ราชันเร้นลับ 621 : งานเลี้ยงในคฤหาสน์นายกเทศมนตรี
พลเรือเอกอมิรุส·รีเวลต์… ครึ่งเทพตัวจริง…ได้ยินบิลต์อธิบาย ไคลน์ผุดคำหนึ่งในหัวทันทีลาก่อน!เมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ขมวดคิ้ว บิลต์รีบเสริมอย่างตื่นตระหนก“แต่นั่นมิได้ทำให้เนื้องานยากขึ้น คุณไม่ต้องสำแดงพลังครึ่งเทพใด ๆ ทั้งสิ้น”มันกระแอมล้างคอ ฉีกยิ้มกว้าง“เพื่อให้ภารกิจง่ายลง ท่านนายพลจงใจเลือกเวลาให้ตรงกับการเยือนฐานทัพเรือโอลาวี ช่วยให้ตัวปลอมไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในศูนย์บัญชาการใหญ่ของฐานทัพเรือในบายัม ไม่ต้องพบหน้าแยนน์·ค็อตแมน เจ้าสมุทร ไม่ต้องพบหน้าจอร์จ·นีแกน นายกเทศมนตรีแห่งหมู่เกาะรอสต์ ไม่ต้องพบหน้าลูกน้องคนสนิทเกือบทั้งหมด ไม่ต้องพบหน้าญาติและครอบครัวที่ปักหลักทำธุรกิจและมีที่ดินอยู่ในบายัม ไม่ต้องพบหน้าภรรยารองที่ใกล้ชิดกว่าใคร หรือสรุปโดยสั้น คุณไม่ต้องเผชิญหน้าครึ่งเทพคนใดเลย ไม่ต้องเผชิญกับการทดสอบจากหลากหลายบุคคลที่เคยใกล้ชิดท่าน ในภารกิจนี้จะมีเพียงสามบุคคลที่ค่อนข้างสนิทสนมกับท่านนายพล คนแรก เลขานุการส่วนตัว พันโทลัวอาน เป็นคนที่ MI9 ส่งมาคอยตรวจสอบท่านนายพล มักเปลี่ยนชื่อไปเรื่อย ๆ ตามแบบฉบับสายลับระดับสูง ผมไม่ทราบชื่อจริงของเขา คนที่สอง ภรรยารองของท่านนายพลบนเกาะโอลาวี สาวงามนามว่าซินเธีย บรรพบุรุษของเธอเคยเป็นขุนนางใหญ่ แต่ปัจจุบันถูกริบบรรดาศักดิ์และเนรเทศมายังเกาะแห่งนี้ คนที่สาม ออสเท่น·รีเวลต์ นายกเทศมนตรีของเกาะโอลาวี และเป็นน้องชายคนเล็กของท่านนายพล โดยเอิร์ลรีเวลต์แห่งสภาขุนนางคือพี่ใหญ่ของท่านทั้งสอง”ฟังดูไม่ยากเท่าไร อีกทั้ง ผลการทำนายบนมิติหมอกก็ยืนยันแล้วว่าไม่มีอันตราย…ไคลน์เงียบงันสักพัก ตามด้วยพยักหน้า“ฉันต้องการข้อมูลของนายพลอมิรุส”“พวกเราเตรียมไว้แล้ว นี่คือภาพถ่าย นี่คือรอยตำหนิในร่มผ้า นี่คือสำเนียงการพูด นี่คือคำพูดติดปาก นี่คือท่าทีตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่แตกต่างกัน นี่คือรายละเอียดความสัมพันธ์กับพันโทลัวอาน ซินเธีย ออสเท่น และคนอื่น”ด้วยสีหน้าเบิกบาน บิลต์พรั่งพรูข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับนายพลอมิรุสชายหนุ่มรับภาพไปดู พบว่าอีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนเจ้าของเส้นผมสีดำ ดวงตาสีฟ้าแฝงความขึงขังและเข้มงวด