ราชันเร้นลับ 657 : พลังชีวิตอันน่าพรั่นพรึง
ฝ่ามือสีเทาดำยื่นมาจับกราบเรือและกดลง ขอบเรือที่เคยจมน้ำถูกเผยให้เห็นทีละนิดผ่านผิวน้ำสีฟ้าคราม ไคลน์มองเห็นร่างกายสีเทาดำขนาดมหึมาด้านล่าง และไม่นานหลังจากนั้น ภาพก้อนเนื้อยุบพองเริ่มใหญ่ขึ้นทีละนิดจนเต็มทัศนวิสัยของชายหนุ่มคล้ายกับสัตว์ประหลาดตัวนี้ถูกประกอบจากซากศพสีดำและเทาจำนวนมหาศาล ท่อนแขนที่เชื่อมติดกับฝ่ามือทั้งสองข้างมีลักษณะเหี่ยวเฉาประหนึ่งท่อนไม้แห้ง ฝ่ามือสีเทาที่เห็นในตอนแรกดูคล้ายกับมือจากศพคนยักษ์ ดวงตาข้างเดียวขนาดมหึมากำลังปิดสนิท ใกล้กับบริเวณลำคอยักษ์มีศีรษะจากศพอื่นประกบติดสองด้าน ถัดลงไปคือร่างกายขนาดใหญ่อันเกิดจากการรวมกันของซากปลามีเกล็ด ศพกิ้งก่า ศพมนุษย์เละเทะ ชิ้นแล้วชิ้นเล่าประกอบกันกลายเป็นเกาะขนาดย่อมท่ามกลางซากศพอันหลากหลาย แก๊สสีเขียวอมเหลืองระเบิดออกมาตามรอยเย็บของแต่ละศพ ฟุ้งกระจายปกคลุมน่านน้ำบริเวณดังกล่าวอย่างทั่วถึงแค่ก! แค่กแค่ก!เพียงได้กลิ่นเจือจาง ลูกเรือจำนวนมากบนดาดฟ้าพลันไอกระแอมรุนแรงจนมิอาจตั้งตัวยืนตรงได้เห็นฉากตรงหน้า แฟรงค์·ลีไม่ลังเลที่จะหยิบบางสิ่งออกจากช่องลับในเข็มขัดและเตรียมใช้พลังที่สอดคล้องกันทันที แต่ใครจะไปคิดว่า แคทลียาจะส่งเสียงเสริมเวทมนตร์ออกมาห้ามไว้“แฟรงค์! หยุด! ไปช่วยนีน่าออกคำสั่งให้ลูกเรือปรับใบเรือเร็วเข้า!”“ทำไม…?” แฟรงค์·ลีถามตามสัญชาตญาณ“ในทะเลแถบนี้ พลังพิเศษขอบเขตอำนาจพระแม่ธรณีจะเกิดการกลายพันธุ์ พลังของนายก็ไม่มีข้อยกเว้น!” แคทลียาออกคำสั่งพลางวางฝ่ามือลงบนจุดหนึ่งของโต๊ะทำงานเพียงพริบตา สัญลักษณ์และอักขระเวทมนตร์ที่สลักบนผิวอนาคตกาลพลันสว่างไสว เปลี่ยนเรือทั้งลำให้กลายเป็นทะเลดวงดาวพราวพราย เฉกเช่นแสงสว่างรอบตัวแคทลียาขณะละอองแก๊สสีเขียวเหลืองที่กำลังฟุ้งกระจายเริ่มถูกแสงดาวกีดขวาง ไคลน์ตัดสินใจลอยตัวเลียบกราบเรือ ตรงไปยังหน้าต่างห้องพักของตนเมื่ออาการไอกระแอมของเหล่าโจรสลัดบรรเทาลง สรั่งเรือนีน่า รองกัปตันแฟรงค์·ลี และต้นหนอ็อตโตลอฟ รีบกำชับให้ลูกเรือกระจายตัวไปปรับใบเรือ หวังนำพาอนาคตกาลแล่นออกจากเขตอันตรายโดยเร็ว จะได้หลุดจากอำนาจของพระแม่ธรณีและการกลายพันธุ์อันบ้าคลั่งเสียทีทว่า สัตว์ประหลาดสีเทาดำขนาดมหึมาเริ่มรัดรึงหัวเรือไว้แน่น