ราชันเร้นลับ 619 : อ้าปากไม่ขึ้น
ณ มูลนิธิเวรบริบาลโอลาวีสตรีที่เป็นเจ้าหน้าที่ลงทะเบียนอาสาสมัครรีบก้มตัวลง เก็บปากกาที่ตกพื้นอย่างทุลักทุเลทันใดนั้น ไคลน์เพิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเมื่อสามวันก่อน ภายในนั้นมีใบหน้าและข่าวของตนแผ่หลาเด่นชัดที่นี่สมัครรับหนังสือพิมพ์ด่วนของเกาะรอสต์ไว้ด้วยหรือ? เพราะถ้าพิจารณาจากระยะเวลาในการเดินเรือ คนทั่วไปจะได้อ่านข่าวของหมู่เกาะรอสต์ก็ต่อเมื่อผ่านไปแล้วสี่วัน… ชิ… ถ้ารู้แบบนี้ เราคงปลอมหน้าและบัตรประชาชนมาสมัครทำงาน…ไคลน์ยืนครุ่นคิดหน้าโต๊ะอย่างนึกเสียดายสตรีวัยสามสิบหยิบปากกาขึ้น แหงนหน้ามองพลางกล่าวเสียงสั่น“ค…คุณจะทำงานอาสาสมัครหรือคะ”“ใช่” ไคลน์ยืนยันเสียงขรึม“ต…แต่ว่าคุณเป็นนักผจญภัย” หญิงสาวกล่าวติดอ่างอย่างหวาดกลัวจากสัญชาตญาณ เธอไม่ต้องการให้บุคคลอันตรายตรงหน้าทำงานเป็นอาสาสมัคร!เป็นคนดังไม่ได้มีแต่ข้อดี… ช่างมัน… ไว้เราค่อยเปลี่ยนหน้า เครื่องแต่งกาย บัตรประชาชน และกลับมาสมัครใหม่…ไคลน์ถอดใจ กล่าวด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง“ใครเป็นคนกำหนดว่านักผจญภัยทำงานอาสาสมัครไม่ได้”เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนสาวทำหน้าคล้ายจะร่ำไห้ โพล่งขึ้นเสียงดัง“ไม่ใช่ฉันก็แล้วกัน!”ทันใดนั้น ห้องลงทะเบียนอาสาสมัครพลันเงียบกริบ ไคลน์อึ้งจนพูดไม่ออก ในใจนึกขบขัน แต่ภายนอกต้องปั้นหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ผ่านไปสักพัก หญิงสาวได้สติ เริ่มตระหนักถึงความไม่เหมาะสมในสิ่งที่ตนพูดออกไป จึงกล่าวโดยฝืนยิ้มแข็ง“อ…เอ่อ ดิฉันหมายถึง ไม่เคยมีใครกำหนดเอาไว้แบบนั้นค่ะ เพียงแค่คิดว่า การเป็นนักผจญภัยอาจไม่มีเวลามากนัก จำเป็นต้องออกทะเลบ่อยครั้ง ไม่น่าจะว่างมาทำงานอาสาสมัคร”“นั่นมันคนอื่น” ไคลน์ตอบห้วนหญิงสาวเลื่อนมือขึ้นมาปิดปาก ก่อนจะวางลงพร้อมกับเผยรอยยิ้มสดใส“เข้าใจแล้วค่ะ มาลงทะเบียนกันดีกว่า”เธอกล่าวพลางยื่นแบบฟอร์มส่งให้“กรุณากรอกข้อมูลให้ครบถ้วน พวกเราจะมีการอบรมอาสาสมัครตามความต้องการของคุณ หลังจากนี้ให้รอเรียกตัวนะคะ ทางเราจะติดต่อคุณกลับไป หรือไม่ก็ คุณสามารถแวะเข้ามาตรวจสอบผลได้ด้วยตัวเอง”เธอตัดสินใจได้แล้วว่า จะไม่กรอกแบบฟอร์มของเกอร์มัน·สแปร์โรว์เข้าไปในระบบ แต่จะส่งข้อมูลไปยังหัวหน้ามูลนิธิ ให้อีกฝ่ายช่วยแจ้งไปยังกรมตำรวจแทนโอ้ท่านเทพธิดา… เหตุไฉนบุคคลอันตรายเช่นนี้ถึงมาลงทะเบียนเป็นอาสาสมัคร?