ราชันเร้นลับ 630 : ช่วงเวลา
ผู้นำนิกายกายาสวรรค์มีนามว่าฟอลเล็ต·เคน เพศชาย อายุราวสามสิบ หนวดสีน้ำตาลคมเข้มบนใบหน้าผมเพรียว ลำคอมีรอยสักประหลาดแฝงกลิ่นอายความชั่วร้ายขณะถูกลัวอานนำตัวมาพบไคลน์ สีหน้าของฟอลเล็ต·เคนกำลังอมทุกข์สุดขีด ประหนึ่งถูกทรมานนานาชนิดตลอดทั้งวัน“ท่านนายพล ขณะพวกเรานำกำลังเข้าจับกุม ชายคนนี้แลกเปลี่ยนสติสัมปชัญญะให้เป็นพลังหลายหน จิตจึงใกล้แตกสลายเต็มที”ลัวอาน เลขานุการผมทอง รายงานไปตามระเบียบปฏิบัติ โดยไม่สนว่านายพลอมิรุสจะทราบอยู่ก่อนแล้วหรือไม่เข้าทางพอดี…ไคลน์กังวลว่าลำดับ ‘คนบ้า’ จะมีพลังต้านทาน ‘ทะลวงจิต’ ของตน และอาจไม่ยอมแพร่งพรายข้อมูล วิธีเค้นความจริงจึงเหลือเพียงการสื่อวิญญาณโดยตรง และนั่นอาจทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นพบสิ่งผิดปรกติหลังจากจ้องฟอลเล็ต·เคนด้วยสายตาเย็นชาสักพัก มือซ้ายไคลน์ที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะอ่านหนังสือ เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีทองสว่างยุบพองหิวโหยถูกสลับดวงวิญญาณไปเป็น ‘นักสอบสวน’ !นักสอบสวนคือลำดับ 7 แห่งเส้นทางผู้ตัดสิน และเป็นเส้นทางเดียวกับนายพลอมิรุส!ลึกเข้าไปในดวงตาไคลน์ สายฟ้าสีเงินจำนวนสองเส้นเริ่มสว่างไสว ซ้อนทับกับใบหน้าของฟอลเล็ต·เคนที่กำลังสะท้อนบนกระจกตา‘ทะลวงจิต’ พร้อมใช้งาน!อย่างไรก็ตาม ไคลน์มิได้ใช้มันสร้างความเสียหายกับดวงวิญญาณไปตามปรกติ เพราะพลังชนิดนี้อยู่เพียงลำดับ 7 หากลัวอานเห็นเข้าคงเกิดความสงสัยแน่ชายหนุ่มตัดสินใจพึ่งพาเพียง ‘แรงกดดันทางวิญญาณ’ ที่เป็นสภาวะเตรียมพร้อมก่อน ‘ทะลวงจิต’ จะแสดงผลไคลน์ยังคงนั่งนิ่ง กล่าวเสียงทุ้มต่ำด้วยมาดเคร่งขรึมของนายพลอมิรุส“รู้จักซินเธียไหม”เมื่อกล่าวจบ ชายหนุ่มปล่อยจี้นอแรดห้อยลงตามแรงโน้มถ่วง โดยยังคงจับสายสร้อยเอาไว้จากนั้นก็ซักถามพลางเขย่ามือ“สิ่งนี้คืออะไร มีไว้ทำอะไร”ร่างกายอันอ่อนแอของฟอลเล็ต·เคนพลันสั่นสะท้าน ดวงวิญญาณคล้ายกับถูกมีดคมจดจ่อ พร้อมกรีดเฉือนทุกเวลาหากมันพูดจาไม่เข้าหูฟอลเล็ต·เคนรีบก้มศีรษะต่ำ ละล่ำละลักออกมาอย่างติดขัด“ร…รู้จักขอรับ! ซินเธีย… ม…มิสซินเธียต้องการมีทายาทกับท่านนายพล หมายถึงทายาทที่เกิดมาพร้อมพลังพิเศษ พ่อและแม่ของนางจึงพามาหากระผม สิ่งนี่คือ ‘สร้อยขยายตัณหา’ ที่เกิดจากออร่าแห่งเทพ เพียงดื่มผงของมันและสวมใส่เป็นเวลานาน อำนาจของสร้อยทำให้ท่านนายพลมิอาจหักห้ามแรงกระหาย”ไคลน์นั่งฟังเงียบงัน สำหรับคำอธิบายของฟอลเล็ต·เคน มันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งครึ่งที่เชื่อคือจุดประสงค์ของซินเธีย