แม้จะไม่ทราบว่าร่างกายใต้น้ำยึดเหนี่ยวกับสิ่งใด แต่สิ่งที่แน่ชัดก็คือ ตัวเรือมิอาจแล่นไปด้านหน้าได้ตามใจปรารถนาขณะเดียวกัน คล้ายกับรอบทิศถูกบดบังด้วยภูเขาล่องหน ลมทะเลอันควรจะมี กลับมิอาจพัดปะทะใบเรือของอนาคตกาลในสถานการณ์แบบนี้ ต้นหนต้องสั่งให้เดินเครื่องยนต์สำรอง… แต่น่าเสียดายที่อนาคตกาลไม่มีของแบบนั้น…จริงอยู่… เรือลำนี้อาจมีท่า ‘กระโจน’ ฉุกเฉินด้วยพลังแห่งดวงดาว แต่ขอเดาว่ามาดามเฮอร์มิทต้องจ่ายบางสิ่งที่ราคาแพงเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน อีกทั้งยังกำหนดทิศและระยะทางไม่ได้ การกระโจนส่งเดชท่ามกลางทะเลพิสดารเช่นนี้ หากโชคไม่เข้าข้างก็คงไม่แคล้วตกอยู่ท่ามกลางอันตราย โดยเฉพาะการมีแอนเดอร์สันโดยสารอยู่บนเรือ… ไคลน์ที่กำลังลอยตัวข้างหน้าต่าง สำรวจสถานการณ์รอบเรืออย่างละเอียดมันไม่วิตกกังวลมากนัก เพราะไม่ว่าจะพลเรือเอกดวงดาวหรือนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด ต่างก็ยังมิได้แสดงฝีมือที่แท้จริงออกมาแน่นอน… รวมถึงเราด้วย… ไคลน์เสริมเงียบมันเตรียมกลับเข้าไปในห้องพักและหยิบ ‘อินธน์’ ออกมาสวม ในสภาวะที่ปราศจาก ‘อาหาร’ ของยุบพองหิวโหย การเลือกใช้อินธน์คงเหมาะสมกว่า ค่อยงัดยุบพองหิวโหยออกมาใช้ในสถานการณ์ที่ยุ่งยากซับซ้อน จากนั้นก็โยนเข้ามิติหมอกเทาเพื่อผนึกไว้ชั่วคราวสำหรับผลข้างเคียงที่มีโอกาสทำให้ของติดตัวสูญหาย ไคลน์มีแผนรับมือไว้อยู่แล้ว หลังจากเปลี่ยน ‘ชุดศึก’ เสร็จ มันจะนำกระเป๋าสตางค์ นกหวีดทองแดงอะซิก หีบเพลงปากของนักผจญภัย และสิ่งของมีค่าชนิดอื่นเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทาง พกติดตัวเพียงยุบพองหิวโหย กระดุมข้อมือเมอร์ล็อค และยันต์ในขอบเขตอำนาจเทพสมุทร โดยจะคอยระวังสองชิ้นแรกมากเป็นพิเศษหากพิจารณาในแง่ความน่าจะเป็น สิ่งที่มีโอกาสหายไปเพราะผลข้างเคียงของถุงมือ ‘อินธน์’ มากที่สุดคงหนีไม่พ้นยันต์โลหะ เนื่องจากมีจำนวนมากที่สุดไคลน์มิได้กังวลมากนัก เหตุเพราะมันสร้างยันต์ทำนองเดียวกันไว้เป็นจำนวนมาก โดยหน้าที่ของยันต์คือการถูกใช้งานและหายไปอยู่แล้วเหนือสิ่งอื่นใด โลหะในขอบเขตอำนาจ ‘พายุ’ คือดีบุก ซึ่งมีราคาต่ำมากจนไม่ต้องเก็บมาคิดเล็กคิดน้อย ส่วนพลังพิเศษก็เกิดจากคทาเทพสมุทร