ราชันเร้นลับ 613 : การสืบสวนของเลียวนาร์ด
อาณาจักรโลเอ็น ณ เมืองใหญ่ประจำแคว้นเชสเตอร์ตะวันออก เมืองสโตนออเดรย์ออกจากคฤหาสน์ไปยังบ้านพักตากอากาศในเมือง หลังจากคอยดูแลเหล่าเด็กๆ ที่เป็นลูกหลานขุนนางท้องถิ่นเสร็จ เธอกลับมายังคฤหาสน์และสั่งให้คนรับใช้ออกไปยังธนาคารบาวาร์ดเพื่อเบิกเงินสดปัจจุบัน หญิงสาวไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจับจ่ายใช้สอย สามารถชำระหนี้สองพันปอนด์ของข้ารับใช้เดอะฟูล รวมถึงหนึ่งพันแปดร้อยปอนด์เป็นค่าตะกอนพลังนักจิตบำบัดของมิสเตอร์เวิร์ลผ่านไปสิบห้านาที ออเดรย์เปิดประตูห้องนอนพลางใช้หางตาชำเลืองแอนนี่ สาวใช้ส่วนตัวที่กำลังคุมงานสาวใช้ระดับล่าง และชำเลืองสุนัขขนทองที่กำลังนอนหมอบข้างกำแพงห้องหญิงสาวเผยรอยยิ้ม กล่าวเสียงแผ่วเบาด้วยดวงตาเปล่งประกาย“ซูซี่… เธอกำลังจะได้รับของขวัญพิเศษ! ตื่นเต้นไหม?”หากเป็นออเดรย์คนก่อนคงพูดว่า ‘ซูซี่ ของขวัญของเธออยู่ในห้อง!’ จากนั้น โกลเด้นรีทรีเวอร์ตัวใหญ่ก็จะวิ่งเข้าไปค้นหาอย่างสนุกสนาน แต่สำหรับปัจจุบัน ซูซี่ที่ได้รับการศึกษาด้านศาสตร์เร้นลับมาพอสมควร ลำพังการดมกลิ่นก็มาพอจะช่วยให้ค้นพบวัตถุวิญญาณได้ง่ายดายเมื่อได้ยินเจ้านายเปลี่ยนวิธีการพูด ความน่าจะเป็นจึงมีได้หลากหลายผลลัพธ์ เช่น ของขวัญจะถูกส่งมาถึงในอีกหลายวัน หรือ ของขวัญจะถูกส่งมาถึงในอีกไม่กี่นาที หรือ ต้องไปเอาของขวัญที่อื่นที่ไม่ใช่ห้องนอนเหมือนกับทุกทีซูซี่เงยหน้าและพบว่าออเดรย์กำลังตื่นเต้น เป็นสีหน้าเปี่ยมความยินดีจากก้นบึ้ง เธอจึงเตรียมเปิดปากเพื่อสั่นสะเทือนอากาศ ซักถามว่าของขวัญดังกล่าวคือสิ่งใด แต่บังเอิญเหลือบไปเห็นว่าแอนนี่ สาวใช้ส่วนตัวของออเดรย์ยังยืนอยู่ไม่ห่างออกไป จึงล้มเลิกความคิดดังกล่าวอย่างรอบคอบซูซี่กลับไปเป็นสุนัขธรรมดา เพียงสั่นกระดิกหางด้วยสีหน้าคาดหวังหลังจากใช้ข้ออ้างพาสุนัขออกไปเดินเล่น หญิงสาวแอบเข้าไปในห้องทดลองเคมีเพื่อเตรียมตัวปรุงโอสถ ‘นักจิตบำบัด’ ส่วนผสมชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกวางเตรียมไว้อย่างเพียบพร้อม“แฮ่ม! ซูซี่ เธอยังจำขั้นตอนการปรุงโอสถจากครั้งที่แล้วได้ไหม” หญิงสาวกระแอมล้างคอ เหยียดหลังตรง สวมวิญญาณคุณครูอย่างตื่นเต้น“โฮ่ง! จำได้!”