ราชันเร้นลับ 620 : ภารกิจปลอมตัว
ภายในห้องบอส บิลต์ถอนหายใจยาวโซทอธใช้มือลูบใต้เบ้าตา กล่าวเสียงทุ้ม“บอส… ท่านผู้นั้นจะมาถึงในวันมะรืน”บิลต์หันไปมองด้วยสีหน้าอึมครึม“ฉันรู้”“พวกเรามีแค่สองทางเลือก หนึ่ง จ้างเกอร์มัน·สแปร์โรว์โดยไม่สนใจว่าเขาน่าเชื่อถือหรือไม่ และสวดภาวนาให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด สอง ยอมทิ้งธุรกิจทั้งหมดในเมืองโอลาวี ออกทะเลไปพร้อมเงินสดและเครื่องเพชร เปลี่ยนตัวเองเป็นโจรสลัด ผมเชื่อว่า ลูกเรือและนักผจญภัยที่ล่าโจรสลัดจำนวนมาก จะต้องติดตามบอสไปแน่” โซทอธเว้นวรรค “บอส สมัยยังเป็นนักผจญภัย คุณเปี่ยมไปด้วยภาวะผู้นำ พลังงาน และความเด็ดเดี่ยว แผนไล่ล่าโจรสลัดของคุณไม่เคยผิดพลาด ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมเชื่อว่าคุณคงมีคำตอบในใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องปรึกษาคนอย่างผม”“ฮะฮะ… อย่ายอกันนักเลย” บิลต์ยิ้มแห้ง “ฉันไม่ใช่นักล่าโจรสลัดที่ปราศจากความเกรงกลัวอีกแล้ว ชีวิตแสนสะดวกสบายอันยาวนานจะกัดกร่อนจิตใจและฝีมือผู้คนเสมอ จิตใจของฉันอ่อนแอถึงขั้นไม่กล้าเลื่อนลำดับ คล้ายกับว่า ฉากที่พวกพ้องแปรเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดยังคงตามหลอกหลอนจนถึงทุกวันนี้”ฟู่ว…มันถอนหายใจยาว ใบหน้าเริ่มเคร่งขรึม“แต่นายพูดถูก ตอนนี้ไม่ใช่เวลามัวลังเล ต้องรีบตัดสินใจกระทำบางสิ่งโดยเร็ว”เมื่อกล่าวจบ บิลต์มองข้าง ใช้ปลายคางชี้ไปยังหน้าต่างโซทอธผงะเล็กน้อย มันเข้าใจความนัย…ไคลน์ออกจากผับมะนาวหวาน เดินตรงไปตามถนน เตรียมเช่ารถม้าที่มุมสี่แยกทันใดนั้น เสียงกระจกแตกดังจากชั้นสองของตัวอาคาร เงาลางใครบางคนร่วงหล่นลงมาตรงหน้าชายหนุ่มคงเป็นเพราะความพิสดารที่สมุดบันทึกอันทีโกนัสเคยมอบให้ และคงเป็นเพราะความพิสดารที่เกิดขึ้นบนเกาะแบนชี ที่ภัตตาคารมะนาว ที่สำนักงานโทรเลข ความคิดแวบแรกในหัวไคลน์หลังจากได้ยินเสียงหน้าต่างแตกจึงเป็น :บิลต์·แบรนโด้ตายแล้ว! ตายในลักษณะนอนแผ่ไปบนพื้นด้วยดวงตาเบิกโพลง!ราวกับตนเปิดประตูห้องเข้าไปเห็นมารดาของรีเอล·บีเบอร์เสียชีวิตบนเก้าอี้นอน ศพเน่าเปื่อย ดวงตาหนึ่งข้างหลุดร่วงกลิ้งไปบนพื้นเมื่อถูกเขย่าตัวหลังจากควบคุมความคิดฟุ้งซ่านที่แล่นผ่าน ไคลน์เริ่มเห็นชัดเจนว่าใครตกลงมาจากหน้าต่างเป็นโซทอธ·เอียน มิใช่บิลต์·แบรนโด้นอกจากนั้น อีกฝ่ายอยู่ในสภาพปรกติ ลมหายใจยังครบถ้วนให้ตายสิ… ความฉิบหายไล่ตามมาถึงที่…ภายในใจไคลน์เริ่มปั่นป่วน ลองคาดเดาสถานการณ์ตามความเคยชินหากทำตัวตามนิสัยแก่นแท้ มันคงแสร้งมองไม่เห็นโซทอธ·เอียนที่กระโดดลงมาเรียกร้องความสนใจ เลือกหันหลังวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด จนกว่าจะสลัดหลุดโดยสมบูรณ์พลเรือเอกดวงดาวก็คงถูกความรู้ไล่ล่าในทำนองนี้กระมัง…น่าเสียดาย ปัจจุบันเราคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นักผจญภัยเสียสติ ไม่สามารถวิ่งหนีไปจากเรื่องเล็กน้อยได้… เฮ่อ… ช่างสวมบทบาทได้เก่งกาจอะไรเช่นนี้… เป็นมืออาชีพก็ลำบากเหมือนกัน…ไคลน์หยุดเดิน หันไปมองโซทอธในเสื้อลินิน แจ็คเก็ตสีน้ำตาล โดยอีกฝ่ายกำลังใช้มือกดหมวกทาบลงบนหน้าอก กล่าวอย่างนอบน้อม“มิสเตอร์เกอร์มัน·สแปร์โรว์ พวกเรามีงานที่สำคัญมากต้องการรบกวนคุณ”นั่นปะไร…ไคลน์ตอบเสียงเย็น“ช่วงนี้ฉันไม่ว่าง”“ขอรบกวนเวลาของคุณไม่มาก ช่วยรับฟังรายละเอียดก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธก็ยังไม่สาย” โซทอธหนวดเคราคมเข้มกล่าวด้วยเสียงวิงวอนเกรงว่าหลังจากฟังจบ ถึงตอนนั้นคงไม่มีโอกาสให้ปฏิเสธแล้ว… เดี๋ยวก่อน… แบบนั้นก็ยิ่งดีเลยไม่ใช่หรือ ถ้าบิลต์·แบรนโด้กับโซทอธ·เอียนพยายามข่มขู่เรา ก็แค่เปลี่ยนพวกมันให้เป็นขุมสมบัติและตะกอนพลังเท่านั้นเอง…ไคลน์ไตร่ตรองอย่างจริงจัง และพบว่าตนค่อนข้างมีอิสระมากในทะเล ด้วยพลังระดับพลเรือโจรสลัด ไม่สิ่งใดที่ทำไม่ได้ชายหนุ่มหยิบนาฬิกาพกสีทองออกจากกระเป๋าเสื้อ กดปุ่มกลไกเปิดฝาตรวจสอบ“ให้เวลาห้านาที”“แค่นั้นก็เกินพอครับ” โซทอธชี้ไปยังทางเข้าผับมะนาวหวานด้านหลังไคลน์กลับมายังห้องเดิม ไคลน์มองนาฬิกาแขวนบนผนังและพูดเสียงขรึม“เหลืออีกสามนาทีสิบสองวินาที”ท่าทีดังกล่าวทำให้บิลต์เริ่มสงบลง มันเชื่อว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์คือบุคคลที่สามารถบรรลุภารกิจสำคัญของตนได้“มิสเตอร์เกอร์มัน ผมได้ยินว่าคุณมีพลังที่สามารถแปลงโฉมเป็นใครก็ได้ เหมือนกับพลเรือโทวายุ คีลิงเกอร์” บิลต์รีบจบคำถามโดยเร็วชิ… ใครมันเป็นคนปล่อยข่าว?ไคลน์ขมวดคิ้วชัดเจน หันไปจ้องตาบิลต์หากข่าวลือเรื่องที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์แปลงโฉมเป็นใครก็ได้แพร่สะพัดออกไป ไคลน์พบว่าตนจะตกอยู่ในสถานการณ์ค่อนข้างยากลำบาก เพราะนั่นจะทำให้ผู้คนนึกถึง ‘ยุบพองหิวโหย’ ของคีลิงเกอร์ หรือไม่ก็อาจเดาได้ว่า ตนคือผู้ไร้หน้าบนเส้นทางนักทำนาย โดยไม่ว่าจะทางใดก็ล้วนเป็นปัญหาทั้งสิ้น ในกรณีแรก มันอาจถูก ‘สภานักสิทธิ์สนธยา’ ที่ว่าจ้างคีลิงเกอร์ส่งคนมาตามล่า และถ้าเป็นกรณีหลัง มันก็อาจถูกโบสถ์รัตติกาลตามล่าเช่นกันจริงอยู่ พลังของโบสถ์รัตติกาลไม่ทรงพลังมากนักในทะเล และไคลน์มิได้กังวลว่าตัวเองจะเป็นอันตรายสักเท่าไร เพียงแต่ มันไม่อยากเป็นศัตรูกับเหยี่ยวราตรีหากเกิดเรื่องเช่นนั้น มันคงไม่มีทางเลือกนอกจากละทิ้งตัวตนเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เพราะนักผจญภัยบ้าบิ่นที่มีมุมอ่อนโยนได้ถูกผู้คนรู้จักเป็นวงกว้างพอสมควรแล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จในการ ‘สวมบทบาท’เมื่อบิลต์ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงในดวงตาเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เนื้อตัวมันเริ่มสั่นเทา รีบกล่าวพลางหัวเราะกลบเกลื่อนความประหม่า“ฮะฮะ… เป็นข่าวลือจากกาฬมรณะน่ะ”เทรซี่… หล่อนพยายามเอาคืนเรา… ย่อมได้ แล้วมาดูกันว่าฝ่ายไหนจะโดนเชือดก่อน…ไคลน์พยักหน้า“จะเข้าใจแบบนั้นก็ไม่ผิด”มันไม่เสียเวลาอธิบายว่าพลังแปลงโฉมของตนมาจากแหล่งใด เพราะนั่นไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมเกอร์มัน·สแปร์โรว์บิลต์ถอนหายใจผ่อนคลาย ครุ่นคิดสองวินาที“พวกเรากำลังหาใครสักคนมาปลอมตัวเป็นคนใหญ่คนโต”ท่ามกลางสายตาจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ มันรีบเล่ารายละเอียด“คนใหญ่คนโตต้องการปลีกตัวไปทำภารกิจลับโดยไม่ให้ใครทราบ ดังนั้น ท่านต้องการตัวปลอมเพื่อคอยทำกิจวัตรประจำวันแทน ต้องพบปะกับผู้คนมากมาย จัดการกับภรรยารองอย่างเหมาะสม พยายามไม่ให้ถูกเปิดโปง โดยท่านจะกลับมาในอีกสามถึงห้าวันหลังจากนั้น เดิมที พวกเราพบใครบางคนที่มีรูปลักษณ์เหมือนกับท่านมาก จึงทุ่มเทเวลาและทรัพยากรในการฝึกฝนให้อีกฝ่ายมีบุคลิกและสำเนียงการพูดเหมือนกับท่านทุกประการ แต่หลังจากแจ้งข่าวดีให้คนใหญ่คนโตทราบได้ไม่นาน ไอ้ขอทานสมองทึบนั่นกลับกินอาหารมากเกินไป จนป่วยตายไปเมื่อคืนวานอย่างกะทันหัน คนใหญ่คนโตกำลังจะเริ่มภารกิจในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกเราไม่มีเวลามากพอจะหาตัวแทนได้ทัน พึ่งพาใครไม่ได้แล้วนอกจากคุณ”นี่มัน… โอกาสในการแปลงโฉมเป็นใครสักคนอย่างแนบเนียนที่เราตามหามาตลอด!หัวใจไคลน์เริ่มเต้นแรงแต่มันยังไม่ประมาท ตระหนักถึงปัญหาหากคนระดับบิลต์ เจ้าของสหภาพนักผจญภัยและผับมะนาวหวาน เรียกขานอีกฝ่ายว่าเป็นคนใหญ่คนโต ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทางนั้นคือคนใหญ่คนโตตัวจริงเสียงจริง! และนี่ต้องเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูงมาก!ไคลน์ครุ่นคิด ถามเสียงแผ่ว“ตามความคิดของนาย งานนี้อันตรายไหม”“ไม่เลย ตราบใดที่ไม่ถูกเปิดโปง งานนี้ค่อนไปทางสบาย ที่ต้องทำมีเพียงปลอมตัวเป็นท่านผู้นั้นอย่างเปิดเผย ฮะฮะ! คงไม่มีใครกล้าลอบสังหารท่านแน่ แล้วก็… ผมทราบว่าคุณกำลังกังวลเรื่องใด เกรงว่าอีกฝ่ายจะปิดปากทุกคนหลังจากเสร็จงานใช่ไหม? เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง พวกโจรสลัดมักปล่อยข่าวลือแง่ลบเกี่ยวกับท่านเสมอ ดังนั้น ถึงคุณจะเปิดโปงความลับหลังจากเสร็จภารกิจ ก็คงไม่มีใครเชื่อคำพูดหรือนำมาใส่ใจนัก จะถูกมองเป็นมุกตลกเสียมากกว่า” บิลต์เล่าด้วยรอยยิ้มไคลน์ไม่ซักไซ้ เปลี่ยนไปถามประเด็นอื่น“จ้างเท่าไร”“หนึ่งพันปอนด์เป็นเงินสด