ราชันเร้นลับ 604 : ศัตรูที่ไม่เคยพบเจอ
ได้ยินคำถามของนักปรุงยาร่างท้วม ไคลน์ฉีกยิ้มพลางมอบคำตอบเย็นชา“การคุ้มครองจะเริ่มขึ้นเมื่อจ่ายเงินก้อนแรก”ดัควีลล์ไม่ลังเลเลยที่จะนำเงินสดปึกใหญ่ออกมาวางบนโต๊ะ“นี่คือสามร้อยปอนด์ นายเริ่มงานได้ทันที”ไคลน์รับธนบัตรไปนับ พยักหน้าแผ่วเบา“ไม่มีปัญหา”ดัควีลล์เริ่มหายใจทั่วท้อง คล้ายกับคนใกล้จมน้ำที่คว้าห่วงยางชูชีพไว้ได้ทันราวครึ่งชั่วโมงถัดมา ภายในโรงแรมเทียน่า นักปรุงยาร่างท้วมยืนมองนักผจญภัยสุดแกร่ง เกอร์มัน·สแปร์โรว์ กำลังเจรจากับพนักงานต้อนรับกะดึก“ช่วยเปลี่ยนเป็นห้องสูทราคาแพงที่สุด”เมื่อกล่าวจบ ไคลน์ถอยหลังสองก้าว คล้ายกับเปิดทางให้ดัควีลล์เดินเข้าไปดัควีลล์กลืนน้ำลายหนึ่งอึก ซักถามลังเล“ฉ…ฉันเป็นคนจ่าย?”“ระหว่างภารกิจ นายจ้างจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเสมอ นี่คือกฎของนักผจญภัย”ไคลน์อธิบายโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าถ้าเชื่อก็เป็นลาโง่แล้ว! ถ้านายเรียกโสเภณีจากโรงละครแดง ฉันก็ต้องจ่ายให้ด้วยรึไงวะ!ดัควีลล์ครุ่นคิด ฝืนยิ้มแห้ง“ฉันว่าพวกเราควรใช้ห้องธรรมดา แบบนั้นจะคุ้มครองได้ง่ายกว่า”“นายอยู่คนเดียวก็แล้วกัน” ไคลน์ไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักในการสวมหน้ากากเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ดัควีลล์หัวเราะแห้งสองหน เดินไปยังเคาน์เตอร์ พูดหน้านิ่ง“ห้องสูทพิเศษ”รอจนกระทั่งเช็กอินเสร็จ หลังจากเข้าไปในห้องนอนขนาดไม่ใหญ่ นักปรุงยาอ้วนเปิดหน้าต่าง ปล่อยให้นกฮูกสีดำบินเข้ามาในห้อง แล้วหยิบกล่องแหวนในกระเป๋าเสื้อออกมาตรวจสอบสถานะปัจจุบันของลูกเต๋าเมื่อยืนยันว่าด้านบนของลูกเต๋ายังคงเป็นจุดแดงสี่จุดเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนหน้า ดัควีลล์ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย…กรุงเบ็คลันด์ ภายในบ้านธรรมดาหลังหนึ่งอินซ์·แซงวิลล์ตื่นจากการหลับลึก ท่าทีตอบสนองแรกคือการตรวจสอบสภาพร่างกายตัวเองอย่างละเอียดนี่คือสิ่งที่มันต้องทำทุกวัน เพราะไม่มีทางทราบเลยว่าในยามที่ตัวเองหลับ ปากกาขนนกบัดซบ 0-08 จะเขียนเรื่องราวใดลงไปบ้าง และตนจะประสบความฉิบหายสักเพียงใดหลังจากยืนยันว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ อินซ์·แซงวิลล์สวมรองเท้าบูทหนัง ลุกขึ้นเดินค่อนข้างผิดคาด มันพบว่า 0-08 ถูกวางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสืออย่างเงียบงัน คล้ายกับเป็นเพียงปากกาขนนกธรรมดาแต่อินซ์·แซงวิลล์ยังไม่ลืมว่า ก่อนนอน ตนได้ผนึก 0-08 ไว้ในกล่องที่สลักอักขระเวทมนตร์หลายชั้น!