ราชันเร้นลับ 707 : คำขอของเดนิส
ถึงบายัมแล้ว? ไคลน์ลุกขึ้นยืน ตรวจสอบซ้ายขวาจนพบท่าเรือส่วนตัวของกองกำลังกลุ่มต่อต้านที่คุ้นเคยชายหนุ่มมิได้แสดงสีหน้าประหลาดใจ เพียงพูดตรงไปตรงมา“เร็วกว่าที่คิด”เร็วกว่าที่มันคิดไว้ถึงสามชั่วโมง!“เร็วกว่าที่ฉันคาดไว้เหมือนกัน” เอ็ดวิน่าถอนสายตากลับ เห็นด้วยกับคำพูดของเกอร์มัน·สแปร์โรว์เนื้อห้าที่เหลือไม่ค่อยสำคัญ… ไคลน์ก้มศีรษะลง แสร้งทำเป็นพลิกดูหน้าที่เหลือของ ‘หนังสือแห่งสามโลก’ อย่างรวดเร็วโดยไม่แยแส ก่อนจะยื่นให้พลเรือโทธารน้ำแข็ง“การแลกเปลี่ยนของเราสิ้นสุดตรงนี้”เอ็ดวิน่าชำเลืองหนังสืออย่างเงียบงัน ขยับริมฝีปากเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่กล่าวคำใดหญิงสาวรับ ‘หนังสือแห่งสามโลก’ มาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวคำอำลา“ในอนาคต หวังว่าพวกเราจะได้สนทนากันอีก ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์โบราณของคุณน่าทึ่งมาก”หากเป็นนิสัยเดิมของไคลน์ ชายหนุ่มจะถ่อมตัวพร้อมกับกล่าวยกย่องพลเรือโทธารน้ำแข็งว่ามีความรู้กว้างขวางไม่ต่างกับตน แต่ในฐานะ ‘นักผจญภัยเสียสติ’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ชายหนุ่มทำได้เพียงพยักหน้าเล็กน้อย“เราเป็นพวกเดียวกัน”หมายความว่า ในอนาคตคงมีโอกาสได้พูดคุยกันอีกชายหนุ่มไม่สานต่อบทสนทนา เดินออกจากห้องกัปตัน ตรงกลับไปยังห้องพักส่วนตัว เก็บกระเป๋าเดินทางอย่างไม่ยากเย็น รอให้ฝันทองคำจอดนิ่งเทียบท่า จึงค่อยเดินออกไปทางดาดฟ้าเรือระหว่างทาง ลูกเรือจำนวนมากกำลังยืนรวมตัวกันบนดาดฟ้า มีทั้ง ‘นักชิม’ บลู·โวลส์ ‘นักร้อง’ ออร์ฟิอุส ‘หูกระต่ายบุปผา’ โจเดอร์สัน รวมถึงโจรสลัดระดับสูงอีกมากทุกคนกำลังเผยรอยยิ้มจริงใจ โบกไม้โบกมือให้ไคลน์ด้วยท่าทางกระตือรือร้น ในหมู่พวกมัน ‘ถังไม้’ และ ‘กายาเหล็ก’ เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นเป็นพิเศษ ถึงขั้นร้องเพลงอำลาเราไปสนิทสนมกับพวกเขาตั้งแต่ตอนไหน? ไคลน์หัวเราะในลำคอ เดินผ่านกลุ่มโจรสลัดไปทางกราบเรือแอนเดอร์สัน·ฮู้ดโน้มตัวมาด้านข้าง กล่าวในสภาพสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยและทรงผมหวีเรียบ“ใจจริง คนเหล่านี้คงอยากพูดว่า… ลาก่อน อย่าได้พบกันอีกเลย… เกอร์มัน นายรู้ไหม การเป็นศัตรูกับโจรสลัดจำนวนมากไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยสักนิด ทุกคนต่างขับเรืออย่างเต็มฝีมือ พยายามทำให้เรือแล่นเร็วที่สุด ประหนึ่งต้องการพาฝันทองคำมาเทียบท่าภายในห้านาที!”