ราชันเร้นลับ 670 : ผู้สารภาพบาป
หมู่บ้านยามบ่ายพิสดารรุกล้ำหมู่บ้านยามบ่ายของจริง? เดอร์ริคเริ่มเข้าใจคำพูดของเจ้าเมือง และมีข้อสันนิษฐานอย่างคร่าวสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นเด็กหนุ่มสงสัยว่า การที่มิสเตอร์ฟูลดึงตนออกจากหมู่บ้านยามบ่ายพิสดาร อาจส่งผลให้สมดุลระหว่างสองโลกเสียหาย พลังจากด้านในจึงในไหลซึมออกมาและยังเป็นสาเหตุที่ทำให้โคลิน·อีเลียด ไม่หายตัวไปแม้ว่าจะลองทำซ้ำวิธีเดียวกับเดอร์ริคขณะเดอร์ริคครุ่นคิดว่า จะมีเหตุการณ์เช่นไรตามอีกมาบ้าง ผู้นำแห่งหกสภาอาวุโส โคลิน หยิบผงระยิบระยับจากช่องลับตรงเข็มขัดออกมาหนึ่งกำมือ โปรยไปในอากาศเศษผงระเบิดในทันที แสงสว่างสีเงินพลันพวยพุ่ง โดดเด่นท่ามกลางบรรยากาศอันมืดมิดเดอร์ริค โจชัว และฮาอิมพลันเข้าใจสัญญาณ : ห้ามวิ่งหนี ให้อยู่ประจำที่ คอยเฝ้าระวังศัตรูซึ่งอาจลอบโจมตีเข้ามา รอคอยความช่วยเหลืออย่างอดทน!ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฉากเมื่อครู่ต้องถูกเห็นโดยทีมสำรวจอื่นๆ ที่กระจายตัวรอบหมู่บ้านยามบ่าย!นักล่าปีศาจโคลิน ปลดปล่อยสัญญาณสามครั้งติดต่อกันระหว่างที่สายฟ้ากำลังเว้นวรรค ก่อนจะหันมาทางเดอร์ริคและคนที่เหลือ“เริ่มรวมกลุ่มจากใกล้ไปไกล… ระวังตามทางให้ดี”“ครับ ท่านเจ้าเมือง!” เดอร์ริคลบความขุ่นมัวในใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่จนหมด ปัจจุบันมีเพียงความหวังที่จะช่วยเพื่อนร่วมทีมโดยเร็วขณะโคลินออกคำสั่ง เดอร์ริคเดินไปอยู่ทางฝั่งซ้ายของทีม ด้านตรงข้ามเป็นโจชัวถุงมือแดงที่มาพร้อมดาบเหล็กดำ ส่วน ‘พาลาดินรุ่งอรุณ’ ฮาอิมที่ค่อนข้างแข็งแกร่งคอยระวังด้านหลัง อยู่ห่างจากนักล่าปีศาจตรงหน้าประมาณสามก้าวเส้นสายฟ้าด้านบนเริ่มผ่าระรัว หมู่บ้านยามบ่ายที่เคยหม่นมองถูกปกคลุมด้วยแสงสว่างสลับกับบรรยากาศสีเทาหม่น แสงเทียนไขจากหน้าต่างยังคงไหววูบ เงียบงันและสงบนิ่งเดอร์ริคมิใช่เด็กใหม่ แม้จะกังวลอยู่บ้าง แต่มือข้างที่ถือขวานเฮอร์ริเคนมิได้ชุ่มด้วยเหงื่อ ดวงตามองสลับไปมาอย่างชำนาญ คอยระวังสัตว์ประหลาดที่อาจกระโจนออกจากอาคารทั้งสองฝั่งเมื่อเส้นสายฟ้าหายไป โลกกลับสู่ความมืดมิดอีกครั้ง แสงเทียนภายในหมู่บ้านยามบ่ายพลันสว่างไสวและแจ่มชัด ราวกับกำลังรอให้นักท่องเที่ยวแวะเข้าไปค้างคืนตะเกียงหนังสัตว์ในมือฮาอิมยังคงแผ่แสงสีเหลืองนวลตามเดิม แต่กลับมอบความสว่างได้น้อยลง แม้กระทั่งเนตรมองกลางคืนของเดอร์ริคก็ยังถูกลดทอนประสิทธิภาพลงคล้ายกับแสงสว่างเหลือเพียงหน้าที่เดียว : สลายความมืดรอบตัวในวงแคบๆทันใดนั้น เดอร์ริครู้สึกเย็นตรงช่วงลำคอ ทั้งที่รอบตัวปราศจากสายลมเย็น!