พร้อมด้วยโอกาสในการติดต่อกับช่างฝีมือสามครั้ง โดยทุกครั้งผมจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ยกเว้นค่าวัสดุหลัก” บิลต์โน้มน้าวโดยอ้างอิงจากงานแรกที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์ฝากฝัง พยายามเสนอเงื่อนไขที่อีกฝ่ายยากปฏิเสธฟังดูเข้าท่า… แต่สำหรับเรา สิ่งที่สำคัญในภารกิจนี้คือโอกาสที่จะได้สวมบทบาท…ไคลน์มองนาฬิกาแขวน กล่าวสรุป“ขอคิดดูก่อน จะมอบคำตอบให้ในช่วงเย็น”ไม่ว่าจะเป็นงานที่ฟังดูน่าสนใจมากแค่ไหน แต่มันจะไม่ละเลยการทำนายยืนยันระดับอันตรายจากมิติหมอกเด็ดขาด!เมื่อพิจารณาว่าบิลต์และโซทอธคือผู้วิเศษลำดับไม่ต่ำกว่า 7 และอาจเป็นถึง 6 ชายหนุ่มตัดสินใจไม่เสี่ยงเข้ามิติหมอกภายในห้องน้ำ ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายอาจพบความผิดปรกติโดยอาศัยลักษณะพิเศษของเส้นทางตัวเองเนื่องจากยังมิได้เล่าออกไปว่าคนใหญ่คนโตดังกล่าวเป็นใคร บิลต์ไม่กังวลนัก เพียงพยักหน้า“ตกลง หวังว่าพวกเราจะได้ร่วมงานกัน”…ณ ถนนวิลเลียมส์ชายชาวฟุซัคสูงเกือบสองเนตรคนหนึ่ง กำลังพยายามค้นหาเบาะแสบางอย่างทันใดนั้น มันถูกกระตุ้นโดยบางสิ่งจนต้องเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบแสงที่คล้ายกับท้องฟ้ายามเช้าพลันแผ่ออกจากร่างกาย อาคารบ้านเรือนในละแวกใกล้เคียงเริ่มไม่คมชัดจนดูคล้ายภาพมายาขณะเดียวกัน บนถนนเกิดเพลิงไหม้ รอบตัวยังเกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติอีกหลายสิ่งนึกแล้วเชียว พวกเซารอนก็ส่งคนมาด้วย…ชายชาวฟุซัคพลันกระจ่างในข้อสงสัยที่มีมานาน สายตากวาดมองไปตามถนนมันพบกับเหยี่ยวราตรีจำนวนมาก ไม่ต่ำกว่าสามหน่วย บ้างสวมถุงมือดำ บ้างสวมถุงมือแดงมันเห็นปลายกระบอกปืนสีดำเข้ม ผิวสลักลวดลายซับซ้อน ยื่นยาวลงจากหลังคาสูง เล็งมายังตน โดยที่ผู้คนผ่านไปมาไม่พบความผิดปรกติดังกล่าวแม้แต่น้อยมันยังเห็นฮารามิก·ไฮเดิน อาร์ชบิชอปแห่งโบสถ์จักรกลไอน้ำประจำกรุงเบ็คลันด์ เห็นอาร์ชบิชอปแห่งโบสถ์รัตติกาล แอนโทนี่·สตีเวนสันขณะเดียวกัน ตรงมุมสายตาเหลือบเห็นคนของตระกูลเซารอนกำลังยกมือขึ้นเหนือศีรษะด้วยท่ายอมจำนนสายลับระดับสูงของฟุซัครีบทำในสิ่งเดียวกันมันยอมแพ้โดยไม่ต้องคิดนาน!การยอมจำนนอาจไม่ช่วยให้รอดชีวิต แต่ถ้าไม่ยอมจำนน ชีวิตของมันจบลงเพียงเท่านี้แน่นอน…หกโมงครึ่งในตอนเย็นไคลน์กลับมายังผับมะนาวหวานอีกครั้ง เดินขึ้นไปหาบิลต์และโซทอธมันกล่าวเสียงขรึม“จ่ายล่วงหน้าห้าร้อยปอนด์ บอกมาว่าฉันต้องแปลงโฉมเป็นใคร”บิลต์ฉีกยิ้มกว้าง สีหน้าปลื้มปีติ มันรีบส่งสัญญาณมือให้โซทอธ พลางมอบคำตอบด้วยสีหน้าขึงขัง“ผู้บัญชาการกองทัพเรือโลเอ็นที่ทรงอำนาจมากที่สุดในน่านน้ำกึ่งกลางทะเลโซเนีย”“ท่านเจ้าคุณพลเรือเอกอมิรุส·รีเวลต์! ครึ่งเทพตัวจริง!”……………………
คอมเม้นต์