หญิงสาวแอบวาดจันทร์แดงกลางหน้าอกไคลน์พยักหน้าเล็กน้อย รับแบบฟอร์มและนั่งลงกรอกเอกสารให้ครบทุกช่องระหว่างนั้น ชายสวมชุดกาวน์สีขาวของแพทย์เดินเข้ามาในห้อง เอ่ยปากถาม“โยฮันน่า ยังมีอาสาสมัครคนใหม่เหลืออีกไหม พวกเราจะเริ่มฝึกอบรมภาคเช้าแล้ว”โยฮันน่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทะเบียนสาว ต้องการส่ายหน้าปฏิเสธตามจิตใต้สำนึก แต่การมีเกอร์มัน·สแปร์โรว์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ถึงแม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง แต่ก็มากพอจะทำให้หญิงสาวไม่กล้าโกหก“มีค่ะ” เธอหันไปตอบกับชายสวมกาวน์ขาว ตามด้วยหันมาพูดกับไคลน์ “มิสเตอร์สแปร์โรว์ คุณอยากจะฝึกอบรมพื้นฐานตอนนี้เลย หรือค่อยเริ่มวันพรุ่งนี้คะ?”ไคลน์ทำหน้านึกสักพัก“ตอนนี้”มันต้องการเรียนรู้งานล่วงหน้า วันพรุ่งนี้จะได้ใช้ใบหน้าอื่นมาทำงานอาสาสมัครและแสดงฝีมือได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะนั่นอาจให้ถูกส่งตัวไปทำงานจริงในโรงพยาบาลได้เร็วขึ้นโยฮันน่าสูดลมหายใจยาว“ถ้าคุณกรอกใบสมัครเสร็จ เชิญเดินตามมิสเตอร์กราญ่าเข้าไปได้เลยค่ะ”“ตกลง” ไคลน์ตอบห้วนครึ่งชั่วโมงถัดมา นักผจญภัยเสียสติ บ้าบิ่น และเยือกเย็น เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ยืนจ้องห้องน้ำสภาพโสโครกตรงหน้า พลางกลั้นหายใจถาม“ให้ฉันขัด?”“ถูกต้อง คุณผ่านการฝึกอบรมด้านความอดทนมาแล้วก็จริง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่พวกเราทำในโรงพยาบาล และยังห่างไกลจากสิ่งน่ารังเกียจที่ต้องเผชิญมาก งานหลักของพวกเราคือการทำความสะอาดเสมหะและคราบอาเจียนของผู้ป่วย เปลี่ยนผ้าปูเตียงสกปรก รักษาความสะอาดห้องน้ำ รักษาความสะอาดห้องคนไข้ ฮะฮะ! โชคยังดีที่งานพันแผลเป็นของมืออาชีพ งานของพวกเราจึงเหลือแค่เรื่องพื้นฐาน” กราญ่าปิดจมูก ชี้ไปทางชักโครกสุดบัดซบที่เต็มไปด้วยคราบเหลืองสลับดำ “จงทำตามสิ่งที่ได้ฝึกอบรมไปในช่วงเช้า เริ่มงานได้”ไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลยสักนิด…แตกต่างราวฟ้ากับเหว…ความคิดแรกในหัวไคลน์คือการหันและเดินกลับทันทีโดยไม่เหลียวมอง