ราชันเร้นลับ 712 : อัลเจอร์ผู้ภักดี
ขณะฝันทองคำแล่นออกจากพายุ แสงจันทร์สีแดงสดกำลังสาดส่องผ่านชั้นเมฆบาง พรั่งพรูเข้ามาในห้องมืดที่ปราศจากแสงเทียนเดนิสยืนแน่นิ่งข้างเตียง คล้ายกับถูกเล่นงานด้วยพลังพิเศษบางอย่างที่เหมือนกับดวงตาเมดูซ่ามันขบกรามแน่น แข้งขาสั่นระริกเล็กน้อยอย่างมิอาจควบคุม ภายในใจยังคงหวนนึกถึงสายหมอกสีเทาและสายตาที่จ้องลงมาราวกับกำลังดูแคลนทุกสิ่ง ถ้อยคำ ‘นามของเรา จงเอ่ยแค่ภายในใจ’ ดังกังวานซ้ำแล้วซ้ำเล่า“มีการตอบสนอง… เป็นการตอบสนองของจริง!” ริมฝีปากเดนิสสั่นระริก แต่ไม่กล่าวคำใดต่อ รู้สึกเพียงว่า กำลังวังชาของตนเริ่มหดหายนี่เป็นครั้งแรกที่คำสวดวิงวอนมีการตอบสนอง!ร่างกายสั่นสะท้านราวกับวิญญาณกำลังจะหลุดลอย!แม้จะทราบอยู่ก่อนแล้วว่า เดอะฟูลคือตัวตนลึกลับผู้เป็นศาสดาขององค์กรที่หนุนหลังเกอร์มัน·สแปร์โรว์ หากเอ่ยนามเต็มออกไป หลังจากนี้ห้ามกระทำเรื่องเสื่อมเสีย ดูหมิ่น หรือทรยศอีกฝ่ายโดยเด็ดขาด เพราะมีโอกาสอย่างมากที่จะเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา แต่ทั้งหมดข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลที่ได้ยินมาจากพลเรือโทธารน้ำแข็ง เดนิสไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนในชีวิต ย่อมไม่คาดคิดว่าสิ่งมีชีวิตลึกลับและทรงพลังจะตอบสนองต่อคำสวดวิงวอนในวินาทีที่สายหมอกปกคลุมทัศนวิสัยและโสตประสาท นั่นคือครั้งแรกอย่างแท้จริงที่เดนิสได้รับรู้ว่า ในบางครั้ง ตัวตนอันยิ่งใหญ่และทรงพลังก็ตอบสนองคำสวดวิงวอนของผู้ศรัทธา!ถูกต้อง เดนิสถึงกับเผลอเปลี่ยนคำนิยามจาก ‘ตัวตนลึกลับและทรงพลัง’ ให้เป็น ‘ตัวตนอันยิ่งใหญ่และทรงพลัง’ โดยไม่รู้ตัว!เมื่ออาการหวาดผวาและตกตะลึงเริ่มสงบลง ลมหายใจถูกสูดเข้าเต็มปอด จากนั้น มันคิดจะเดินวนเวียนภายในห้อง หวังสลัดอาการตื่นตระหนกที่ยังตกค้าง แต่เพียงเริ่มขยับเท้าขวา แข้งขาพลันอ่อนระทวยโดยสมบูรณ์ ทำอะไรไม่ได้นอกจากล้มลงบนเตียงนอนในท่านั่ง“ตัวตนอันยิ่งใหญ่… มีอยู่จริง” เดนิสพึมพำ เริ่มตระหนักถึงผลกระทบใหญ่หลวงที่กำลังจะตามมาเมื่อครั้งภายในโลกหนังสือ การเอ่ยนามเต็มของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้เกิดเหตุการณ์ประหลาด เดนิสจึงหวาดกลัวไม่มาก แต่สำหรับปัจจุบัน สิ่งที่มันกลัวเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ในอนาคตจะมีแต่เหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของตน เช่นนั้นแล้ว จะให้ไม่เกิดความกลัวได้อย่างไร?ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ เดนิสถอนหายใจยาว พยายามหาข้ออ้างปลอบประโลมจิตใจ“นี่อาจไม่ใช่เรื่องแย่ก็ได้… ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์… ไม่เพียงหมอนั่นจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ยังมีอนาคตที่สดใสมากด้วย!”ครุ่นคิดถึงตรงนี้ เดนิสยิ้มขื่นขม กล่าวเสียงแผ่ว“เราเองก็เป็นสมาชิกขององค์กรลับแล้วเหมือนกัน… มีตัวตนที่ยิ่งใหญ่คอยอวยพร”ขณะความคิดมากมายแล่นผ่าน เดนิสตัดสินใจหนักแน่นว่าจะสวดวิงวอนอีกครั้งในตอนเช้าหลังจากตื่นนอน เพราะคงไม่มี ‘ศาสดา’ องค์ใดไม่ชื่นชอบสาวกที่เปี่ยมศรัทธาแน่นอน มันยังไม่ลืมวิวรณ์ที่อีกฝ่ายส่งมาตักเตือน นับแต่นี้ไป การสวดภาวนาจะต้องเปล่งเสียงภายในใจเท่านั้น…เช้าวันถัดมา ไคลน์ตื่นขึ้นตามธรรมชาติเป็นการตื่นอย่างไม่รีบร้อน นอกหน้าต่างมีท้องฟ้าสีคราม พื้นดินเปียกแฉะ คราบน้ำยังคงเกาะตามอาคารบ้านเรือน คล้ายกับโลกทั้งใบถูกสวรรค์ชะล้างจนดูเหมือนใหม่ อย่างไรก็ตาม ใบไม้กลับเรียงตัวในลักษณะยุ่งเหยิง เศษขยะกระจัดกระจาย เป็นหลักฐานว่าค่ำคืนที่ผ่านมามิได้สงบสุขสักเท่าไรล้างหน้าล้างตาเสร็จ ไคลน์ออกไปข้างนอกด้วยใบหน้าชาวโลเอ็นทั่วไป สั่ง ‘ยางไม้กอลลั่ม’ หนึ่งแก้วจากร้านบนเกาะไซมีม รวมถึง ‘เทียทิว่า’ ชุดใหญ่เป็นอาหารมื้อเช้า ชดเชยเรี่ยวแรงที่สูญเสียไปเมื่อคืนบนโต๊ะอาหารอันประกอบไปด้วยของเหลวที่มีรสชาติคล้ายน้ำมะนาวผสมน้ำเชื่อมและนม สเต๊กปลากับแกะ และผลไม้กลิ่นหอมที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน ไคลน์หยิบหนังสือพิมพ์หลายฉบับของโรงแรมขึ้นมาอ่าน เริ่มจาก ‘โซเนียยามเช้า’ และ ‘ทันข่าว’ ตามลำดับจัดการมื้อเช้าเสร็จ ชายหนุ่มหยิบหนังสือพิมพ์ ‘เรื่องเล่าพิศวง’ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจนเหลือเพียงฉบับสุดท้ายขึ้นมาอ่าน พบกับพาดหัวข่าวที่เด่นสะดุดตา“เหตุนองเลือดท่ามกลางพายุ”“จากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ เมื่อคืนนี้ เรือ ‘กะโหลกตาเดียว’ ของ ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์ เกิดเหตุนองเลือดครั้งใหญ่ แม้แต่ตัวกัปตันคลั่งก็ยังต้องจบชีวิตลง บนเรือไม่มีใครรอด”“โศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำ จึงยังไม่มีใครทราบความจริงเบื้องหลัง แม้ว่า ‘กะโหลกตาเดียว’ จะลอยมาจอดเกยตื้นที่ท่าเรือไซมีมแล้วก็ตาม”ด้านล่างเนื้อข่าวมีภาพถ่ายที่ค่อนข้างพร่ามัว