ราชันเร้นลับ 713 : สามคำถาม
กุกกัก กุกกัก กระดาษมายาสีขาวแผ่นหนึ่งถูกพ่นออกจากเครื่องรับโทรเลขไร้สาย ด้านบนมีข้อความภาษาโลเอ็นเขียนไว้“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนของท่าน อาโรเดส ในที่สุดก็ไล่ตามท่านทันแล้ว!”ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเชียว? อา… ทักษะการประจบประแจงของ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสยังยอดเยี่ยมเช่นเคย ไม่ได้ตัดพ้อในเรื่องที่ต้องห่างเหินกัน และไม่ได้ถามว่าทำไมเราถึงไม่เรียกหาเป็นเวลานาน เพียงตำหนิตัวเองที่ชักช้าและใช้เวลานานกว่าจะไล่ตามเราทัน… รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังประมาทไม่ได้… ไคลน์หมดคำจะกล่าวไปชั่วขณะอาโรเดสไม่รีรอ ใช้เครื่องรับโทรเลขวาด ‘ใบหน้าครุ่นคิด’ ลงบนกระดาษมายาสีขาว“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณ ข้ารับใช้ของท่านสัมผัสได้ว่า ท่านเข้าใกล้การกลับไปครองบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์อีกขั้นแล้วใช่ไหม?”กระจกบานนี้วิวัฒนาการเร็วมาก เริ่มใช้สัญลักษณ์ ‘อีโมจิ’ ซึ่งเป็นต้นแบบที่นำไปสู่การสร้าง ‘อีโมติค่อน’ … ในสายตาอาโรเดส เราคือเทพที่กำลังค้นหาตัวเองและค่อยๆ ฟื้นคืนพลังกลับมา? และนั่นคือเหตุผลที่ว่า แม้ว่าเราจะอยู่แค่ลำดับ 5 แต่อาโรเดสกลับแสดงท่าทีนอบน้อมยิ่งกว่าเดิม? ไคลน์ยังไม่ลืมหลักการถามตอบของกระจกวิเศษ จึงผงกศีรษะรับ“ถูกต้อง”“นายท่านตอบคำถามไปแล้ว เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ท่านสามารถถามอะไรก็ได้กับข้า” อาโรเดส ‘พิมพ์’ ตอบกลับอย่างรวดเร็ว และไม่ลืมที่จะแนบ ‘หน้ายิ้ม’ ต่อท้ายไคลน์ไม่ลังเล ถามเข้าประเด็น“ข้าจะหาสูตรโอสถ ‘จอมเวทพิสดาร’ ได้จากที่ไหน”ใช้เวลาสักพักกว่าแผ่นกระดาษสีขาวจะถูกพ่นออกมา คราวนี้เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ซับซ้อน ก่อนที่กระดาษแผ่นดังกล่าวจะแปรสภาพเป็นผิวกระจกมายา ฉายให้เห็นฉากเคลื่อนไหวอันสมจริงเป็นฉากของราชวังอันมืดมิด ปราศจากแหล่งกำเนิดแสงตามธรรมชาติ ด้านในมีบางสิ่งขนาดมหึมากำลังยุบพองตัว ภาพคลุมเครือจนยากจะจำแนก คล้ายกับภาพวาดดินสอที่ถูกลบด้วยยางลบ ไม่มีทางมองเห็นรายละเอียดที่คมชัดอย่างไรก็ตาม ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดส แนบข้อความไว้ด้านล่างสุด“นี่คือซาราธที่เกิดคลุ้มคลั่งขณะพยายามเลื่อนเป็นลำดับ 1 ‘บริวารเร้นลับ’ จนกลายเป็นสัตว์ประหลาด แต่นายท่านห้ามประมาทเด็ดขาด ชายคนนี้เจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างหาที่สุดมิได้ บางที การตกอยู่ในสภาพนี้อาจเกิดขึ้นเพราะจงใจ… ห้ามจ้องซาราธโดยตรงเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะเจ็บปวด และเหนือสิ่งอื่น ยกเว้นซาราธ นายท่านจะไม่มีทางได้รับสูตรโอสถจากครึ่งเทพคนใดในลัทธิเร้นลับ เนื่องจากซาราธเป็นคนจัดหาโอสถครึ่งเทพให้แก่ทุกคน และแทบไม่มีทางใช้เทคนิคทำนายแบบย้อนกลับ”ตอบได้ดีและละเอียดมาก แถมยังบอกด้วยว่า ลำดับ 1 