หญิงงามรายนี้คงต้องการมีทายาทกับอมิรุสจริง ถึงจะถูกพ่อแม่บังคับทางอ้อม แต่ด้วยความรักที่มีต่อนายพล เธอคงต้องการมีครอบครัวอันอบอุ่นเหนือสิ่งอื่นใด ความปรารถนาที่แท้จริงได้ถูกเผยให้เห็นขณะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดแล้วจริงอยู่ ขุนนางโลเอ็นมักไม่ต้อนรับลูกนอกสมรสสักเท่าไร อาจถึงขั้นขับไล่ไสส่ง แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพราะถ้าถือกำเนิดอย่างราบรื่นโดยสืบทอดตะกอนพลังของบิดาสำเร็จ ความสนใจจากเบื้องบนก็จะเป็นคนละเรื่องทันทีตระกูลเก่าแก่ส่วนมากมักทราบความลับเกี่ยวกับ ‘พรสวรรค์’ ทางสายเลือด และตระกูลรีเวลต์คงไม่ใช่ข้อยกเว้นไม่เพียงเท่านั้น แม้นายพลอมิรุสจะดูเป็นคนเจ้าระเบียบและหัวโบราณ แต่ในใจกลับอ่อนโยนและใส่ใจกับความรักอย่างมาก ดังนั้น ถึงจะเป็นลูกนอกสมรส แต่ก็คงเอ็นดูไม่ด้อยไปกว่าทายาทตระกูลหลักมากนัก… นั่นคงเป็นสาเหตุที่ซินเธียต้องการมีลูกกับเขา…ไคลน์ถอนหายใจยาวส่วนที่มันยังคลางแคลงในคำพูดฟอลเล็ต·เคนก็คือ คุณสมบัติที่แท้จริงของสร้อยขยายตัณหา และจุดประสงค์แท้จริงที่นิกายกายาสวรรค์หวังจากพฤติกรรมของซินเธียไคลน์เริ่มเพิ่มแรงข่มขวัญทางวิญญาณ พลางจ้องเข้าไปในดวงตาฟอลเล็ต·เคน จนกระทั่งอีกฝ่ายสั่นกลัวและก้มหน้าลงไปอีกรอบ“แล้วสร้อยเส้นนี้ยังมีคุณสมบัติใดอีก” ไคลน์เปล่งเสียงพลางเขย่าสร้อยชำรุดในมือเป็นน้ำเสียงอันเยือกเย็นราวกับกำลังตักเตือนอีกฝ่ายว่า : ฉันทราบความลับทั้งหมดแล้ว รอให้แกยืนยันจากปากเท่านั้นแรงกดดันมหาศาลอันยากจะหาคำอธิบาย กำลังข่มขวัญดวงวิญญาณของฟอลเล็ต·เคนจนแทบสิ้นสติผ่านไปสักพัก ผู้นำแห่งนิกายกายาสวรรค์เริ่มทนไม่ไหว ทรุดลงไปกราบกับพื้นห้อง ส่งเสียงโหวกเหวกราวกับคนบ้า“ม…มันสามารถกัดกร่อนท่านได้! หากซินเธียขูดผงของมัน ชงดื่ม และสวดวิงวอนถึงนามเต็มของพระมารดาพฤกษา ใครก็ตามที่มีสัมพันธ์กับนางจะถูกกัดกร่อน อีกทั้งยังรับประกันว่าจะตั้งครรภ์อย่างแน่นอน! ท…ท่านจะกลายเป็นสาวกผู้เชื่อในมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย กลายเป็น ‘ข้ารับใช้’ ผู้ใกล้ชิดพระองค์!”อย่างนี้นี่เอง…ไคลน์พลันกระจ่าง หมดข้อสงสัยในเหตุการณ์เมื่อคืนโดยสิ้นเชิงจุดประสงค์ของนิกายกายาสวรรค์ไม่ซับซ้อน แค่ยุยงให้ซินเธียใช้งาน ‘สร้อยขยายตัณหา’ และเสพสมกับอมิรุส กัดกร่อนนายพลแห่งกองทัพเรือโลเอ็น เปลี่ยนให้เป็นสาวกของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย หลังจากนั้น นิกายกายาสวรรค์ก็จะเติบโตราวกับติดปีก