ลักษณะเหมือนกับแอบถ่ายจากริมฝั่งท่าเรือบนภาพดังกล่าว สัญลักษณ์ ‘กะโหลกตาเดียว’ ปรากฏอย่างเด่นชัด มองผิวเผินก็ทราบทันทีว่าได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลายจุดไหม้เกรียม เหลือเพียงเสากระโดงหลักต้นเดียวที่ยังสมบูรณ์ กึ่งกลางเสามีชายสวมหมวกสามเหลี่ยมถูกท่อนไม้เสียบตรึง“เป็นคอร์เนอร์·วิกเตอร์ไม่ผิดแน่… ตายง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ…” ไคลน์หดรูม่านตา ครุ่นคิดเคร่งเครียด “ค่อนข้างแน่ชัดแล้ว บนเรือลำดังกล่าวมีครึ่งเทพซ่อนอยู่… ทันทีอีกฝ่ายพบว่า กัปตันคลั่งตกเป็นเป้าหมายการไล่ล่าของเจ้าสมุทร และตัวเองไม่สามารถพาคอร์เนอร์หนีไปด้วยกันได้ จึงตัดสินใจลงมืออย่างเด็ดขาด ปิดปากคอร์เนอร์และทำลายหลักฐานทั้งหมดทิ้ง?”ไคลน์ที่แต่เดิมวางแผนจะไล่ล่ากัปตันคลั่งต่อ พลันเกิดความรู้สึกหดหู่ เพราะถึงแม้จะตนพอจะรวบรวมเบาะแสได้ แต่ก็ยังมีน้อยเกินไปข้อมูลเดียวในตอนนี้ก็คือ ครึ่งเทพตนดังกล่าวน่าจะอยู่บนเส้นทางจักรพรรดิมืด!พิจารณาจากความรุนแรงของพายุเมื่อคืน ‘กะโหลกตาเดียว’ คงถูก ‘เจ้าสมุทร’ ยกไปเกยตื้นที่ท่าเรือเพื่อสืบสวนขยายผล… ไม่มีทางรู้เลยว่าทางโบสถ์พบอะไรเพิ่มเติมบ้าง… จริงสิ เรื่องนี้สามารถสืบได้จาก ‘แฮงแมน’ ที่เป็นคนของโบสถ์วายุสลาตัน… เรายังไม่จำเป็นต้องส่งวิวรณ์ ชุมนุมทาโรต์จะเริ่มขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ ไว้ค่อยให้เดอะเวิร์ลจ้างงานเขาโดยตรง… ไคลน์ครุ่นคิดหลายสิ่งภายในเวลาอันสั้น พลางดื่ม ‘ยางไม้กอลลั่ม’ รวดเดียวหมดแก้วถัดมา ชายหนุ่มกลับห้อง เตรียมนำเครื่องรับโทรเลขที่แช่ไว้บนมิติหมอกสักพักออกมายังโลกความจริง หวังติดต่อกับ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดส สอบถามเกี่ยวกับเบาะแสอื่นๆ ของสูตรโอสถ ‘จอมเวทพิสดาร’หลังจากพ้นเขตน่านน้ำสุดขอบตะวันออกของเกาะโอลาวี – สถานที่สุดท้ายที่ครึ่งเทพของชุมนุมแสงเหนือปรากฏตัว – ไคลน์เริ่มมีความกล้าที่จะนำวัตถุเจือกลิ่นอายมิติหมอกลงมาใช้งาน อย่างไรก็ตาม มันตระหนักว่าต้องไม่ทำบ่อยจนเกินไป และแต่ละครั้งต้องไม่กินเวลานาน ไม่อย่างนั้นอาจถูก ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ จับสัมผัสได้ด้วยเหตุผลข้างต้น รวมถึงความระแวงที่ยังมีต่อกระจกวิเศษ ไคลน์พยายามไม่พึ่งพาอีกฝ่ายมากนัก หากสิ่งใดทำเองได้ก็จะพยายามจนถึงที่สุดเสียก่อน เว้นเสียแต่จะจนปัญญาจริงๆ จึงค่อยเล่นเกมตอบคำถามกับกระจก…ณ ท่าเรือส่วนตัวของกลุ่มต่อต้าน ‘โทสะสีคราม’ กำลังจอดอยู่ด้านในอัลเจอร์มีแผนจะกลับไปยังเกาะปาซู จึงต้องเติมเสบียงครั้งสุดท้ายหลังจากแจ้งรายการสินค้ากับลูกเรือ ชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของชนพื้นเมือง เดินเท้ามายังบายัม หักเลี้ยวสองสามหน จนกระทั่งถึง ‘มหาวิหารคลื่นสมุทร’ เตรียมเข้าไปรายงานความคืบหน้าภารกิจในช่วงที่ผ่านมาให้หลวงพ่อโชโกรีทราบแม้มีกำหนดการจะกลับไปยังเกาะปาซูเพื่อรายงานให้เบื้องบนของโบสถ์วายุสลาตันทราบอยู่แล้ว แต่มันยังไม่ลืมว่าหัวหน้าของตนเป็นใคร รู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ ไม่ข้ามหน้าข้ามตาด้วยการตรงดิ่งไปรายงานเบื้องบนทันทีโชโกรี เจ้าของร่างกายกำยำ พึงพอใจอย่างมากกับรายงานเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพของอัลเจอร์“ไม่มีสิ่งใดผิดปรกติในรายงานของคุณ ไม่ต้องกังวลไป… ผมได้แจ้งกับท่านเจ้าคุณแยนน์·ค็อตแมนไปแล้วว่า คุณศรัทธาต่อองค์วายุสลาตัน เป็นฝ่ายเดียวกันกับศาสนจักร และยังเป็นหนึ่งในกัปตันเรือผีสิงที่ไว้ใจได้มากที่สุด ในการประชุมครั้งหน้า ท่านเจ้าคุณค็อตแมนจะรายงานเรื่องนี้ให้สภาพระคาร์ดินัลทราบ”เว้นวรรคเล็กน้อย โชโกรีกล่าวต่อทันทีโดยไม่ปล่อยให้อัลเจอร์พูด“ยังมีอีกหนึ่งภารกิจ จงสืบหาคนที่ใกล้ชิดกับ ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์อย่างละเอียด… นี่เป็นภารกิจที่ท่านเจ้าคุณค็อตแมนมอบหมายโดยตรง คุณต้องตั้งใจเป็นพิเศษ”สืบหาคนสนิทของ ‘กัปตันคลั่ง’ ? อัลเจอร์งุนงงเล็กน้อย แต่มิได้ส่งเสียงซักถาม เพียงนำกำปั้นขวากระแทกหน้าอกซ้าย“รับทราบครับ เจ้าคุณโชโกรี”โชโกรีผมสีออกเทาพยักหน้ารับ ครุ่นคิดสองสามวินาที“คุณรู้จักเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไหม”คำถามดังกล่าวเป็นราวกับฟ้าผ่าลงมากลางใจ รูม่านตาอัลเจอร์พลันหดลีบ เกือบคลุ้มคลั่งคาที่ อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยความเข้มแข็งทางจิตใจที่เป็นเลิศ เพียงไม่นานก็กลับเป็นปรกติ“เคยได้ยินชื่อมาบ้าง เขาโด่งดังมากในช่วงหลัง ไม่เพียงจะล่าค่าหัว ‘นักเจรจา’ มีซอร์·คิง แต่ยังสามารถทำให้เทรซี่บาดเจ็บหนัก นอกจากนั้นยังโดยสารไปกับ ‘อนาคตกาล’ ของแคทลียา” อัลเจอร์ร่ายยาวกว่าปรกติเพื่อปกปิดความสั่นคลอนในใจโชโกรีพยักหน้าเล็กน้อย“คุณคงอยู่ในทะเลตลอด