ของเส้นทางนักทำนายคือ ‘บริวารเร้นลับ’ … หมายถึงการเป็นเทวทูตที่คอยรับใช้ความลับ? ดูเหมือนว่า หากเลือกใช้วิธีเข้าหาลัทธิเร้นลับ การเผชิญหน้าซาราธคือหนทางเดียวที่จะได้สูตรโอสถ และเราไม่สามารถจ้องมองอีกฝ่ายได้โดยตรง… เข้าใจแล้วว่าทำไม ‘อสรพิษแห่งชะตา’ วิล·อัสตินถึงบอกเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับซาราธผู้เสียสติ ไม่กล่าวถึงสมาชิกลัทธิเร้นลับคนอื่น… ไคลน์ค่อนข้างประทับใจกับคำตอบของอาโรเดส หากไม่ใช่เพราะตระหนักว่าตนยังมีพลังมากไม่พอที่จะควบคุมสมบัติปิดผนึกแสนอันตราย ชายหนุ่มคงปรารถนากระจกบานนี้อย่างมากท่ามกลางเสียงพิมพ์ที่คมชัด กระดาษสีขาวมายาโผล่ออกมาอีกหนึ่งแผ่น เผยฉากสมจริงที่แตกต่างไปจากเดิมคราวนี้เป็นภูเขาสูงตระหง่าน ด้านบนมีซากปรักหักพังของราชวัง สามารถมองเห็นบัลลังก์หินขนาดมหึมาได้อย่างเลือนรางไคลน์คุ้นเคยกับภาพนี้เป็นอย่างมาก ไม่ต้องให้ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสอธิบาย ก็ทราบได้ทันทีว่าหมายถึงสิ่งใดสมบัติของตระกูลอันทีโกนัสที่ซ่อนอยู่บนยอดเขาโฮนาซิส!กระดาษสีขาวยังคงถูกคายออกมาเพิ่ม ด้านบนเป็นฉากใหม่ คราวนี้ใช้เทคนิคเปลี่ยนมุมกล้องเหมือนกับภาพยนตร์สิ่งแรกที่สะดุดตาไคลน์คือหอระฆังสไตล์โกธิกสูงตระหง่าน รอบข้างมีราชวังอันงดงามรายล้อมระฆังหมายถึง ‘ระฆังประกาศิต’ และวังหมายถึง ‘วังโซเดอร์แล็ค’ อันโด่งดังในเบ็คลันด์ฉากตรงหน้าผันเปลี่ยน เพียงไม่นานก็กลายเป็นภาพอาคารหลังใหม่บนกระดาษสีขาว คราวนี้เป็นวิหารสีดำสนิท ด้านบนมีหอระฆังที่สมมาตรกันสองแห่งภาพขยายเข้าไปทีละนิด เผยให้เห็นการตกแต่งภายใน จนกระทั่งหยุดลงที่บานประตูสีดำในห้องใต้ดินบานประตูดูหนักจนผิดธรรมชาติ สลักตราศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดจำนวนเจ็ดแห่ง คล้ายกับคอยปิดกั้นเส้นทางเข้าสู่สวรรค์มืด“ประตูยานิส… มหาวิหารนักบุญแซมมวล…” ไคลน์ยังคงไม่ลืมบานประตูที่คุ้นเคย และเมื่อพิจารณาจากเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม สถานที่ในภาพเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากสำนักงานใหญ่ของโบสถ์รัตติกาลประจำมุขมณฑลกรุงเบ็คลันด์ มหาวิหารนักบุญแซมมวล!กระดาษสีขาวแผ่นใหม่ถูกคายออก ฉากเหตุการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง หนนี้เป็นภาพของห้องมืด โดยบนชั้นหนังสืออันว่างเปล่าซึ่งประกอบขึ้นจากโครงกระดูก มีสมุดบันทึกเล่มหนึ่งวางอยู่อย่างเงียบงัน ปกทำจากกระดาษแข็ง ถูกย้อมให้เป็นสีดำไคลน์จดจำสมุดเล่มนี้ได้ทันทีสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสที่ทำให้ ‘ไคลน์’ เจ้าของร่างต้องตาย!หลังจากต่างฝ่ายต่างแยกย้าย ชะตากรรมมีอันต้องวกกลับมาที่จุดเดิมอีกครั้ง!