ราชันเร้นลับ 633 : ปรสิตสองประเภท
หลังออกจากผับมะนาวหวาน ไคลน์เดินตรงกลับโรงแรมทันทีขณะกำลังเก็บกระเป๋า ผู้ส่งสารโครงกระดูกตัวใหญ่ปรากฏกายกะทันหันมันต้องการแตะไหล่ไคลน์ แต่เนื่องจากส่วนสูงที่เลยเพดานและไม่มีชั้นล่างให้ลงไปยืน ฝ่ามือจึงสัมผัสโดนเพียงอากาศ และทำได้แค่โยนจดหมายมาทางไคลน์ ก่อนจะแตกตัวกลับไปเป็นน้ำตกโครงกระดูกมิสเตอร์อะซิกตอบกลับมาสักที… ผ่านไปนานเกือบหนึ่งสัปดาห์… ผู้ส่งสารของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยรึเปล่า… ท่าทางดูคล้ายกับตัวแรกที่พยายามทักทายเราก่อนยื่นจดหมาย…ไคลน์รับกระดาษ คลี่ออกอ่าน“ผมต้องขอโทษที่ไม่ได้เขียนตอบหลายวัน คงเป็นเพราะความทรงจำที่พรั่งพรูเข้ามาในปริมาณเกินขีดจำกัด ร่างกายของผมจึงต้องการพักผ่อนหลายวันเพื่อให้เคยชิน สิ่งที่คุณเขียนอธิบายนั้นตรงกับลักษณะเฉพาะของลำดับ 4 ‘ปรสิต’ แห่งเส้นทาง ‘นักจารกรรม’ โดยตั้งแต่ลำดับนี้เป็นต้นไป พลังของพวกมันจะเน้นหนักในด้านการแทรกแซงร่างกายเป้าหมาย จากความทรงจำของผม ปรสิตที่สิงร่างเหยื่อจะมีสองประเภท ประเภทแรก ปรสิตขั้นต้น เป็นการซ่อนตัวภายในร่างโฮสต์ จุดประสงค์เพื่อยืดอายุขัยและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ มองเห็นทุกสิ่งที่โฮสต์เห็น ได้ยินทุกสิ่งที่โฮสต์ได้ยิน แต่ไม่สามารถควบคุมหรือขโมยความคิดของโฮสต์ได้ ดังนั้น โฮสต์จำเป็นต้องเปล่งเสียงหากหวังสื่อสารกับปรสิต”“อีกหนึ่งประเภทก็คือ ปรสิตเต็มรูปแบบ ร่างวิญญาณของปรสิตและโฮสต์ผสานกันเกือบสมบูรณ์ ตระหนักถึงทุกการกระทำและความคิดของโฮสต์ สามารถควบคุมร่างกายได้ดังใจ หากเผชิญหน้ากับปรสิตประเภทแรก เราสามารถแจ้งให้โฮสต์ทราบผ่านทางความฝัน การสนทนาผ่านจิตใต้สำนึก หรือวิธีอื่น โดยไม่ต้องกังวลว่าปรสิตจะได้ยิน เพราะพวกมันต้องอาศัยประสาทสัมผัสของโฮสต์ในการรับรู้สิ่งรอบตัว”“แต่ถ้าเป็นประเภทที่สอง เราไม่มีวิธีสื่อสารกับโฮสต์โดยไม่ให้ปรสิตรู้ตัว แต่ก็มีโอกาสขจัดออกจากร่าง โดยต้องหวังพึ่งพาความช่วยเหลือจากเทพที่โฮสต์เชื่อ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ซับซ้อนจนผมยากจะอธิบาย สามารถบอกได้เพียงว่า ขณะทำการสวดวิงวอนถึงองค์เทพ ปลายทางจะตรวจพบปรสิตในตัวสาวก จากนั้น พวกท่านจะมอบการตอบสนองผ่านพิธีกรรม เพื่อกำจัดปรสิตทิ้ง หรือไม่ก็แยกออกจากร่างกาย