ราชันเร้นลับ 669 : แลกเปลี่ยนข้อมูล
พระผู้สร้างแท้จริง? เสียงเพรียกที่มาจากทะเลเป็นของพระผู้สร้างแท้จริง? ได้ยินคำตอบจากราชินีเงื่อนงำ ไคลน์พลันประหลาดใจแกมขอบคุณมันขอบคุณเพราะว่า หากราชินีเงื่อนงำไม่ลงมือ ถึงสมบัติปิดผนึกที่ช่วยปิดกั้นการได้ยินของฮีธ·ดอยล์จะได้ผลอยู่บ้าง แต่คงเป็นการยากที่จะไม่กลายร่างสำหรับผู้วิเศษลำดับกลางและต่ำในเส้นทางอื่น หากไม่ใช่การได้ยินเสียงเพรียกของพระผู้สร้างแท้จริงโดยตรง อย่างมากก็แค่ก็เกิดอาการซึมเศร้าหรือแตกตื่น อย่างดีก็ฝันร้าย ไม่เกิดอันตรายรุนแรงนัก แต่สำหรับ ‘บิชอปกุหลาบ’ ซึ่งมีลำดับ 0 ของเส้นทางเป็นพระผู้สร้างแท้จริง หากต้องเดินทางไปในเขตที่เต็มไปด้วยเสียงเพรียกของเทพมารดังกล่าว ถึงจะหูหนวก แต่ก็คงเกิดปัญหากับร่างกายไม่ช้าก็เร็วเมื่อฮีธ·ดอยล์เสียสติหรือคลุ้มคลั่ง ด้วยธรรมชาติของทะเลแถบนี้ คงเป็นการยากที่เหล่าสมาชิกบนเรือจะปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ไคลน์เชื่อว่า ตราบใดที่ตนไม่ถูกจู่โจมจนตายในทันที มีโอกาสได้สวดวิงวอนถึงเดอะฟูล ส่งตัวเองเข้าสายหมอกและใช้คทาเทพสมุทร ปัญหาก็ยังพอจะมีทางคลี่คลายแต่สิ่งที่ชายหนุ่มประหลาดใจมากที่สุดก็คือ เรื่องราวดังกล่าวขัดแย้งกับทฤษฎีก่อนหน้าของตนโดยสิ้นเชิง มันเคยเชื่อว่า ทะเลแถบนี้คือมรดกของสงครามระหว่างทวยเทพจากยุคสมัยที่สอง เป็นศึกช่วงชิงพลังซึ่งนำโดยพระผู้สร้างที่ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์เคารพนับถือ ต่อกรกับเหล่าแปดเทพบรรพกาลรวมไปถึงบรรดาเทพรับใช้ แต่ใครจะไปคิดว่า ตนอาจเข้าใจผิดทั้งหมดมาตั้งแต่แรก เพราะ ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ คือบุคคลที่เพิ่งปรากฏตัวครั้งแรกหลังจากมหาภัยพิบัติแห่งยุคสมัยที่สาม!แต่ยังมีความเป็นไปได้ว่า เสียงเพรียกเหล่านี้อาจเป็นของใหม่… ไคลน์ไม่ด่วนสรุป เฝ้ามองราชินีเงื่อนงำเดินผ่านหน้า ลูบคลำงานแกะสลักนูนต่ำบนราว พลางก้าวลงบันไดอย่างเชื่องช้าแผ่นหลังที่สูงโปร่ง สัดส่วนไขมันสมบูรณ์แบบ โดยรวมแล้วหุ่นดี ผมยาวสีเกาลัดปล่อยตามธรรมชาติ…ไคลน์เกิดความคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด หลังจากลองใคร่ครวญเหตุการณ์ที่ตนเข้าไปพัวพันกับราชินีเงื่อนงำอย่างละเอียด ชายหนุ่มเริ่มพบสาเหตุของความคุ้นเคยขณะเยี่ยมชมนิทรรศการรำลึกโรซายล์เพื่อตามหาไพ่เย้ยเทพ มันเคยเห็นแผ่นหลังแบบเดียวกันมาก่อน ในเวลานั้น เจ้าของแผ่นหลังแต่งกายค่อนข้างแปลก ทั้งที่สวมเดรสสีเหลืองหลายชั้นเหมือนกับเด็กสาวทั่วไป แต่กลับสวมหมวกอ่อนสีดำซึ่งเคยนิยมในอดีตคงเป็นราชินีเงื่อนงำ… เหมือนกับเรา เธอเข้าไปเยี่ยมชมนิทรรศการก่อน… สิ่งที่เธอกำลังจ้องในตอนนั้นคือหนังสือแบบเรียนที่จักรพรรดิโรซายล์พัฒนาขึ้นสำหรับลูกๆ ตัวเอง รวมถึงการประดิษฐ์หมากรุกและอิฐตัวต่อ… เธอคงมั่นใจว่าเราเป็นคนนำไพ่จักรพรรดิมืดไป…บุตรสาวคนโตของจักรพรรดิ แบร์นาแดต