เส้นผมดกดำมากกว่าชายชาวโลเอ็นตามปรกติไคลน์ผงกศีรษะ เงยหน้าขึ้นบิลต์กล่าวต่อ“ผมทราบว่าข้อมูลเหล่านี้มีปริมาณมาก แต่ในฐานะมืออาชีพด้านการแปลงโฉม คุณคงจดจำมันได้ในสองวันได้โดยไม่มีปัญหา…”ยังไม่ทันสิ้นเสียง บิลต์พลันผงะถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากบุคคลที่ยืนตรงหน้ามิใช่เกอร์มัน·สแปร์โรว์อีกต่อไป แต่เป็นอมิรุส·รีเวลต์!ทั้งบรรยากาศรอบตัวและสายตาอันน่าเกรงขามของอีกฝ่าย ทุกสิ่งดูสมจริงจนน่าเหลือเชื่อ!“โอ้พระองค์วายุสลาตัน! น…นี่มัน… นี่มันระดับปาฏิหาริย์!” บิลต์สำรวจหัวจรดเท้าอย่างไม่เชื่อสายตา จนกระทั่งเริ่มใจเย็นลง มันเล่าต่อ “แต่ยังขาดบางจุดไปนิด ควรสูงกว่านี้สักสามเซนติเมตร ต้นขาต้องมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่านี้อีกเล็กน้อย… ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาแน่! ในวันมะรืน ท่านนายพลจะเดินทางมาถึงเกาะพร้อมกับกองเรือหลวงโซเนียที่หนึ่ง เยี่ยมชมฐานทัพเรือในช่วงบ่าย และรับประทานอาหารค่ำในงานเลี้ยงต้อนรับ ณ คฤหาสน์นายกเทศมนตรี ผมได้รับคำเชิญเป็นกรณีพิเศษ และสามารถพาคุณเข้าไปพร้อมกันได้ จุดประสงค์เพื่อให้คุณสังเกตการณ์ปฏิบัติตัวต่อคนรอบข้างของท่านนายพล”เล่าถึงจุดนี้ บิลต์รับเงินสดจำนวนห้าร้อยปอนด์ที่โซทอธหยิบจากตู้นิรภัย ตามด้วยการหันมาพูดกับไคลน์“ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับคุณ!”ไคลน์รับเงิน กวาดตาตรวจสอบเล็กน้อย“ด้วยความยินดี”…กรุงเบ็คลันด์ ถนนวิลเลียมส์ในฐานะถุงมือแดงหน้าใหม่ เลียวนาร์ด·มิเชลทำได้เพียงยืนพิงกำแพงด้านนอกบ้านหลังหนึ่ง รอฟังผลสรุปจากการสืบสวนจุดเกิดเหตุเบื้องต้นฝ่าเท้าขวายกขึ้นทาบกำแพง ปลายเท้าจิกพื้นด้วยท่าทีผ่อนคลายผ่านไปสักพัก มันเห็นพวกพ้องคนหนึ่งเดินกลับมา สีหน้าค่อนไปทางซับซ้อน แฝงด้วยความตื่นเต้น สับสน ประหม่า และคาดหวังในเวลาเดียวกัน“ธอมสัน ผลเป็นยังไงบ้าง?” เลียวนาร์ดเผยรอยยิ้มพร้อมกับเดินเข้าไปหา“ค่อนข้างดี” ธอมสันพยักหน้า เริ่มเล่ารายละเอียดการสืบสวน “ทั้งสองฝั่งพูดความจริง พวกมันไม่มีทางโกหกในความฝันได้อยู่แล้ว”ธอมสันที่เหลือผมบนศีรษะไม่มากนัก สวมหมวกกลับและเล่าต่อ“พวกมันให้การสอดคล้องกัน ใต้ถนนวิลเลียมส์มีซากอารยธรรมของราชวงศ์ทูดอร์จากยุคสมัยที่สี่ซ่อนอยู่ ทางเข้าจะอยู่ในห้องสวดมนต์ร้างกลางถนน ส่วนเรื่องที่ว่า