ราชันเร้นลับ 688 : รอคอยจนถึงที่สุด
หลังจากเดินผ่านดาดฟ้าเรือ เข้าไปในเขตห้องโดยสาร มองหาห้องพักของตน ไคลน์เตรียมกล่าวบางสิ่งแต่ถูกแอนเดอร์สันพูดตัดหน้า“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง… หากฉันเป็นผู้โดยสารของเรือลำนี้และเห็นนักผจญภัยที่เพิ่งทำให้ราชาอมตะขุ่นเคืองใจร่วมทางมาด้วย คงกำลังกระวนกระวายจนไม่เป็นอันทำอะไร หรือไม่ก็เดินไปบอกให้เจ้าหน้าที่ช่วยโน้มน้าวให้นายเปลี่ยนเรือ… หรือไม่ก็เปลี่ยนเรือเสียเอง… ผิดคาดมากที่ทุกคนใจเย็นขนาดนี้”หลักแหลมมาก ไม่ละเลยรายละเอียดเล็กน้อย… หรือจะเป็นคุณสมบัติของ ‘นักวางแผน’ ? ภายนอกทำเป็นยิงมุกตลกโปกฮาและแกว่งปากหาเสี้ยน แต่ในใจกลับเยือกเย็น สำรวจสภาพแวดล้อมและเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์… ไคลน์ไขกุญแจเปิดประตู ภายในใจไตร่ตรองว่าเรือลำนี้ผิดปรกติจริงหรือไม่ทันใดนั้น แอนเดอร์สันยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองหนึ่งฉาด“เข้าใจแล้ว! เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น ข่าวยังแพร่กระจายเฉพาะในหมู่นักผจญภัยและโจรสลัด ผู้โดยสารและลูกเรือที่เป็นคนธรรมดาจึงยังไม่ทราบข่าว เหนือสิ่งอื่นใด คนที่จะรู้จักใบหน้าของนายต้องมีข้อมูลในมือพอสมควร ไม่ใช่กับคนธรรมดา”ถามเองตอบเองเสร็จสรรพ… รู้เหมือนกันหรือว่าเวลาเป็นเงินเป็นทอง? ไคลน์รำพันพลางเดินเข้าไปในห้องพักชั้นเฟิร์สคลาสไม่ใช่ว่าชายหนุ่มต้องการความสะดวกสบาย แต่พิจารณาจากการต้องคอยจับตามองแอนเดอร์สัน·ฮู้ด มิให้ ‘ตัวซวย’ ก่อความวุ่นวายกับผู้โดยสารคนอื่น ห้องพักชั้นเฟิร์สคลาสคือสิ่งจำเป็นในสภาพถือกระเป๋าเดินทาง ไคลน์เดินเข้าห้องนอนใหญ่พลางชี้นิ้วไปทางห้องนอนแขกและคนรับใช้ กล่าวกับแอนเดอร์สัน“เลือกเอาตามใจชอบ”แอนเดอร์สันผงะเล็กน้อย เปล่งเสียงโดยอ้าปากค้างไว้ครึ่งหนึ่ง“ช่ำชองจังนะ…”แน่นอน ฉันรู้ว่าต้องปฏิบัติกับพวกนักล่ายังไง หากเดนิสอยู่ที่นี่ด้วย เจ้านั่นจะถูกกำหนดให้พักในห้องคนรับใช้… ไคลน์ไม่กล่าวคำใด เพียงเดินเข้าไปในห้องนอนใหญ่บ่ายสามโมงครึ่ง เรือโดยสารแล่นออกจากท่าตรงตามเวลาแขวนเสื้อโค้ทเสร็จ ไคลน์สวมกางเกงขายาว เสื้อเชิ้ตและเสื้อกั๊ก เดินออกจากห้องนอนใหญ่มาทางห้องนั่งเล่น มองออกไปยังเส้นขอบฟ้าด้านนอกหน้าต่างคลื่นทะเลสีฟ้าครามกำลังซัดสาด ระลอกคลื่นแผ่ออกจากเกาะทอสคาร์เตอร์จนสุดเส้นขอบฟ้า