ขณะไคลน์เตรียมตอบสนอง เดนิสในเสื้อคลุมสีดำวิ่งตามมาจากด้านหลังหมอนี่โกรธตัวเองที่อ่อนแอ ก็เลยเตรียมใจละทิ้งฝันทองคำเพื่อออกผจญภัยตามลำพัง? ผิดไปจากแผนเดิมพอสมควร เราอยากให้เดนิสอยู่ใกล้กับพลเรือโทธารน้ำแข็งและโบสถ์ปัญญาแห่งความรู้มากกว่า นั่นถึงจะเป็นสาวกที่มีประโยชน์ของเดอะฟูล… แต่ไม่เป็นไร ถ้าเดนิสพัฒนาตัวเองไปอีกขั้น นั่นจะเป็นประโยชน์กับเดอะฟูลยิ่งกว่า… ไคลน์ชั่งน้ำหนักในใจตามความเคยชิน ไม่นานก็สลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง มองไปทางเดนิสด้วยสายตาเยือกเย็น รอให้อีกฝ่ายพูดเดนิสอ้าปากด้วยสีหน้าขึงขัง แต่ไม่กล่าวสิ่งใดออกมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งหัวเราะแห้งสองสามหน หันไปพูดกับแอนเดอร์สัน“นายมีสูตรโอสถนักวางแผนไหม”“มีสิ” แอนเดอร์สันยิ้ม “แต่ฉันไม่ขายให้นาย”ใบหน้าเดนิสพลันดำมืด แอนเดอร์สันกล่าวต่ออย่างไม่แยแส“นายได้สูตรโอสถนักวางแผนไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร? หากฝืนเลื่อนลำดับตอนนี้ ผลลัพธ์จะมีเพียงความคลุ้มคลั่ง… สหาย จงสวมบทบาทใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง เริ่มจาก ‘นักล่า’ ตามด้วย ‘นักยั่วยุ’ และ ‘นักวางเพลิง’ … หึหึ จะยิ่งดีกว่าเดิมถ้านายนำ ‘หัวใจคนยักษ์’ ไปให้ช่างฝีมือผลิตเป็นสมบัติวิเศษสายป้องกัน ไม่อย่างนั้นคงถูกเชือดทิ้งกลางทางอย่างง่ายดาย… รอจนกระทั่งมั่นใจ ค่อยขอสูตรโอสถนักวางแผนจากกัปตันของนาย เธอเองก็มีมันในครอบครอง… การเป็นนักวางแผนไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ชั่วชีวิตนี้นายอาจทำไม่สำเร็จก็ได้”มุมปากเดนิสพลันกระตุกหลังจากได้ยินถ้อยคำยั่วยุ อย่างไรก็ตาม มันจดจำทุกคำพูดของแอนเดอร์สันจนขึ้นใจ อีกฝ่ายคือชายที่ได้รับฉายานักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด มีประสบการณ์บนเส้นทางนี้กว่าใคร นอกจากนั้น เดนิสเองก็เชื่อว่า กุญแจสำคัญของโอสถคือเทคนิคสวมบทบาท กัปตันของมันเคยสอนเรื่องนี้แล้ว แต่เป็นคำแนะนำแบบคลุมเครือ“สักวัน… ฉันจะแสดงให้นายเห็นว่านักวางแผนที่แท้จริงเป็นยังไง!” เดนิสกล่าวหนักแน่น หันไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์มันกระแอมแห้งในลำคอ กล่าวโดยไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย“ฉันขอกัปตันแล้ว หลังจากนี้จะเริ่มติดต่อและสานสัมพันธ์กับกลุ่มต่อต้านบนเกาะ จะหาเวลาแวะมาที่บายัมให้มากขึ้น”หมายความว่า นายไม่อยากออกจากฝันทองคำ แต่ก็จะพยายามหาโอกาสพัฒนาตัวเอง? หึหึ… ทำไมท่าทีของหมอนี่ถึงได้เหมือนกับกำลังคุยกับหัวหน้าตัวจริง… ไคลน์แอบหัวเราะ ส่งเสียง ‘อืม’ ในลำคอเดนิสถอนหายใจโล่งอก เผยท่าทีผ่อนคลายชัดเจน หากไม่ใช่เพราะมีพวกพ้องกำลังจ้องมองอยู่ด้านหลัง มันคงช่วยเกอร์มัน·สแปร์โรว์ถือกระเป๋าเดินทางไปจนถึงท่าเรือเมื่อเห็นเกอร์มันและแอนเดอร์สันเดินจากไป เดนิสตัดสินใจหนักแน่นที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในคืนนี้ สวดวิงวอนถึงเดอะฟูลวันละครั้ง แสดงถึงความจงรักภักดี หลีกเลี่ยงการเผชิญเหตุไม่คาดฝันณ ท่าเรือส่วนตัวของกลุ่มต่อต้าน แอนเดอร์สันเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์หักเลี้ยวไปทางถนนเส้นใหม่อย่างชำนาญ เพียงครู่เดียวก็พ้นเขตป่าทึบ“นายคุ้นเคยกับที่นี่ด้วยหรือ? ครั้งสุดท้ายที่ฉันมาเยือน