ราชันเร้นลับ 723 : วันนี้ก็ได้ทำความดีอีกแล้ว
ผ่านไปสักพัก ไคลน์ลูบหน้าผากพลางข่มสติ ตระหนักว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับตนชายหนุ่มไม่มีแรงจูงใจให้เข้าไปพัวพัน กองทัพโลเอ็นจะพบตัวทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีนหรือไม่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร ตนไม่ได้รู้สึกผูกพันกับอาณาจักรโลเอ็นสักเท่าไร สิ่งที่เคยทำในอดีตมีจุดประสงค์เพียงเพื่อขับเคลื่อนวิถีชีวิตมนุษย์ให้ดีขึ้น ป้องกันไม่ให้พลเมืองตายไปอย่างไร้ค่า หากเป็นไปได้ก็อยากผลักดันสังคมให้เดินไปข้างหน้า ชนชั้นรากหญ้าจะได้มีชีวิตแบบคนปรกติเสียทีคิดไม่ถึงว่าเราจะกลายเป็นนักสิทธิมนุษยชนหลังจากเดินทางข้ามโลก… ไคลน์หัวเราะ เตรียมส่งตัวเองกลับโลกจริงเพื่อหลับพักผ่อน ปล่อยให้ความโกลาหลด้านนอกเป็นไปตามครรลองแต่ทันใดนั้น มุมสายตาชำเลืองไปเห็นวัตถุที่ใหญ่ที่สุดในกองขยะ – เครื่องรับโทรเลขไร้สายจริงสิ… ฝ่ายใดกำลังควบคุมตัวทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีนอยู่? ถ้าเป็น ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตก็ไม่น่ากังวล เธอยึดถือหลักการ ‘ทำอะไรก็ได้แต่ไม่เดือดร้อนใคร’ อย่างเคร่งครัด คงไม่ทำในสิ่งเลวร้าย…แต่ถ้าเป็นโรงเรียนกุหลาบที่อยู่เบื้องหลังพลเรือเอกโลหิต นั่นคงไม่ใช่เรื่องดี พวกมันพยายามกวาดล้างฝ่าย ‘ระงับความกระหาย’ ขององค์กรอย่างป่าเถื่อน แถมยังนับถือ ‘เทพผู้ถูกล่าม’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ พวกนี้ชั่วช้าไม่ต่างจากชุมนุมแสงเหนือ หากได้ครอบครองเทคโนโลยีล้ำยุค เกรงว่าอาจจะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่… ไคลน์ยกเลิกการนำพลังวิญญาณมาห่อหุ้มร่างกาย ใช้ปลายนิ้วเคาะขอบโต๊ะทองแดงยาวเพียงไม่นาน ชายหนุ่มผุดไอเดียใหม่ นั่นคือการนำเครื่องรับโทรเลขไร้สายกลับไปยังโลกความจริง ปรับไปยังย่านความถี่หนึ่ง ดักฟังโทรเลขจากเครือข่ายของพลเรือเอกโลหิต จากนั้นก็ใช้สมุดถอดรหัสแปลความหมายชาวเมืองทุกคนถูกสอบปากคำแบบปูพรม ต้องเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและสำคัญมาก… หากพวกมันควบคุมตัวเฮลโมซีนอยู่จริง มีโอกาสสูงที่จะเกิดการส่งโทรเลข… ด้วยวิธีการติดต่อดังกล่าว ทั้งสภาเมือง กองทัพโลเอ็น หรือกระทั่งโบสถ์วายุสลาตัน ล้วนไม่มีใครครอบครองเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากพอ ถือเป็นช่องทางที่ปลอดภัย… ลำพังการตายของเฒ่าควินน์อาจไม่ถึงกับทำให้พวกมันเปลี่ยนย่านความถี่และรูปแบบการถอดรหัส… คุ้มค่าที่จะลองเสี่ยง… ตัดสินใจได้ ไคลน์ไม่รีรอ รีบกลับโลกความจริง เตรียมพิธีกรรมรับมอบหลังจากนำเครื่องรับโทรเลขมาไว้ในห้อง ชายหนุ่มไม่รีบร้อนเปิดใช้งาน เพียงนำกริชเงินสำหรับประกอบพิธีกรรมมาสร้างกำแพงวิญญาณ ผนึกห้องอย่างมิดชิดทำเช่นนี้ก็เพื่อขจัด ‘ออร่า’ ของหมอกสีเทา!