ยุบตัวขึ้นลงเป็นระยะตามแรงลม“เฝ้าจากตรงนี้คงไม่เกิดประโยชน์” แอนเดอร์สันเอนตัวพิงกำแพง เผยรอยยิ้มและกล่าว “นายจะได้เห็นแค่มุมเดียว แต่แจ้งมรณะสามารถโผล่มาจากทิศอื่นได้ ไม่ว่าจะทางด้านหน้าหรือด้านข้างอีกฝั่ง วิธีที่ดีที่สุดคือการปืนขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์ แต่ที่นั่นมีลูกเรือประจำการอยู่… หึหึ หากเป็นนักล่าหรือโจรสลัดที่ช่ำชอง มีกว่าร้อยวิธีในการลอบขึ้นไปโดยไม่ให้พวกเขารู้ตัว”ไคลน์หมุนร่างกายครึ่งรอบ มองแอนเดอร์สันอย่างไร้อารมณ์“ถูกต้อง… ฝากจัดการด้วยนะ”“หือ?” แอนเดอร์สันเผยสีหน้างุนงงก่อนจะได้สติกลับมาและซักถามเสียงฉงน“นายไม่มีวิธีจับตามองแบบอื่นแล้ว?”ถ้าตรวจสอบไม่ได้ว่าราชาอมตะจะโผล่ออกมาตอนไหน แล้วชายคนนี้วางกับดักล่อราชาอมตะได้ยังไง?“ไม่มี” ไคลน์พยักหน้าเยือกเย็น “ชะตากรรมของพวกเราขึ้นอยู่กับนายแล้วนะ”“…” แล้วทำไมเอ็งถึงกล้าขึ้นเรืออย่างเปิดเผยฟะ! แอนเดอร์สันหมดคำจะกล่าวเป็นเวลานานมันพึมพำในใจ ‘ฉันจะโดดลงจากเรือ อย่ามาห้ามนะ!’ ก่อนจะเดินออกจากเขตห้องโดยสาร ตรงไปยังด้านล่างหอสังเกตการณ์ในทางทฤษฎี ‘ราชาอมตะ’ อาการิธ หรือที่ควรเรียกว่า ‘แจ้งมรณะ’ น่าจะสัมผัสถึงจิตมุ่งร้ายของเราได้นานแล้ว… จะไม่โจมตีเข้ามาจริงหรือ? พิจารณาจากพลังในปัจจุบันของเรา รวมถึงการพรรคพวกคอยสนับสนุน ราชาอมตะไม่น่าจะปล่อยให้เหยื่อหลุดมือ… หรือมันกังวลว่า มีตัวตนลึกลับคอยกีดขวางสัญชาตญาณเตือนภัยของปีศาจ? ไคลน์ถอนสายตาจากประตู มองไปยังท้องทะเลด้านนอกผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มเริ่มสัมผัสถึงบางสิ่ง จึงเปิดเนตรวิญญาณและมองไปทางด้านข้างผู้ส่งสารโครงกระดูกร่างยักษ์โผล่ขึ้นจากพื้น เปลวไฟสีดำที่ลุกไหม้ในเบ้าตากำลังสั่นวูบวาบเนื่องจากโผล่ขึ้นมาแค่ท่อนบน ส่วนสูงจึงไม่มากไปกว่าไคลน์นัก หลังจากสองสายตาประสานกันสักพัก โครงกระดูกยื่นจดหมายมาให้ชายหนุ่มครั้งนี้มิสเตอร์อะซิกตอบไวมาก… ไคลน์พยักหน้าสุภาพ ใช้มือรับจดหมายที่ถูกพับมาอย่างดีรอจนกระทั่งผู้ส่งสารหายไป ไคลน์เปิดจดหมายอ่านท่ามกลางแสงแดดด้านนอก“…ขอแสดงความยินดีที่คุณเลื่อนลำดับสำเร็จ การเดินทางของคุณน่าสนใจกว่าที่ผมคิดไว้มาก”“เขตน่านน้ำพิเศษอันตรายสมคำร่ำลือ ผมจำได้เลือนรางว่า ที่นั่นเกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ ส่วนเหตุผลที่มีออร่าของเทพมรณาโบราณหลงเหลืออยู่ ผมไม่มั่นใจสักเท่าไร”“คำเตือนของคุณ ผมจะจำใส่ใจเอาไว้ หากความทรงจำไม่ฟื้นคืนกลับมาอย่างสมบูรณ์ ผมจะไม่ไปเยือนทะเลแห่งนั้นเด็ดขาด เสียงเพรียกของพระผู้สร้างแท้จริงไม่ใช่สิ่งที่น่าอภิรมย์สักเท่าไร”“ผมสนใจแหวนในมือของพลเรือเอกขุมนรก แต่ตอนนี้กำลังพัวพันอยู่กับการค้นหาอดีต คงใช้เวลาสะสางสักพักกว่าจะมีเวลาแวะไปเยี่ยมเขา”อ่านถึงตรงนี้ ไคลน์อดยิ้มไม่ได้หากมีโอกาสเขียนจดหมายถึงมิสเตอร์อะซิกครั้งหน้า จะบอกกับเขาว่าเรามีวิธีระบุพิกัด ‘พลเรือเอกขุมนรก’ ลูเธอร์ไวล์ เมื่อใดที่ต้องการแวะไปเยี่ยม อย่าลืมชวนเราไปด้วย… จริงสิ เราไม่ได้ตรวจสอบตำแหน่งของกระดุมข้อมือเมอร์ล็อคมาสักพักแล้ว ไม่แน่ใจว่าถูกลูเธอร์ไวล์พบเข้าและโยนทิ้งทะเลไปหรือยัง… คงต้องรอยืนยันความปลอดภัยจาก ‘แจ้งมรณะ’ เสียก่อน จึงค่อยขึ้นมิติเหนือสายหมอกไปทำนายถึงตำแหน่งปัจจุบัน…กลอกตาเล็กน้อย ไคลน์เริ่มอ่านต่อ“เอกสารโบราณจากคาร์เทอริน่าเขียนอธิบายเกี่ยวกับโครงการมรณาเทียมไว้จริง เล่าโดยย่อ อดีตราชวงศ์ไบลัมกลายมาเป็นสมาชิกระดับสูงของนิกายวิญญาณในปัจจุบัน พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ที่ ‘ปราชญ์เร้นลับ’ กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิต จึงหวังให้สิ่งเดียวกันเกิดกับเทพมรณาซึ่งกลายเป็นเพียงนามธรรมไปแล้ว”“ในทางทฤษฎี หากอ้างอิงจากกฎความถาวรของพลังพิเศษ โครงการนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จ การร่วงหล่นของเทพมรณามิได้แปลว่าตะกอนพลังและอำนาจจะสูญหายโดยสมบูรณ์ สิ่งเหล่านั้นยังคงอยู่ เพียงแต่แปรสภาพกลายเป็นนามธรรม ตรงนี้สอดคล้องกับสถานภาพในช่วงแรกของปราชญ์เร้นลับ”“จากเอกสารดังกล่าว การวิจัยยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่นั่นเป็นข้อมูลจากสมัยหนึ่งร้อยปีก่อน”“ลำดับ 4 ของเส้นทางนักทำนายมีชื่อว่า ‘จอมเวทพิสดาร’ กลุ่มยอดฝีมือของตระกูลอันทีโกนัสและซาราธเคยมอบความทรงจำที่ตัวผมยากจะลืมเลือน แม้ตอนนี้อาจจะยังคืนความทรงจำกลับมาไม่หมด แต่เพียงได้ยินชื่อก็มากพอจะทำให้เกิดอาการหวาดหวั่นเล็ก ๆ”“ส่วนจะไปหาสูตรโอสถและวัตถุดิบได้จากที่ไหน ผมเองก็ไม่ทราบ บางทีคุณควรพิจารณาเรื่องการเปลี่ยนไปยังเส้นทางใกล้เคียง… ลำดับ 4 ของเส้นทางใกล้เคียงประกอบด้วย ‘จอมเวทลึกลับ’ แห่งเส้นทางผู้ฝึกหัด