ราชันเร้นลับ 679 : จ้างวานฆ่า
“ห้ามส่องความลับเทพ…”เสียงพำพึมของ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์เงียบลงอย่างรวดเร็ว แต่โสตประสาทของทุกคนกลับยังได้ยินถ้อยคำดังกล่าวอย่างแจ่มชัด และนั่นทำให้พวกเขาตื่นตัวแม้ว่าในยามปรกติ มิสเตอร์ฟูลจะมิได้แสดงมาดของผู้สูงศักดิ์ให้เห็นบ่อยนัก แทบไม่ค่อยสนทนากับสมาชิกสักเท่าไร ส่งผลให้ทุกคนมองว่าอีกฝ่ายมีบุคลิกอ่อนโยน แต่ในความเป็นจริง ท่านยังคงเป็นเทพ เทพที่มิควรจ้องมอง เทพผู้อยู่เหนือสามัญสำนึกทั้งปวง!ทั้ง ‘จัสติส’ ออเดรย์ ‘เดอะมูน’ เอ็มลิน และสมาชิกที่เหลือของชุมนุมทาโรต์ ต่างยอมรับและเห็นพ้องกับ ‘กฎ’ จากปากแฮงแมนที่แม้จะผิดแผกไปจากต้นฉบับเล็กน้อย ทุกคนแสร้งทำเป็นลืมว่า ‘กฎ’ ที่ถูกต้องควรจะเป็น ‘ห้ามจ้องมองเทพโดยตรง’ เพราะแต่ละคนล้วนเคย ‘มอง’ มิสเตอร์ฟูลอยู่หลายหน ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาหรือซักถามความเห็น โดยที่มิสเตอร์ฟูลไม่เคยถือสาให้เป็นเรื่องใหญ่แน่นอน อาจไม่ใช่การจ้องมองโดยตรง เพราะมีหมอกหนาทึบบดบัง… พิจารณาจากอาการเมื่อครู่ของมาดามเฮอร์มิท มิสเตอร์ฟูลสร้างม่านหมอกขึ้นเพื่อความปลอดภัยของพวกเราทุกคน… ‘จัสติส’ ออเดรย์พ่นลมหายใจอย่างเชื่องช้าขณะเดียวกัน ‘เดอะฟูล’ ไคลน์กำลังครุ่นคิดภายในใจมิสเตอร์แฮงแมนทำหน้าที่สนับสนุนได้ไม่เลว… เราเตรียมจะให้เดอะเวิร์ลกล่าวในสิ่งที่คล้ายกันออกมาพอดี เพื่อปิดฉากขั้นตอนสุดท้ายของบทลงโทษ…เดิมที ไคลน์วางแผนจะให้หุ่นเชิด ‘เดอะเวิร์ล’ กล่าวว่า ‘ห้ามตบตาเทพ’ หรือ ‘ห้ามส่องความลับเทพ’ แต่นั่นฟังดูน่าละอายไม่น้อย เพราะถ้าในอนาคต ความลับที่ ‘เดอะเวิร์ล’ ซึ่งทุกคนเข้าใจว่าเป็นข้ารับใช้ของเดอะฟูล ถูกเปิดโปงว่าเป็นคนเดียวกับเดอะฟูล ชายหนุ่มคงอับอายจนไม่กล้าสนทนากับใครอีก แต่เมื่อลองคิดดูให้ดี เดอะเวิร์ลเคยพูดในทำนองเดียวกันมาแล้วหลายหน เพิ่มไปอีกสักเรื่องก็คงไม่เป็นอะไร แค่พยายามไม่ให้ความลับแตกก็พอตามแผนเดิม หลังจากขจัดความตะขิดตะขวงใจ ไคลน์เตรียมดำเนินตามขั้นตอนที่ซักซ้อมอย่างใจเย็น แต่ใครจะไปคิดว่า สถานการณ์จริงกลับราบรื่นกว่าที่คาด แฮงแมนตกตะลึงกับบทลงโทษที่เฮอร์มิทได้รับจนกล่าวออกมาเองว่า ‘ห้ามส่องความลับเทพ’ ส่งผลให้เหตุการณ์ภาพรวมเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบ!อา… เรื่องราวดำเนินไปอย่างไร้ที่ติ… มาดามเฮอร์มิทปล่อยให้ความลับของชุมนุมทาโรต์รั่วไหล เมื่อเดอะฟูลทราบเข้าจึงตักเตือนพอเป็นพิธี โดยหลังจากนั้น หญิงสาวเผชิญความเจ็บปวดแสนสาหัสจากการพยายามแอบส่องความลับเทพของตัวเอง มิใช่เพราะเดอะฟูลเจตนาลงโทษ…นี่คือผลลัพธ์ในอุดมคติที่ไคลน์คาดหวังไว้ และเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของเดอะฟูลได้ดีที่สุด เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ตัวตนระดับเทพย่อมไม่แยแสมนุษย์ นั่นจะเป็นการ ‘ลดตัว’ มากเกินไป…แต่มาดามเฮอร์มิทเองก็ใจกล้าไม่เลว… จากเหตุการณ์ในวันนี้ เราสามารถยืนยันได้ว่า เธอเคยแอบส่องความลับของเดอะฟูลมาแล้วมากกว่าหนึ่งหน ถึงจะมิได้มีเจตนาร้าย แต่ก็สมควรถูกลงโทษเพื่อเป็นกรณีเยี่ยงอย่าง… หึหึ… การเพิกเฉยของเราในครั้งก่อนๆ ทำให้เธอคิดไปเองว่า เรา ‘อนุญาต’ ให้เธอแอบส่องได้ นั่นกลายเป็นนิสัยติดตัวจนตกหลุมพรางแผนการของเราในวันนี้…นอกจากนั้น ทั้งที่ยังไม่รู้จักเดอะฟูลดีพอ แต่กลับกลับนำข้อมูลของชุมนุมออกไปเปิดเผยสู่ภายนอก นับว่าใจกล้าเกินขอบเขตไปสักหน่อย… หมายความว่า ช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเธอยังเผชิญความเจ็บปวดและสูญเสียไม่มากพอ บทเรียนในวันนี้คงทำให้เธอเข็ดหลาบไปอีกนาน…ก็ไม่แปลกใจอะไรนัก… พิจารณาจากพฤติกรรมของแคทลียาในความฝัน เธอยังขาดการอบรมในหลายเรื่อง อาจไม่เคยผ่านไม้เรียวของแม่ด้วยซ้ำ!หึหึ… เหตุการณ์ในวันนี้คงทำให้มิสเตอร์แฮงแมนและสมาชิกที่เหลือตื่นตัวไปด้วยกระมัง? ไคลน์รำพันติดตลกในใจ ก่อนจะมองไปรอบตัวและกล่าวเสียงขรึม“เท่านี้คงพอแล้ว”ได้ยินถ้อยคำดังกล่าว ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาที่เริ่มฟื้นฟูจิตใจกลับมา คลายความตึงเครียดลง ร่างกายถูกอาการเหนื่อยล้ารุมเร้าพร้อมกับความยินดีที่พรั่งพรูเข้ามาในจิตใจ หญิงสาวรู้สึกอยากทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เอนหลัง นอนแผ่หลาและพักผ่อนสักพักใหญ่ครั้งแรกเป็นเพียงการตักเตือน แต่ถ้ามีครั้งที่สอง จุดจบคงไม่สวยนัก… พลเรือโจรสลัดถอนหายใจเงียบ กล่าวกับตัวเองว่าอย่าริอ่านทำเป็นเก่งอีก อย่าได้คิดว่ามิสเตอร์ฟูลไม่รู้เรื่องที่ตนแพร่งพรายข้อมูลให้คนภายนอก และห้ามแอบส่องความลับท่านอีก!สำหรับหญิงสาว ความเจ็บปวดเมื่อครู่มิได้ด้อยไปกว่าความทรมานขณะปราชญ์เร้นลับโอนถ่ายมวลความรู้ปริมาณมหาศาล และนอกจากนั้น เธอยังเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า มิสเตอร์ฟูลคือตัวตนระดับเทพโดยแท้จริง เทพที่ห้ามจ้องมองและสำรวจ!ฟู่ว… อย่างน้อยองค์ราชินีก็ได้ทราบว่า ท่านมีสิทธิ์นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยนกับคำถามที่ท่านกำลังตามหา… จะไม่มีการแพร่งพรายข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคตอีกแล้ว… แคทลียาเบือนสายตา จ้องมองอย่างสั่นกลัวไปทางหัวโต๊ะทองแดงยาว โดยในหนนี้ หญิงสาวมิกล้ามองเกินขอบโต๊ะ อย่างมากก็ที่วางแขนของเก้าอี้ แสงสีม่วงเข้มในดวงตาเจือจางลงจากเดิมหลายส่วนท่ามกลางความเงียบงัน เธอกล่าวอย่างจริงใจ“ดิฉันจะจดจำความกรุณาของท่านตลอดไป”ไคลน์ ‘เดอะฟูล’ หลังม่านหมอกพยักหน้ารับเล็กน้อย ไม่กล่าวคำใดต่อหลังจากรอสักพัก ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สชิงลงมือตัดหน้า ‘จัสติส’ ออเดรย์ รีบเหยียดหลังตรงและกล่าวพลางมองไปรอบตัว“มีใครในนี้รับงานฆ่าคนไหม… เป้าหมายคือสมาชิกคนสำคัญของลัทธิมาร”ฟอร์สรู้สึกติดหนี้บุญคุณอาจารย์โดเรี่ยน·เกรย์มาก จึงคิดหาวิธีตอบแทนอีกฝ่ายอยู่เสมอหลังจากพิจารณาสักพัก หญิงสาวตัดสินใจพุ่งเป้าไปยังผู้ส่งสารของชุมนุมแสงเหนือที่เคยสร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่ตระกูลของอาจารย์ เป้าหมายดังกล่าวมีนามว่าลูอิส·เวย์น ผู้อาจจะเป็นนักบันทึกหรือนักท่องเที่ยว!ฟอร์สมิได้มองว่าการครอบครอง ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ จะทำให้เธอแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าผู้วิเศษลำดับ 6 มากประสบการณ์ หรือแม้กระทั่งลำดับ 5 มือใหม่ แต่ที่เธอกล้าคิดเรื่องการฆ่าอีกฝ่าย เพราะเชื่อว่าชุมนุมทาโรต์ องค์กรลับในเงามืด สามารถให้ความช่วยเหลือในระดับเหนือจินตนาการไม่ว่าจะมาดามเฮอร์มิทหรือมิสเตอร์เวิร์ล พวกเขาล้วนเก่งกาจพอที่จะสู้กับลูอิส·เวย์นแบบตัวต่อตัว จะเป็นใครลงมือก็ได้ นอกจากนี้เรายังจะช่วยสนับสนุนด้วยการให้ยืมบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ โอกาสสำเร็จจึงมีค่อนข้างมาก… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สร่างภาพในอุดมคติแน่นอน หญิงสาวย่อมทราบว่า เงินเก็บในปัจจุบันของตนไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าจ้างในการสังหารผู้วิเศษระดับลูอิส·เวย์น ด้วยเงินจำนวนเพียงแปดร้อยสามสิบปอนด์ของตน แค่จะซื้อมือสักข้างของมันยังทำไม่ได้ ต้องไม่ลืมว่า เพื่อจะสังหารราชทูตอินทิสซึ่งเป็นลำดับ 6 ‘นักวางแผน’ มิสจัสติสต้องใช้เงินมากถึงหนึ่งหมื่นปอนด์ ลูอิส·เวย์นซึ่งอยู่ในลำดับเดียวกันหรือสูงกว่า ย่อมต้องมีราคาแพงกว่าแน่!แผนของฟอร์สก็คือ ยอมชดเชยส่วนที่ขาดด้วยการทำภารกิจเล็กๆ น้อยจากผู้ลงมืออย่างต่อเนื่อง จำพวกงานจิปาถะที่อีกฝ่ายไม่สะดวกออกหน้าเอง หลังจากได้ครอบครองบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ ฟอร์สเชื่อว่าตนสามารถรับงานที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นจากเดิมได้เมื่อได้ยินข้อเสนอของมิสเมจิกเชี่ยน ‘เฮอร์มิท’ แคทลียา ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ และ ‘จัสติส’ ออเดรย์ ต่างหันไปมอง ‘เดอะเวิร์ล’ อย่างพร้อมเพรียง จากมุมมองของทุกคน สุภาพบุรุษรายนี้มีงานอดิเรกเป็นการล่าผู้วิเศษ แถมยังมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรับทำภารกิจแต่เราไม่ได้อยู่ในเบ็คลันด์… ไม่สิ จะตอบแบบนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะต่อหน้าแฮงแมนและเฮอร์มิท จะปล่อยให้พวกเขาคิดว่ามิสเตอร์ฟูลมีข้ารับใช้เพียงสองหรือสามคนไม่ได้เด็ดขาด… ไคลน์ถ่ายจิตไปบังคับเดอะเวิร์ล ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับประสาทสัมผัส กล่าวกับทุกคนด้วยเสียงแหบพร่า“ลงมือที่ไหน? เหยื่อเป็นคนขององค์กรใด ลำดับเท่าไร พลังพิเศษเป็นอย่างไร?”