แต่ท้ายที่สุด มันตัดสินใจหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม อดทนต่ออาการวิงเวียน เดินเข้าไปใกล้และนั่งยองลงชายหนุ่มโน้มตัวเหยียดแขนลงไปขัด***เที่ยงตรง ไคลน์ถอดกาวน์สีขาวออก สวมหมวก เดินออกจากมูลนิธิเวชบริบาลโอลาวีด้วยใบหน้าไร้อารมณ์‘ยังต้องกลับมาทำงานแบบนี้จริงหรือ’ นี่คือคำถามที่มันยังตอบกับตัวเองไม่ได้จนกระทั่งมาถึงผับมะนาวหวานด้วยรถม้าเช่า ไคลน์ตัดสินใจได้ว่า ลองดูสักตั้งก็คงไม่เสียหายเราต้องเป็นนักเชิดหุ่นภายในปี 1350 ให้ได้ จากนั้นก็รีบย่อยโอสถ และมองหาลู่ทางก้าวไปสู่ครึ่งเทพ…ไคลน์วางแผนระยะยาวมันพยายามสงบสติ เดินเข้าผับมะนาวหวาน ตรงไปนั่งหน้าเคาน์เตอร์และจ่ายเงินแปดเพนนีเป็นค่าสเต๊กหมู น้ำแอปเปิ้ล และเนยหนึ่งก้อนนอกจากนั้นยังมีเบียร์ไรย์อีก 1.5 เพนนี ทั้งหมดคืออาหารเที่ยงของไคลน์ใช้เวลาจัดการอาหารสักพัก ชายหนุ่มเช็ดปากด้วยผ้าเช็ดมือ กล่าวกับบาร์เทนเดอร์“บอสอยู่ไหม? ฉันมีบางเรื่องจะปรึกษา”ในเมื่อตกปากรับคำแล้วว่าจะเข้าร่วมสหภาพนักผจญภัยที่ไม่เคร่งครัดกฎระเบียบ ไคลน์ไม่ปล่อยให้สิทธิประโยชน์หลุดมือ เตรียมสอบถามบิลต์·แบรนโด้ว่า พอจะรู้จัก ‘ช่างฝีมือ’ หรือไม่ จุดประสงค์เพื่อสร้างสิ่งของเลียนแบบนกหวีดทองแดงของอะซิก จะได้ไม่ต้องคอยประกอบพิธีกรรมอัญเชิญและท่องคาถาทุกครั้งที่ต้องการเรียกมาดามผู้ส่งสาร สิ่งเหล่านั้นสิ้นเปลืองเวลาและทรัพยากรเกินไปแน่นอน ถ้าบิลต์·แบรนโด้ไม่รู้จักช่างฝีมือ ชายหนุ่มก็ไม่คิดบีบบังคับ เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ตนไม่ต้องจ่ายค่าเข้าร่วมสหภาพอยู่แล้วบาร์เทนเดอร์ชี้ไปทางบันได“ชั้นสอง หากคุณตกลงเข้าร่วมสหภาพของเขาแล้ว กลุ่มบอดี้การ์ดจะไม่ขวางทางเวลาเดินขึ้นไป”ไคลน์พยักหน้ารับ ลุกยืนอย่างไม่รีบ ย่างกรายไปทางบันไดผับไม่ผิดไปจากที่คาด ไม่มีคนคุมผับหน้าไหนเข้ามาขวางทาง เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสอง บอดี้การ์ดคนหนึ่งเอ่ยปากสอบถามจุดประสงค์ต้องขอบคุณชื่อเสียงของเกอร์มันสแปร์โรว์ มันได้พบกับบิลต์·แบรนโด้อย่างราบรื่น และพบว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่กับชายแปลกหน้า“นี่คือสหายของผม โซทอธ·เอียน สมาชิกคนสำคัญของสหภาพนักผจญภัย” บิลต์ชี้ไปยังชายสวมผ้าโพกหัวสีแดงเข้มทันใดนั้น