เมื่อซูซี่ทราบว่าของขวัญคือสิ่งใด โกลเดนรีทรีเวอร์ขนทองพลันส่งเสียง ‘โฮ่ง’ กังวานออเดรย์ตอบเสียงขรึม“ดีมาก! ไหนลองปรุงด้วยตัวเองดูซิ”ซูซี่ก้มมองอุ้มเท้าหน้าทั้งสองข้าง ตามด้วยการเงียบไปเป็นเวลานานออเดรย์เพิ่งรู้ตัวเมื่อสาย เผยสีหน้ากระอักกระอ่วน หมดคำจะกล่าวไปชั่วขณะจนกระทั่งผ่านไปสักพัก ออเดรย์รีบชิงพูดด้วยรอยยิ้มพิสดารบนใบหน้า“ล…ล้อเล่นน่ะ! เธอกำลังจะพูดว่า ‘ออเดรย์ ฉันเป็นแค่สุนัข คงผสมโอสถไม่ได้หรอก’ ใช่ไหมล่ะ! ฉันรู้ทัน!”น…น่าอายจัง… น่าอับอายเกินไปแล้ว!ออเดรย์ที่กำลังแสดงกิริยาสง่างาม ภายในใจกำลังอับอายในความป้ำเป๋อของตัวเอง“โฮ่ง!” ซูซี่พยักหน้ารับอาศัยโอกาสดังกล่าว หญิงสาวหันหลังกลับไปปรุงโอสถนักจิตบำบัดจนเสร็จสมบูรณ์เธอถามซูซี่ล่วงหน้าแล้ว อีกฝ่ายยืนยันว่าโอสถเก่าถูกย่อยสมบูรณ์ภายในวันพุธที่ผ่านมายังไม่ถึงสองเดือน… ฮึ! เธอย่อยโอสถได้ง่ายเพราะไม่เป็นที่สนใจต่างหาก สามารถเดินไปไหนมาไหนในคฤหาสน์ได้อย่างอิสระ รวมถึงแอบฟังการซุบซิบจากบรรดาสาวใช้… แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องดี หากไม่มีซูซี่ เราคงไม่ทราบว่าหลาย ๆ คนมีด้านมืดอยู่ แม้เวลาปรกติจะใจดีและตั้งใจทำงานก็ตาม…ออเดรย์เทโอสถใส่ชามบนพื้นหญิงสาวก้มมองซูซี่ที่เดินเข้ามาเลีย ภายในใจเกิดความคาดหวังและกังวลซูซี่อาจได้รับผลข้างเคียงจากโอสถ ส่งผลให้อารมณ์ไม่คงที่เหมือนกับเรา…แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะมิสออเดรย์ นักจิตบำบัดมือฉมังอยู่ตรงนี้ทั้งคน! เตรียมพร้อมใช้พลัง ‘ปลอบโยน’ ในทุกสถานการณ์!หืม… อันที่จริง เรากลับชอบชื่อ ‘นักจิตวิเคราะห์’ มากกว่า ฟังดูเป็นมืออาชีพดี…ดวงตาสีเขียวมรกตของออเดรย์จ้องมองซูซี่อย่างไม่กะพริบ จากนั้นก็พบว่ารูม่านตาของอีกฝ่ายเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นทรงรีแนวตั้ง ใต้ชั้นขนสีทองนุ่มฟูผุดเกล็ดแข็งปกคลุม พลังวิญญาณเริ่มเอ่อล้นออกจากร่างกายทีละนิด คล้ายกับกำลังขยายขนาดปกคลุมทั่วคฤหาสน์หญิงสาวยังคงสำรวจอาการอีกฝ่ายอย่างใจเย็นและรอบคอบ หากพบความผิดปรกติแม้เพียงเล็กน้อย เธอพร้อมใช้พลังพลังพิเศษของนักจิตวิเคราะห์ทันทีผ่านไปสักพัก ซูซี่อ้าปากส่งเสียงสดใส“ออเดรย์ ฉันทำได้แล้ว!”“…”ออเดรย์หมดคำจะกล่าวเป็นเวลานาน…ภายในความฝัน เดซีย์ได้กลับมายังเขตตะวันออกอีกครั้ง หยุดยืนอยู่หน้าบ้านพักหลังเก่าที่เคยอาศัยร่วมกับมารดาและพี่สาวเธอผลักประตูเข้าไป พบไลฟ์กับเฟรย่ากำลังซักผ้าอย่างขะมักเขม้นหัวใจเดซีย์พลันพองโต เตรียมเข้าไปช่วยคนทั้งสองซักเสื้อผ้าแต่ทันใดนั้น เด็กสาวได้ยินเสียงเคาะประตูดังจากด้านหลังเมื่อมองกลับไป เธอพบผู้มาเยือนเป็นชายผมดำดวงตาสีเขียว