ราชันเร้นลับ 680 : ปรับปรุงตัวเอง
หลังจากเห็นเดอะเวิร์ลพยักหน้ายืนยันภารกิจลอบสังหารลูอิส·เวย์น ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ“มีใครในที่นี้ขายผลึกอุกกาบาตและผลึกเลือดหมึกลาวาบ้าง? หรือไม่ก็เบาะแสของพวกมัน”เหล่านี้คือวัตถุสำหรับปรุงโอสถ ‘โหราจารย์’เดิมที ฟอร์สต้องการจะจ้างเพิ่มอีกหนึ่งงาน นั่นคือการไหว้วานให้มิสเตอร์มูนที่อาศัยอยู่ในกรุงเบ็คลันด์ช่วยตามหาตัวลูอิส·เวย์น แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างละเอียด หญิงสาวตัดสินใจลองค้นหาด้วยตัวเองก่อน จนกว่าจะหมดหนทางหรือไม่พบเบาะแสใดเลย จึงค่อยว่าจ้างให้สมาชิกของชุมนุมทาโรต์ช่วยผลึกอุกกาบาต? ผลึกเลือกหมึกลาวา? ทำไมถึงได้คุ้นหูนัก… เราไม่ได้มีสูตรโอสถโหราจารย์สักหน่อย… นึกออกแล้ว เพราะวัตถุดิบของโอสถนักทำนายประกอบด้วยผลึกดวงดาวห้าสิบกรัม และเลือดหมึกลาวาสิบมิลลิลิตร! ดูเหมือนว่าวัตถุดิบหลักโอสถโหราจารย์จะเหมือนกับของนักทำนาย เพียงแต่เป็นเวอร์ชันยกระดับ… นั่นสินะ คงเป็นเหตุผลว่าทำไมเส้นทาง ‘ผู้ฝึกหัด’ และ ‘นักทำนาย’ ถึงสามารถสลับกันได้ในลำดับสูง… ใคร่ครวญถึงจุดนี้ ไคลน์พลันผุดแนวคิดใหม่ถ้าในเมื่อการตามหาสูตรโอสถ ‘จอมเวทพิสดาร’ เป็นเรื่องยากนัก ทั้งสามวิธีล้วนเต็มไปด้วยความอันตราย แล้วทำไมเราถึงไม่ลองย้ายไปเป็นลำดับ 4 ของเส้นทางใกล้เคียงดู? อย่างเช่นเส้นทางผู้ฝึกหัด!คิดถึงตรงนี้ ไคลน์เริ่มบรรเทาความอึดอัดและกังวลใจลงหลายส่วน อารมณ์สดใสร่าเริงแทรกเข้ามาแทนที่สำหรับสูตรโอสถลำดับ 4 ของเส้นทางผู้ฝึกหัด ชุมนุมทาโรต์แห่งนี้พอมีเบาะแสอยู่ นั่นคือตระกูลอับราฮัมที่คอยหนุนหลังมิสเมจิกเชี่ยน!เดอะเวิร์ลรีบจ้องไปทางมิสเมจิกเชี่ยนด้วยสายตาที่อบอุ่นกว่าปรกติโดยไม่รู้ตัว แต่นั่นกลับทำให้ฟอร์สสะดุ้งเฮือกพลางคิดว่า เดอะเวิร์ลคงกำลังวางแผนล่าลูอิส·เวย์นในหัวทันใดนั้น ‘เดอะฟูล’ ไคลน์ พลันหวนนึกถึงข้อสันนิษฐานของดันน์และดาลีย์ในเรื่องที่ว่า เหตุใดห้าลำดับแรกของเส้นทางนักทำนายถึงไม่ใช่การต่อยอดพลังเดิม แต่เป็นการเพิ่มพลังใหม่ซึ่งไม่สอดคล้องกันเข้ามา โดยทั้งคู่ลงความเห็นว่า เมื่อถึงลำดับ 4 เส้นทางนักทำนายจะเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ คล้ายกับกำปั้นที่เกิดจากการรวมตัวกันของห้านิ้วมือ ส่งผลให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดย้อนกลับไปในตอนนั้น หัวหน้าและมาดามดาลีย์ทำได้เพียงคาดเดาจากข้อมูลผิวเผินของโอสถนักทำนาย ตัวตลก และนักมายากล… แต่หลังจากกลายเป็นผู้ไร้หน้าและนักเชิดหุ่นด้วยตัวเอง เราสามารถยืนยันได้ว่า ทฤษฎีนี้ใกล้เคียงความจริงอย่างมาก… มีโอกาสเป็นไปได้ว่า เส้นทางนักทำนาย ผู้ฝึกหัด และนักจารกรรมจะมิอาจสลับกันได้ในลำดับที่ 4 แต่ต้องรอถึงลำดับ 3… ยิ่งครุ่นคิด ความยินดีในใจไคลน์ก็ยิ่งหดหายเรายังมีข้อมูลน้อยเกินไป คงยังตัดสินใจเด็ดขาดไม่ได้ ต้องรอให้มิสเตอร์อะซิกตอบจดหมายกลับมาก่อน รวมไปถึงคำตอบจากกระจกวิเศษอาโรเดส ซึ่งเราจะถามหลังออกจากเขตทะเลที่มีสมุนของพระผู้สร้างแท้จริงคอยจับตามองขณะไคลน์ดำดิ่งในห้วงความคิด เสียงของ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาดังขึ้น“ฉันมีผลึกเลือดหมึกลาวา พร้อมขายในราคาหกร้อยปอนด์… ส่วนผลึกอุกกาบาต ฉันรู้ว่าต้องหาจากไหน คุณต้องการกี่กรัม?”