ราชันเร้นลับ 695 : แตกต่างอย่างชัดเจน
สายลมรุนแรงพัดปะทะใบหน้าไคลน์พร้อมกับเศษหิมะและเกล็ดหิมะขนาดเท่าขนห่าน ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบตัวด้วยร่างกายที่สั่นเทาอย่างมิอาจหักห้าม ลำตัวเอนไปข้างหน้าเล็กน้อย“หนาวฉิบ…” ไคลน์ที่เกือบหลุดสบถ ผ่านไปสักพักเริ่มยืนยันได้ว่า ตนกำลังอยู่ท่ามกลางทุ่งหิมะซึ่งมีทัศนวิสัยค่อนข้างย่ำแย่เดิมที ชายหนุ่มเคยเชื่อว่าฤดูหนาวในกรุงเบ็คลันด์นั้นเลวร้ายที่สุดชนิดหาใครมาเทียบ แต่ปัจจุบันกำลังตระหนักว่า อากาศเย็นจัดและสายลมอันแหลมคมคล้ายใบมีดคือส่วนผสมที่สามารถฆ่ามนุษย์ให้ตาย แม้ว่าไคลน์จะสวมชุดกันหนาวเตรียมไว้ก่อนเข้ามา แถมยังสวมเสื้อคลุมหนาตัวยาวทับอีกชั้น แต่กระนั้นก็เกือบทนความหนาวไม่ไหวชายหนุ่มมิได้สวมเข็มกลัดสุริยันเนื่องจากผลลัพธ์ของมันสร้างเพียงความร้อน ‘ทางจิตใจ’ สมบัติวิเศษชนิดนี้อาจช่วยให้ฝ่าฟันความหนาวเหน็บที่บั่นทอนสตินึกคิดได้ในช่วงแรก แต่หากสวมไว้ท่ามกลางพายุหิมะและสายลมแหลมคมเป็นเวลานาน นั่นจะไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย ความร้อนจากเข็มกลัดสุริยันจะทำให้ร่างกายรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางฤดูร้อน ผู้ใช้งานอาจตัดสินใจทำเรื่องโง่ ๆ อย่างการถอดเสื้อผ้าออกจนเผชิญความหนาวเย็นและแข็งตายเป็นเหตุผลว่าทำไมไคลน์ถึงโยนมันไว้บนมิติหมอก เตรียมใช้เฉพาะในช่วงเวลาสำคัญ เพียงแค่ส่งตัวเองขึ้นไปเอาลงมาท่ามกลางสภาพอากาศอันเลวร้าย ชายหนุ่มไม่กล้าแช่อยู่นานนัก หลังจากยืนยันสภาพแวดล้อมจนแน่ใจ ไคลน์เผาเลือดบนกริชทองแดงในมือและยัดเก็บใส่กระเป๋า จากนั้นก็ล้วงหยิบ ‘ฮาร์โมนิก้า’ ออกมาเป่าท่ามกลางเสียงลมโหยหวน หลังจากลองเปิดเนตรวิญญาณตรวจสอบสักพัก ไคลน์ไม่พบผู้ส่งสารไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เป็นอย่างที่คิด… ที่นี่ไม่ได้เชื่อมต่อกับโลกวิญญาณ หรืออาจมีโลกวิญญาณแยกเป็นของตัวเอง… ถ้าเป็นแบบนี้ เกรงว่าแม้แต่การสวดวิงวอนถึงเทพสมุทรก็คงไม่ได้ผล ต้องเป็นการสวดวิงวอนถึงมิติเหนือสายหมอกสีเทาเท่านั้น…แต่นั่นก็ยิ่งแปลก… ในฐานะผู้ศรัทธาของเทพปัญญาความรู้ เอ็ดวิน่าย่อมต้องเป็นสมาชิกคนสำคัญของโบสถ์ แล้วเหตุใดเธอถึงไม่พยายามสวดวิงวอนให้พระองค์ช่วยเหลือ? หรือพยายามแล้วแต่ไม่สัมฤทธิผล?นั่นสินะ… ไม่ใช่ว่าเทพทุกตนจะตอบสนองคำสวดวิงวอนเป็นการส่วนตัวสักหน่อย ในหลายกรณี ดูเหมือนว่าจะต้องผ่านเงื่อนไขหลายประการพวก ‘ท่าน’ จึงจะยอมตอบสนอง ตัวตนลึกลับที่คอยตอบสนองทุกคำภาวนาคงไม่มีใครนอกจากเรากระมัง… ไคลน์หัวเราะพลางวิเคราะห์ชายหนุ่มเก็บฮาร์โมนิก้า หยิบกระดาษเปื้อนเลือดของเดนิสออกมาพันรอบไม้ค้ำ“ตำแหน่งของเดนิส”ไคลน์กระซิบเสียงแผ่วพร้อมกับใช้เทคนิค ‘ค้นหาด้วยแท่งวิญญาณ’ถัดมาเป็นการเดินไปบนชั้นหิมะหนา ทิศทางการเดินจะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์จากไม้ค้ำ ไคลน์เร่งฝีเท้าผ่านท่องฟ้าอันหมองหม่นและสายลมโหมกระหน่ำ ชายหนุ่มเชื่อว่า เดนิสคงไม่หยุดรอในตำแหน่งเดิมนานนัก ไม่อย่างนั้นมันคงได้แข็งตายราวสิบนาทีต่อมา ไคลน์พบเปลวไฟสีแดงฟู่ว… ชายหนุ่มถอนหายใจ เดินต่อไปสองสามก้าวจนกระทั่งเห็นเป้าหมายอย่างแจ่มชัดเป็นเดนิสไม่ผิดแน่ โจรสลัดคนดังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าค่อนข้างบาง กำลังเดินตัวสั่นพลางจับแขนด้วยสีหน้าเหม่อลอยแต่ดูเหมือน ‘เพลิงพิโรธ’ จะมิได้เผชิญความหนาวมากนัก รอบตัวรายล้อมด้วยอีกาเพลิงสีแดง คอยละลายหิมะและปิดกั้นสายลม คงจะอบอุ่นคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิได้เห็นเช่นนั้น ไคลน์เกิดความอิจฉา ‘นักวางเพลิง’ ขึ้นมาทันที แม้ว่านักมายากลก็สามารถอัญเชิญไฟเช่นกัน แต่ไฟของตนมีประสิทธิภาพในเชิงโจมตีและมิอาจคงสภาพไว้ได้นานนัก เป็นพลังเพียงชั่วพริบตา หากต้องการสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกายก็ต้องหมั่นใช้งานถี่ ๆ ส่วนเวทมนตร์ ‘ควบคุมไฟ’ ต้องใช้ ‘ฟืน’ หรือวัสดุติดไฟง่ายเป็นสื่อกลาง ซึ่งนั่นหาได้ไม่ง่ายนักท่ามกลางทุ่งหิมะแห่งนี้ไคลน์เร่งความเร็วเดินตามอีกาเพลิงจนกระทั่งเข้าใกล้เมื่อตระหนักว่ามีใครบางคนกำลังตรงเข้ามา เดนิสเผยความตื่นตระหนักพร้อมกับรีบตรวจสอบ เมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดเจน โจรสลัดคนดังถอนหายใจพลางเผยรอยยิ้มแฝงเลศนัย“ฮะฮะ! ฉันมองไม่เห็นดาวแม้แต่ดวงเดียว ไม่แปลกที่จะหลง”ไคลน์เมินเฉยคำพูดอีกฝ่าย ซักถามเข้าประเด็น“เผาทิ้งหรือยัง”“เผาแล้ว!” เดนิสรีบพยักหน้า ร่างกายทุกส่วนเผยความสั่นกลัวที่มิอาจพรรณนาเป็นคำพูดหลังจากจ้องเดนิสสักพักเพื่อยืนยันจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก ไคลน์เผยรอยยิ้มผู้ดีตามแบบฉบับเกอร์มัน·สแปร์โรว์“จงจำนามนั้นให้ขึ้นใจ… การเอ่ยนามเต็มของพระองค์จะทำให้นายได้เป็นสาวกเต็มตัว”“…” สีหน้าเดนิสพลันบิดเบี้ยว ฝืนยิ้มแห้งที่ไม่ต่างจากร้องไห้ฉันไม่อยากเปลี่ยนศาสนา! ไม่อยากศรัทธาในตัวตนลึกลับและไม่ทราบที่มาที่ไป! เพลิงพิโรธแหกปากเสียงดังในใจ แต่มิได้กล่าวคำใดออกมามันเชื่อว่า หากตอบปฏิเสธทันที เกอร์มัน·สแปร์โรว์คงฝังตนไว้ใต้หิมะ!ไคลน์เผยรอยยิ้มคล้ายคนเสียสติ เพิ่มระดับเสียง“และอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องจำเอาไว้… จงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ หากมันรั่วไหลออกไป ทั้งนายและกัปตันจะไม่มีใครรอด”“เกี่ยวอะไรกับกัปตัน?” เดนิสโพล่งไคลน์รักษาสีหน้าเดิม จ้องเดนิสพลางยิ้ม“ลองเดาดูสิ”เดนิสพะงาบปาก มันพอจะเข้าใจเหตุผล จึงหัวเราะในลำคอและกล่าว“ฉันดูเหมือนคนเก็บความลับไม่เก่งขนาดนั้นเชียว?”