สวมชุดนายตำรวจสัญญาบัตรใบหน้าอีกฝ่ายค่อนข้างพร่ามัว ในมือถือสมุดบันทึกและปากกา พลางส่งเสียงซักถาม“ในคดีคาพิน นอกจากสิ่งที่เธอเคยให้ปากคำกับตำรวจ มีอะไรที่ยังไม่ได้เล่าอีกไหม”“มีค่ะ แต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ” เดซีย์ตอบกำกวมตำรวจหน้าตาดีก้มมองสมุดบันทึกในมือ“ไม่เป็นไร ฉันอยากฟัง”เดซีย์ชำเลืองไปทางเสื้อผ้าที่แขวนตากตรงมุมสายตา คล้ายต้องการกลับไปทำงานมากกว่าอย่างไรก็ตาม เด็กสาวตัดสินใจเล่ารายละเอียดยิบย่อยอย่างซื่อตรง และปิดท้ายด้วย :“หลังจากฉันถูกลักพาตัว คุณแม่และพี่สาวได้จ้างนักสืบเอกชนคนหนึ่งให้ช่วยตามสืบ เขาคือมิสเตอร์เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ แต่สุดท้ายก็ตามหาฉันไม่พบ โดยหลังจากนั้น นักข่าวคนหนึ่งได้เป็นปากเสียงในการเรียกร้องค่าชดเชยจากมูลนิธิการกุศลให้ฉัน”ตำรวจเจ้าของเส้นผมสีดำและดวงตาสีเขียวเงยหน้ามองเดซีย์ เผยรอยยิ้มอบอุ่น“ขอบคุณมาก ผมพึงพอใจกับคำตอบ แล้วยังจำหน้านักสืบเอกชนคนนั้นได้ไหม”เดซีย์ผงกศีรษะ ทันใดนั้น นักสืบเชอร์ล็อกได้ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างสวมเคราหนา แว่นตากรอบทอง เป็นภาพเดียวกับในความทรงจำของเด็กสาวทุกประการตำรวจผมดำตาเขียวเพ่งพิจารณาอย่างตั้งใจสักพัก ก่อนจะหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาและเมื่อเดซีย์หันหลังกลับ มารดากับพี่สาวก็หายตัวไปแล้วเช่นกันเธอพยายามวิ่งทั่วเขตตะวันออกเพื่อตามหาคนทั้งสอง จนกระทั่งตื่นขึ้นพร้อมกับอารมณ์เศร้าโศกสุมแน่นในอก สายตาแหงนมองเพดานหอพักสตรีของโรงเรียนโดยไม่กล่าวคำใดเป็นเวลานานเดซีย์เงียบงัน พลิกตะแคงร่างกายด้านข้างพร้อมกับใช้ใบหน้าซุกหมอนใบใหญ่ผ่านไปเป็นเวลานาน ปลอกหมอนอยู่ในสภาพเปียกชุ่มจนมิอาจใช้ด้านดังกล่าวหนุนนอนผู้บุกรุกความฝันของเดซีย์มิใช่ใครนอกจากเลียวนาร์ด·มิเชล แม้แฟ้มเอกสารอย่างละเอียดของทั้งสองคดีจะถูกส่งถึงมือ แต่เลียวนาร์ดก็ไม่ละเลยการสืบสวนตามขั้นของพื้นฐานของเหยี่ยวราตรี โดยผลลัพธ์ค่อนข้างน่าพึงพอใจ มันพบเบาะแสใหม่ที่เหนือความคาดหมายทั้งคดีคาพินและลาเนวุส นักสืบเอกชนเชอร์ล็อกกับนักข่าวโยเซฟจะมีเอี่ยวด้วยเสมอ… แม้พวกเขาจะอยู่วงนอกและแทบไม่มีบทบาทสำคัญ แต่ในเชิงการสืบสวน เราสามารถเริ่มจากจุดนี้…หืม… เราค่อนข้างคุ้นหน้าเชอร์ล็อก… หมอนี่เป็นหนึ่งในนักโทษหนีคดีหรือไง…เลียวนาร์ดพยายามนึกทบทวนภาพที่ตนเห็นในความฝัน