หกร้อยปอนด์ ราคาสมเหตุสมผลมาก… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สตอบด้วยสีหน้าประหลาดใจ“หกสิบกรัม”“ตกลง ฉันจะนำสินค้ามามอบให้ภายในสองสัปดาห์ ราคาหกร้อยปอนด์เท่ากัน” ‘เฮอร์มิท’ แคทลียากล่าวอย่างรวบรัดได้ของครบง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ… วันนี้มาดามเฮอร์มิทดูจะคึกคักเป็นพิเศษ… ใช่แล้ว เธอเพิ่งเคยเป็นแบบนี้ครั้งแรก… ฟอร์สรีบพยักหน้าและมอบคำตอบ“ไม่มีปัญหา”ตอนนี้เรามีเงินเก็บทั้งหมดแปดร้อยสามสิบปอนด์ มากพอที่จะซื้อผลึกเลือดหมึกลาวาได้ทันที แต่ภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า เราต้องหาเงินเพิ่มอีกเกือบสี่ร้อยปอนด์… อีกสักพักจะได้เงินส่วนแบ่งจากสำนักพิมพ์ ถ้าจำไม่ผิดคือหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์ ยังต้องหาเพิ่มอีกสองร้อยยี่สิบปอนด์… คงอยู่เฉยไม่ได้แล้วสินะ… ฟอร์สคิดคำนวณสถานภาพทางการเงินอย่างคล่องแคล่วเมื่อเห็นมิสเมจิกเชี่ยนหาวัตถุดิบหลักโอสถให้ตัวเองได้ภายในหนึ่งนาที ‘จัสติส’ ออเดรย์อดใจไม่ไหวอีกต่อไป รีบยกมือขึ้นครึ่งหนึ่ง“ดิฉันกำลังตามหาต่อมใต้สมองของมังกรจิตวัยรุ่นสภาพสมบูรณ์ หรือไม่ก็… ไขสันหลังของตะกวดดำนักล่าปริมาณหกสิบมิลลิลิตร และผลของต้นกระดิ่งลมหลอนประสาท”รายชื่อเหล่านี้คือวัตถุดิบหลักของโอสถ ‘นักสะกดจิต’ แต่หากมีต่อมใต้สมองของมังกรจิตวัยรุ่นสภาพสมบูรณ์ วัตถุดิบที่เหลือก็ไม่จำเป็นเมื่อสิ้นคำถามออเดรย์ มาดามเฮอร์มิทมอบคำตอบทันที“นับตั้งแต่เข้าสู่ยุคสมัยที่ห้า มังกรจิตแทบจะสูญพันธุ์จนหาพบได้ยาก… ฉันพอจะมีวิธีรวบรวมไขสันหลังของตะกวดดำนักล่า แต่ต้องใช้เวลาราวสองถึงสามสัปดาห์ ราคาอยู่ที่หนึ่งพันห้าร้อยปอนด์ถึงสองพันปอนด์ ขึ้นอยู่กับผู้ขาย… และฉันช่วยคุณตามหาเบาะแสของต้นกระดิ่งลมหลอนประสาทได้ แต่ไม่รับประกันผล”ธ…เธอมีเครือข่ายข้อมูลกว้างขวางขนาดไหนกัน… หลังจากมาดามเฮอร์มิทถูกลงโทษ ดูเหมือนว่าเธอจะมีส่วนร่วมกับชุมนุมทาโรต์มากขึ้น กระตือรือร้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แถมยังคิดราคายุติธรรมมาก… ‘จัสติส’ ออเดรย์เงียบงันไปพักหนึ่งถัดมาไม่กี่วินาที หญิงสาวผงกศีรษะเล็กน้อย“ไม่มีปัญหาค่ะ”อัลเจอร์ ‘แฮงแมน’ ที่อยู่วงนอกเริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่ตนคิด เฮอร์มิทซึ่งถูกมิสเตอร์ฟูลลงโทษได้เปลี่ยนท่าทีจากหน้าเป็นหลังมือ เธอพยายามให้ความร่วมมือกับทุกเรื่องเท่าที่สามารถทำได้ ผนวกกับการเป็นพลเรือโจรสลัดซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารในมือ เฮอร์มิทกำลังโดดเด่นและเจิดจ้ายิ่งกว่าใครในชุมนุมทาโรต์!ความ ‘เจิดจ้า’ นี้ทำให้อัลเจอร์แทบลืมตาไม่ขึ้น มันเริ่มตระหนักถึงความเลวร้ายของสถานการณ์หากเลือกได้ มันอยากให้เฮอร์มิทกลับไปเป็นคนก่อนมากกว่า!