กล้าทำเรื่องผิดกฎหมายบนเกาะอย่างโฉ่งฉ่างมากขึ้นกุญแจสำคัญของภารกิจนี้คือ ต้องไม่เปิดเผยความจริงให้ซินเธียทราบ แสร้งทำตัวไปตามปรกติ หลีกเลี่ยงการเอ่ยถึง ‘พลังอำนาจ’ ‘ความรุนแรง’ และ ‘ความน่ากลัว’หลังจากซินเธียถูกเราปฏิเสธสามครั้ง ร่างกายของเธอมิอาจทนรับการกัดกร่อนจากสร้อยคอได้อีก พลังชั่วร้ายจึงเอ่อล้นจนเกินขีดจำกัด และเกิดเป็นอุโมงค์วิญญาณเชื่อมต่อกับมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดในที่สุด…อย่างไรก็ตาม ร่างสัตว์ประหลาดของเธอจะไม่เป็นอันตรายกับนายพลอมิรุสตัวจริง เพราะแม้แต่เรายังจัดการได้ด้วยยันต์กฎหมายที่เก้าอย่างง่ายดาย… นิกายกายาสวรรค์คงไม่อยากให้นายพลอมิรุสเป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะพวกมันหวังควบคุมเขาในทางลับ มิใช่กำจัดทิ้ง…ไคลน์หันไปหาลัวอานโดยไม่กล่าวสิ่งใดเลขานุการผู้เริ่มเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด รีบก้มศีรษะลงต่ำ เปล่งเสียงขึงขัง“ท่านนายพล นี่คือความผิดพลาดของผม ที่ผ่านมา ทางเราอาจจับตามองมิสซินเธียทุกฝีก้าวก็จริง แต่ไม่เคยขยายผลไปถึงครอบครัว ญาติพี่น้อง และคนใกล้ชิด ผมยินดีรับการลงโทษทุกรูปแบบ หรือแม้กระทั่งขึ้นศาลทหาร”ในสถานการณ์เช่นนี้ นายพลอมิรุสจะตอบสนองอย่างไร…ไคลน์จมดิ่งเข้าไปในตัวตนอมิรุสอีกครั้ง เริ่มตระหนักถึงความเจ็บปวด สิ้นหวัง เศร้าโศก และโกรธเคือง ที่ถาโถมเข้ามาในช่วงสองสามวันหลังมันยังคงนั่งในท่าสง่างาม เปล่งเสียงขรึม“สำหรับเรื่องนี้ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”ความนัยที่แฝงมาด้วยก็คือ : ฉันจะคอยดูความกระตือรือร้นของนายหลังจากนี้!ได้ยินเช่นนั้น ลัวอานผงะไปหลายวินาที เพราะหากประเมินจากความเสียหายที่เกิดขึ้น มันไม่อยากเชื่อว่านายพลอมิรุสจะยังไม่ลงโทษสถานหนักในทันทีไคลน์หลับตาลง กล่าวเสียงแผ่วเบา“บิดาของผม อดีตเอิร์ลรีเวลต์ผู้ล่วงลับ เคยมอบคำสอนไว้ว่า : จงยกโทษให้กับความผิดพลาดครั้งแรกของผู้ใต้บังคับบัญชา “ลัวอาน… คุณและบอดี้การ์ดต้องขอบคุณความกรุณาของท่าน”ลัวอานกะพริบตาถี่ ถอนหายใจสั้น และกล่าวด้วยสีหน้าซาบซึ้งที่มิใช่เสแสร้ง“ผมขอรับความกรุณาครั้งนี้ไว้ด้วยใจ หากไม่นับองค์เทพ อาณาจักร และหลักการของตัวเอง หลังจากนี้ไป ผมขอจงรักภักดีต่อท่านนายพลแต่เพียงผู้เดียว”ด้วยนิสัยเย่อหยิ่งที่เป็นเนื้อแท้ของนาย คำพูดเมื่อครู่คงเกินจริงไปสักหน่อย…ไคลน์ไม่ถือคำสัญญาของลัวอานเป็นสำคัญ เพียงตอบกลับไปด้วยเสียงขรึม“คำสอนของท่านยังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง นั่นก็คือ : จงลงโทษอย่างเด็ดขาดเมื่อลูกน้องกระทำผิดซ้ำสอง”ลัวอานพยักหน้ารับ มิได้ประหลาดใจนักไคลน์ก้มลงไปจ้องฟอลเล็ต·เคนที่กำลังนอนหมอบกราบ ซักถามด้วยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน“ใครคือผู้บงการ”ก่อนจะถูกนำตัวมาที่นี่ คำตอบในใจของฟอลเล็ต·เคนคือ : มันวางแผนทั้งหมดขึ้นมาเอง โดยเริ่มคิดแผนหลังจากเข้าใจความปรารถนาของซินเธีย และทราบว่าคนรักของซินเธียคือใคร หลังจากนั้น แผนการกัดกร่อนพลเรือเอกแห่งกองทัพเรือจึงเริ่มขึ้นฟอลเล็ตเหลียวแลขวา กล่าวเสียงสั่น“ป…เป็นพระประสงค์ของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายขอรับ! พ…พระองค์แจ้งให้กระผมทราบในความฝัน น…ในตอนแรก ผมแค่ต้องการให้ซินเธียยืมสร้อยขยายตัณหาไปสวมไว้เฉย ๆ โดยไม่ต้องบดผงพร้อมกับท่องคาถา”มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย…การแจ้งโดยตรงแบบนี้ เทียบเท่าพระวิวรณ์เลยไม่ใช่หรือ…ไคลน์เกือบใช้ใบหน้าอมิรุสขมวดคิ้วมันยังไม่เข้าใจ ถึงแม้นายพลอมิรุสจะเป็นคนใหญ่คนโตของกองทัพเรือ เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองเรือโซเนียกลาง เปี่ยมด้วยอำนาจบารมีในมือ แต่นั่นก็ยังไม่มากพอที่จะให้ตัวตนระดับเทพมารหันมาสนใจ…ไม่สิ เราไม่ใช่เทพมารสักหน่อย ไม่มีทางเข้าใจความคิดเทพมารแน่… บางที การกัดกร่อนนายพลอมิรุสอาจเป็นแค่ก้าวแรก… แล้วก็ ยังไม่ควรตัดโอกาสที่ฟอลเล็ต·เคนจะโกหก… ไว้ค่อยทำนายยืนยันในภายหลัง…ไคลน์ใคร่ครวญสักพัก เปล่งเสียงถามต่อ“แล้วฝันถึงเรื่องนั้นเมื่อไร”ฟอลเล็ต·เคนเริ่มฉีกยิ้มที่ยังเผยความกลัว“ส…สี่กุมภาพันธ์ขอรับ เป็นคืนวันศุกร์ กระผมจำได้แม่นยำเพราะเพิ่งปลดปล่อยดวงวิญญาณของหญิงสาวให้เป็นอิสระ”4 กุมภาพันธ์…ไคลน์พึมพำวันที่ พลางพบว่าวันดังกล่าวมิได้สลักสำคัญอะไรผ่านไปสามวินาที ชายหนุ่มถามต่อ“แกมีความสัมพันธ์กับโรงเรียนกุหลาบยังไง แล้วมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายมีความเกี่ยวข้องอะไรกับ ‘เทพผู้ถูกล่าม’ ”ไคลน์ไม่สนใจว่านายพลอมิรุสตัวจริงจะทราบเรื่องนี้หรือไม่ คงไม่แปลกอะไรนักหากครึ่งเทพจะมีความรู้เรื่องเทพมารติดตัว และเมื่อประเมินจากสีหน้าอันไม่แปรเปลี่ยนของลัวอาน สิ่งนี้ถือเป็นการยืนยันทางอ้อมฟอลเล็ต·เคนเผยสีหน้าตื่นเต้น“พ…พวกเราเป็นสาขาย่อยของโรงเรียนกุหลาบ อาจารย์ของผมมีนามว่าซัตทเวน ท่านเป็นนักบุญแห่งโรงเรียนกุหลาบ เทพผู้ถูกล่ามเป็นหนึ่งในร่างอวตารของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย”“พระมารดาคือตัวตนเพียงหนึ่งเดียว ที่มีระดับสูงส่งกว่าเจ็ดเทพจารีตและพระผู้สร้างแท้จริง! ท่านนายพล นี่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่ท่านจะได้กลายเป็นข้ารับใช้คนสนิทของพระองค์!”