ราชันเร้นลับ 686 : พิธีกรรมที่สำเร็จได้ยาก
ครุ่นคิดสักพัก ไคลน์ที่หาคำตอบไม่ได้ พบว่านิมิตลางสังหรณ์ของตนมิได้แจ้งเตือนอันตรายจากวัตถุดังกล่าว จึงตัดสินใจเก็บผลึกโลหิตเข้ากระเป๋า ตามด้วยการก้มตรวจสอบจิลเซียสในร่างปีศาจที่ศีรษะหายไปครึ่งหนึ่งสภาพแบบนี้จะแลกค่าหัวได้หรือ และถ้าได้ จะได้เท่าไร? เราไม่รู้ว่าใครเป็นนายหน้าให้กับทางการที่นี่… ส่งโทรเลขไปหาออส·เคนท์? กว่าข้อความจะไปถึงและกลับมา กว่าอีกฝ่ายจะสะสางงานทางไกลเสร็จ คงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสี่วัน แต่เราต้องออกเดินทางพรุ่งนี้… เหนือสิ่งอื่นใด แบบนั้นเราต้องเสียค่านายหน้าหลายทอด… ชายหนุ่มพึมพำเงียบ เดินไปด้านข้าง ก้มหยิบหมวกผ้าไหมตรงกึ่งสูงที่มีรอยไหม้ขึ้นมาสวมจากนั้นก็ลากศพปีศาจร่างใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก เดินไปทางประตูห้อง เหยียดแขนผลักประตูเปิดสายลมโหยหวนพลันพัดผ่าน ทำลายความเงียบงันภายในตัวอาคารไคลน์กดข้อนิ้วเพื่อปิดเนตรด้ายวิญญาณ ดำเนินการลากศพปีศาจที่น่าขนลุกและขยะแขยงผ่านทางเดิน ผ่านบันได ลงไปถึงชั้นล่างในเวลานี้ ไม่มีใครหลงเหลืออยู่ในผับ โต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาด เศษสิ่งของหล่นเต็มพื้น เต็มไปด้วยสภาพความยุ่งเหยิงไคลน์ผ่านบันไดที่พังยับเยิน เดินเข้าไปในห้องโถงหลัก กวาดตามองรอบตัวสักพักจนพบเจ้าของร้านที่ซ่อนตัวอยู่หลังเคาน์เตอร์ ใบหน้าค่อนไปทางเศร้าเสียใจ มีบอดี้การ์ดสองสามคนกระจายตัวอยู่ไม่ห่างกึก กึก กึก… ชายหนุ่มย่างสามขุม ศพปีศาจด้านหลังกระแทกโต๊ะและเก้าอี้จนเกิดเสียง“ค…คิดจะทำอะไร?” เจ้าของร้านผงะถอยหลัง ถามเสียงสั่นเครือเหล่าบอดี้การ์ดรีบเดินมารายล้อมด้วยท่าทีสั่นระริก ดวงตาแยกชำเลืองไปคนละทิศละทาง คล้ายกับหากเกิดอะไรขึ้น ทุกคนพร้อมเผ่นหนีด้วยความเร็วสูงสุดไคลน์หยุดฝีเท้า โยนร่างจิลเซียสลงด้านหน้าตามด้วยกล่าวเสียงทุ้มลึก“ขึ้นค่าหัวได้ไหม”เจ้าของโรงแรมนิ่งไปสักพัก ก้มมองตามสัญชาตญาณ พบศพปีศาจร่างใหญ่ที่ยังมีละอองเปลวเพลิงสีฟ้าหลงเหลือมันและบอดี้การ์ดสูดลมหายใจเข้าพร้อมกัน รู้สึกราวกับตนกำลังอยู่ในโลกมายามากกว่าความเป็นจริงไม่ผิดแน่ นี่คือปีศาจ!ขาดเพียงเขาแพะทรงโค้ง ที่เหลือล้วนตรงตามคำอธิบายของปีศาจในตำนานและพระคัมภีร์ของศาสนจักรทุกประการ!