สำหรับชายหนุ่ม การระบุฝั่งที่กำลังควบคุมเฮลโมซีนไม่ใช่เรื่องยาก แค่ปล่อยให้เครื่องรับโทรเลขเจือกลิ่นอายของสายหมอก เชื่อมต่อกับ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสและถามในสิ่งที่อยากรู้ แต่ปัญหาคือ การถามตอบครั้งล่าสุดเพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน หากกลิ่นอายของหมอกสีเทาปรากฏบ่อยครั้ง เกรงว่าเทพมารอย่างพระผู้สร้างแท้จริงและแม่มดบรรพกาลจะสัมผัสถึงไคลน์ตัดสินใจไม่ประมาท พึ่งพาเฉพาะความสามารถของตัวเองราวเจ็ดแปดนาทีถัดมา หลังจากสัมผัสได้ว่า ‘ออร่า’ เลือนหายไปจนหมด ชายหนุ่มปลดกำแพงวิญญาณ เปิดใช้งานเครื่องรับโทรเลขเพื่อดักฟังผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ คลื่นความถี่ที่ตั้งไว้เริ่มมีการตอบสนอง!ไคลน์ข่มความยินดี รีบจำข้อความและเปิดคู่มือการถอดรหัสซึ่งสร้างจากเทคนิคทำนาย จากนั้นก็ถอดความหมายเพียงไม่นาน มันเขียนประโยคหนึ่งลงบนแผ่นกระดาษ“อาคารหมายเลข 32 ถนนพริกไทยดำ เจ็ดโมงเช้า”เป็นอย่างที่คิด… ฝ่ายพลเรือเอกโลหิตกำลังควบคุมเฮลโมซีน ในหมู่พวกมันน่าจะมีบุคคลทรงพลังของโรงเรียนกุหลาบอยู่เบื้องหลัง… ไคลน์สรุปสมมติฐานข้อสรุปนี้ไม่ได้มาจากเนื้อหาโทรเลข แต่การ ‘ได้รับ’ โทรเลขต่างหากที่เป็นเครื่องยืนยันหากเฮลโมซีนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพลเรือเอกโลหิต คืนนี้ตนคงไม่บังเอิญได้รับโทรเลขที่เกี่ยวกับถนนเส้นหนึ่งในบายัม!เนื้อหาของโทรเลขหมายถึง ให้ไปพบกันที่อาคารหมายเลข 32 ของถนนพริกไทยดำก่อนเจ็ดโมงเช้าวันพรุ่งนี้? หรือโอเดลและเฮลโมซีนกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น จึงแจ้งตำแหน่งตัวเองให้พลเรือเอกโลหิต? ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ตัดสินใจส่งตัวเองกลับมิติหมอก นำข้อมูลมาวิเคราะห์และเขียนประโยคทำนาย“ตำแหน่งปัจจุบันของทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีน”มือหนึ่งถือกระดาษ หลังเอนพิงพนัก ไคลน์พึมพำประโยคทำนายและส่งตัวเองเข้าสู่ความฝันด้วยการเข้าฌานท่ามกลางโลกมายาสีเทา ชายหนุ่มเห็นโถงใต้ดินที่มีโคมตะเกียงผนังจำนวนมากภายในโถงมีเครื่องจักรซับซ้อนขนาดใหญ่ ด้านในประกอบด้วยกระบอกทองแดง คันโยก คาน และเฟืองจำนวนมาก กินเนื้อที่ราวหนึ่งในสามของห้องโถงชายชราร่างกายผมบาง ผมสีขาวรุงรัง สวมชุดคลุมตัวหนา กำลังเดินวนเวียนไปมาด้านหน้าเครื่องจักร โยนลูกอมใส่ปากและเคี้ยวเสียงดัง“ไม่ได้… มันไม่ควรถูกเรียกว่าเครื่องหาผลต่าง