ไคลน์เฝ้ามองอย่างเงียบงัน ไม่กล่าวคำใด รอจนกระทั่งภาพหายไป จึงค่อยหาข้อสรุปให้ตัวเองนั่นสินะ… สมาชิกของชุมนุมแสงเหนือเคยเห็นสูตรโอสถ ‘ตัวตลก’ จากสมุดบันทึกเล่มนี้… แต่ปัจจุบัน ในเมื่อเราถูกสมุดบันทึกยอมรับ เนื้อหาคงเปลี่ยนไปถ้าได้อ่านอีกครั้ง อาจมีสูตรโอสถ ‘จอมเวทพิสดาร’ เขียนไว้ ขาดเพียงวัตถุดิบหลักหรือตะกอนพลัง…หมายความว่า สมุดบันทึกอันทีโกนัสถูกผนึกไว้หลังประตูยานิสในโบสถ์นักบุญแซมมวล… การจะขโมยออกมา ระดับความยากคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเผชิญหน้ากับซาราธร่างสัตว์ประหลาด… ย้อนกลับไปเมื่อครั้งโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน โบสถ์รัตติกาลส่งผู้วิเศษที่เก่งกาจจำนวนมากออกปฏิบัติการ… หลังจากเราแจ้งข่าวให้มิสจัสติสทราบได้ไม่นาน ปัญหาก็ถูกพวกเขาสะสางอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของโบสถ์รัตติกาลประจำมุขมณฑลเบ็คลันด์ พวกเขาเพียบพร้อมทั้งครึ่งเทพและสมบัติปิดผนึก… เข้าใจแล้ว ก่อนอื่นคงต้องกลับไปที่เบ็คลันด์ก่อน ตรวจสอบหาความเป็นไปได้ในการลงมือ… ว่ากันตามตรง เราเองก็ไม่อยากไปเยือนยอดเขาโฮนาซิสสักเท่าไร…หลังจากความคิดมากมายแล่นผ่าน ไคลน์จ้องเครื่องรับโทรเลขไร้สาย“เมื่อคืน ใครคือครึ่งเทพที่ซ่อนอยู่บนเรือของ ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์”เสียงกุกกักดังอย่างขยันขันแข็งอีกครั้ง กระดาษมายาสีขาวตรงหน้าหายไป แผ่นใหม่ถูกพ่นออกมาแทนที่เนื้อหาบนกระดาษยังคงเป็นฉากเหตุการณ์ฉากหลังเป็นโคมไฟหรูหราที่ทำจากทองเหลือง เทียนไขห้าเล่มกำลังเปล่งแสงพร้อมกับมอบความอบอุ่น ชายวัยกลางคนสวมหมวกทรงสามเหลี่ยมและผ้าปิดตาหนึ่งข้างสีดำ กำลังยืนหน้าตู้เก็บไวน์ซึ่งเต็มไปด้วยแชมเปญและเหล้าหมัก สายตาจ้องไปยังบุคคลฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทีนอบน้อมฝั่งตรงข้ามคือชายร่างใหญ่ในชุดคลุมสีดำ ใบหน้าถูกซ่อนอย่างมิดชิดภายใต้ผ้าคลุมศีรษะบุคคลดังกล่าวคล้ายกับไม่มีหัว ช่วงลำคอดูราวกับเป็นความมืดมิดที่บิดเบี้ยวอาศัยความทรงจำเกี่ยวกับใบประกาศจับ ไคลน์นึกออกทันทีว่าชายตาเดียวคือ ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์ เส้นผมของมันทั้งกระเซอะกระเซิงและมันเยิ้ม ปิดลงมาถึงต้นคอฝั่งตรงข้ามคงเป็นครึ่งเทพ… แต่อีกฝ่ายจงใจปกปิดตัวตน แถมยังมีการใช้เทคนิคต่อต้านการถูกทำนายถึง… น่าทึ่งมากที่อาโรเดสยังสามารถจำลองฉากนี้ได้… ไคลน์ไม่ผิดหวัง เนื่องจากยังพอจะได้เบาะแสเกี่ยวกับเค้าโครงร่างกายของอีกฝ่ายสูงกว่า 1.85 เมตร แต่น้อยกว่า 1.9 เมตร… แขนยาวกว่าปรกติเล็กน้อย มือห้อยเกือบถึงหัวเข่า… ไหล่กว้างจนเสื้อคลุมตึง… ขาทั้งสองข้างโก่งพอสมควร…ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้วยการปลอมตัว ไคลน์เชื่อว่านี่คือขนาดร่างกายที่แท้จริงของอีกฝ่าย เพราะผู้วิเศษที่ลงทุนใช้เทคนิคต่อต้านการทำนายหลายต่อหลายชั้น คงไม่มัวเสียเวลากับการดัดแปลงสัดส่วนร่างกาย โดยเฉพาะคนที่ไม่มีจุดเด่นสะดุดตาดังนั้น นี่อาจเป็นเบาะแสสำคัญในอนาคต ช่วยให้ไคลน์สามารถจำแนกความคุ้นเคยเมื่อเห็นอีกฝ่าย!“ทำได้ดี ถึงตาเจ้าถามแล้ว” หลังจากนึกขึ้นได้ ไคลน์หยุดมองภาพ รอฟังคำถามของ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสอย่างสนใจมันกำลังสงสัยว่า อีกฝ่ายคิดจะถามสิ่งใด และเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายหรือไม่!