ก่อตั้งแก่นรุ่งอรุณเพื่อคานอำนาจกับนิกายมอสส์ และถ้าอ้างอิงจากไดอารี สตรีผู้นี้ยอมรับในคติพจน์ ‘ทำตามที่ใจอยาก แต่ต้องไม่เดือดร้อนใคร’ ดังนั้น อ้างอิงจากสองปัจจัยข้างต้น มีโอกาสสูงมากที่เธอจะเป็นครึ่งเทพบนเส้นทาง ‘ผู้ส่องความลับ’ …ลำดับ 4 ของเส้นทางผู้ส่องความลับคือ ‘ปราชญ์พิศวง’ … และเนื่องจากราชินีเงื่อนงำโด่งดังในทะเลมานานกว่าร้อยปี ลำดับของเธอก็น่าจะสูงกว่า 4 ไปแล้ว… หืม… หลังจากแคทลียาออกจากสังกัดของราชินีเงื่อนงำ เธอได้เข้าร่วมกับนิกายมอสส์…ราชินีเงื่อนงำให้ความสำคัญกับการถอดเนื้อความไดอารีโรซายล์มาก…กระแสข้อมูลเริ่มเรียงร้อยถักสาน จนกระทั่งไคลน์ผุดทฤษฎีหนึ่งบางที ราชินีเงื่อนงำอาจเป็นบุตรสาวคนโตของจักรพรรดิโรซายล์ แบร์นาแดต·กุสตาฟ!ถ้าอย่างนั้นก็อธิบายได้ว่า ทำไมการแต่งกายของราชินีถึงประหลาดและคล้ายกับโลกเก่านัก… เธอได้รับอิทธิพลทางรสนิยมมาจากจักรพรรดิ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยสมัยนิยม จึงผสมผสานออกมาเป็นสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร ค่อนไปทางแปลกประหลาด… แต่จะดูดีหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง คนหน้าตาดี แค่สวมกระสอบก็ดูดี แถมยังถูกชมว่าเป็นผู้นำแฟชั่น… ไคลน์รำพันในใจ แต่ฉากนอกยยังคงเงียบขรึมขึงขัง เดินตามราชินีเงื่อนงำลงบันไดอย่างระมัดระวังราชินีเงื่อนงำไม่หันหลังกลับมามอง กล่าวขณะเดิน“ความฝันแห่งนี้มิได้กว้างขวาง มีเพียงสองส่วน ส่วนแรกเป็นการจำลองวังราชาคนยักษ์บนภูเขาฝั่งตรงข้าม ส่วนที่สองคืออารามสีดำที่นี่”วังราชาคนยักษ์? ฉากของอาคารอันซับซ้อนและสง่างามท่ามกลางแสงแดดยามเย็น ผุดเข้ามาในใจไคลน์ทันทีนั่นคือแบบจำลองของวังราชาคนยักษ์!และเดอะซันน้อยก็เพิ่งมาถึงทางเข้าวังราชาคนยักษ์ในโลกจริง หมู่บ้านยามบ่าย!ราชินีเงื่อนงำกล่าวเสียงนุ่มนวลแต่ไร้อารมณ์“นั่นเป็นเพียงการคาดเดาของฉัน เพราะรูปแบบอาคารคล้ายกับบรมมหาราชวังสนธยาของฟุซัคมาก… ผนวกกับข่าวลือในยุคสมัยที่สี่ซึ่งระบุว่า เทพสงครามคือคนยักษ์โบราณที่รอดชีวิตมาจากมหาภัยพิบัติ”เส้นทางเทพสงครามคือเส้นทางคนยักษ์… ไคลน์เห็นด้วยกับทฤษฎีของราชินีเงื่อนงำขณะเดียวกัน ชายหนุ่มฉุกคิดเกี่ยวกับตำนานเทพบรรพกาลที่เดอะซันน้อยรวบรวมมาให้ คำอธิบายส่วนหนึ่งของ ‘วังราชาคนยักษ์’ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ที่นั่นจะมี ‘แสงสนธยา’ ส่องค้างไว้ตลอดเวลา จุดนี้นับว่าสอดคล้องกันลักษณะพิเศษของภูเขาฝั่งตรงข้ามจากพระผู้สร้างแท้จริงจนมาถึงวังราชาคนยักษ์ ราชินีเงื่อนงำยอมเปิดเผยสองข้อมูลที่สำคัญมากแก่เรา… เธอพยายามทำดีกับเรา… ไม่สิ พยายามทำดีกับบุคคลลึกลับเบื้องหลังเราต่างหาก… หึหึ และคนที่อยู่เบื้องหลังเราก็คือตัวเราเอง… ไคลน์ตอบกลับอย่างใจเย็น“วังราชาคนยักษ์บนโลกความจริง… อยู่ในดินแดนเทพทอดทิ้ง”ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ เป็นการอวดโอ่ข้อมูลในมือ รวมไปถึงความยิ่งใหญ่ของบุคคลเบื้องหลังราชินีเงื่อนงำชะงักฝีเท้า มือขวาวางลงบนราวที่มีงานแกะสลักนูนต่ำปกคลุม หมุนตัวครึ่งรอบกลับมาจ้องเกอร์มัน·สแปร์โรว์ กล่าวอย่างด้วยจังหวะนุ่มนวล“มีข่าวลือว่า ทางเข้าของดินแดนเทพทอดทิ้งซ่อนอยู่บนภูเขาฝั่งตรงข้าม ที่ใดสักแห่งในแบบจำลองของวังราชาคนยักษ์”นั่นคือเหตุผลที่เดอะซันน้อยสำรวจหมู่บ้านยามบ่าย? ไม่ใช่ว่าเจ้าหนูแจ็คปรากฏตัวจากชายหาดหรอกหรือ? บางที อาจจะมีสวิตช์ซ่อนอยู่ทั้งในแบบจำลองวังราชาคนยักษ์และวังราชาคนยักษ์ของจริง ต้องเปิดพร้อมกัน ทะเลทั้งสองจึงจะเชื่อมต่อ?ทะเลแห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงเพรียกของพระผู้สร้างแท้จริง แถมยังมีความลับของดินแดนเทพทอดทิ้งซ่อนอยู่ รวมไปถึงเศษเสี้ยวพลังของรัตติกาล สุริยัน วายุสลาตัน ธรณี และผู้ชม ไม่ว่าจะมองมุมใดก็สอดคล้องกับเหตุการณ์มหาภัยพิบัติมาก!หรือว่า… หลังจากเกิดมหาภัยพิบัติ ดินแดนเทพทอดทิ้งถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ทั้งเทพธิดา สุริยันเจิดจรัส เทพวายุสลาตัน พระแม่ธรณี ต่างช่วยปกป้องโลกเอาไว้ ขณะเดียวกันก็เป็นเวลาที่พระผู้สร้างแท้จริงปรากฏตัว… มีเพียงเส้นทางผู้ชมที่ยังหาความเชื่อมโยงไม่ได้… ไคลน์สร้างสมมติฐานจากข้อมูลในมือราชินีเงื่อนงำเริ่มเดินลงบันไดต่อ พลางหันมากล่าว“อารามสีดำแห่งนี้อาจดูเหมือนไม่ใหญ่ แต่สิ่งก่อสร้างทั้งหมดในทุกชั้นจะเป็นตัวแทนของแต่ละจุดบนท้องทะเล ด้านหลังบานประตูอาจเป็นความฝันของเหล่าสัตว์ประหลาด”แบบนี้นี่เอง… ไคลน์ชำเลืองราวบันได พบว่างานแกะสลักด้านบนส่วนมากเป็นรูปศีรษะมนุษย์ มองผิวเผินอาจดูงดงาม แต่จะมอบความรู้สึกขนลุกเมื่อเพ่งพินิจ ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มตัดสินใจถาม“แล้วขั้นบันไดแห่งนี้เป็นความฝันของใคร”“อมรณาคนหนึ่งแห่งนิกายวิญญาณ เขามาที่นี่เพื่อค้นหาร่องรอยของเทพมรณาโบราณ กล่าวกันว่าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับสร้างมรณาเทียม อย่างไรก็ตาม เขาเกิดคลุ้มคลั่งเนื่องจากได้ยินเสียงเพรียก จึงต้องเร่ร่อนในซากปรักหักพังใต้น้ำไปตลอดกาล คอยเปลี่ยนนักผจญภัยที่ริอ่านเข้าใกล้ให้กลายเป็นซอมบี้” ราชินีเงื่อนงำอธิบายเสียงเรียบสนามรบแห่งนี้… แม้แต่เทพมรณาก็มีส่วนเกี่ยวข้อง? ไม่แปลกใจว่าทำไมพลเรือเอกขุมนรกถึงมักเข้ามาสำรวจทะเลแถบนี้บ่อยครั้ง… ไคลน์ชะงักเล็กน้อยในกรณีของมรณาเทียม มันมิได้แปลกใจนัก เพราะเคยได้ยินเรื่องราวจากปากแม่มดยุพนิรันด์ คาร์เทอริน่า·เปลเล่มาบ้าง และเหนือสิ่งอื่นใด นิกายวิญญาณยังห่างไกลความสำเร็จอยู่มากขณะเดียวกัน ราชินีเงื่อนงำที่เดินถึงบันไดชั้นล่างสุด ชำเลืองกลับมามองชายหนุ่มก่อนที่เธอจะหักเลี้ยวไปยังโถงทางเดิน มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวอาคารไคลน์เดินตามพลางกวาดตามอง พบว่าไม่มีบันไดลงไปข้างล่าง