ยังมีทางเข้าอื่นอีกหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่มีใครทราบ”“น่าสนใจมาก” เลียวนาร์ดไม่ถามเพิ่มเติม เพียงกลับไปยืนพิงกำแพงตามเดิมมันเหลียวซ้ายแลขวา เมื่อไม่พบใครจึงพึมพำเสียงแผ่ว“ตาแก่ คุณถนัดเรื่องแบบนี้ไม่ใช่หรือ ซากอารยธรรมของทูดอร์ซ่อนอยู่ข้างล่าง”เสียงค่อนข้างชราดังในหัวเลียวนาร์ด“นับวันเจ้ายิ่งไม่มีสัมมาคารวะ… หากเป็นในยุคสมัยของข้า บุคคลที่ล่วงเกินผู้อาวุโสจะถูกเปลี่ยนให้เป็นเหยื่อสังเวยในพิธีกรรม และนั่นต้องไม่ใช่ซากอาคารของทูดอร์แห่งเดียวในกรุงเบ็คลันด์แน่”“พวกมันโกหก?” เลียวนาร์ดถามเสียงค่อยชายชรากล่าวพลางหัวเราะ“ไม่ใช่ แค่พวกมันไม่รู้ว่ามีอยู่ หากการคาดเดาของข้าถูกต้อง ซากโบราณสถานดังกล่าวน่าจะเป็นของจักรวรรดิร่วมระหว่างทรันซอสต์-ทูดอร์”“อะไรนะ…” เลียวนาร์ดพลันอึ้ง มันไม่เคยได้ยินเบาะแสของจักรวรรดิดังกล่าวมาก่อนเสียงชราหัวเราะ“เด็กน้อย หลังจากจักรวรรดิโซโลมอนล่มสลายเป็นแห่งแรก จักรวรรดิทรันซอสต์-ทูดอร์ได้ก้าวขึ้นมาปกครองทวีปเหนือทั้งหมดแทนด้วยระบอบกงสุลแฝด กงสุลแฝด…” เลียวนาร์ดงับคำเสียงชราครึ่งหัวเราะครึ่งถอนหายใจ“ซากโบราณสถานใต้ดินข้างล่างคงมีเชิงเทียนฝั่งซ้ายสี่สิบเอ็ดต้นและฝั่งขวาสี่สิบต้น รวมถึงบัลลังก์ของประมุขจำนวนสองที่นั่งเสมอกัน โดยขนาดของบัลลังก์จะใหญ่โตประหนึ่งสร้างให้คนยักษ์ใช้งาน แล้วก็… หึหึ… บางที มันอาจเป็นจุดที่อลิสต้า·ทูดอร์ใช้ก้าวขึ้นไปเป็นจักรพรรดิโลหิต”เลียวนาร์ดขมวดคิ้วและคลายออกตามด้วยยิ้มมุมปาก“ข้างในต้องมีความลับซ่อนไว้มากมายแน่”“ถูกต้อง แต่เจ้าไม่มีสิทธิ์ได้รับรู้” ชายชรากล่าวด้วยท่วงทำนองเหยียดหยันเลียวนาร์ดโต้แย้ง“ใครว่า… อีกเดี๋ยวท่านเจ้าคุณก็ส่งหน่วยสำรวจลงไปแล้ว”เสียงในหัวเลียวนาร์ดเพียงหัวเราะสองหน ไม่กล่าวสิ่งใดมากกว่านั้นไม่ถึงหนึ่งนาทีถัดมา เลียวนาร์ดเห็นอาร์ชบิชอปประจำโบสถ์ นักบุญแอนโทนี่ จบการสนทนากับอาร์ชบิชอปฮารามิคแห่งโบสถ์จักรกลไอน้ำและเดินกลับมาจากนั้น ฮารามิคสั่งให้จิตแห่งจักรกลทั้งหมดถอนตัวกลับ เหลือไว้เพียงเหยี่ยวราตรีแห่งโบสถ์เทพธิดารัตติกาลเกิดอะไรขึ้น…?