มันเดินเข้าไปใกล้โต๊ะอย่างกล้าหาญ มือข้างหนึ่งจับ 0-08 ส่วนอีกข้างเปิดสมุดบันทึกที่อยู่ใกล้กัน พบข้อความใหม่เกือบหนึ่งหน้ากระดาษ“อินซ์·แซงวิลล์จดจำในสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อคืนไม่ได้เลย เพียงตระหนักอย่างเลือนรางว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น เขามองเข้าไปในกระจก และพบเริ่มความแปลกประหลาด คล้ายกับว่า ภายในร่างกายของตนยังมีอินซ์·แซงวิลล์อาศัยอยู่อีกหนึ่งคน เขาก้มหน้าลง พบความผิดปรกติกับเล็บมือ แต่มิอาจจำจดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน”เมื่ออ่านจบ อินซ์·แซงวิลล์หันไปมองกระจกเงาตามสัญชาตญาณ พบว่าตัวเองยังคงตาบอดหนึ่งข้างเช่นเคย ปราศจากริ้วรอยบนใบหน้าที่คล้ายกับรูปปั้นแกะสลัก แต่บริเวณมุมปากกลับเผยรอยยิ้มเจือจาง ขัดแย้งอย่างมากกับดวงตาที่แฝงความฉงนทันใดนั้น อินซ์·แซงวิลล์เริ่มหน้าซีด ถุงใต้ตาเผยความหมองดำคล้ำ รอยยิ้มประหลาดที่ตัวมันไม่เคยทำมาก่อน กำลังเผยบนกระจกด้วยบรรยากาศน่าหวาดหวั่นแซงวิลล์ยกมือขึ้น ก้มหน้าลง พบเศษดินแห้งเกรอะกรังอยู่ในซอกเล็บมือ คล้ายกับเมื่อคืนแอบไปยังสวนสักแห่งและทำการขุดหารากไม้เป็นเวลานานแม้จะเปลี่ยนจากเส้นทาง ‘ความตาย’ มายังเส้นทาง ‘รัตติกาล’ เป็นลำดับ 4 ‘ผู้พิทักษ์ราตรี’ แต่มันก็มิได้สูญเสียพลังพิเศษในลำดับเส้นทางก่อนหน้าไป ยังคงเป็นผู้สื่อวิญญาณที่แข็งแกร่ง เชี่ยวชาญในขอบเขตความตายและวิญญาณเพียงสื่อสารกับวิญญาณภายในและนอกบ้าน ก็จะทราบทันทีว่าเมื่อคืนเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นบ้างแต่ทันใดนั้น มุมสายตาแซงวิลล์กลับเหลือบเห็นย่อหน้าสุดท้ายของสมุดบันทึก“อินซ์·แซงวิลล์วางแผนสนทนากับวิญญาณพเนจรรอบบ้าน แต่ช่างน่าเศร้าที่ความพยายามดังกล่าวต้องกลายเป็นหมัน คล้ายกับมีผู้วิเศษในเส้นทางเดียวกัน แอบมาจัดการเก็บกวาดวิญญาณเร่ร่อนไปจนหมด เขาเป็นกังวลมาก เพราะไม่ทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเมื่อคืน สีหน้าของอินซ์·แซงวิลล์เริ่มหม่นหมอง เขาพยายามสื่อวิญญาณอย่างสิ้นหวัง และผลลัพธ์ก็มีเพียงความว่างเปล่า ไม่ใช่เรื่องเกินคาดสักเท่าไร”…เช้าวันพุธ ใกล้กับผับใบไม้หอมที่มีการเปลี่ยนแปลงบอสเงาไคลน์เดินวนรอบซอยเปลี่ยว จนกระทั่งพบออส·เคนท์ที่กำลังถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กในมือ“รางวัลของคุณ” ออส·เคนท์โยนกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กลงตรงหน้าไคลน์ในทางทฤษฎี เงินส่วนนี้มิใช่รางวัลของจริงที่ออกโดยรัฐบาล แต่เป็นเงินที่กองทัพจ่ายให้ก่อนล่วงหน้าด้วยความเกรงใจเพราะตามระเบียบปฏิบัติ เงินรางวัลจะต้องถูกเบิกผ่านหลายขั้นตอน ผ่านหลายหน่วยงานของรัฐบาล ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวันจึงจะบรรลุผลไคลน์ก้มเปิดกระเป๋าตรวจสอบ พบปึกธนบัตรมากมายวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ประกอบด้วยชนิดหนึ่งปอนด์และห้าปอนด์คละเคล้ากัน“ห้าพันสี่ร้อยปอนด์ถ้วน ไม่ถูกหัก” ออส·เคนท์เผยรอยยิ้มขื่นขมหากเป็นนักผจญภัยคนอื่น มันคงจ่ายได้เต็มที่ไม่เกินสี่พันปอนด์ ส่วนที่เหลือจะถูกหักเป็นค่าดำเนินการแต่อีกฝ่ายเป็นชายเสียสติ ฝีมือระดับเดียวกับพลเรือโจรสลัด ออส·เคนท์เกรงว่าตนอาจถูกชักปืนยิงใส่ทันทีหากมีการหักหัวคิว จึงยอมทำงานโดยไม่คิดเงินกองทัพคงไม่หลอกจ่ายด้วยเงินปลอมแน่…ไคลน์หยิบปึกธนบัตร ขยับมือนับคล่องแคล่วห้าพันสี่ร้อยปอนด์…!