กุกกัก กุกกัก การพิมพ์ในคราวนี้ค่อนข้างเชื่องช้า เผยให้เห็นความลังเลชัดเจน จนกระทั่งผ่านไปสักพัก กระดาษมายาสีขาวค่อยๆ ถูกพ่นออกจากเครื่องรับโทรเลขไร้สาย“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข…ข้าขอพูดอะไรสักคำได้ไหม”“เชิญ” ไคลน์ตอบด้วยสีหน้าเจือความประหลาดใจ รอฟังคำพูดถัดไปของอาโรเดสเสียงกุกกักดังเร็วขึ้น เปี่ยมด้วยความกระตือรือร้นชัดเจนบนแผ่นกระดาษมายาสีขาว ข้อความบรรทัดแล้วบรรทัดเล่าปรากฏขึ้น“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ สุขสันต์วันเกิด!”“นี่อาจเป็นการอวยพรที่ล่าช้าไปสักนิด ร่างปัจจุบันของนายท่านเกิดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 1327 ข้าต้องการเป็นคนแรกที่อวยพรท่านตอนเที่ยงคืนตรงของวันดังกล่าว แต่น่าเสียดายที่ตามหาตัวนายท่านไม่พบ”เหนือความคาดหมาย… แม้แต่เรายังลืมตัวเกิดตัวเองไปแล้ว… มุมปากไคลน์กระตุกเล็กน้อย หมดคำจะกล่าวความทรงจำเก่าจาก ‘ไคลน์’ เจ้าของร่างยังคงอยู่ครบ รวมถึงเศษเสี้ยวอารมณ์บางส่วน กับแค่วันเกิดย่อมต้องทราบ แต่หลังจากต้องชีวิตตามลำพังเป็นเวลานาน ใครมันจะไปจำเรื่องแบบนี้?อาโรเดสคือคนแรกที่อวยพรวันเกิดเรา… ตอนนี้เบ็นสันกับเมลิสซ่าคงพยายามกันอย่างหนัก… การสอบสัมภาษณ์จบลงแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ เบ็นสันจะสอบติดข้าราชการไหม… ไคลน์ถอนหายใจ มองไปทางเครื่องรับโทรเลขด้วยสายตาอ่อนโยนครุ่นคิดสักพัก ชายหนุ่มถามสุขุม“คำถามที่สาม… ต้นกำเนิดของเจ้า”เสียงการพิมพ์หยุดลงราวสองวินาที จากนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้งกระดาษสีข่าวถูกพ่นออกมาพร้อมกับฉากเหตุการณ์ใหม่ของเหลวเหนียวข้นสีดำจำนวนมหาศาล กำลังล้นทะลักออกจากรูบนพื้นดินและไหลไปทุกทิศทางอย่างส่งเดช แขนขามากมายงอกเงยขึ้นจากพื้นสีดำ กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด วิ่งกรูไปข้างหน้าระหว่างนั้น จุดแสงหนึ่งถูกพ่นออกจากบ่อของเหลวหนืดสีดำ ตกลงบนก้อนหิน ผสานกันเป็นเนื้อเดียว ก่อนจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นกระจกเงาสีเงินทรงโบราณ กึ่งกลางทั้งสองด้านมีอัญมณีสีดำประดับตกแต่งฉากพิสดารพวกนี้หมายถึงอะไร… นี่คือต้นกำเนิดของอาโรเดส? อะไรคือจุดแสง? แล้วมาจากไหน? ดูคล้ายกับตะกอนพลังอยู่เหมือนกัน… ไคลน์เริ่มตีความเสียงพิมพ์ยังไม่หยุด พ่นคำออกมาอีกหนึ่งบรรทัด“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ยังมีคำถามอื่นอีกหรือไม่”หลังจากคำนวณเวลา ไคลน์ส่ายหน้าและกล่าว“หมดแล้ว”“นายท่านตอบครบทุกคำถามแล้วเช่นกัน คงถึงเวลาที่ข้าต้องขอตัว… นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ปกครองสูงสุดแห่งโลกวิญญาณ ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนของท่าน อาโรเดส รอวันที่จะได้รับใช้และติดตามนายท่านอีกครั้ง บ๊ายบาย~” บนกระดาษมายาสีขาว บรรทัดสุดท้ายคือภาพการโบกมืออำลา
คอมเม้นต์