เด็กหนุ่มมิได้หันหน้าไปมองในทันที เพียงก้าวขาทแยงมุม หมุนตัวครึ่งรอบ อาศัยการชำเลืองด้วยหางตาเดอร์ริคมองเห็นฮาอิมเจ้าของส่วนสูงเกือบสองเมตร กำลังจ้องตนด้วยสีหน้าหมองหม่น ก่อนจะเหวี่ยงดาบยักษ์ในมือเข้าใส่!ฟุ่บ!เดอร์ริคม้วนตัวกลิ้ง หลบการโจมตีพ้นอย่างฉิวเฉียด เสียงลมปะทะยังคงดังกึกก้องข้างใบหูเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์ถามขึ้นทันที“เกิดอะไรขึ้น?”“ฮาอิมโจมตีผม!” เดอร์ริคที่กลิ้งไปหาโคลิน พยุงตัวลุกขึ้นยืน“ฉัน?” ฮาอิมผู้ถือตะเกียงหนังสัตว์ในมือข้างหนึ่ง ดาบใหญ่ในมือข้างหนึ่ง ซักถามเสียงฉงนโคลินชำเลืองเดอร์ริค“ผมไม่พบพฤติกรรมผิดปรกติจากเขา”ขณะกล่าว สัญลักษณ์สีเขียวเข้มปรากฏขึ้นในดวงตาทั้งสองข้างของนักล่าปีศาจเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์มองไปรอบตัวและกล่าว“เป็นไปได้ไหมว่า ผู้ลอบจู่โจมจะจำแลงกายเป็นฮาอิม?”ยังไม่ทันกล่าวจบ ดาบเงินในมือขวาพลันแทงไปยังด้านหลังอย่างดุดัน!เคร้ง!ท่ามกลางเสียงปะทะแผ่วเบา ร่างหนึ่งปรากฏตัวจากบรรยากาศมืดสลัว เส้นผมสีเทายุ่งเหยิง ริ้วรอยบนใบหน้าคมชัด ดวงตาสีฟ้าครามลุ่มลึก แถมยังถือดาบยาวที่เคลือบน้ำมันสีเงินอ่อน รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับนักล่าปีศาจโคลินเกือบทุกประการ จุดแตกต่างเดียวก็คือ สีหน้าค่อนไปทางดำมืดและเหม่อลอยเคร้ง! เคร้ง!ดาบยาวสีเงินสองเล่มปะทะกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นประกายไฟเล็ก ๆระหว่างนั้น โคลิน·อีเลียดตะโกนเสียงทุ้ม“แสง!”แสง? เดอร์ริคพลันยกมือขึ้นตามสัญชาตญาณ รีบนำมาประสานกันด้านหน้าปากและจมูกเพียงพริบตา เด็กหนุ่มมองเห็นร่างของสามบุคคลพุ่งตรงออกจากความมืดโดยรอบ หนึ่งคือฮาอิมร่างใหญ่ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง หนึ่งคือโจชัวเจ้าของถุงมือสีแดง และหนึ่งคือตัวเดอร์ริคเอง ผู้มีร่างกายค่อนข้างใหญ่และใบหน้าอ่อนเยาว์!เดอร์ริคไม่แตกตื่น ทำตามคำสั่งเจ้าเมืองอย่างเคร่งครัด แผ่แสงสว่างอันเจิดจ้าออกจากร่างกายคล้ายกับร่างปริศนาทั้งสามหวาดกลัวต่อพลังชนิดนี้ ต่างคนต่างยกมือขึ้นมาบังหน้า ขณะเดียวกันก็พยายามหลบหนีไปด้านข้างทว่า ไม่มีทางที่พวกมันจะเร็วกว่าแสงแสงอันเจิดจ้ามอบความสว่างไสวแก่บริเวณโดยรอบ ทั้งสามร่างลึกลับถูกอาณาเขตแห่งแสงปกคลุมโดยสมบูรณ์พวกมันอ้าปากกว้าง ส่งเสียงแผดร้องอย่างเงียบงัน เพียงไม่นานก็เลือนหายไปแสงสว่างแผ่ออกไปครอบงำร่างสองนักล่าปีศาจที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ร่างหนึ่งสูญเสียความคล่องแคล่วอย่างเห็นได้ชัด สีกลายเป็นซีดเผือดและผสานเป็นหนึ่งเดียวกับความมืดฟุ่บ!