เด็กที่น่ารักคนนี้สามารถคำนวณและหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง… ใช่แล้ว ชื่อของมันต้องเป็น ‘เครื่องคำนวณ’ !” ชายชราพูดกับตัวเอง จนกระทั่ง ‘หน้าจอ’ ไคลน์เลื่อนขึ้นจากห้องใต้ดิน ฉายภาพรวมของตัวงอาคารด้านบนอาคารสามชั้นขนาดเล็กแห่งนี้คือคฤหาสน์ที่มีสวนและสนามหญ้า ด้านนอกมีป้ายเลขที่บ้านเขียนไว้ว่า :“32 ถนนพริกไทยดำ” !เป็นที่นี่จริงๆ … ไคลน์ลืมตา ถอนหายใจแผ่วจากนั้น ชายหนุ่มเริ่มพบปัญหาในแผนการขั้นถัดไปนักวิทยาศาสตร์ไม่มีประโยชน์กับเรา รังแต่จะสร้างปัญหา และเราก็ไม่สามารถเก็บเขาไว้ในมิติหมอก… ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือเอง… ทำยังไงดี… แจ้งข่าวให้กองทัพโลเอ็นหรือโบสถ์วายุ? การทำแบบนี้จะช่วยตัดกำลังโรงเรียนกุหลาบได้มาก แต่ต้องไม่ลืมว่า ในกองทัพมีคนที่อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์ การที่เฮลโมซีนตกไปอยู่ในมือพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน… ทางด้านโบสถ์วายุสลาตันเองก็มีเชื่อเสียงในด้านไม่ดีนัก ปฏิการจู่โจมอาจทำให้เฮลโมซีนได้เข้าเฝ้าเทพที่เขาศรัทธา… ไคลน์ไตร่ตรองอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ผุดแนวคิดใหม่ที่บ้าบิ่นประกาศตำแหน่งของทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีนออกสู่สาธารณะ ทางกองทัพหรือโบสถ์จะได้ไม่กล้าแย่งชิงตัวไปเก็บไว้คนเดียว!ความสมดุลคือกุญแจ… ไคลน์ยิ้มพลางพึมพำ เสกคทาเทพสมุทรด้วยการกวักมือในอดีต หากไคลน์ต้องการกระจายข่าว วิธีเดียวคือการแอบติดใบปลิวทั่วเมือง แต่สำหรับปัจจุบัน มันมีวิธีที่สะดวกและได้ประสิทธิภาพมากกว่านั้น!เลือกสาวกที่เพิ่งสวดวิงวอนมาคนหนึ่ง ไคลน์ซูมภาพออก มองเห็นทัศนียภาพรอบจุดดังกล่าวไกลถึงห้ากิโลเมตรจากนั้น ชายหนุ่มใช้คทาเทพสมุทรควบคุมลมในละแวกใกล้เคียง!เพ่งสมาธิสักพัก ไคลน์ถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปในฉาก ดัดเสียงให้ทุ้มต่ำและกล่าว“เฮลโมซีนอยู่ที่อาคารหมายเลข 32 ถนนพริกไทยดำ!”ฟ้าว!ภายในบายัม สายลมกระโชกพัดผ่านทุกซอกมุม มาพร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่น่าเกรงขาม“เฮลโมซีนอยู่ที่อาคารหมายเลข 32 ถนนพริกไทยดำ!”“เฮลโมซีนอยู่ที่อาคารหมายเลข 32 ถนนพริกไทยดำ!”…เสียงดังกล่าวแพร่กระจายทั่วบายัมอย่างรวดเร็ว คล้ายกับการส่งเสียงตามสายไปรอบเมืองในเวลาเดียวกัน ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดลกำลังสวมเสื้อคลุมหัว แสร้งปลอมตัวเป็นเฮลโมซีน ซ่อนตัวอยู่ในย่านสลัมของชาวเลือดผสม โผล่ตัวออกมาเป็นครั้งคราว หลอกล่อให้คนของ MI9 และกรมตำรวจหลงทางแต่ทันใดนั้น สายลมกระโชกพัดผ่าน เสียงหนึ่งดังแว่ว“เฮลโมซีนอยู่ที่อาคารหมายเลข 32 ถนนพริกไทยดำ!”