อย่างไรก็ตาม ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า โฮสต์ไม่ทราบมาก่อนว่าตนถูกปรสิตสิง และห้ามคิดเรื่องจำกัดทิ้ง ไม่อย่างนั้นแล้ว ปรสิตจะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางพฤติกรรมดังกล่าว…”เหมือนกับกรณีของเดอะซันน้อย…เขาสวดวิงวอนถึงเราด้วยความไม่รู้ จนทำให้เราพบร่างแบ่งภาคของอามุนด์ จึงเริ่มเก็บซ่อนเจตนา แอบสอนให้เขาประกอบพิธีกรรมพันธะสัญญาลับ เพื่อชำระล้างปรสิตออกจากร่าง…ไคลน์เริ่มกระจ่างในบางสิ่ง“แต่เรายังยืนยันไม่ได้ว่า ปรสิตในร่างนักกวีเพื่อนรักนั้นเป็นประเภทใด สมัยยังอยู่ทิงเก็น หมอนั่นชอบพูดกับตัวเอง คงเป็นสัญญาณของประเภทแรก แต่ปัญหาคือ ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน อาจพัฒนาไปเป็นปรสิตเต็มรูปแบบ ต้องยืนยันเรื่องนี้ให้แน่ชัดก่อนลงมือ จะได้แก้ปัญหาอย่างถูกวิธี การเข้าไปสนทนาในความฝันส่งเดช รังแต่จะทำให้ปรสิตประเภทที่สองรู้ตัวเร็วขึ้น เกิดเป็นปัญหาลุกลามจนยากจะแก้ไขได้ด้วยวิธีปรกติ ถ้าเป็นประเภทที่สอง นักกวีเพื่อนรักเชื่อในเทพธิดารัตติกาล แต่ปัญหาคือ พระองค์มีสาวกหลายสิบล้านคน ไม่น่าจะหันมาสนใจถุงมือแดงปลายแถวที่ไม่ใช่ข้ารับใช้ใกล้ชิดหรือนักบุญ ไม่เหมือนกับเรา เดอะฟูล ผู้มักตอบสนองคำวิงวอนของสาวกเป็นรายบุคคลบ่อยครั้ง…ช่วยไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ ‘สตาร์ทอัป’ ต้องทำ”ไคลน์ครุ่นคิด จากนั้นก็ถอนหายใจอันที่จริง มันอยากจ้างเอ็มลินให้คอยจับตามองเลียวนาร์ด ยืนยันว่าอีกฝ่ายยังชอบพึมพำกับตัวเองอยู่หรือไม่ แต่หลังจากพิจารณาว่า ในการซื้อขายถุงมือ ‘อินธน์’ เอ็มลินเคยปรากฏตัวต่อหน้าเลียวนาร์ดและปรสิตแล้ว อาจถูกเป้าหมายไหวตัวทัน จึงต้องล้มเลิกความคิดนี้ไปมิสเมจิกเชี่ยนอยู่แค่ลำดับ 8 นักตุกติก ยังไม่เก่งกาจพอจะตามสะกดรอยเทวทูตเดินดิน ‘ปรสิต’ หรือกระทั่งถุงมือแดง…ในฐานะผู้ชม มิสจัสติสเหมาะกับงานนี้มาก อีกทั้งยังเป็นสาวกของเทพธิดา แต่ปัญหาคือ เธอยังอยู่ในดินแดนของตระกูล ต้องรอให้ถึงเดือนมิถุนายนกว่าจะกลับเบ็คลันด์…มิสเตอร์แฮงแมนกับมาดามเฮอร์มิทต่างกำลังอยู่ในทะเล และเดอะซันน้อยหมดสิทธิ์ติดต่อกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง…“ชุมนุมทาโรต์ยังมีจำนวนสมาชิกไม่เพียงพอ ขาดแคลนความหลากหลายสำหรับทำภารกิจให้ครบทุกรูปแบบ ส่งผลให้เราหาคนทำงานแทนไม่ได้ในภารกิจนี้ จากบรรดาคนรู้จักทั้งหมด มาดามชารอนคือตัวเลือกที่ดีกว่าใคร พลังของเธอเหมาะกับภารกิจสอดแนมมาก แต่เราดันไม่มีวิธีติดต่อ… จะฝากเอ็มลินกับมิสเมจิกเชี่ยนส่งข่าวก็ไม่ได้… เฮ่อ… เรารีบร้อนออกจากเบ็คลันด์เกินไป จนลืมที่จะจัดการหลายสิ่งให้เรียบร้อย”ไคลน์เงยศีรษะ ใช้มือลูบหน้าผากพลางพิจารณาว่า หากเลียวนาร์ดคือถุงมือแดงแห่งเหยี่ยวราตรี รอบตัวก็คงมีอาวุโสใหญ่ของโบสถ์คอยจับตามองตลอดเวลา ปรสิตคงไม่กล้าลงมือโฉ่งฉ่างไปอีกพักใหญ่ดังนั้น ตนควรพับเก็บเรื่องนี้ไปก่อน รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม ค่อยลงมือช่วยเหลืออาจต้องรอให้เราย่อยโอสถเสร็จ เดินทางไปยังย่านตะวันออกของทะเลโซเนียเพื่อตามหานางเงือก และเลื่อนลำดับ จากนั้นค่อยเดินทางกลับกรุงเบ็คลันด์เพื่อสะสางเรื่องนี้ด้วยตัวเอง……ณ ผับมะนาวหวานบิลต์ ผู้กำลังหดหู่หลังจัดการกับสองสาวกนิกายกายาสวรรค์ที่เป็นคนใกล้ตัว พลันเผยสีหน้าตื่นเต้นเมื่อได้ยินข่าวดี“นายพลอมิรุสออกเดินทางแล้ว และปลายทางคือบายัม?” มันรีบดึงซิการ์ออกจากปาก ลุกพรวดขึ้นถามคนสนิทของบิลต์ โซทอธ พยักหน้ารับ“ราวครึ่งชั่วโมงก่อน กองเรือของท่านนายพลแล่นออกจากฐานทัพ หันหัวไปยังทิศทางของหมู่เกาะรอสต์”ฟู่ว…เมื่อยืนยันว่าตนไม่ถูกลงโทษเพิ่มเติม บิลต์ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกภายในไม่ถึงสี่วัน ภารกิจปลอมตัวสวมรอยของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้สร้างความพินาศย่อยยับแก่นายพลอมิรุส สูญเสียองครักษ์ประจำตัวหลายนาย น้องชายถูกปลดจากตำแหน่ง เลขานุการได้รับบาดเจ็บ ภรรยารองเสียชีวิตในคฤหาสน์ ในฐานะคนเลือกตัวแทน บิลต์ไม่กล้าตัดตัวเองออกจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจริงอยู่ ปัญหาส่วนใหญ่อาจไม่ได้เกิดจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ แต่เมื่อทุกสิ่งปะทุออกมาพร้อมกัน คงเป็นการยากที่จะให้อมิรุสมองข้ามนักผจญภัยเสียสติ ถือเป็นคราวซวยโดยแท้จริง และนั่นยังทำให้บิลต์กังวลว่า บทลงโทษของนายพลอมิรุสอาจลุกลามมาถึงตนด้วย“ท่านนายพลช่างวางตัวสมกับเป็นครึ่งเทพ! ไม่ปล่อยให้ความโกรธบดบังความถูกต้อง… พระองค์วายุสลาตันจงเจริญ! ขอพลังแห่งพายุจงสถิตกับเราทุกคน”บิลต์ใช้กำปั้นขวากระแทกอกซ้ายทันใดนั้น หนึ่งในคนที่มันส่งออกไป รีบวิ่งกลับมาด้วยท่าทีร้อนรน“บอส เกอร์มัน·สแปร์โรว์หายตัวไปแล้ว!”