ไม่มีต้นทุนใดทั้งนั้น… ไคลน์พึมพำพลางเหยียดแขนออกไปเปิดหน้าต่างห้องพักขณะเดียวกัน สัตว์ประหลาดสีเทาดำร่างใหญ่ที่เกิดจากการรวมตัวของเศษเนื้อ เริ่มพยายามปีนกลับขึ้นมาบนเรือ โดยเมื่อมันเฉียดใกล้ เส้นผมของเหล่าลูกเรือบนดาดฟ้าต่างพากันงอกยาวอย่างบ้าคลั่งจนกระทั่งถึงเอวนั่นมิใช่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ เส้นผมพวกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างกะทันหันและแปรเปลี่ยนเป็นสีขาว พวกมันเริ่มงอกยาว พันธนาการซ้ายขวาและรัดรึงร่างของผู้เป็นนายจนแน่นกระชับกระจุกผมของคนอื่น ๆ ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในทำนองเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าอำนาจดวงดาวของอนาคตกาลมิอาจขัดขวางผลข้างเคียงได้ทั้งหมดสำหรับโจรสลัดบางคนที่โกนหัว ความพิเศษนี้ไม่ช่วยให้รอดพ้นจากอันตราย ขนจมูกของพวกมันขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็วจนมองทันด้วยตาเปล่า เพียงไม่นานก็อุดตันช่องทางสำหรับหายใจเข้าออกณ หน้าต่างห้องกัปตัน พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา ยกแขนขึ้นโดยในมือกำลังถือม้วนคาถาที่ทำจากหนังปลาเรียบ“อัมพาต!”ท่ามกลางเสียงสวดภาษาเฮอร์มิสโบราณก้องกังวาน ม้วนคาถาลุกไหม้อย่างเงียบงัน แสงสีเขียวอ่อนส่องประกายจากใจกลางกระดาษหนังปลา พุ่งกระแทกใส่ฝ่ามือขนาดใหญ่ของสัตว์ประหลาดตรงกราบเรืออย่างไรก็ตาม ชิ้นเนื้อที่ยุบพองของซากศพมิได้หยุดขยับเขยื้อน ฝ่ามือข้างหนึ่งทุบใส่ทะเลดวงดาวพราวพรายจนกระจัดกระจายและทำให้เรือสั่นได้เห็นเช่นนั้น แสงสีม่วงในดวงตาแคทลียาทวีความเข้มข้น หญิงสาวผลักฝ่ามือตรงไปข้างหน้าโดยมิได้หยิบกระดาษคาถาม้วนใหม่“จองจำ!”ในวินาทีที่คาถาลึกลับถูกพ่นจากปากนายพลโจรสลัด ดวงดาวพราวแสงรอบตัวเธอ ทยอยพุ่งลงไปบนร่างกายขนาดมหึมาของสัตว์ประหลาดสีเทาดำทีละดวงสองดวงแสงดาวเริ่มควบแน่นกลายเป็นแท่งอำพันใสขนาดใหญ่ ห่อหุ้มซากศพยุบพองไว้ทุกส่วน เหนี่ยวรั้งพวกมันมิให้ขยับเขยื้อนไปไหนขณะเดียวกัน ในมือขวาของนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด แอนเดอร์สัน·ฮู้ด ปรากฏกริชคมกริบเล่มหนึ่ง ผิวกริชมีลวดลายน่ากลัวซ้อนทับหลายชิ้น แต่ทั้งหมดเป็นเพียงภาพลวงตาอาศัยจังหวะที่สัตว์ประหลาดถูก ‘กรงแสงดาว’ พันธนาการ ร่างกายแอนเดอร์สันพลันปรากฏเปลวเพลิงสีขาวลุกท่วมอย่างโชติช่วงเปลวไฟพุ่งตรงไปด้านหน้า กระโดดออกจากกราบเรือและตกลงบนเศษเนื้อสีเทาดำของซากศพจำนวนมากจากนั้น แสงสีขาวเริ่มตวัดฉวัดเฉวียนอย่างว่องไวไปบนผิวซากศพยุบพอง ประหนึ่งกำลังสร้างสรรค์ภาพวาดอันงดงามถัดมาเป็นเสียงระเบิดกึกก้อง ตามด้วยฉากเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นฟ้าราวกับดอกไม้ไฟ แอนเดอร์สันกระโดดกลับขึ้นมาบนเรือพร้อมกับกริชสีดำสนิทสัตว์ประหลาดขนาดมหึมายังคงแน่นิ่งในจุดเดิม ราวกับไม่หลงเหลือพลังชีวิตอีกต่อไปปึด! ปึด! ปึด! ภายในไม่กี่วินาที บาดแผลลึกจำนวนมากปริแตกบนร่างเศษเนื้อยุบพองพลังทำลายของ ‘ยมทูต’ น่ากลัวคำร่ำลือ… ไคลน์ที่เพิ่งปรับแต่งชุดศึกเสร็จ บังเอิญเห็นฉากตรงหน้าพอดีขณะเดินตรงมายังหน้าต่างทันใดนั้น ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยการเปลี่ยนที่ไม่มีใครคาดคิดพลันบังเกิด เศษเนื้อระเบิดกระจัดกระจายพร้อมกับส่ง ‘มือและเท้า’ ขึ้นไปยังดาดฟ้าเรือ ราวกับอสุรกายเปิดฉากกระหน่ำยิงใส่อนาคตกาลก็มิปานคล้ายกับผู้บุกรุกขนาดมหึมาสีเทาดำตนนี้ไม่มีวันตาย เพราะไม่ว่าจะถูกแบ่งสับจนละเอียดสักเพียงใด แต่ก็จะแตกตัวกลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวเล็กตัวน้อย!ท่ามกลางความเงียบ เนื้อสีเทาดำจำนวนมากที่ตกลงบนดาดฟ้าใกล้กับห้องกัปตัน พลันพุ่งไปหาพลเรือเอกดวงดาวโดยหวังพันธนาการศีรษะหญิงสาวบุคคลผู้หนึ่งปรากฏกายจากความมืดเพื่อเป็นกำบังให้แคทลียา ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘ผู้ไร้เลือด’ ฮีธ·ดอยล์ปากของมันอ้ากว้างจากหูซ้ายถึงหูขวา จากจมูกลงไปถึงหน้าอก เพียงพริบตา ‘วังวน’ เลือดเนื้อเริ่มก่อตัวหมุนวนอย่างเชื่องช้า‘วังวน’ ดูดกลืนเศษเนื้อสีเทาดำเข้าไปอย่างรวดเร็ว กักเก็บเอาไว้ในร่างกายฮีธ·ดอยล์ตกลงบนพื้นดาดฟ้าในลักษณะคล้ายเงา ร่างกายสั่นเทาสองสามหนก่อนจะกลับมาเป็นปรกติ ในส่วนของเศษเนื้อสีเทาดำซึ่งถูกยิงออกจากร่างกายสัตว์ประหลาด ยามนี้อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยสิ่งที่น่ากลัวของสัตว์ประหลาดตนนี้คือระดับพลังชีวิตอันผิดธรรมชาติ จะดีมากถ้าเราสามารถขโมย ‘ความพิเศษ’ ดังกล่าวมาได้… ไคลน์ที่กำลังลอยตัวด้วยผลของยันต์ เหาะออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับเหยียดแขนขวาที่สวมถุงมือดำไปข้างหน้า จากนั้นก็แบมือออกการกระทำดังกล่าวส่งผลให้การมองเห็นของชายหนุ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นภาพของกลุ่มออร่าหลากสีเป็นตัวแทนของผู้คนและวัตถุสีสันฉูดฉาดสับเปลี่ยนตลอดเวลาพร้อมกับกะพริบด้วยความถี่สูง จึงเป็นเรื่องยากที่จะจับหลักการได้ในเวลาอันสั้นด้วยมุมมองดังกล่าว ไคลน์พบว่าชิ้นเนื้อสีเทาดำที่ส่องแสงแวววาว อาจดูคล้ายกับแยกออกเป็นหลายส่วน แต่ความจริงแล้วกลมเกลียวเป็นหนึ่งชายหนุ่มกำหมัดขวาด้วยสีหน้าเยือกเย็น ทำท่าคว้าหนึ่งในก้อนแสงและบิดข้อมือไปทางขวาทันใดนั้น ไคลน์เห็นแสงนวลสีเขียวเหลืองถูกดึงออก ลอยมารวมอยู่กับมือขวาของตนนี่คือพลังพิเศษ ‘หมอกพิษ’มันขโมยหมอกพิษของสัตว์ประหลาดสีเทาดำสำเร็จ!นี่คือพลังของถุงมือ ‘อินธน์’ !ขณะเดียวกัน ไคลน์ตระหนักได้ทันทีว่า พลังพิเศษของนักมายากล ‘โอนถ่ายความเสียหาย’ ของตนได้หายไปและไม่สามารถใช้การได้!ภายในสิบสองชั่วโมง หนึ่งเป้าหมายจะถูกขโมยพลังได้ครั้งเดียว… เมื่อยืนยันสถานการณ์ ไคลน์กวาดตามองไปรอบอนาคตกาล จนพบว่าหมอกสีเขียวเหลืองที่เคยปกคลุมอนาคตกาลและคอยกัดกร่อนทะเลดวงดาว เริ่มเจือจางลงอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน เศษเนื้อจากซากศพที่กระจายเต็มดาดฟ้าเรือก็เริ่มแห้งกรังและมีสีเข้มเหล่าโจรสลัดเริ่มได้พักหายใจหายคอ ทางด้านแคทลียา เธอนำเข็มกลัดสีทองออกมาติดด้านหน้าชุดคลุมยาวทรงโบราณตัวเข็มกลัดคล้ายผลิตจากทองคำ รูปทรงเป็นนกที่มีขนแพนหางยาวแต่ทันใดนั้น บรรยากาศรอบลำเรือพลันเงียบสงบ ความโกลาหลที่เคยเกิดขึ้นอันตรธานหายไปอย่างน่าฉงน แม้แต่ไคลน์ก็ถูกอิทธิพลดังกล่าวเข้าครอบงำ รู้สึกราวกับตัวเองกลายเป็นซากศพปราศจากอารมณ์ในวินาทีแห่งความเป็นความตาย เรือลำหนึ่งแล่นเข้ามาใกล้เป็นเรือใบขนาดมหึมาไม่แพ้อนาคตกาล สีหลักเป็นสีดำ แซมด้วยสีเขียวหม่นเล็กน้อยใบเรือหลักมีสีขาวซีด กึ่งกลางคือภาพดอกทิวลิปสีดำสนิทกำลังบานสะพรั่งเรือธงของ ‘พลเรือเอกขุมนรก’ ลูเธอร์ไวล์ ‘ทิวลิปดำ’ !เรือที่ถูกกล่าวขานว่า มักแล่นอยู่ในทะเลแถบนี้เป็นประจำ!……………………………………
คอมเม้นต์