ดัควีลล์ที่ซ่อนตัวอย่างด้านนอกตรอกย่อมได้ยินคำพูดของออส·เคนท์ มันแอบชำเลืองไปยังกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ดวงตาพลันสั่นเทาเมื่อเห็นเงินจำนวนมหาศาลมันไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต!นักผจญภัยร่ำรวยชะมัด… แค่ล่าโจรสลัดมีชื่อเสียงสำเร็จก็จะได้เงินไม่ต่ำกว่าพันปอนด์ รับงานคุ้มกันสามวันได้เงินหนึ่งพันปอนด์บวกกับอีกหนึ่งเงื่อนไข บางครั้งบางคราวก็ได้พบกับเรืออับปางหรือหีบสมบัติ… ทำไมเราถึงเลือกเส้นทางนักปรุงยาในตอนแรก? ทำไมถึงไม่ใช่นักผจญภัย!ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ตอนนั้นเลือกเส้นทางเกี่ยวกับโชคชะตาก็คงดี…ดัควีลล์ครุ่นคิดด้วยความอิจฉาแต่เพียงไม่นาน มันก็ตระหนักถึงความจริงอันโหดร้ายของโลก นักผจญภัยส่วนใหญ่มิได้มีชีวิตหรูหราเหมือนกับเกอร์มัน ถึงจะมีงานทำอย่างต่อเนื่อง แต่หนึ่งในสามของรายได้ก็จะถูกเจียดมาจ่ายให้กับนักปรุงยา ไม่เพียงเป็นค่ายารักษาบาดแผล แต่ยังรวมถึงยารักษาโรคประจำตัว ยาเพิ่มความสุขทางเพศ และยาขจัดโรคทางเพศเป็นนักปรุงยาปลอดภัยที่สุดแล้ว…ดัควีลล์ถอนหายใจผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน ไคลน์ปิดกระเป๋าเดินทางโดยมิได้นับเงินอย่างละเอียด หันไปกล่าวกับออส·เคนท์“ฉันจะออกจากบายัมสักพัก ถ้าพบเบาะแสที่น่าสนใจ จะแจ้งนายได้ทางไหนบ้าง”“คุณจะไปจากบายัม?” ออส·เคนท์ย้อนถามด้วยสีหน้าประหลาดใจไคลน์ผงกหัวรับ“รับงานคุ้มกันมาแล้ว”ออส·เคนท์เงียบไปสักพัก ภายในใจเกิดความผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกหากชายเสียสติอยู่ในบายัมเป็นเวลานาน เกรงว่าสักวันต้องเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นแน่ ดังนั้นคงเป็นการดีกว่า หากจะปล่อยให้อีกฝ่ายออกทะเลไปต่อสู้กับโจรสลัดด้านนอกจนหนำใจ…ออส·เคนท์ยิ้มรับ“คุณสามารถส่งโทรเลขถึงผมได้โดยตรง ขอเพียงแนบชื่อและที่อยู่ให้ถูกต้อง สำนักงานโทรเลขจะมีคนของกองทัพแฝงตัวอยู่เสมอ”“ตกลง” ไคลน์ในโค้ทดำไม่พูดพร่ำ เพียงยกกระเป๋าเดินทางใบเล็ก หมุนตัวกลับและเดินออกจากตรอกเปลี่ยวมันกับดัควีลล์ตรงไปยังท่าเรือทันที เตรียมตัวล่องเรือลำแรกสุดไปยังเกาะโอลาวี โดยมีนกฮูกอ้วนสีดำแอบบินตามห่าง ๆ ตามแนวต้นไม้ตั๋วผีถูกซื้อเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว…ครึ่งชั่วโมงก่อนขึ้นเรือ ดัควีลล์กำลังทุกข์ทรมานจากความกังวล กังวลในทุกลมหายใจว่าคนทรยศขององค์กรจะบุกเข้ามาโจมตีอารมณ์ดังกล่าวสิ้นสุดลงเมื่อได้เข้าห้องพักเฟิร์สคลาสที่จองไว้ เพราะหากเลื่อนแล่นออกจากท่าเมื่อใด คงเป็นการยากที่จะมีใครไล่ตามมากลางทะเล นอกเสียจากจะมีกองเรือเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็ผู้วิเศษที่มีพลังด้านการบิน“รีบออกเรือสักที! แล่นออกไปเร็วเข้า!”