ฉากดังกล่าวทำให้เลียวนาร์ดผุดคำถามมากมายในใจทันใดนั้น เสียงของอาร์ชบิชอปแห่งรัตติกาล นักบุญแอนโทนี่ พลันกังวานในหัวเหยี่ยวราตรี“ถุงมือแดงทุกนายรวมตัว เหยี่ยวราตรีที่เหลือออกจากโลกแห่งกระจก หาเหตุผลอพยพชาวเมืองในละแวกใกล้เคียงอย่างเหมาะสม โดยสัญญากับพวกเขาว่า จะชดเชยค่าเสียหายให้บ้านเรือนทุกหลังที่เสียหาย หลังจากอพยพชาวเมืองเสร็จสิ้น ถุงมือแดงมากับผม ร่วมพลังกันทำลายโบราณสถานใต้ดินจากยุคสมัยแห่งความชั่วร้ายให้สิ้นซาก! ห้ามใครเข้าไป! ต้องทำลายทิ้งเท่านั้น! ขอพระองค์ช่วยคุ้มครองเราทุกคน”นี่มัน…เลียวนาร์ดไม่คาดคิดว่าจะลงเอยเช่นนี้…หนึ่งทุ่มครึ่งณ คฤหาสน์นายกเทศมนตรีโอลาวีไคลน์แปลงโฉมเป็นโซทอธ สวมทักซิโด้ดำ เนกไทหูกระต่ายสีเดียวกัน เดินตามบิลต์เข้าไปในโถงจัดงานบรรยากาศอบอุ่นคล้ายฤดูใบไม้ผลิ โคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ห้อยลงจากโดมสูงกึ่งกลางโถง บนนั้นมีเทียนไขหลายเล่มกำลังสว่างไสว เปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้กลายเป็นช่วงกลางวันณ มุมห้องฝั่งขวา วงดนตรีสวมเสื้อกั้กและเนกไทหูกระต่าย กำลังบรรเลงดนตรีผ่อนคลายเป็นฉากหลัง มุมฝั่งซ้ายเป็นโต๊ะยาวปูด้วยผ้าสะอาดสีขาว เต็มไปด้วยอาหารหรูหราหลายชนิด เช่น ไก่ย่างเต็มตัว ตับห่านย่างกระทะ ห่านย่างสูตรเบ็คลันด์ สตูขาแกะ ล็อบสเตอร์อบครีมชีสสูตรเด็ดของโอลาวี และอาหารรสเลิศอีกเป็นจำนวนมากแม้จะยืนอยู่ไกล แต่ไคลน์สามารถรับกลิ่นของทั้งหมดได้อย่างแจ่มชัด ในใจเตรียมหยิบถาดและเดินไปตักมาให้เต็มทันใดนั้น บิลต์ขยับคอเสื้อเล็กน้อย เอนศีรษะและหันมากล่าวกับไคลน์“พวกเราไม่ใช่แขกตามปรกติ ควรรักษาความสำรวมให้มาก จุดประสงค์หลักของการมาที่นี่คือสำรวจบุคลิกของท่านนายพล ดังนั้น เริ่มด้วยไวน์สักแก้วก็เพียงพอ ไวน์เออเมียร์ ไวน์แดงนันวีลล์ แชมเปญหมอก และสุดยอดเครื่องดื่มที่ไม่ได้เห็นบ่อยนักอีกหลายชนิด คุณสามารถดื่มได้อย่างอิสระ แต่อย่าได้ดื่มจนเมามาย พวกเราต้องคงสติเอาไว้ เอ่อ… ถ้าจะให้ดี แสร้งทำเป็นดื่มก็พอ”ไคลน์พลันชะงัก ตามด้วยพยักหน้ารับมันและบิลต์ต่างหยิบแก้วบรรจุของเหลวสีทองออกจากถาดที่บริกรกั๊กแดงที่ถือเดินผ่าน เป็นแก้วแชมเปญคุณภาพสูงที่ฟองสีขาวละเอียดลออราวกับสายหมอก จากนั้นก็เดินไปยังจุดรวมตัวของานเลี้ยง พยายามเข้าใกล้กับอมิรุส·รีเวลต์ในเครื่องแบบสีกรมท่าของทหารเรือด้วยฐานะของคนทั้งสอง พวกมันย่อมไม่มีสิทธิ์ใกล้ชิดบุคคลระดับนายพล ทำได้เพียงเฝ้ามองจากระยะไกล สำรวจพฤติกรรมทุกฝีก้าวอมิรุสมีขนาดร่างกายตามมาตรฐาน ไม่บึกบึนจนเกินพอดี มุมปากตกเล็กน้อยตามอายุ…ไม่มีเครา ดวงตาสีฟ้าเต็มไปด้วยความสง่างามและอำนาจบารมีที่มิอาจขัดขืน…เครื่องแบบสีกรมท่ากระชับเข้ารูป