หมายความว่าที่นี่คือชั้นล่างสุดราชินีเงื่อนงำหยุดลงตรงหน้าประตูไม้สีดำที่มีลวดลายประหลาด จับลูกบิดและกล่าว“ฉันสงสัยมาตลอดว่า ความฝันด้านในอาจเป็นกุญแจสำคัญที่คอยค้ำจุนที่นี่ เศษเสี้ยวพลังของรัตติกาลเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนให้มันเกิดขึ้น”ขณะกล่าว หญิงสาวบิดกลอนเปิดประตูบานประตูถูกผลักเข้าไปอย่างเชื่องช้า ฉากตรงหน้ามิใช่ห้องอย่างที่ไคลน์จินตนาการ หากแต่เป็นท้องทะเลผิวทะเลส่องสว่างด้วยแสงแดดระยิบระยับ คล้ายกับมีทองคำจำนวนมากแฝงตัวอยู่ในเกลียวคลื่นระหว่างที่ประตูกำลังเปิด ไคลน์สัมผัสได้ว่า ออร่าอันทรงพลังเริ่มไหลซึมเข้ามาจากด้านนอก อาคารทั้งหลังพลันสั่นสะเทือนรุนแรง ฝุ่นควันคละคลุ้ง กำแพงอิฐล้มครืนทีละก้อนสองก้อนสัญชาตญาณไคลน์ร้องเตือนทันที พร้อมกับได้รับนิมิตแจ้งว่าโลกความฝันกำลังพังทลายในวินาทีดังกล่าว ราชินีเงื่อนงำชักมือขวากลับ ปิดประตูไม้สีดำจนสนิท เหตุการณ์รอบตัวกลับเป็นปรกติอีกครั้ง“แม้แต่ฉันยังไม่กล้าเข้าไป” ผู้วิเศษที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลกกล่าว“ความฝันของเทพที่ยังหลงเหลือสินะ” ไคลน์กล่าวเสียงเรียบ คล้ายกับไม่กังวลเพราะมีผู้ยิ่งใหญ่คอยหนุนหลัง ตั้งใจวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าอย่างใจเย็นราชินีเงื่อนงำหมุนตัวกลับ ดวงตาสีฟ้าครามจดจ้องใบหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์“ในทะเลแห่งนี้ รวมถึงในอารามสีดำ มีความลับซ่อนอยู่นับไม่ถ้วน ฉันอาจล่วงรู้ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ”หญิงสาวไม่กล่าวต่อ เพียงจ้องหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์เงียบงัน คล้ายกับกำลังเฝ้ารอบางสิ่งแรงกดดันนี้มันอะไรกัน… ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ค่อยกล่าวหยั่งเชิง“คุณทราบหรือไม่ว่า… คาถาปลดผนึกไพ่จักรพรรดิมืดคืออะไร”ราชินีเงื่อนงำเงียบงันสองสามวินาที ตามด้วยส่ายหน้าไคลน์จ้องเข้าไปในดวงตาหล่อน“แบร์นาแดต”โถงทางเดินพลันเงียบงันจนไม่มีแม้แต่เสียงหายใจ ริมฝีปากราชินีเงื่อนงำขยับขึ้นลงเล็กน้อย ก่อนจะปิดกลับไปตามเดิมดวงตาสีฟ้าของเธอเหม่อลอยชั่วขณะ ก่อนจะกลับมาคงความลุ่มลึกภายในเวลาไม่นานราชินีเงื่อนงำหมุนตัวอย่างไม่รีบร้อน เดินตรงไปยังบันไดสีดำ กล่าวเสียงเรียบ“ความฝันกำลังจะจบลง”ไคลน์ยืนมองแผ่นหลังของเธอย่างกรายขึ้นบันไดไปทีละก้าว จนกระทั่งแสงสว่างอันท่วมท้นปกคลุมการมองเห็นโดยสมบูรณ์…หมู่บ้านยามบ่ายขณะแสงเทียนจากหน้าต่างของบ้านด้านนอกถูกจุดติดทีละหลัง หมู่บ้านที่เคยเงียบสงบพลันดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที เดอร์ริคและที่เหลือต่างรู้สึกราวกับกำลังฝันร้าย ความตึงเครียดก่อตัวในใจนักล่าปีศาจโคลิน ตรวจสอบสองสามหน กล่าวเสียงขรึม“พวกเรากำลังอยู่ในโลกความจริง… พลังของแท่นบูชาหมดไปแล้ว”………………………………………………..
คอมเม้นต์