ไคลน์ประสานสายตากับอีกฝ่าย และพบว่าทางนั้นกำลังเผยสีหน้าอึมครึมเมื่อกล่าวทักทายพอเป็นพิธีเสร็จ ชายหนุ่มหาเก้าอี้นั่งและถามเข้าประเด็น“ฉันต้องการติดต่อกับช่างฝีมือ ไม่ทราบว่าสหภาพของนายพอจะมีข้อมูลบ้างไหม”“ช่างฝีมือ?” บิลต์สูดซิการ์หนึ่งปอด เงียบงันสองสามวินาที กล่าวหลังจากไตร่ตรองถี่ถ้วน “ผมพอจะรู้จักช่างฝีมือบ้างก็จริง แต่อีกฝ่ายไม่ต้องการพบหน้าใคร เพราะนั่นจะนำมาซึ่งปัญหาและความวุ่นวาย ในส่วนนี้ ผมสามารถเป็นคนกลางให้ได้ คิดว่าความน่าเชื่อถือของผมคงไม่เป็นปัญหา”สำหรับโบสถ์หลัก หากเป็นผู้วิเศษลำดับกลางหรือต่ำที่ไม่พิษภัยต่อโบสถ์ ทางการสามารถทำเป็นมองไม่เห็นได้ตามสมควร แต่ไม่ใช่กับช่างฝีมือแน่นอน เพราะหากมีช่างฝีมือนอกกฎหมายเป็นจำนวนมาก สมบัติวิเศษก็ยิ่งแพร่หลาย และนั่นจะสร้างความวุ่นวายให้โลกไม่น้อยดูเหมือนว่า สหภาพนักผจญภัยของบิลต์จะไม่ใช่องค์กรที่ลงทุนไปโดยเปล่าประโยชน์ อย่างน้อยก็มีเครือข่ายข้อมูลในมือพอสมควร…ไคลน์ไตร่ตรอง ล้วงหยิบถุงลมของเมอร์ล็อกที่เตรียมไว้ล่วงหน้า“ฉันต้องการจ้างผลิตแหวน คุณสมบัติหลักคือการเคลื่อนไหวใต้น้ำได้อย่างอิสระ”มันไม่พูดถึงผู้ส่งสาร เพราะต้องการทดสอบช่างฝีมือที่บิลต์แนะนำมาก่อน อึกหนึ่งเหตุผลคือไม่ต้องการให้คาถาอัญเชิญผู้ส่งสารของตนแพร่กระจายออกไป นั่นอาจทำให้เกิดความวุ่นวายโดยไม่จำเป็นโดยทั่วไปแล้ว ตะกอนพลังลำดับ 9 ไม่ใช่ของแพงอะไรนัก ต่อให้บิลต์โลภมาก ขโมยสมบัติวิเศษชิ้นดังกล่าวไปหลังจากสร้างเสร็จ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องนึกเสียดาย เพราะเรายังมีเครื่องรางเทพสมุทรในมือจำนวนมาก… แถมการไปเอาคืนก็มิใช่เรื่องยากเย็น… ยิ่งเป็นแบบนั้นได้ก็ยิ่งดี หากหมอนี่ร่ำรวยจนถึงขั้นก่อตั้งองค์กร แปลว่าต้องมีเงินและมีวัตถุดิบในมือจำนวนมาก…ไคลน์จ้องสำรวจบิลต์หัวจรดเท้าหลายหนทันใดนั้น บิลต์เกิดอาการสั่นเทาอย่างไร้เหตุผล ขนคอตั้งชันซาบซ่านมันรู้สึกคล้ายกับ เกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังเพ่งมองตนประหนึ่งเป็นขุมสมบัติ!