พลางสวมถุงมือสีแดงและเดินลงไปยังชั้นใต้ดินของมหาวิหารแซมมัวร์ขณะกำลังทักทายหัวหน้า ‘โซสต์’ มันเห็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับยื่นเอกสารสองแผ่นบาง“นี่คือข้อมูลของชายตาแดงแห่งวิหารฤดูเก็บเกี่ยวที่คุณต้องการ”“ขอบคุณ ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันไหม” เลียวนาร์ดถามด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรเพื่อนเหยี่ยวราตรียักไหล่“ไม่! จนกว่านายจะเลิกทำให้ฉันฝันร้าย!”“ตกลง” เลียวนาร์ดรับรายงานการสืบสวนอย่างอารมณ์ดีมันยังยืนในจุดเดิม ไม่รีบร้อนหาที่นั่ง ยืนอ่านเนื้อความบนกระดาษอย่างตั้งใจ“เอ็มลิน·ไวท์ แวมไพร์ ปัจจุบันเป็นสมาชิกของโบสถ์พระแม่ธรณี… เคยหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาอยู่พักหนึ่ง จนครอบครัวต้องจ้างนักสืบเอกชนให้ช่วยสืบหา ต้องขอบคุณนักสืบสจ๊วตที่แจกจ่ายงานไปยังพวกพ้อง คดีนี้จึงปิดลงได้ด้วยฝีมือของนักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้”รอยยิ้มบนใบหน้าเลียวนาร์ดพลันหดหาย สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดำมืดเชอร์ล็อก·โมเรียตี้…มันทวนชื่อซ้ำในใจ…ไคลน์ไม่รีบมองหาเหยื่อเพื่อสวมรอยและใช้เทคนิคสวมบทบาท เพียงเดินเตร็ดเตร่ไปรอบท่าเรือโอลาวีโดยสวมรอยเป็นนักเดินทางไร้พิษภัยคนหนึ่ง ถือโอกาสพักผ่อนจากชีวิตที่แทบไม่ได้เว้นว่างชาวเมืองส่วนใหญ่เป็นชาวโลเอ็นที่อพยพเข้ามาอาศัย รสนิยมทางอาหารจึงไม่แตกต่างจากเมืองชายฝั่งมากนัก จุดที่ไม่เหมือนก็คือ ที่นี่มีผลไม้และอาหารทะเลสดใหม่ ถือเป็นเมนูประจำถิ่นเกาะโอลาวีอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ แถมยังเป็นทางผ่านของเส้นทางเดินเรือหลัก ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนจึงค่อนข้างร่ำรวย แม้แต่เกษตรกรแถบชานเมืองก็ยังมีเงินเก็บจากการทำสวนผลไม้เพียงอย่างเดียวอย่างไรก็ตาม นี่มิได้หมายความว่าเกาะโอลาวีปราศจากคนยากจนหรือไม่มีชนชั้นล่าง เพียงแต่กลุ่มคนดังกล่าวคือชาวพื้นเมืองเดิมที่เคยตกเป็นทาสมานานหลายปี หากรัฐบาลโลเอ็นไม่ออกกฎหมายเลิกทาส ชีวิตความเป็นอยู่ก็คงแย่กว่านี้หลายเท่าหลังจากกลืนผลไม้ที่หวานและชุ่มฉ่ำลงคอ ไคลน์เงยหน้ามองท้องฟ้ามืดสลัว หักเลี้ยวมุมถนน ย่างกรายเข้าสู่ผับ ‘มะนาวหวาน’ที่นี่คือหนึ่งในจุดนัดพบของนักผจญภัยบนเกาะโอลาวี ไคลน์ต้องการหาซื้อวัสดุดิบเสริมในโอสถนักเชิดหุ่นที่ยังขาดอีกสองชนิด ประกอบด้วยเปลือกต้นมังกร และน้ำพุทองคำเกาะโซเนียภายในผับค่อนข้างมีชีวิตชีวา