ดาบเงินที่ฉาบด้วยน้ำมันสีเงินอ่อนทะลวงร่างสัตว์ประหลาด แต่คล้ายกับแทงโดนเพียงอากาศว่างเปล่า มิอาจสร้างความเสียหายอันใดทันใดนั้น ร่างสัตว์ประหลาดเงามืดพลันลุกไหม้ แตกตัวกระจัดกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย สลายไปด้วยอำนาจแห่งแสงและเปลวเพลิงนักล่าปีศาจโคลินเก็บดาบกลับ หันมาทางเดอร์ริคและคนที่เหลือ“สัตว์ประหลาดในคราวนี้คือเงาของพวกเรา… จุดอ่อนคือแสงจ้า”ขณะกล่าว ผู้นำแห่งหกสภาอาวุโสเริ่มสร้างแสงรุ่งอรุณ ฉาบถนนทั้งเส้นให้กลายเป็นยามเช้านี่คือพลังพิเศษของ ‘พาลาดินรุ่งอรุณ’ แห่งเส้นทางนักรบ สาเหตุที่นักล่าปีศาจโคลินไม่รีบใช้ในตอนแรก เพราะผลกระทบของมันกว้างเกินไป มิอาจคาดเดาได้ว่า จะนำพาเหตุไปสู่เหตุการณ์ไม่คาดฝันใดบ้าง แต่ในปัจจุบัน มันทราบแล้วว่าจุดอ่อนของสัตว์ประหลาดในหมู่บ้านยามบ่ายคือแสงจ้าแสงรุ่งอรุณของเจ้าเมืองกว้างขวางระดับเขตแดน ฮาอิมเห็นดังนั้นจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะใช้พลังแบบเดียวกัน เพียงถือตะเกียงหนังสัตว์ เดินตามหลังโคลิน·อีเลียดพร้อมกับเดอร์ริคและโจชัว หักเลี้ยวไปยังถนนเส้นถัดไปเพียงไม่นาน กลุ่มของสี่บุรุษเดินมาถึงซากวิหารแห่งหนึ่งวิหารเคยมีหอคอยสูง ฐานเป็นกำแพงอิฐก่อและมีเสาหินโค้งคอยค้ำจุน มอบบรรยากาศมั่นคงและอึมครึมหลังจากผ่านประตูทางเข้าขนาดมหึมาที่แม้แต่คนยักษ์ยังรู้สึกว่าใหญ่ เดอร์ริคตามเจ้าเมืองไปยังโถงสวดมนต์ พบกับซากเทวรูปที่ถูกทำลาย และเทียนไขบนแท่นบูชาซึ่งถูกจุดโดยใครบางคนด้านหน้าแท่นบูชา ร่างหนึ่งที่สวมชุดคลุมสีขาวกำลังหมอบกราบ สวดวิงวอนเสียงแผ่วจนไม่ได้ยิน“ไม่ใช่คนของเรา” ฮาอิมที่มีเนตรมองกลางคืน อาศัยส่วนสูงช่วยให้พบความผิดปรกติเป็นคนแรกหรือก็คือ… ไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่จำแลงกายเป็นสมาชิกในทีม… เดอร์ริคช่วยสรุปในใจแต่ขณะเดียวกันก็ยังหมายความว่า อีกฝ่ายคือบุคคลลึกลับ และความลึกลับมักมาพร้อมอันตรายเสมอ!“ปรกติต้องมีทีมสำรวจอยู่ในอาคารแห่งนี้” โคลินลดขอบเขตของแสงรุ่งอรุณลง จะได้ไม่ไปรบกวนร่างในชุดคลุมสีขาวฮาอิม โจชัว และเดอร์ริคต่างพากันเงียบ ไม่กล่าวคำใด ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ การหายตัวไปของทีมสำรวจย่อมหมายถึง พวกเขามีจุดจบที่ค่อยไม่ดีนักขณะพวกมันเตรียมหันหลังกลับ ชายสองคนในชุดรัดรูปสีดำเดินออกจากประตูฝั่งขวาของโถงสวดมนต์ เป็นสองสมาชิกของทีมที่รับหน้าที่สำรวจวิหาร“ท่านเจ้าเมือง เงานั่น… เงาพวกนั้นอันตราย! ลาโรย่าถูกเงาของตัวเองกลืนกิน!” หนึ่งในสมาชิกทีมสำรวจจ้องโคลินพลางอธิบาย น้ำเสียงแฝงความสั่นเครือและหวาดผวามีคนต้องสังเวยจนได้… เดอร์ริคพลันหม่นหมอง ก่อนจะเห็นแสงรุ่นอรุณแผ่ออกไปรอบทิศทาง ปกคลุมร่างกายสองสมาชิกทีมสำรวจสีหน้าของทั้งสองพลันบิดเบี้ยว ร่างกายซีดลงจนกลายเป็นสีดำ ราวสองวินาทีถัดมา พวกมันมีชะตากรรมเดียวกับเงาที่ถูกแสงขจัดปัดเป่า สลายหายไปอย่างสมบูรณ์แปะ! แปะ! แปะ!