ไคลน์พยักหน้าพลางหยิบกระดาษที่เปื้อนเลือดแอนเดอร์สัน หัวเราะเล็กน้อยและหันไปพูดกับเดนิส“จงเชื่อในพระองค์ จงซื่อสัตย์ต่อท่าน แล้วสักวัน นายอาจได้เป็นข้ารับใช้เหมือนกับฉัน… เมื่อถึงตอนนั้น ชื่อเสียงของนายจะดังกระฉ่อนไปทั่วห้าห้วงสมุทร ไม่ด้อยไปกว่าเหล่าพลเรือโจรสลัด”ขณะกล่าว ไคลน์คิดจะทำสัญลักษณ์มือของสาวกเดอะฟูล แต่เพิ่งนึกได้ว่าของแบบนั้นไม่มีอยู่จริง จึงรำพันในใจแผ่วเบาองค์กรลับจำเป็นต้องปกปิดตัวตน พฤติกรรมไร้สาระเช่นนี้ไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา… มิสเตอร์แฮงแมงกล่าวถูกต้องแล้ว…ไม่ด้อยไปกว่าพลเรือโจรสลัด… ดวงตาเดนิสพลันลุกวาวในเมื่อเราเคยเอ่ยนามเต็มของท่านผู้นั้นไปแล้ว ตามหลักการของศาสตร์เร้นลับ เราถลำตัวเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์แล้วแน่นอน ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส… เดนิสครุ่นคิดหลายสิ่งภายในเวลาแสนสั้น คิดไปกระทั่งการตั้งชื่อให้ลูกหึหึ… ถ้าไม่ติดว่าเราต้องรักษาภาพพจน์ของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ คงพูดออกไปแล้วว่า หากเวลานั้นมาถึง นายจะแข็งแกร่งจนคู่ควรกับพลเรือโทธารน้ำแข็งเลยทีเดียว… แน่นอน หล่อนจะชอบนายหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่อง แต่จากสิ่งที่เห็น นายไม่มีหวังเลยสักนิด… เอ็ดวิน่าต้องการคู่ครองที่สามารถศึกษาหาความรู้และปรับปรุงข้อบกพร่องไปด้วยกัน ต้องมีความรู้เชิงลึกในศาสตร์ทุกแขนง… ไคลน์พึมพำพลางใช้ ‘ค้นหาด้วยแท่งวิญญาณ’ อีกครั้ง“ตำแหน่งของแอนเดอร์สัน·ฮู้ด”“หมอนั่นก็เข้ามาด้วย?” เดนิสผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเจือความประหลาดใจเมื่อท่องประโยคทำนายจบ ไคลน์ปล่อยมือจากไม้ค้ำพลางพยักหน้ารับ“ถ้าปล่อยไว้ข้างนอก ฉันค่อนข้างกังวล”นายเองก็ระแวงแอนเดอร์สันเหมือนกันสินะ… เดนิสหันมายิ้มให้“ใช่แล้ว! ต่อหน้าเจ้านั่นอาจยิ้มให้ แต่ถ้าหันหลังเมื่อไรรับรองว่าถูกมีดเสียบมิดด้ามแน่! ชื่อเสียงของแอนเดอร์สันแย่มากในทะเลหมอก ไม่มีโจรสลัดคนไหนชอบหน้ามัน! เมื่อครู่ แอนเดอร์สันพยายามใส่ร้ายนาย บอกให้พวกเราคอยระวังนายไว้!”ถ้าโจรสลัดชอบหน้าหมอนั่นสิแปลก และฉายานักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดก็ควรถูกตั้งคำถาม… การโยนความผิดของแอนเดอร์สัน เราเองก็ได้ยิน… ไคลน์เงียบงัน หยิบไม้ค้ำพร้อมกับเดินฝ่าพายุหิมะไปข้างหน้าเดนิสเดินตามติด คอยละลายหิมะด้วยอีกาไฟเพื่อปิดกั้นความหนาว พวกตนจะได้ไม่แข็งตายไปเสียก่อนไม่เลว มีสติใช้ได้… ไคลน์ตระหนักถึงประโยชน์ของการมีคนรับใช้คอยกางร่มในวันที่ฝนตก ใช่แล้ว การมีเบ๊คอยละลายน้ำแข็งท่ามกลางพายุหิมะถือเป็นเรื่องวิเศษ!