‘เดอะฟูล’ ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจในสิ่งที่ได้ยินเราคิดว่ามาดามเฮอร์มิทจะหดหู่ไปสักพักเสียอีก หรือไม่ก็เกิดความรู้สึกต่อต้านชุมนุมทาโรต์… คาดไม่ถึงว่าจะออกหน้านี้ได้…หรือว่าเธอเป็นพวกที่ต้องโดนไม้เรียวก่อนถึงจะว่านอนสอนง่าย?นั่นสินะ… การสอนเด็กดื้อต้องใช้ไม้เรียว ดูเหมือนว่าราชินีจะเบามือไปสักหน่อย… หืม… ไม่สิ ตัวราชินีเองก็ร้ายใช่ย่อยเหมือนกัน… นั่งต้องเป็นเพราะจักรพรรดิเลี้ยงลูกแบบตามใจแน่!ขณะนั่งรำพัน ไคลน์ควบคุมเดอะเวิร์ลให้มองไปรอบตัว ตามด้วยหัวเราะในลำคอ“มีใครขายสูตรโอสถลำดับ 4 ของเส้นทางนักทำนายบ้างไหม? แค่เบาะแสก็ได้”ลำดับ 4… มิสเตอร์เวิร์ลกำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็นครึ่งเทพ? ออเดรย์ ‘จัสติส’ พลันประหลาดใจแต่ไหนแต่ไร เธอคิดว่าตัวเองเลื่อนลำดับได้เร็วกว่าใครเสมอ นั่นถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งที่สามารถโอ้อวด แต่ตอนนี้เพิ่งตระหนักว่าตนยังล้าหลังอยู่มาก!มิสเตอร์เวิร์ลกำลังจะกลายเป็นตัวตนทรงพลัง… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเองก็ประหลาดใจในสายตาเธอ แม้ว่ามิสเตอร์เวิร์ลผู้มีบรรยากาศดำมืดและไม่ค่อยสุงสิงกับใครจะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ก็น่าจะยังห่างจากครึ่งเทพอยู่พอสมควร ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ อีกฝ่ายก็ประกาศหาสูตรโอสถลำดับ 4 อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยสมแล้วที่เป็นข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล… ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ถอนหายใจทาง ‘เดอะมูน’ เอ็มลินและ ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคต่างก็ส่ายหน้า บอกเป็นนัยว่าไม่เคยได้ยินชื่อของลำดับ 4 เส้นทางดังกล่าวมาก่อนไคลน์ซึ่งคิดว่าตนอาจได้เบาะแสจากเมืองเงินพิสุทธิ์หรือผีดูดเลือดบ้าง ทำได้เพียงบังคับให้เดอะเวิร์ลเบือนหน้ากลับอย่างจนปัญญาผ่านไปราวสองวินาที แคทลียาเปิดปากขึ้นบ้าง“ฉันต้องการเลือดของสัตว์ในตำนานหนึ่งหยด จะเป็นชนิดใดก็ได้”ท่ามกลางวังโอ่อ่าที่มีเสาหินค้ำจุน ความเงียบงันเข้าปกคลุมทันใด แม้แต่เดอะเวิร์ลเองก็ไม่ทราบข้อมูลของสิ่งที่เรียกว่าสัตว์ในตำนานมากนักไคลน์ตัดสินใจไม่เผยไต๋เรื่องดังกล่าว วางแผนกลับไปถามคนที่ตนปรึกษาได้ในภายหลัง เพียงควบคุมให้เดอะเวิร์ลเงียบงันสองสามวินาทีและกล่าว“ผมจะช่วยดูให้”ในเมื่อเป็นคำขอร้องที่หาได้ยากของมาดามเฮอร์มิท ทั้ง ‘จัสติส’ และคนที่เหลือต่างก็มอบคำตอบในลักษณะใกล้เคียงกัน“ขอบคุณมาก” แคทลียาไม่ประหลาดใจกับผลลัพธ์สักเท่าไรคำขอที่เธอเสนอออกไป จุดประสงค์หลักคือการแสดงให้มิสเตอร์ฟูลเห็นว่า ตนต้องการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของชุมนุมทาโรต์ หญิงสาวมองว่า หากตนเอาแต่สั่นกลัวและนิ่งเงียบหลังจากถูกลงโทษ สถานการณ์คงมีแต่จะแย่ลงเมื่อความเงียบปกคลุมไปได้สักพัก เดอร์ริค ‘เดอะซัน’ เตรียมกล่าวอีกครั้ง แต่ดันถูก ‘เดอะมูน’ เอ็มลินชิงพูดตัดหน้าบารอนโลหิตหัวเราะในลำคอ“ข้าสามารถบอกความต้องการของคนที่เหลือได้ เจ้าเด็กนี่ต้องการโอสถลำดับ 6 ของเส้นทางสุริยัน ‘ผู้รับรอง’ ส่วนมิสเตอร์แฮงแมนต้องการสูตรโอสถ ‘ผู้ขับขานสมุทร’”ได้ยินคำพูดดังกล่าว ไคลน์พลันกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันใด เพราะย้อนกลับไปในตอนที่ได้ครอบครองยุบพองหิวโหยครั้งแรก ชายหนุ่มวางแผนปล่อยดวงวิญญาณของ ‘นักบวชแสง’ เพื่อถามสูตรโอสถลำดับ 6 และลำดับ 5 ของเส้นทางสุริยัน จากนั้นก็นำมาขายให้เดอะซัน แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็น ไคลน์ปล่อยให้เรื่องนี้คาราคาซังมานานในค่ำคืนนี้ เราจะออกตามล่าโจรสลัดที่มีพลังพิเศษและสมควรตาย หรือไม่ก็หัวหน้าแก๊งอันธพาลท้องถิ่น โดยไม่สนว่าพวกมันจะมีลำดับเท่าไร… หรือเราควรปล่อยดวงวิญญาณของนักบวชแสงไปเฉย ๆ โดยยังไม่ต้องหาตัวแทน? ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลก้มหน้าครุ่นคิด“ภายในสามวัน ผมจะนำสูตรโอสถผู้รับรองมาให้”กล่าวจบ ชายหนุ่มมองไปยังเดอะซันน้อย“คุณคิดเตรียมไว้เลยว่าจะแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งใด”“ตกลงครับ มิสเตอร์เวิร์ล” ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคกล่าวด้วยสีหน้ามีความสุขสำหรับสูตรโอสถนักขับขานสมุทรที่แฮงแมนต้องการ ยังไม่มีใครพบเบาะแสของมัน‘เดอะมูน’ เอ็มลินกระแอมในลำคอ“แต่ความต้องการของข้าแตกต่างจากครั้งก่อน… ข้าต้องการให้ใครสักคนช่วยตามหาเบาะแสของเหล่าสาวกดวงจันทร์บรรพกาล ถ้าเป็นเบาะแสทางอ้อมจะได้รับค่าตอบแทนหนึ่งร้อยปอนด์ ส่วนเบาะแสทางตรงจะได้รับเงินห้าร้อยปอนด์!”มันชำเลืองไปทางเดอะฟูลเพื่อขออนุญาต และทันทีที่อีกฝ่ายตอบรับ บารอนโลหิตทำการเสกสิ่งที่คล้ายกับใบค่าหัวขึ้น สมาชิกทุกคนได้รับไปคนละห้าใบ ยกเว้นตัวเอ็มลินเองและเดอะซันน้อยไคลน์ควบคุมเดอะเวิร์ลเพื่อรับกระดาษค่าหัว เพ่งอ่านด้วยสีหน้าผ่อนคลายกาลิส·เควิน เดนเด้ ลอร่า วินเซอร์·เบริ่ง อาร์กอส… ค่อนข้างแข็งแกร่ง อย่างน้อยก็มีฝีมือเทียบเท่าแวมไพร์แรกเกิด… ชายหนุ่มกล่าวกับตัวเองพลางบันทึกข้อมูลหลังจากประกาศงานของตัวเองเสร็จ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินเริ่มมั่นใจว่าตนจะเป็นผู้ชนะในการ ‘แข่งล่า’ จึงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ รอฟังคำขอร้องของสมาชิกคนอื่นบรรยากาศของชุมนุมเข้าสู่ความเงียบงันสักพัก‘เดอะฟูล’ ไคลน์เห็นดังนั้นจึงหัวเราะในลำคอและกล่าว“เริ่มการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ”ทันใดนั้น ทั้ง ‘จัสติส’ ออเดรย์ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาและสมาชิกคนอื่นต่างมุ่งความสนใจมายัง ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคอย่างพร้อมเพรียงทุกคนยังจำได้ดี คราวก่อน ‘เดอะซันน้อย’ เคยเกริ่นไว้แล้วว่า ตนถูกมอบหมายให้เข้าร่วมภารกิจสำรวจเขตด้านนอกวังราชาคนยักษ์……………………………………………….
คอมเม้นต์