ถนนเส้นนี้ยังไม่ถูกสร้างขึ้น” แอนเดอร์สันพูดด้วยเสียงผ่อนคลายแกมเบื่อหน่ายแน่นอน… ในทุกๆ วันจะมีผู้คนมากมายสวดวิงวอนถึงฉัน รายงานในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ และฉันเองก็ตอบกลับไปบ้าง หนึ่งในนั้นคือการแนะนำให้สร้างถนนเส้นนี้… ไคลน์รำพันอย่างภูมิใจสักพัก กล่าวหน้านิ่ง“เพื่อนของนายอยู่ไหน”“ในคฤหาสน์นอกบายัม” แอนเดอร์สันเร่งฝีเท้า กลายเป็นฝ่ายนำทางหนึ่งชั่วโมงถัดมา มันพาไคลน์มาถึงด้านนอกคฤหาสน์ กลิ่นเครื่องเทศเข้มข้นฟุ้งกระจายเต็มอากาศ ถือเป็นบรรยากาศแปลกใหม่ที่ยากอธิบายหลังจากแจ้งความจำนงกับคนเฝ้าประตู ทั้งสองรอไม่นานก็ได้พบชายเจ้าของส่วนสูงมาตรฐาน เตี้ยกว่า 1.75 เมตรไม่มาก เดินตรงเข้าใกล้พร้อมกับพ่อบ้านและบริกรชายอีกฝ่ายมีผิวเหลือง ค่อนไปทางสีแทน มาดอ่อนโยน เบ้าตาจมลึกจนดูไม่เหมือนชาวโลเอ็นสำหรับไคลน์ ปัจจัยข้างต้นเพียงพอที่จะระบุชาติกำเนิดของอีกฝ่าย มันทราบทันทีว่าเพื่อนของแอนเดอร์สันเป็นชาวเฟเนพ็อตด้วยหุ่นค่อนข้างท้วม ใบหน้ากลมกลึงและแววตาใจดี เมื่อเห็นนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด มันหัวเราะในลำคอ“แอนเดอร์สัน ยังไม่ตายอีกหรือ”“ฉันรอไปร่วมงานศพนายอยู่” แอนเดอร์สันตอบโต้หน้านิ่ง หันมาทางไคลน์และกล่าวแนะนำตัว “เขาคือยุกฟ่า·คอนเนอร์คริส อดีตหมอประจำทีมของฉัน”มันมิได้แนะนำตัวเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เพียงยิ้มและพูด“ฉันพาธุรกิจมาหานาย”ยุกฟ่าเข้าใจทันทีว่าแอนเดอร์สันหมายถึงสิ่งใด จึงไม่พูดอะไรต่อหน้าพ่อบ้านและบริกรชาย เดินนำทางทั้งสองเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ของคฤหาสน์ระหว่างทาง ไคลน์เห็นโรงสี กังหันลม โรงอบขนม โรงเหล้า ค่ายทหาร และอาคารอื่นๆ อีกหลายประเภท คฤหาสน์แห่งนี้เป็นราวกับอาณาจักรขนาดย่อม ขาดเพียงโรงเหล็ก เนื่องจากเหล็กส่วนใหญ่ในตลาดมีราคาต่ำกว่าการผลิตเอง“วิถีชีวิตครบวงจรแบบชนบท…” ไคลน์พึมพำด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง เดินตามยุกฟ่าเข้าไปในบ้านหลังหลัก ตรงมายังห้องอ่านหนังสือยุกฟ่าไม่ได้พาภรรยาหรือลูกๆ มาพบแอนเดอร์สันกับไคลน์ เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้ครอบครัวยุ่งเกี่ยวกับโลกแห่งศาสตร์เร้นลับ ด้วยเหตุนี้ หลังจากลงกลอนปิดประตูสนิท มันจ้องมาทางแอนเดอร์สัน“ธุรกิจอะไร”“อยากขายปืนลูกโม่กระบอกนั้นไม่ใช่หรือ? เขาสนใจ” แอนเดอร์สันชี้ไปทางไคลน์ “เกอร์มัน·สแปร์โรว์”“เกอร์มัน·สแปร์โรว์ นักผจญภัยสุดแกร่งที่เชือด ‘นักพูด’ มีซอร์·คิงอย่างง่ายดาย?” ยุกฟ่าถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ แต่มิได้หวั่นเกรงแม้จะละทิ้งวิถีชีวิตนักผจญภัย แต่มันทราบดีว่า ข้อมูลคือสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน จึงคอยรวบรวมข่าวที่เกิดขึ้นในบายัมอย่างต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝันแอนเดอร์สันหัวเราะเสียงดัง“ข่าวของนายมันเก่าแล้ว! วีรกรรมล่าสุดของสุภาพบุรุษท่านนี้คือการสังหาร ‘จอมเชือด’ จิลเซียสตามลำพังและเอาชีวิตรอดมาได้!”“จิลเซียส? ผู้ช่วยกัปตันของราชาอมตะ?” สีหน้าแววตาของยุกฟ่าเริ่มแปรเปลี่ยน เผยความประหลาดใจที่ยากเก็บซ่อน“ถูกต้อง!” แอนเดอร์สันหัวเราะ “ในแดนสวรรค์ของโจรสลัด เขาถูกยกย่องให้เป็นนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด!”ยุกฟ่ากลืนน้ำลาย จ้องไคลน์ ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน“ถ้าอย่างนั้น นายก็มีคุณสมบัติที่จะซื้อ ‘ลางมรณะ’ ”“ลางมรณะ?” ไคลน์ถามด้วยท่าทีสนใจเล็กๆ อย่างไม่ประเจิดประเจ้อ“ชื่อของปืน… มันอยู่กับฉันมานานนับสิบปี เฮ่อ… หากไม่ใช่เพราะมันซ้ำซ้อนกับสมบัติวิเศษชิ้นอื่นที่ฉันพกพา และเรื่องที่มันไม่ค่อยมีประโยชน์แล้วในปัจจุบัน ฉันคงไม่คิดขายมันเด็ดขาด” ยุกฟ่าถอนหายใจยาวทันใดนั้น แอนเดอร์สันยืนยิ้ม“ตอนแรกไม่ได้พูดแบบนี้นี่… นายบอกว่าอยากได้เครื่องมือทางการเกษตรมากกว่า”นักเพาะปลูกสินะ… ไคลน์นำคำพูดแอนเดอร์สันผสานเข้ากับภาพลักษณ์ของยุกฟ่า คาดเดาเส้นทางที่สอดคล้องกันพร้อมกันนั้น ชื่อของโอสถบนเส้นทางดังกล่าวผุดขึ้นในสมองทันที : ลำดับ 9 นักเพาะปลูก ลำดับ 8 แพทย์ ชื่อโบราณคือ ‘นักบวชรักษา’ และลำดับ 7 นักบวชเก็บเกี่ยวเข้าใจแล้วว่าทำไมแอนเดอร์สันถึงแนะนำตัวว่า ‘หมอ’ … ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะกล่าว“คุณรู้จักแฟรงค์·ลีไหม”“ฮะฮะ! ไม่รู้จัก แม้ว่าฉันจะมาจากเฟเนพ็อต แต่โอสถและวัตถุดิบล้วนหามาด้วยตัวเอง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโบสถ์พระแม่ธรณี และนั่นคือเหตุผลที่ฉันไม่กล้ากลับไปที่เฟเนพ็อตอีกเลย… แต่ถึงอย่างนั้นก็เคยได้ยินเรื่องราวของแฟรงค์·ลีมาบ้าง เขาเป็นคนที่ทำให้โบสถ์พระแม่ต้องปวดหัวอย่างหนัก” ยุกฟ่าตอบอย่างใจเย็น “ทั้งที่เป็นแค่ลำดับ 6 นักชีววิทยา แต่โบสถ์กลับเห็นค่าเขามากขนาดนั้น ฉันเองก็อยากรู้จักไว้บ้างเหมือนกัน”อย่าได้คิดเชียว แล้วนายจะเสียใจภายหลัง… พิจารณาจากคำตอบของยุกฟ่า ไคลน์พอจะทราบว่าอีกฝ่ายนับถือพระแม่ธรณี และมีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้วิเศษทรงพลังลำดับ 5แอนเดอร์สันด้านข้าง หลังจากได้ยินคำพูดยุกฟ่า มุมปากของมันกระตุกอย่างเห็นได้ชัด กล่าวด้วยสีหน้าเจือความหวาดผวา“ชายคนนั้นเก่งกาจในการสร้างความปวดหัวอย่างแท้จริง ไม่ผิดนักหากจะเรียกว่าปีศาจ… พลังและความคิดของหมอนั่นล้ำเกินลำดับ 6 ไปไกลแล้ว… ช่างเถอะ เลิกพูดถึงเขาดีกว่า แค่คิดก็อยากจะอ้วกออกมาเป็นนม”ยุกฟ่ามองไปยังสองบุรุษฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าสับสน แต่สุดท้ายก็เก็บซ่อนความอยากรู้อยากเห็น เดินไปที่โต๊ะตัวหนึ่ง เปิดลิ้นชัก หยิบปืนลูกโม่เหล็กสีดำลำกล้องยาวกว่าปรกติออกมา“นี่คือลางมรณะ” ยุกฟ่าเกริ่นเสียงขรึม
คอมเม้นต์