ชายคนดังกล่าวรีบรายงานบิลต์ขมวดคิ้ว“หายตัวไป?”“ครับ! หลังจากเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม เขาออกมาพร้อมกระเป๋าเดินทาง เดินวนรอบถนนสักพัก ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!”ลูกน้องเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นไปตามจริงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กับการต้องสะกดรอยนักผจญภัยที่สามารถแปลงโฉมเป็นใครก็ได้…บิลต์ถอนหายใจ“พอแค่นี้ ไม่ต้องตามหาเขาอีก”…หลังจากถูกมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายเพ่งเล็ง ไคลน์ตัดสินใจแปลงโฉม เปลี่ยนตัวตน เปลี่ยนห้องพัก เพื่อป้องกันมิให้ถูกจับตามองอีกประกอบกับเรื่องที่โอสถถูกย่อยอย่างก้าวกระโดดในภารกิจปลอมตัวเป็นนายพลอมิรุส ชายหนุ่มวางแผนเร่งมือย่อยให้สมบูรณ์โดยเร็ว จะได้เริ่มต้นการเดินทางค้นหานางเงือกเสียทีหลังจากนั่งรถม้าตรงไปยังมูลนิธิเวชบริบาลโอลาวี ไคลน์ได้กลับมายังห้องลงทะเบียนอาสาสมัครอีกครั้งเจ้าหน้าที่ยังคงเป็นมิสโยฮันน่าคนเดิม เธอเงยหน้าขึ้นและซักถาม“จะลงทะเบียนอาสาสมัครใช่ไหมคะ”“ครับ” ไคลน์พยักหน้าโยฮันน่าหยิบกระดาษแบบฟอร์มยื่นให้ เอ่ยปากถามอย่างคล่องแคล่ว“ขอทราบชื่อด้วยค่ะ”ไคลน์ยิ้มตอบ“ซินแบด·วาเรนต์”…ท่ามกลางอากาศแสนอบอุ่นและพืชพรรณเขียวขจีนานาชนิดของรัฐเชสเตอร์ตะวันออกในเดือนเมษายน บรรยากาศรอบตัวเหมาะแก่การล่าสัตว์เป็นอย่างยิ่งออเดรย์ในทักซิโดสีดำ สวมหมวกนิรภัย กำลังควบม้าสีน้ำตาลแดง ไล่ล่าไก่ฟ้าสีสันสดใสฟุ่บ!ฉึก!ปลายศรจากคันธนูในมือหญิงสาว พุ่งปักเหยื่ออย่างแม่นยำภายในดอกเดียวในฐานะนักจิตบำบัด สมรรถภาพร่างกายของเธอถูกยกระดับขึ้นมาก ผนวกกับคาบเรียนยิงธนูในวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นปืนหรือธนู หญิงสาวล้วนใช้งานได้อย่างชำนาญจากนั้น ร่างสีทองกระโจนพรวด พุ่งตัวคาบไก่ฟ้าที่ปราศจากลมหายใจอย่างคล่องแคล่วไม่ใช่ใครนอกจากซูซี่“ประสานงานได้เยี่ยม!” ออเดรย์ฉีกยิ้มกว้าง พลางนำฝ่ามือตบกับอุ้งเท้าซูซี่กลางอากาศทันใดนั้น บรรดาทายาทขุนนางรอบตัวต่างกล่าวคำชมเชยในฝีมือขี่ม้า ฝีมือยิงธนู และฝีมือการฝึกหมาล่าเนื้อของออเดรย์ ทั้งหมดล้วนเป็นองค์ประกอบอันสมบูรณ์แบบสำหรับการล่าสัตว์เมื่อได้ยินคำชมเกี่ยวกับการฝึกหมาล่าเนื้อ หญิงสาวพลันเกิดความละอายใจเธอไม่เคยฝึกซูซี่เลยสักครั้ง!จากนั้น เหล่าทายาทขุนนางเริ่มแยกย้ายไปล่าสัตว์ของตัวเอง เปิดโอกาสให้นักบวชหญิงแห่งโบสถ์รัตติกาล ซีมิน เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับกระซิบข้างหูออเดรย์“ภารกิจสุดท้าย หากคุณทำสำเร็จ สูตรผลิตโอสถนักสะกดจิตจะเป็นของคุณทันที”ในที่สุด…ดวงตาหญิงสาวส่องประกาย รีบพยักหน้ารับว่ากันตามตรง หากเธอยังเป็นออเดรย์คนเก่าที่ยังอ่อนต่อโลกและหัวสูง คงไม่มัวเสียเวลาทำภารกิจซึ่งกินเวลานานกว่าสองเดือนแน่ โดยจะหันไปซื้อสูตรผลิตโอสถนักสะกดจิตจากชุมนุมทาโรต์แทนแต่ในปัจจุบัน เธอทราบเป็นอย่างดี การสร้างคะแนนผลงานจะช่วยให้ตนแทรกซึมเข้าไปในสมาคมแปรจิตง่ายขึ้น ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจมากขึ้น และต่อยอดไปจนถึงการได้รับสูตรโอสถครึ่งเทพในอนาคต ดังนั้น หญิงสาวจึงกัดฟันทนทำในสิ่งที่น่าเบื่อ แต่ก็ไม่เลวร้ายสักเท่าไรแน่นอน ออเดรย์ไม่ปล่อยให้สองเดือนผ่านไปอย่างสูญเปล่า เธอมักรับฟังปัญหาหนักใจของทายาทขุนนางคนอื่น รวมถึงบรรดาสาวใช้ใกล้ชิดรอบตัว คอยมอบคำแนะนำที่ช่วยขจัดอารมณ์ด้านลบในจิตใจ สวมบทบาทเป็นนักจิตบำบัดได้อย่างสมบูรณ์ระหว่างนี้ เธอพบโดยบังเอิญว่า ตนสามารถสร้างอิทธิพลทางจิตใจให้กับคนรอบตัวได้ไม่ยาก ผ่านการฟัง จับตามอง และแนะนำแนวทาง หากหวังให้ใครเกิดความหดหู่จากก้นบึ้งก็สามารถกระทำได้ทันที บางรายอาจถึงขั้นสติแตก แต่ในทางกลับกัน เธอก็สามารถช่วยประคองให้ภายในคฤหาสน์มีแต่บรรยากาศดีๆ ได้เช่นกันเป็นพลังที่น่ากลัวมาก… เหมือนกับสัตว์ประหลาดในเทพนิยายไม่มีผิด…เมื่อได้คิดในมุมกลับ ออเดรย์ถอนหายใจซีมิน ผู้ไม่ชำนาญการขี่ม้าสักเท่าไร รีบเหลียวซ้ายแลขวาและกล่าวหลังจากไตร่ตรอง“เป้าหมายคราวนี้คือ รองศาสตราจารย์มิตเชลจากมหาวิทยาลัยสโตน เขาเป็นนักสะสม ทางเราต้องการให้คุณซื้อหนังสือ ‘บันทึกสงครามสองทศวรรษ’ จากเขา”สงครามสองทศวรรษหมายถึง สงครามระหว่างอาณาจักรโลเอ็นและจักรวรรดิฟุซัคในปี 621 ถึง 642 ของยุคสมัยที่ห้า บทสรุปคือความพ่ายแพ้ของฝ่ายแรก ส่งผลให้ต้องสูญเสียเกาะเอลฟ์โบราณ หรือที่รู้จักกันในชื่อเกาะโซเนีย……………………
คอมเม้นต์