บนโลกอันกว้างใหญ่ คนทั้งสองเป็นราวกับจุดดำเล็ก ๆ กลางภาพวาดสีขาวโพลน เสียงย่ำหิมะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีจึงเดินมาถึงปลายทางที่ไม้ค้ำชี้นำ“แถวนี้ไม่มีอะไรเลย…” เดนิสกวาดตามอง ไม่พบเบาะแสของแอนเดอร์สัน·ฮู้ดแม้แต่สิ่งเดียวมันมิได้เคลือบแคลงในความแม่นยำของเทคนิค ‘ค้นหาด้วยแท่งวิญญาณ’ ของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เพราะตนก็ถูกหาพบด้วยวิธีนี้ไคลน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เปิดเนตรวิญญาณเพื่อยกระดับสัมผัสวิญญาณมันตรวจพบบางสิ่งในทันที จึงใช้ไม้ค้ำกระแทกหิมะด้านหน้าจนพื้นหิมะถล่มลงจุดที่หิมะถล่มลงไปเผยให้เห็นโพรงลึกคล้ายถ้ำ ก้อนหินสีดำด้านในกำลังสะท้อนกับแสงไฟจากเปลวเพลิงไคลน์ย่อตัวลง ก้มหน้ามอง พบทางเดินคับแคบภายในหลุม สุดทางเดินมีก้อนหินสีแดง และยังเห็นพืชใต้ดินประหลาดชิดหนึ่งถูกเผาต่างฟืน แอนเดอร์สันที่นั่งข้าง ๆ กำลังยิ้มอย่างสบายใจพลางย่างสิ่งที่ดูเหมือนกระต่าย กลิ่นไขมันปะทะความร้อนซึ่งมอบบรรยากาศอบอุ่น เริ่มแทรกเข้ามาในโพรงจมูกของไคลน์และเดนิส“ถึงแล้วหรือ? ลองชิมเจ้านี่ไหม กระต่ายประหลาดที่สามารถรอดชีวิตท่ามกลางหิมะและน้ำแข็ง” แอนเดอร์สันโน้มตัวมาข้างหน้า พยายามมองมายังนอกปากถ้ำพร้อมกับทักทายเพื่อนฝูงด้วยท่าทีราวกับมาปิกนิกทั้งที่ไม่ได้พูดจายั่วยุออกมา แต่เรากลับอยากซัดหน้าหมอนั่นสักหมัด… ไคลน์กระโดดลงหลุมโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า เดินไปทางกองไฟ สัมผัสกับสีสันงดงามที่ห่างหายไปพักใหญ่เดนิสตามหลังไม่ห่าง หลังจากจ้องเปลวไฟที่ใช้ย่างกระต่าย มันรีบสลายอีกาเพลิงของตนอย่างเงียบเชียบ“นายหาถ้ำนี้พบได้ยังไง?” เดนิสถามด้วยสีหน้าไม่ยอมรับ แต่ร่างกายกลับเดินเข้าใกล้กองไฟอย่างซื่อตรงต่อความรู้สึกแอนเดอร์สันพลิกกระต่ายที่ถูกมีดสีดำเสียบ หมุนคอมาทางเดนิส“บทเรียนแรกของนักล่า จงตรวจสอบสภาพแวดล้อมอย่างละเอียด ทำความคุ้นเคยกับมัน และอาศัยพวกมันให้เกิดประโยชน์”เดนิสชะงักสีหน้าแอนเดอร์สันมองไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์ หัวเราะในลำคอ“หลุมที่ฉันระเบิดเองกับมือเป็นยังไงบ้าง เจ๋งไปเลยใช่ไหม? เป็นการควบคุมความรุนแรงได้อย่างสมบูรณ์แบบ”กล่าวจบ มันสูดกลิ่นบรรยากาศรอบตัว“หอมมาก น่าจะย่างได้ที่แล้ว อยากชิมสักคำไหม? แม้ว่าฉันจะไม่ได้พกเครื่องปรุงติดตัว แต่ที่นี่พอจะมีเกลือผลึกอยู่ รสชาติค่อนข้างฝาด”“แน่ใจได้ยังไงว่าเจ้านี่กินได้? ถ้าเป็นสัตว์วิเศษ นายได้คลุ้มคลั่งแน่” เดนิสกล่าวพลางส่ายหน้าปฏิเสธแอนเดอร์สันชำเลืองด้วยหางตา“บทเรียนนักล่าที่สอง จงจำแนกว่าสิ่งไหนกินได้และกินไม่ได้”กล่าวจบ มันบรรจงเหยียดแขน ดึงขากระต่ายลงและยัดใส่ปาก เคี้ยวอย่างออกรสชาติขณะเตรียมกล่าวบางสิ่ง ไคลน์สัมผัสถึงออร่าที่รุนแรงกำลังพุ่งตรงมาจากระยะไกล แรงกดดันของสิ่งมีชีวิตระดับสูงย่อมไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ร่างกายเดนิสพลันสั่นระริกอย่างมิอาจหักห้ามออร่าดังกล่าวบินผ่านท้องฟ้าด้านบนไปโดยไม่พบความผิดปรกติของหลุมถ้ำเบื้องล่าง ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็วราชาแห่งแดนเหนือ… นามหนึ่งผุดขึ้นในใจไคลน์………………………………………………………….
คอมเม้นต์