ใครสนกัน…เริ่มเข้าใจแล้ว… เทพผู้ถูกล่ามคือหนึ่งในร่างอวตารของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายสินะ… จากคำอธิบายของวิญญาณมารในอาคารโบราณใต้ดิน ผู้น่าจะเป็นเมดีซี เส้นทางนักโทษและปีศาจสามารถสับเปลี่ยนกันได้ในลำดับสูง จึงไม่แปลกที่เทพผู้ถูกล่ามแห่งโรงเรียนกุหลาบ จะมีพลังในการ ‘ขยาย’ แรงปรารถนาของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด จนเกิดเป็นการแบ่งฝักฝ่ายระหว่างฝั่ง ‘ระงับ’ และฝั่ง ‘ทำตาม’ แรงปรารถนา… สิ่งนี้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน…ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะหันไปทางลัวอานด้านข้างและกล่าว“คุณออกไปก่อน”ไคลน์เตรียมจะถามฟอลเล็ต·เคนว่า อีกฝ่ายเคยกระทำชั่วมาบ้างหรือไม่ จึงค่อยประเมินว่าสมควรเป็นอาหารของยุบพองหิวโหยไหม“ครับ ท่านนายพล” ลัวอานไม่มีคำถาม เพียงเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูขณะเสียง ‘กริ๊ก’ ดังกังวาน ห้องอ่านหนังสือพลังเงียบสงัด ประหนึ่งถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์พลังพิเศษของบารอนแห่งการเน่าเปื่อย… หมอนั่นบิดเบือนเจตนา ‘ปิดประตูห้องอ่านหนังสือ’ ให้กลายเป็น ‘ผนึกห้องอ่านหนังสือโดยสมบูรณ์’ … ใส่ใจทีเดียว…ไคลน์ไตร่ตรอง นั่งทบทวนบทสนทนาก่อนหน้าสักพัก ก่อนจะตั้งคำถาม“ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เช้าวันอาทิตย์ แกกำลังทำอะไรอยู่”ฟอลเล็ต·เคนผงะเล็กน้อย“จ…จากพระวิวรณ์ของมารดาแห่งพฤกษา กระผมร่วมกับสาวกคนอื่น ใช้สร้อยขยายตัณหาประกอบพิธีกรรมโดยใช้เส้นผมของคนเร่ร่อนเป็นสื่อกลาง ขยายความเจริญอาหารของอีกฝ่าย”เจอตัวการที่ทำให้คนเร่ร่อนเสียชีวิตแล้ว!พวกมันทำเช่นนี้เพื่อมิให้นายพลอมิรุสออกจากเกาะโอลาวีไปทำภารกิจลับสินะ… พวกตนจะได้ลงมือตามแผนเดิม ใช้ซินเธียเป็นเหยื่อล่อเพื่อกัดกร่อนนายพล…ไคลน์เริ่มปะติดปะต่อทุกเบาะแสเข้าด้วยกันอย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของเราช่วยให้นายพลอมิรุสได้ออกไปทำภารกิจตามเดิม ถือเป็นการขัดขวางพวกมันโดยบังเอิญ…บังเอิญ…เดี๋ยวก่อน… มีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล!เมื่อคำว่า ‘บังเอิญ’ แล่นเข้ามาในหัวไคลน์ มันพลันจดจำได้ทันทีว่า วันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ฟอลเล็ต·เคนได้รับวิวรณ์จากมารดาพฤกษาเป็นหนแรก แท้จริงแล้วคือวันอะไรเป็นวันแรกที่มันมาถึงเกาะโอลาวี!……………………
คอมเม้นต์