ผู้คนมากมายกำลังถือแก้วเครื่องดื่มพลางยืนล้อมเวทีชกมวย ส่งเสียงเฮฮาและให้กำลังใจเป็นระยะนอกจากนั้นยังมีกลุ่มคนที่ดูคล้ายนักผจญภัยกำลังกระซิบกระซาบข่าวลือระหว่างกันขณะไคลน์เตรียมหาที่นั่ง มันบังเอิญได้ยินชื่อของตัวเอง“ข้าคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์! พวกแกคงได้ยินชื่อเสียงมาบ้าง ตอนนี้ข้ามีแผนที่ขุมทรัพย์ลับ ต้องการจ้างผู้ช่วยจำนวนหนึ่งร่วมทาง ไม่ใช่เพราะข้าฝีมือไม่ถึง แต่เป็นเพราะที่นั่นมีสมบัติมหาศาลจนข้าขนคนเดียวไม่ไหว”ชายเจ้าของดวงตาสีเขียว อายุราวสามสิบ ถือแก้วเครื่องดื่มที่มีของเหลวเหลือครึ่งหนึ่ง กล่าวกับกลุ่มชายสองหญิงหนึ่งที่ดูไม่ว่าเป็นพ่อค้าหรือนักผจญภัยหืม… นายเองก็ชื่อเกอร์มัน·สแปร์โรว์เหมือนกันหรือ บังเอิญจังนะ… แผนที่ขุมทรัพย์… ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เป็นพวกต้มตุ๋น… ข่าวคราวการสังหาร ‘นักเจรจา’ แพร่จากบายัมมาถึงที่นี่แล้ว?คงเป็นข้อมูลจากโทรเลขและนักเดินทาง.. หลายคนรู้จักเราแค่ชื่อ แต่ไม่เคยเห็นตัวจริง ทำให้นักต้มตุ๋นฉวยโอกาสสวมรอย…ไคลน์ขยับเข้าไปใกล้ชายตาเขียวจิบเหล้า ตามด้วยการกระแทกแก้วลงกับโต๊ะเสียงดัง“จะปฏิเสธหรือเข้าร่วม ข้าไม่บังคับ! แต่ข้าไม่ชอบคนที่ทำให้ข้าเสียเวลา! หรือพวกแกอย่างเป็นเหมือนกับนักเจรจา!”ชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามรีบกล่าวน้ำเสียงเจือความหวาดหวั่น“ผ…ผมรู้ว่าคุณเป็นนักผจญภัยที่แข็งแกร่ง”“งั้นก็ดี…”เสียงของชายตาเขียวขาดช่วงกะทันหันมันรู้สึกคล้ายกับคอเสื้อของตนถูกใครบางคนกระชากไปด้านหลังอย่างแรง ร่างกายปลิวลอยไปทางประตูผับไคลน์ไม่พูดพร่ำ โยนชายคนหนึ่งออกจากผับด้วยสีหน้าเรียบเฉยจากนั้น มันชักลูกโม่ดัดแปลง เล็งไปยังจุดที่ชายตาเขียวล้มนอนลง และเหนี่ยวไกปืนด้วยสีหน้าเย็นชาปราศจากความลังเลปัง!ชายตาเขียวที่เพิ่งก้นกระแทกพื้น เหลือบเห็นประกายไฟสีเงินเฉียดเป้ากางเกงลงไปเล็กน้อย ความหวาดกลัวเกาะกินจิตใจจนรีบเผ่นหนีออกจากผับอย่างลนลานไม่ต้องอธิบายให้มากความ ด้วยท่าทีอ่อนแอและน่าสมเพชเช่นนี้ ใครเห็นก็ทราบทันทีว่านี่ไม่ใช่เกอร์มัน·สแปร์โรว์ไคลน์มิได้แยแสผู้ชมโดยรอบที่กำลังยืนตกตะลึง เพียงเป่าปากกระบอกปืนด้วยมาดสง่างาม เก็บลูกโม่ดัดแปลงเข้าไปในซองรักแร้ซ้ายจากนั้น ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดอันเกิดจากเสียงปืน ชายหนุ่มย่างกรายเข้าไปในผับอย่างเชื่องช้า……………………
คอมเม้นต์