สำหรับมนุษย์ธรรมดาที่อาศัยอยู่ในแดนสวรรค์แห่งโจรสลัด การได้เห็นพลังเหนือธรรมชาติไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ สำหรับคนที่นี่ ความรู้ในเชิงศาสตร์เร้นลับของพวกมันสูงกว่าชาวอาณานิคมโอลาวีและชาวเมืองชนเผ่าดั้งเดิมพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งเจ้าของและบอดี้การ์ดต่างก็ไม่เคยเห็นปีศาจตัวจริงมาก่อน ถึงขั้นเคยสงสัยว่า วลี ‘ปีศาจ’ ของศาสนจักรอาจถูกสร้างขึ้นเพียงเพื่อตราหน้าผู้วิเศษนอกรีตเจ้าของร้านชักสายตากลับด้วยสีหน้าหนักใจ จ้องไปทางนักผจญภัยหนุ่มในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่นและสีหน้าเย็นชา“ขึ้นเงินได้… พ…พวกเขาคงมีวิธีตรวจสอบว่านี่คือจิลเซียส… เป็นจิลเซียสใช่ไหม?”ไคลน์พยักหน้ารับพลางแอบโล่งใจเจ้าของร้านยังคงครุ่นคิดต่ออีกสองสามวินาที เผยรอยยิ้มเจือความกลัว“แต่ไม่มีทางขึ้นเงินได้เต็มจำนวน นายคงทราบดีอยู่แล้ว… ค่าดำเนินการราวสามสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่อย่างนั้นต้องรอนานมาก เงินเก้าพันห้าร้อยปอนด์ไม่ใช่จำนวนที่น้อย แม้จะเป็นท่าเรือทอสคาร์เตอร์ก็ยังใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งสัปดาห์… หากเปลี่ยนเป็นโอลาวีหรือเมืองอาณานิคมอื่น การขึ้นค่าหัวจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองสัปดาห์ด้วยซ้ำ แต่เพราะที่นี่มีโจรสลัดชุกชุม นักผจญภัยจึงมาขึ้นค่าหัวบ่อย เงินสดสำรองที่เตรียมไว้จึงมากกว่า”แน่นอน เก้าพันห้าร้อยปอนด์ไม่ใช่เงินก้อนเล็ก ไคลน์ยังไม่ลืมว่า สมัยเคยทำงานอยู่ที่เมืองทิงเก็น งบประมาณของเหยี่ยวราตรีจะตกเพียงเดือนละหนึ่งพันปอนด์ แถมยังหารกันจ่ายโดยศาสนจักรและกรมตำรวจชายหนุ่มครุ่นคิดสักพัก ส่งเสียงถามเจ้าของผับ“รู้จักฉันไหม”“ร…รู้” เจ้าของผับรีบพยักหน้าลนลานไคลน์เหลือบมองทุกคน ซักถามต่อไป“รู้ใช่ไหมว่าฉันพักอยู่ที่ไหน”“ร…รู้” เจ้าของผับไม่กล้าโกหกไคลน์ ‘อืม’ ในลำคอและกล่าวขึงขัง“พรุ่งนี้ก่อนเที่ยง นำเงินหกพันปอนด์ไปส่งให้ถึงมือ”หกพันปอนด์? น้อยกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เสียอีก… มีส่วนต่างราวหกร้อยปอนด์… เจ้าของผับผงะเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่านักผจญภัยเสียสติจะเป็นฝ่ายยอมลดราคาให้“ทำได้ไหม” ไคลน์ถามย้ำสำหรับไคลน์ ส่วนที่เกินมาหกร้อยห้าสิบปอนด์คือค่าซ่อมแซมผับ ต้องไม่ลืมว่า ผับเกิดความวุ่นวายและเละเทะเช่นนี้เพราะฝีมือตน แต่ในฐานะนักผจญภัยเสียสติ คำพูดเช่นนั้นมิอาจกล่าวออกไป และไคลน์เชื่อว่าเจ้าของผับไม่ใช่พ่อพระใจบุญ คงจะไม่แบ่งเงินก้อนนี้กับคนอื่นหลังจากครุ่นคิดเคร่งเครียด เจ้าของผับตอบขึงขัง“ไม่มีปัญหา!”