การได้เป็นขุมสมบัติในสายตาใครสักคน นั่นไม่ใช่ความรู้สึกที่น่าอภิรมย์เลยสักนิดบิลต์ชำเลืองโซทอธเล็กน้อย ฉีกยิ้มและหันกลับมาพูดกับไคลน์“โฮ่… ถุงลมของเมอร์ล็อก ถ้าเป็นวัตถุวิญญาณระดับนี้ คงนำมาสร้างเป็นสมบัติวิเศษได้โดยไม่มีปัญหา ค่าแรงช่างคือหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์ คุณค่อยจ่ายหลังจากงานเสร็จ”ราคาสมเหตุสมผล…ไคลน์พยักหน้ารับ โยนถุงลมเมอร์ล็อกไปทางอีกฝ่ายเมื่อเห็นบิลต์ใช้มือรับไว้ ชายหนุ่มกล่าวเสริม“ช่วยถามช่างฝีมือให้ด้วยว่า สามารถฝังพิธีกรรมอัญเชิญสัตว์วิญญาณลงไปในวัตถุได้หรือไม่ อย่างน้อยต้องใช้งานได้หนึ่งปี”“แล้วจะถามให้” บิลต์หายใจทั่วท้อง หันไปขยิบตาให้โซทอธโซทอธลูบเบ้าตาที่จมลึก ก้าวเท้าออกมา“มิสเตอร์เกอร์มัน คุณมีกำหนดจะออกทะเลในช่วงนี้บ้างไหม?”“ทางเรามีเรือดี ๆ หลายลำ ผมกำลังรวบรวมคนออกไปล่าโจรสลัดในย่านน่านน้ำตะวันออก”น่าสนใจ… แต่เป้าหมายของเราคือการเร่งมือย่อยโอสถให้เร็วที่สุด…ไคลน์ส่ายหน้าไร้อารมณ์โซทอธพลันยิ้มแข็งมันไม่กล่าวสิ่งใดต่อ การตอบปฏิเสธของนักผจญภัยระดับพลเรือโจรสลัดถือเป็นคำขาดจากข้อมูลและรูปถ่ายตามหน้าหนังสือพิมพ์ มันและบิลต์สามารถยืนยันได้ว่า บุคคลตรงหน้าคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ตัวจริงเสียงจริงไคลน์ยืนขึ้นอย่างไม่รีบร้อน นำหมวกมาวางทาบหน้าอก โค้งศีรษะให้อีกฝ่ายเล็กน้อย“ขอบคุณที่ช่วยเหลือ”ใบหน้าบิลต์กระตุกสองสามหน ท่าทีคล้ายกับกำลังฝืนข่มบางสิ่งเอาไว้—คำบางคำที่มิอาจรวบรวมความกล้าพ่นออกมาจนกระทั่ง มันถอนหายใจ กล่าวด้วยรอยยิ้ม“หวังว่าพวกเราจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน”ไคลน์ตระหนักถึงความผิดปรกติเกี่ยวกับบิลต์และโซทอธ แต่ก็เลือกจะไม่ถามออกไปถามไม่ได้เด็ดขาด… ถ้าพูดออกไป ความฉิบหายมาเยือนแน่… ตอนนี้ต้องมีสมาธิกับการย่อยโอสถให้เสร็จ…ไคลน์หันหลังกลับ เดินตรงไปทางประตูและหมุนบิดกลอน“มิสเตอร์เกอร์มัน” บิลต์เรียกให้หยุดในสภาพหันหลังให้ มุมปากไคลน์สั่นกระตุกแผ่วเบา พลางหันกลับไปมองอย่างใจเย็น“ม…ไม่มีอะไรมาก… ฮะฮะ! แค่จะบอกว่า ด้วยอภิสิทธิ์ของสมาชิกสหภาพนักผจญภัย คุณสามารถดื่มกินข้างล่างได้ในราคาถูกกว่าปรกติ” บิลต์เผยรอยยิ้มที่เห็นชัดเจนว่าเสแสร้งคิดว่าฉันคนนี้จะเกิดความสงสัยจนอยากถามออกไปสินะ… ประเมินกันต่ำไปแล้ว…ไคลน์พยักหน้า เปิดประตูเดินออกไปโดยไม่กล่าวคำใดเมื่อเห็นแผ่นหลังของอีกฝ่ายเลือนหาย บิลต์นั่งนิ่งสักพัก ตามด้วยการถอนหายใจห่อเหี่ยว……………………
คอมเม้นต์