อะไรกัน…? ขณะเสียงกังวาน สีหน้าโอเดลพลันชะงัก เสียหลักตกหลังคาจนเกือบได้รับบาดเจ็บหนักณ ด้านหลังมหาวิหารคลื่นสมุทร ภายในอาคารเล็กๆ ใกล้กับสภาเมือง แยนน์·ค็อตแมนและโรเบิร์ต·เดวีส์ได้ยินเสียงจากสายลมก่อนใครท่าทีตอบสนองแรกคือการแหงนหน้ามองท้องฟ้า จากนั้นก็หันไปยังทิศทางของถนนพริกไทยดำหลังจาก ‘ส่งเสียงตามสาย’ เสร็จ ไคลน์โยนคทาเทพสมุทรเข้าไปในกองขยะอย่างอารมณ์ดี กลับมายังโลกความจริงชายหนุ่มไม่รีบร้อนที่จะนำเครื่องรับโทรเลขขึ้นมิติหมอก รอดักฟังการส่งข้อความครั้งถัดไปด้วยแผนการนี้ ต่อให้บุคคลทรงพลังของโรงเรียนกุหลาบกำลังซ่อนตัวอยู่ในเมืองบายัมจริง มันก็คงไม่กล้าโผล่หัว… หึหึ ไม่อย่างนั้น ชะตากรรมเดียวของมันคือการ ‘มอบตัว’ กับอาณาจักร! น่าเสียดายที่เราไม่ชอบเขียนไดอารีเหมือนจักรพรรดิ ไม่อย่างนั้นคงบันทึกลงไปว่า : วันนี้ก็ได้ทำความดีอีกแล้ว! ไคลน์ถอนหายใจ ถอดเสื้อโค้ทและกลับไปนอน ไม่สนใจว่าด้านนอกจะเกิดอะไรขึ้น เพราะไม่ใช่เรื่องของตนอยู่แล้วหลับไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ชายหนุ่มตื่นขึ้นกะทันหัน นั่งลงบนเตียงพร้อมกับได้ยินเสียงเคาะประตูห้องใครอีก? เคาะประตูในยามวิกาล… ตอนนี้เราคือจอห์น·ยอร์ด… ไคลน์สวมยุบพองหิวโหย หยิบลางมรณะจากใต้หมอนและเดินตรงมายังประตูภาพของผู้มาเยือนปรากฏในใจ เป็นชายผมสีเทารุงรัง สวมแจ็คเก็ตผ้าฝ่าย โค้ทขนสัตว์ กำลังโยนลูกอมสีน้ำตาลใส่ปากทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีน!เชี่ย! หมอนั่นมาหาเราทำไม? เราเป็นแค่คนธรรมดานามว่าจอห์น·ยอร์ด! นอกจากนั้น เขาหนีรอดจากการไล่ล่าของเหล่าครึ่งเทพได้ยังไง? ไคลน์อยากตอบกลับไปว่า คุณเคาะประตูผิดห้องแล้ว แต่สุดท้ายก็กลืนคำ เพียงถามกลับไป“คุณกำลังมองหาใคร”เฮลโมซีนหัวเราะแหบพร่า“ข้าสังเกตเห็นเจ้าตั้งแต่ในผับสาหร่ายทะเลแล้ว แต่ตอนนั้นไม่มีโอกาสได้พูดคุย… ฮะฮะ! ชีวิตของข้าใกล้ถึงจุดจบแล้ว จึงมีหลายสิ่งให้ขบคิดก่อนตาย… ได้โปรดให้ข้าแนะนำตัวเอง… เจ้าสามารถเรียกข้าว่า ‘แสงส้ม’ ฮิลลาเรี่ยน”‘แสงส้ม’ ฮิลลาเรี่ยน? ไคลน์ผงะในตอนแรก ก่อนจะถามกลับอย่างเคลือบแคลง“แล้วคุณต้องการอะไร”เฮลโมซีนหัวเราะ“ข้ามาที่นี่เพื่อเตือนให้เจ้าระวังมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย!”มันเว้นวรรค“เอาล่ะ ข้าต้องไปแล้ว ถึงเวลาตายและกลับสู่โลกวิญญาณ…”“…”“เจ้ามีศัตรูแถวนี้ไหม”“ถามทำไม?” ไคลน์ถามกลับอย่างสับสนเฮลโมซีนกระแอม“ข้าจะไปตายหน้าประตูห้องของเจ้านั่นให้ ไม่มีวิธีการแก้แค้นใดได้ผลกว่านี้แล้ว”……………………………………….
คอมเม้นต์