แม้ระเบียบราชการจะกินเวลานาน แต่มันก็มิได้กังวล เจ้าของผับเตรียมกู้เงินส่วนหนึ่ง รวมกับเงินออมของตัวเองอีกส่วนหนึ่ง จ่ายค่าหัวในจำนวนที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์ต้องการไปก่อนสำหรับยุคสมัยปัจจุบัน ธุรกิจที่ทำกำไรได้หลายร้อยปอนด์มีไม่มากนัก หากได้โอกาสก็ต้องรีบคว้าไว้!ไคลน์พยักหน้าไม่กล่าวคำใด หันหลังเดินไปทางประตูผับขณะเข้าใกล้ประตู ชายหนุ่มหยิบเหรียญทองแดงจำนวนหนึ่งออกจากกระเป๋าและโยนลงบนโต๊ะกลมขนาดเล็กด้านข้างสิ้นเสียงกริ๊ง เหรียญที่กลิ้งเริ่มสงบ รวมทั้งหมดแปดเพนนีระหว่างที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ไคลน์ในเสื้อโค้ทยาวสีดำยังคงไม่หยุดเดินหรือชะลอฝีเท้า ไม่นานก็หายตัวไปจากหน้าประตู“ข… เขาทำไปเพื่ออะไร?” เจ้าของผับกล่าวด้วยสีหน้าฉงนบอดี้การ์ดส่วนใหญ่ส่ายหน้า เป็นนัยว่าไม่ทราบถึงจุดประสงค์ที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์โยนเหรียญบอดี้การ์ดคนหนึ่งซึ่งเคยเฝ้าประตูขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด ลองคาดเดา“ตอนที่เข้ามาในผับครั้งแรก เขาขว้างเบียร์ของใครบางคนใส่จิลเซียส… หรือจะเป็นค่าเบียร์แก้วนั้น?”ทั้งผับเกิดความเงียบงัน แม้เจ้าของผับและบอดี้การ์ดจะยังไม่ปักใจเชื่อคำอธิบายดังกล่าว แต่ภายในใจลึกๆ กลับรู้สึกว่า พฤติกรรมเช่นนี้ช่างสอดคล้องกับความเสียสติของเกอร์มัน·สแปร์โรว์…ชุดพังอีกแล้ว ค่าเสียหายเกือบเก้าปอนด์… แต่โชคยังดีที่การลงมือคราวนี้ทำเงินได้มาก… พรุ่งนี้ต้องรีบหาชุดใหม่มาเปลี่ยน… หลังจากหักเลี้ยวเปลี่ยนเส้นถนน ไคลน์หยุดเพื่อตรวจสอบสถานภาพปัจจุบันชายหนุ่มไม่รีบกลับโรงแรม อันดับแรก มันมุ่งหน้าสืบสวนตามข้อมูลที่ได้รับมาจากโมโซน่า หัวหน้าพรรคโลเอ็นใหม่ จนกระทั่งพบกับตำรวจคนที่ถูกติดสินบนด้วยยาเสพติดและช่วยแก๊งอันธพาลทำเรื่องต่ำช้ามากมาย รวมไปถึงการวางแผนฆ่าพยานรู้เห็น หลังจากสื่อวิญญาณเพื่อยืนยันความผิดของอีกฝ่ายจนมั่นใจ ชายหนุ่มปล่อยให้ยุบพองหิวโหยเพลิดเพลินไปกับอาหารสำหรับวันนี้อย่างอิ่มเอมจัดการเสร็จ ไคลน์นั่งรถม้ากลับโรงแรม กลับเข้าห้องพักเตรียมแท่นบูชาเสร็จ ชายหนุ่มประกอบพิธีกรรมเพื่อนำยุบพองหิวโหยและผลึกเลือดเรียวบางเข้าสู่มิติหมอกขณะนั่งบนเก้าอี้หัวโต๊ะทองแดงยาว ไคลน์หยิบถุงมือขึ้นมาและปลดปล่อยดวงวิญญาณ ‘นักบวชแสง’ โดยไม่ลังเลผู้วิเศษลำดับ 5 รายนี้มีใบหน้าเรียวผอม บุคลิกสง่างาม ท่าทางคล้ายกับคนแก่ใจดี สวมชุดนักบวชสีขาวเรียบง่าย สิ่งแรกที่ดวงวิญญาณทำคือการแสดงความขอบคุณต่อสิ่งมีชีวิตลึกลับผู้ปกครองมิติเหนือสายหมอกไคลน์พยักหน้าตอบสนอง จากนั้นก็นำปากกาและกระดาษออกมาเขียนประโยคทำนาย“สูตรโอสถเส้นทางสุริยันตั้งแต่ลำดับ 7 ขึ้นไป”เอนหลังพิงพนัก ชายหนุ่มเริ่มใช้เทคนิคทำนายฝันเพื่อสื่อวิญญาณโลกสีเทาพลันแปรเปลี่ยน ไคลน์เห็นนักบวชแสงกำลังคลี่ม้วนกระดาษหนังในห้องอ่านหนังสือที่มีแสงแดดส่องถึง บนกระดาษมีสูตรโอสถซึ่งเขียนด้วยภาษาฟุซัคโบราณ :“ลำดับ 6 ผู้รับรอง”“วัตถุดิบหลัก :”“ผลึกรากของต้นคนชราหนึ่งก้อน”“ขนแพนหางของนกพันธสัญญาวิญญาณห้าเส้น”“วัตถุดิบเสริม :”“ยางไม้ของต้นพันธสัญญาวิญญาณหนึ่งร้อยมิลลิลิตร”“ทานตะวันขอบทองหนึ่งดอก”“ทานตะวันขอบขาวหนึ่งดอก”“น้ำสกัดใบเฟิร์นห้าหยด”หลังจากฉากดังกล่าวหยุดค้างประมาณสองสามวินาที คลื่นน้ำสั่นกระเพื่อมพร้อมกับเปลี่ยนเป็นฉากห้องโถงโอ่อ่าซึ่งมีรูปปั้นทองคำเรียงรายภายในโถงใหญ่ บุรุษซึ่งรายล้อมด้วยแสงสว่างเจิดจ้าจนไม่มีใครกล้าสบตา ก้มมองชายสูงอายุพลางกล่าว“นี่คือสูตรโอสถนักบวชแสง… จงจำให้ขึ้นใจ… ขับไล่ความมืดมิด สรรเสริญดวงสุริยัน”ชายชรารับไปด้วยสีหน้าตื่นเต้น บรรจงคลี่ม้วนกระดาษในมือ“ลำดับ 5 นักบวชแสง”“วัตถุดิบหลัก :”“หงอนสีแดงของราชาระการุ่งอรุณ”“ศิลาเจิดจรัสบริสุทธิ์หนึ่งก้อน”“วัตถุดิบเสริม :”“โรสแมรี่ห้ากรัม”“น้ำส้มมือสีทองเจ็ดหยด”“น้ำศิลาสิบมิลลิลิตร”“เลือดของราชาระการุ่งอรุณหกสิบมิลลิลิตร”“พิธีกรรม : ท่ามกลางความมืดมิดโดยสมบูรณ์ ฝังร่างตัวเองลงในก้อนน้ำแข็งที่ไม่ละลายตามปรกติ จากนั้นก็ดื่มโอสถ”ฉากฝันเลือนหายอย่างรวดเร็ว เนื้อหาทั้งหมดจบลงเท่านี้ไคลน์ไม่ประหลาดใจสักเท่าไร มันทราบดี หากเป็นโอสถระดับตั้งแต่ครึ่งเทพขึ้นไป เจ็ดโบสถ์หลักมักเตรียมโอสถและพิธีกรรมให้เสร็จสรรพโดยไม่แจ้งสูตรเป็นลายลักษณ์อักษรในปัจจุบัน ร่างวิญญาณของนักบวชแสงเริ่มเลือนรางหลังจากจิตถูกฝืนสื่อวิญญาณสีหน้าที่เคยเจ็บปวดบรรเทาลงหลายส่วน ศีรษะเงยขึ้น กางแขนออกด้วยท่าทางที่คล้ายกำลังโอบกอดดวงอาทิตย์“สุริยันจงเจริญ!” นักบวชแสงหลับตาลง