างกาย จึงแสดงการขัดขืนเล็กๆ แต่เนื่องจากอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและความคิดอ่านเชื่องช้า จึงหมดสิทธิ์ตอบโต้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านไปสักพัก เมื่อครบสี่นาที ไคลน์ถอนหายใจอย่างไม่ปิดบังพร้อมกันนั้น ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลลืมตาขึ้น ลุกยืนและเผชิญหน้ากับไคลน์ เลื่อนมือขึ้นมาทาบหน้าอกและโค้งคำนับนอบน้อม“อรุณสวัสดิ์นายท่าน จะให้ผมรับใช้อะไรดีครับ”……………………………………………..
คอมเม้นต์