กระดูกและเลือดเนื้อร่วงหล่นจากร่างกาย กระทบพื้นจนเกิดเสียงกลุ่มแสงจำนวนหนึ่งไหลซึมออกจากซากศพอย่างเชื่องช้าโคลินหันไปมองด้านหลัง กล่าวอย่างไร้อารมณ์“เดินเข้าไปใกล้กับนักบวช ฟังว่าเขากำลังวิงวอนถึงสิ่งใด”เดอร์ริคและที่เหลือพยักหน้ารับ เดินทีละก้าวไปทางซากเทวรูปราวสิบก้าวถัดมา พวกมันมองเห็นบุคคลในชุดคลุมสีขาวได้ชัดเจนขึ้นจากมุมด้านข้าง และพบว่าชายวัยกลางคนรายนี้กำลังหลั่งน้ำตานักบวชที่ใบหน้าเกือบสัมผัสพื้น พึมพำกับตัวเอง“ข้าแต่องค์มหาเทพผู้ปราดเปรื่องและปรีชา ข้าขอสารภาพบาป… …เป็นคนล่อลวงซาสเรีย…. เหล่าราชาต่างรวมหัวสมคบคิดกันในวังแห่งสนธยาบ่อยครั้ง… ผู้คนในเมืองนี้เองก็เปลี่ยนไปมาก พวกเขาลักลอบตั้งแท่นบูชา ประกอบพิธีกรรมประหลาด กระทำในสิ่งที่ท่านไม่อนุญาต… ข้าค้นพบความจริงทั้งหมด แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว… ทั้งความฉิบหาย โลหิต ความมืด กัดกร่อน ฆ่าฟัน สิ่งโสมม และเงาดำกำลังจะปกคลุมแผ่นดิน… หายนะครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ ที่แห่งนี้!”ถ้อยคำดังกล่าวถูกทวนซ้ำหนแล้วหนเล่า คล้ายกับนักพยากรณ์กำลังบอกเล่าเหตุการณ์ในอนาคตด้วยเสียงแผ่วหายนะครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้นที่นี่? บนดินแดนที่ถูกทอดทิ้งโดย ‘พระผู้สร้างสรรพสิ่ง’ แห่งนี้? และยิ่งไปกว่านั้น ใครเป็นคนล่อลวง ‘เทวทูตมืด’ ซาสเรีย? นักบวชรายนี้อาจจะพูดชื่อออกมา เพราะหลังจากประโยค ‘ข้าขอสารภาพบาป’ มีการเว้นวรรคไปช่วงหนึ่ง… หมายความว่า ตัวเขาเคยเอ่ยชื่อเอาไว้ แต่นามดังกล่าวกลับเลือนหายไปเอง? ใครเป็นคนลบ? นักบวชรายนี้น่าจะเป็นตัวตนในหมู่บ้านยามบ่ายพิสดาร แต่โผล่ที่นี่หลังจากสมดุลของทั้งสองฝั่งถูกทำลาย ไม่อย่างนั้นคงถูกพบตัวตั้งแต่ภารกิจสำรวจคราวก่อน… ในระยะเวลาสั้น ๆ เดอร์ริคครุ่นคิดหลากหลายประเด็นขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มเห็นเจ้าเมืองกำลังย่างกราย ตรงไปทางนักบวชที่สวมชุดคลุมสีขาว…ไคลน์ตื่นจากความฝัน แสงแดดยามเที่ยงส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาปะทะกับดวงตามันพยุงตัวลุกออกจากเตียง เดินไปยังห้องอาหารโจรสลัดอย่างไม่รีบร้อนแฟรงค์·ลีที่เห็นไคลน์ รีบกวักมือเรียก“เกอร์มัน ฉันบังเอิญพบสิ่งที่น่าสนใจเข้า!”เชี่ย… คราวนี้เป็นเรื่องปวดหัวแบบไหนอีก… หัวใจไคลน์พลันหล่นวูบ“สิ่งประดิษฐ์ใหม่?”“ไม่ใช่…” แฟรงค์ส่ายหน้าอย่างตื่นเต้น “เดิมที ฉันอยากศึกษาปลาในทะเลแถบนี้ คิดว่าพวกเขาก็น่าจะฝันเหมือนกับเรา! แต่ขณะพยายามตกขึ้นมา ฉันกลับจับอะไรแปลกๆ ขึ้นมาได้แทน”……………………………………………
คอมเม้นต์