กล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมศรัทธานั่นคือประโยคสั่งลา ร่างวิญญาณของมันเริ่มกระจัดกระจายปะปนกับสายหมอก จนกระทั่งเลือนหายโดยสมบูรณ์ผู้ศรัทธาเคร่งครัด… ไคลน์ถอนหายใจพลางพึมพำ นำสิ่งที่เห็นในความฝันมาจดเป็นสูตรลงบนกระดาษหนังหนึ่งในวัตถุดิบหลักของผู้รับรองคือผลึกรากของต้นคนชรา… ถ้าจำไม่ผิด นักจิตบำบัดของมิสจัสติสก็ใช้ผลของต้นคนชรา… บางทีเส้นทาง ‘ผู้ชม’ และ ‘สุริยัน’ อาจสลับกันได้ในลำดับสูง… พิธีกรรมของนักบวชแสงค่อนข้างยุ่งยากสำหรับคนธรรมดา การหาน้ำแข็งที่ไม่ละลายไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำหรับเดอะซันน้อย ความยุ่งยากจะเป็นประเด็นอื่นมากกว่า… ชาวดินแดนเทพทอดทิ้งอาจหายตัวไปหากอยู่ใน ‘ความมืด’ เป็นเวลานาน… เราคงต้องค่อยๆ คิดหาวิธีแก้ไขปัญหาอย่างใจเย็น… อา… แก่นของเทคนิคสวมบทบาทคือการ ‘ขจัดความมืด สรรเสริญสุริยัน’ สินะ… หลังจากใคร่ครวญ ไคลน์หยิบผลึกเลือดเรียวยาวที่เกิดจากศพจิลเซียสขึ้นมาถือชายหนุ่มครุ่นคิดหลายวินาที เขียนประโยคทำนายอย่างรัดกุม“ที่มาของสิ่งนี้”ในสภาพถือผลึกและกระดาษ ไคลน์พึมพำประโยคทำนายเสียงแผ่วหนแล้วหนเล่าจนกระทั่งเข้าสู่ความฝันท่ามกลางโลกสีเทา ชายหนุ่มเห็น ‘แจ้งมรณะ’ เรือใบลำใหญ่ที่ปลายหัวท้ายยกสูง และเห็นจิลเซียสกำลังปืนบันไดขึ้นไปบนดาดฟ้าในวินาทีที่ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายวางเท้าลง หมอกดำพลันพวยพุ่งจากช่องว่างของพื้นดาดฟ้าเรือ กลิ่นความชั่วร้ายคละคลุ้งเข้มข้น โอบกอดร่างจิลเซียสไว้อย่างสมบูรณ์ มลพิษดังกล่าวกัดกร่อนทุกสิ่งที่ส่องแสงบนตัวจิลเซียส รวมถึงร่างกายของมันด้วยหมอกดำเริ่มหดตัวอย่างรวดเร็ว ควบแน่นลอยเข้าไปในหน้าอกของจิลเซียสพร้อมกับค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงประหนึ่งคราบเลือดจนกระทั่งสถานการณ์กลับเป็นปรกติ จิลเซียสคุกเข่าลงหนึ่งข้าง หันหน้าไปทางดาดฟ้าเรือและกล่าว“เจตจำนงของท่านคือเจตจำนงของข้า ท่านมหาแจ้งมรณะ!”ความฝันแตกสลาย ไคลน์ลืมตาตื่นชายหนุ่มนั่งตัวตรง เพ่งไปยังผลึกโลหิตพลางพึมพำด้วยสีหน้าครุ่นคิด“แจ้งมรณะมีชีวิต? สมบัติปิดผนึกที่มีสัญญาณชีพ? ผลึกก้อนนี้ใช้สำหรับควบคุมเหล่าลูกเรือ เต็มไปด้วยมลพิษร้ายแรง ส่งผลให้สมบัติวิเศษระดับต่ำล้วนถูกกัดกร่อนจนเสียหาย?”……………………………………
คอมเม้นต์