และ ‘ปรสิต’ แห่งเส้นทางนักจารกรรม แต่ผมจดจำได้เลือนรางว่า กลุ่มเส้นทางเหล่านี้จะสลับกันได้ในลำดับ 3”เป็นอย่างที่คิด… ดูเหมือนว่าความหวังสุดท้ายของเราคือ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดส… ไคลน์ฝืนยิ้มแห้งอ่านจดหมายจบ ชายหนุ่มหยิบปากกาและกระดาษ จดบันทึกแนวคิดเมื่อครู่ลงไป รวมถึงกำชับว่า อย่าลืมถามถึงนิยามของ ‘สัตว์ในตำนาน’ไคลน์ไม่รีบร้อนอัญเชิญผู้ส่งสาร เพียงวางปากกาและกระดาษลง เตรียมเผชิญหน้ากับแจ้งมรณะที่อาจโผล่ออกมาได้ทุกเมื่อ ถึงตอนนั้นค่อยเริ่มเขียนขอความช่วยเหลือลงในจดหมายและส่งกลับไปหามิสเตอร์อะซิกก็ยังไม่สาย ตามด้วยการใช้คทาเทพสมุทรคอยสนับสนุนตัวเอง ยื้อเวลาให้มิสเตอร์อะซิกเดินทางข้ามโลกวิญญาณมาช่วย หากมีอีกฝ่ายคอยสนับสนุน ‘แจ้งมรณะ’ ก็มีสิทธิ์อับปางได้เหมือนกันที่ไม่รีบเขียนเตรียมไว้ก่อนเพราะ ‘ปีศาจ’ อาจสัมผัสถึงอันตราย และนั่นจะทำให้แจ้งมรณะไม่วกกลับมา ส่วนคำถามที่ว่า ลำพังแผนการในปัจจุบันก็มากพอจะทำให้อีกฝ่ายหยั่งถึงอันตรายแล้วไม่ใช่หรือ สำหรับเรื่องนี้ ไคลน์เองก็ไม่มีคำตอบหลังจากรอคอยอย่างอดทนนานหลายชั่วโมง ไคลน์ได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง เมื่อมองกลับไปก็พบแอนเดอร์สันกำลังใช้มือลูบแก้ม เดินเข้ามาด้วยสีหน้าซับซ้อน“แจ้งมรณะไม่โผล่ออกมา… พวกเราออกจากน่านน้ำทอสคาร์เตอร์เรียบร้อยแล้ว…”ราชาอมตะไม่ลงมือแก้แค้น… ดูเหมือนว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์จะรับมือได้ยากกว่าที่เราคิดไว้มาก! แอนเดอร์สันถอนหายใจยาวไคลน์พยักหน้ารับอย่างเสียดาย เดินไปทางราวแขวนผ้า สวมโค้ทและหมวก เตรียมตัวไปห้องอาหาร…ณ ห้องลับแห่งหนึ่ง หน่วยถุงมือแดงกำลังถกเถียงเกี่ยวกับคดีล่าสุดที่พวกตนตามสืบ‘นักปลอบวิญญาณ’ โซสต์ ถือชอล์กพลางชี้ไปทางกระดานดำ“คดีฆาตกรรมของปีศาจในคราวนี้มีบางสิ่งเกี่ยวพันกับคดีลอบสังหารดยุคนีแกนในกรุงเบ็คลันด์… ประการแรก เศษหนังมนุษย์เต็มไปด้วยออร่าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในคดีเกี่ยวกับปีศาจ… ประการที่สอง มีปีศาจมากกว่าหนึ่งตน พวกมันสวมหนังมนุษย์และดำรงชีวิตตามกิจวัตรประจำวัน คอยกลบเกลื่อนพฤติกรรมชั่วร้ายของพวกพ้อง… ประการสุดท้าย พวกมันต้องสงสัยว่าจะเป็นสมาชิกของตระกูลบีเลียล…”เลียวนาร์ดตรงมุมห้องทำท่าทางคล้ายกำลังนั่งฟังอย่างตั้งใจ แต่ในความเป็นจริง เมื่อได้ยินหัวหน้าเอ่ยถึงกรุงเบ็คลันด์ สมองของมันมัวแต่นึกถึงเรื่องอื่นในอดีตหลังจากเห็นซากปรักหักพังใต้ดินถูกทำลายโดยสมบูรณ์ เลียวนาร์ดคิดจะใช้เวลาว่างไปกับการแกะรอยนักสืบลึกลับ ‘เชอร์ล็อก·โมเรียตี้’ ขณะใกล้จะสาวถึงอดีตเจ้าของบ้านเช่า หน่วยถุงมือแดงกลับได้รับภารกิจเร่งด่วน จึงต้องเดินทางออกจากเบ็คลันด์เพื่อสืบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องครั้งใหม่“เลียวนาร์ด มีความคิดเห็นยังไงบ้าง” หลังจากเล่าจบ โซสต์เรียกชื่อเลียวนาร์ดเพื่อขอความเห็นเลียวนาร์ดเอียงคอเล็กน้อยด้วยสมองขาวโพลน สายตาเหลือบไปมองเนื้อหาบนกระดานดำเล็กน้อย รีบเรียบเรียงคำพูด“ตามความเห็นของผม พฤติกรรมของพวกมันน่าจะไม่ใช่แค่การเบี่ยงเบนความสนใจให้พวกพ้อง แต่อาจเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมบางชนิด หัวหน้าโซสต์ คุณเองก็คงทราบดี พวกมีปีศาจมีพิธีกรรมนอกรีตและชั่วร้ายมากมาย”“สมเหตุสมผล” โซสต์เลือกคนต่อไปออกมาพูดฟู่ว… โชคดีที่ตาแก่เพิ่งสอนเราเกี่ยวกับวิชาปีศาจศึกษา… เลียวนาร์ดโล่งใจ เริ่มกลับมามีสมาธิกับประเด็นสนทนาของพวกพ้อง…หลังจากแล่นเรือนานสองวัน ผู้โดยสารถูกส่งมาถือท่าเรือโอลาวีโดยสวัสดิภาพจองห้องพักเสร็จ ไคลน์กล่าวกับแอนเดอร์สัน·ฮู้ด“รอฉันที่นี่ ครึ่งเทพตนนั้นไม่ต้องการเจอคนแปลกหน้าโดยไม่ได้นัดหมาย”ไคลน์ไม่อยากเปิดเผยช่องทางการติดต่อกับคนของโรงเรียนชีวิต“ขอให้ฉันมีชีวิตรอดจนถึงตอนนั้นก็แล้วกัน…” แอนเดอร์สันยิ้มขื่นขมพลางอวยพรตัวเองมุมปากไคลน์กระตุกเล็กน้อย กลืนคำพูดในใจลงคอ ก่อนที่จะนั่งรถม้าเช่าตรงมายังวิหารนักบุญเดรโก้ซึ่งเป็นของโบสถ์วายุสลาตันเพียงไม่นาน ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องเล็ก ๆ ของหอนาฬิกาโอ่อ่าและได้พบกับคาโน่ คนตีระฆังอัปลักษณ์รูปร่างสูงใหญ่ ชายผู้ไม่มีอวัยวะใดบนร่างกายสมมาตรแม้แต่ส่วนเดียวฟังเจตนาของเกอร์มัน·สแปร์โรว์จบ คาโน่หลังค่อมพยักหน้า“เดี๋ยวจะนำทางไปหามิสเตอร์ริคคาร์ด ท่านฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้พอสมควรแล้ว ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในจุดเดิม”“ตกลง” กล่าวจบ ไคลน์นึกขึ้นได้ว่า คาโน่คือผลผลิตจากโครงการมนุษย์ดัดแปลงของโบสถ์พระแม่ธรณี จึงถามออกไปว่า “รู้จักแฟรงค์·ลีไหม?”………………………………….
คอมเม้นต์