ข่าวที่ได้จึงค่อนข้างล้าหลัง… เกอร์มัน·สแปร์โรว์เพิ่งสังหารจิลเซียสบนเกาะทอสคาร์เตอร์ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน แถมยังขึ้นค่าหัวเสร็จสรรพ… หึหึ… เหยื่อคราวนี้เป็นถึง ‘ปีศาจ’ … ลำดับ 5 แห่งเส้นทางปีศาจเชียวนะ”“จิลเซียส… ผู้ช่วยกัปตันของอาการิธ?” อัลเจอร์ซักถามด้วยสีหน้าตกตะลึงโดยแท้จริงสำหรับมัน เรื่องที่จิลเซียสเป็นลำดับ 5 ไม่ใช่ข้อมูลใหม่ แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าอีกฝ่ายอยู่บนเส้นทางปีศาจ ถ้าหากนำลำดับ 5 กับ ‘ปีศาจ’ มารวมกัน นั่นหมายถึงความแข็งแกร่งที่มาพร้อมกับความยากในการลอบสังหาร หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เกอร์มัน·สแปร์โรว์คงเผชิญหน้ากับจิลเซียสอย่างกะทันหัน จากนั้นก็ฆ่าทิ้งทันที!หมายความว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์ก้าวไปถึงจุดสูงสุดของลำดับ 5 เรียบร้อยแล้ว!หากไม่ใช่เพราะเดอะเวิร์ลถามหาสูตรโอสถลำดับ 4 ในชุมนุมทาโรต์ เราคงสงสัยว่าเขาเป็นครึ่งเทพ… อัลเจอร์ครุ่นคิดในใจ แต่มิได้เยือกเย็นเหมือนปรกติมันประหลาดใจมากเมื่อพบความจริงที่ว่า ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ เดอะเวิร์ลทำสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากมาย ทั้งครอบครองสูตรโอสถและวัตถุดิบหลักของลำดับ 5 ผู้ขับขานสมุทร สังหารปีศาจลำดับ 5 และมีโอกาสสูงที่จะครอบครองสูตรโอสถลำดับ 6 ‘ผู้รับรอง’ แล้ว!ทำได้ยังไง… อัลเจอร์เริ่มหวาดกลัว ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์แน่นอน มันมิได้ประหลาดใจโดยสมบูรณ์ เพราะพอจะคาดเดาได้ว่า ‘เดอะเวิร์ล’ อาจหมายถึง ‘ข้ารับใช้’ ของเดอะฟูล และตัวตนระดับเดอะฟูลย่อมมีข้ารับใช้หลายคน หากแบ่งงานกันทำ คนหนึ่งล่าสูตรโอสถ ‘ผู้รับรอง’ คนหนึ่งล่า ‘ผู้ขับขานสมุทร’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ก็คงเป็นผู้ล่า ‘จิลเซียส’ถึงจะฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่ก็ยังอยู่ในหลักเหตุและผลโชโกรีพยักหน้า เล่าต่อเสียงขรึม“ถูกต้อง… และการที่อาการิธไม่ตอบโต้ แสดงให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง… หากเป็นไปได้ จงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์มาให้มากที่สุด”“รับทราบครับ เจ้าคุณโชโกรี” อัลเจอร์ทำท่าเคารพพลางครุ่นคิดว่า ตนควรทำอย่างไรให้ภารกิจนี้ดูแนบเนียนที่สุด…ภายในโรงแรม ไคลน์วางเครื่องรับโทรเลขลงเพียงไม่นาน เสียง ‘กุกกัก’ เริ่มดังขึ้น
คอมเม้นต์