หืม… มิสเตอร์เวิร์ลแตกต่างจากเมื่อก่อนนิดหน่อย… แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่าตรงไหน… คล้ายกับอารมณ์ดีกว่าทุกครั้ง… หรือว่าพักนี้เขาจะได้เจอกับเรื่องดีๆ เข้า? ‘จัสติส’ ออเดรย์เอะใจกับความผิดปรกติ พลางสงสัยว่ามิสเตอร์เวิร์ลได้เจอเรื่องอะไรมา‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สตอบด้วยสีหน้ายินดี“เป็นผู้ส่งสารแห่งชุมนุมแสงเหนือ ประจำอยู่ที่เบ็คลันด์ ข้อมูลล่าสุดคือลำดับ 6 ปัจจุบันอาจกลายเป็นลำดับ 5 ไปแล้ว แต่ยังไม่ขอยืนยันเรื่องนี้… พลังของเขาคือการบันทึกพลังพิเศษของคนอื่นและใช้งานได้หนึ่งครั้ง หลบหนีเก่งกาจ การล้อมจับทำได้ยากมาก สามารถเดินทางผ่านโลกวิญญาณ”เป้าหมายคือผู้ส่งสารของชุมนุมแสงเหนือ ลำดับ 6 หรือ 5 ที่มีความสามารถคล้ายกับ ‘ผู้ฝึกหัด’ … คิดไว้ไม่มีผิด มิสเมจิกเชี่ยนไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เห็น สัญชาตญาณของเราในตอนแรกบอกถูก… ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาที่กลับมาเป็นปรกติอย่างรวดเร็ว ไม่แปลกใจว่าทำไม ‘เมจิกเชี่ยน’ ถึงกล้าวางอุบายลอบสังหารสมาชิกระดับสูงของชุมนุมแสงเหนือส่วนจะเป็น ‘ผู้ส่งสาร’ คนใด เธอเองก็ไม่ทราบ เพราะรู้จักเพียงมิสเตอร์ Z และมาดาม Dขณะเดียวกัน ไคลน์รีบใคร่ครวญผู้ส่งสารแห่งชุมนุมแสงเหนือ ไม่มีทางเป็นคนดีแน่… ตรงกันข้าม มันคงเป็นพวกเสียสติที่คร่าชีวิตคนบริสุทธิ์มานักต่อนัก การสังหารมันคงไม่ทำให้เรารู้สึกผิด…เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ใช่ว่าเราเคยมีความบาดหมางกับชุมนุมแสงเหนือแค่ครั้งสองครั้งสักหน่อย…ลำดับ 6 หรือ 5 ไม่ใช่เป้าหมายที่เกินเอื้อม… ฟังจากความสามารถและลักษณะพิเศษที่มิสเมจิกเชี่ยนอธิบาย เราเคยเห็นมิสเตอร์ A ใช้มาก่อน… แต่อาจเป็นคนละอย่างกัน…สำหรับเรา ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเก่งกาจในการหลบหนีหรือสามารถเดินทางผ่านโลกวิญญาณ ขอเพียงเข้าประชิดตัวและควบคุมด้ายวิญญาณได้ เจ้านั่นจะไม่มีทางรอด!หากปะทะกันซึ่งหน้า ผลลัพธ์การต่อสู้คงยากคาดเดา แต่ถ้าเป็นการลอบสังหาร เราค่อนข้างมั่นใจว่าจะถือครองความได้เปรียบ ส่วนจะปลิดชีพได้ไหมนั่นก็อีกเรื่อง…หลังจากครุ่นคิดสักพัก เดอะเวิร์ลหันไปมอง ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สและกล่าว“ผมรับงานนี้ได้ แต่ไม่ใช่ช่วงนี้ อย่างเร็วก็อีกสองเดือนข้างหน้า”ชายหนุ่มไม่ทราบว่าจะเกิดอุบัติเหตุบนท้องทะเลขณะกลับหรือไม่ จึงกะเกณฑ์เวลาไว้อย่างหยาบ“สองเดือนข้างหน้า…” เมจิกเชี่ยน ฟอร์ส พึมพำระยะเวลาซ้ำค่อนข้างนาน อาจจะนานเกินไป เพราะเธอเองก็ไม่ทราบว่าลูอิส·เวย์นจะอยู่ในกรุงเบ็คลันด์อีกนานแค่ไหนถึงตรงนี้ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ที่อยู่วงนอกมาสักพัก กล่าวแทรกหลังจากใคร่ครวญ“มิสเมจิกเชี่ยน คุณจำเป็นต้องสังหารผู้ส่งสารของชุมนุมแสงเหนือด้วยตัวเองหรือไม่?”“ไม่… ก็อย่างที่คุณเห็น ฉันกำลังพิจารณาว่าจะจ้างมิสเตอร์เวิร์ล” ฟอร์สยิ้มอัลเจอร์พยักหน้าครุ่นคิด“ตามปรกติแล้ว เงื่อนไขแรกสุดของการภารกิจลอบสังหารคือการหาตัวเป้าหมายให้พบ คุณเจอเขาแล้วหรือยัง?”“ยัง… แต่จะพยายามให้พบ” ฟอร์สตอบไปตามจริง“สรุปว่าแผนของคุณก็คือ จะสืบหาเป้าหมายให้พบก่อน จากนั้นค่อยกลับมาบอกให้มิสเตอร์เวิร์ลเริ่มงาน?” แฮงแมนถามหยั่งเชิง“ใช่… แต่ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจจ้างเขา” ฟอร์สค่อนข้างฉงน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมแฮงแมนถึงต้องซักถามสิ่งเหล่านี้‘แฮงแมน’ อัลเจอร์หัวเราะในลำคอ“หากคุณสามารถระบุตำแหน่งของผู้ส่งสารแห่งชุมนุมแสงเหนือได้ แล้วทำไมถึงต้องเสียเงินจำนวนมากเพื่อจ้างฆ่า? แค่รายงานให้โบสถ์หลักทราบยังไม่เพียงพอหรือ… นับตั้งแต่โศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน ทุกโบสถ์ต่างพยายามค้นหาเบาะแสที่อาจเกี่ยวข้อง”มันมิได้คิดจะขัดขวางธุรกิจของเดอะเวิร์ล เพียงแต่เล็งเห็นความลังเลในใจมิสเมจิกเชี่ยน เชื่อว่าหญิงสาวมีแนวโน้มสูงที่จะไม่จ้างงาน เพราะด้วยเวลาที่นานถึงสองเดือน ระหว่างนั้นอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น จึงพยายามชักนำให้เกิดการเจรจาเบื้องต้นเสียก่อนแจ้งให้โบสถ์หลักทราบ? วิธีการฟังดูคุ้นเคย… ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่ามิสเตอร์แฮงแมนจะเสนอแนะวิธีแบบนี้หึหึ… นั่นสินะ นอกจากทุกคนจะติดเชื้อเจ้าเล่ห์มาจากแฮงแมนแล้ว เขาเองก็ได้รับอิทธิพลจากวิธีของพวกเราเช่นกัน… ไคลน์รำพันอย่างผ่อนคลาย“รายงาน?” ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สสะดุ้งผ่านไปหนึ่งอึดใจ หญิงสาวพึมพำ“น่าสนใจ…”ได้ยินเช่นนั้น แฮงแมนกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม“คุณลองทำแบบนี้ดู ก่อนอื่นก็ค้นหาเป้าหมายให้พบ หากทำสำเร็จภายในสองเดือน ให้รีบรายงานไปยังสามโบสถ์หลัก แต่ถ้าเกินสองเดือนและมิสเตอร์เวิร์ลไม่ติดธุระใด ถึงตอนนั้นค่อยจ้างก็ยังไม่สาย”‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สครุ่นคิดอย่างจริงจังสักพัก ก่อนจะกล่าว“เข้าใจแล้ว… เมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะตกลงราคากับมิสเตอร์เวิร์ล”……………………………………………………..
คอมเม้นต์