บนบ่ามีริบบิ้นสีแดง ลากยาวลงไปถึงหน้าอก บริเวณดังกล่าวเต็มไปด้วยเหรียญกล้าหาญ…กระดุมข้อมือสีทองสว่าง ส่งเสริมอินทรธนูสีเดียวกันให้เด่นชัดมากขึ้น…อินทรธนูแบ่งออกเป็นสวมส่วน เรียงจากด้านในออกด้านนอกประกอบด้วย เครื่องหมายมงกุฎเลี่ยมทับทิม คทาไขว้และดาบ เพชรรูปดาวสี่เม็ดแสดงถึงชั้นยศ…อาศัยพลังผู้ไร้หน้า ไคลน์จดจำรายละเอียดทุกกระเบียดนิ้วของนายพลอมิรุส รวมถึงท่าทีที่อีกฝ่ายมีต่อแขกแต่ละคนระหว่างนั้น มันจิบแชมเปญหมอกไปพลาง โดยมิได้สนใจรสชาติสักเท่าไรเมื่อข้อมูลจำนวนมากถูกรวบรวมเข้าสู่สมองในคราวเดียว ไคลน์ถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าอิดโรยมันเริ่มหิวเนื่องจากใช้พลังงานไปมาก จึงวางแก้วลงบนถาดในมือบริกรกั๊กแดง เตรียมเดินไปหยิบถาดเงินเพื่อตักอาหารมาจัดการให้อิ่มหนำทันใดนั้น บิลต์เดินเข้ามาใกล้“ท่านนายพลส่งสัญญาณแล้ว พวกเราต้องรีบไปพบท่านที่จุดนัดพบ”ไคลน์ที่กำลังเล็งไก่ย่าง หันไปจ้องบิลต์ด้วยสายตาเย็นชาเจือความขุ่นเคืองบิลต์พลันสั่นสะท้าน รีบหันหลังกลับและเดินนำทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์ผ่านกระจกใสเต็มบานที่สูงถึงเพดาน ออกไปยังสวนแห่งหนึ่งหลังจากเดินเงียบ ๆ ราวหนึ่งนาที บิลต์ชะงักฝีเท้าและชี้ไปยังใบหน้าไคลน์“เริ่มแปลงโฉมเป็นท่านนายพลได้แล้ว กรุณาแสร้งทำตัวเป็นคนเร่ร่อนที่มีหน้าตาเหมือนกับท่านนายพล”ไคลน์ผงกศีรษะ ยกมือขึ้นปิดหน้าขั้นตอนนี้มีเพื่อมิให้ใครเห็นตุ่มเนื้อและการพุพองบนอันน่าขยะแขยงระหว่างแปลงโฉมเมื่อลดมือลง บิลต์ได้พบกับชายวัยกลางคนที่เหมือนกับอมิรุส·รีเวลต์ราวกับแกะ“ยอดเยี่ยมมาก” บิลต์เดินไปข้างหน้า หยุดยืนที่ประตูห้องพัสดุและผลักเข้าไปอมิรุส·รีเวลต์ยังคงอยู่ในเครื่องแบบทหารเรือสีกรมท่าเด่นสะดุดตา กำลังยืนเยื้องจากทางเข้าเล็กน้อย ใกล้กับหน้าต่าง สายตาชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของสวนเขียวทันใดนั้น มันหันมาจ้องผู้มาเยือนที่มีใบหน้าเหมือนตนทุกประการพลังแห่งอำนาจและแรงข่มขวัญในปริมาณมหาศาล ถาโถมใส่ร่างกายไคลน์อย่างฉับพลันจนหมดสิทธิ์ขัดขืน ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมดวงตาอมิรุส·รีเวลต์ค้างอยู่ที่ไคลน์ครู่หนึ่ง เพียงไม่นานก็ค่อย ๆ หันไปทางบิลต์มันกล่าวโดยปราศจากอารมณ์“นี่มิใช่คนเร่ร่อนที่คุณเคยเล่าให้ฟัง เขาเป็นผู้วิเศษ”……………………
คอมเม้นต์