นักปรุงยาอ้วนมองออกไปนอกหน้าต่าง ปากขยับพึมพำด้วยร่างกายสั่นเทาขณะเดียวกัน นกฮูกสีดำได้บินมาเกาะหัวไหล่ซ้ายของดัควีลล์ ส่วนไคลน์ทำเพียงนั่งบนเก้าอี้ภายในห้อง คอยระวังการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นทันใดนั้น ท้องฟ้าพลันมืดครึ้มกะทันหัน เสียงสายลมหวีดร้องดังแจ่มชัด ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว“พายุเข้า?” ดัควีลล์ลืมตาขึ้นซักถามสิ่งนี้หมายความว่า เรืออาจไม่แล่นออกจากท่าตรงตามเวลา เลทไปจากเดิมราวหนึ่งถึงสองชั่วโมงและถ้าเป็นเช่นนั้น ดัควีลล์ต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลากหลายรูปแบบ!มันหันไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ฝืนยิ้มแห้ง“นายจัดการกับพายุได้ไหม”ได้สิ ยกตัวอย่างเช่น นายลองสวดวิงวอนถึงเทพสมุทรสักหนึ่งจบ แล้วฉันจะขึ้นไปตอบสนองในมิติหมอก สลายพายุด้วยพลังคทากระดูก… แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น บางทีอาจไม่เกินสิบวินาที เจ้าสมุทร แยนน์·ค็อตแมนจะรีบปรี่มายังเรือลำนี้ โดยที่ส่งการโจมตีสุดทรงพลังมาทักทายก่อนหน้านั้นเล็กน้อย…ไคลน์นั่งจ้องนักปรุงยาอ้วน มอบคำตอบอย่างเยือกเย็น“ฉันเป็นแค่นักผจญภัย”ดัควีลล์ทราบทันที ตนไม่ควรคาดหวังในสิ่งเพ้อฝันเกินจำเป็น จึงทำเพียงสบถด่าฟ้าฝนภายในใจ พลางชะโงกศีรษะออกไปนอกหน้าต่างเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันอย่างถี่ถ้วนเปรี้ยง!เส้นสายฟ้าสีเงินสับลงกลางกบาลนักปรุงยาร่างท้วมต่อหน้าไคลน์ ชายหนุ่มทำได้เพียงนั่งมองอย่างหมดโอกาสช่วยเหลือดัควีลล์ล้มลงไปนอนชักบนพื้น รอบตัวมีควันสีเทาเจือจางระเหยขึ้น ผิวหนังไหม้เกรียมบางจุดพร้อมกับส่งกลิ่นเนื้อย่าง ประจุสายฟ้าหลายเส้นกำลังแล่นไปตามลำตัวคล้ายอสรพิษสีเงินไคลน์เกือบเผยสีหน้าตกตะลึง เพราะเป็นครั้งแรกที่มันได้เห็นใครบางคนถูกฝ่าฟ้าท่ามกลางพายุฟ้าคะนองตามธรรมชาติ!ดวงซวยอะไรแบบนี้… ชายหนุ่มพึมพำ ลืมเรื่องการช่วยเหลือดัควีลล์ไปชั่วขณะทางด้านมิสเตอร์แฮร์รี่ นกฮูกอ้วน ก็ผงะไปหลายวินาทีเช่นกัน ก่อนจะรีบแหกปากออกมา“เร็วเข้า! เร็วเข้า! ในช่องลับที่สองของกระเป๋าเสื้อฝั่งซ้ายมีขวดยาถูกเก็บอยู่ในถุงสีเข้ม! รีบป้อนเข้าปากเร็วเข้า!”นกฮูกพูดได้…ไคลน์ขมวดคิ้ว เดินหน้าสองสามก้าว โน้มตัวลงไปควานหาจนพบขวดยาสีแดงคล้ายเลือด จากนั้นก็นำไปกรอกปากดัควีลล์ราวสองนาทีถัดมา ดัควีลล์เริ่มได้สติ มันลอกผิวหนังสีดำที่ไหม้เกรียมออก พยุงตัวยืนด้วยความยากลำบาก“ฉ…ฉันขอทำแผลก่อน”นักปรุงยาอ้วนเดินโซซัดโซเซเข้าไปในห้องนอน ปิดประตูตามหลังพร้อมกับลงกลอนเมื่อจัดการเสร็จ มันหยิบกล่องแหวนใบเล็กออกมาเปิดฝาตรวจสอบภายในกล่องแหวนแน่นคับที่ไม่มีช่องว่างพอจะให้ลูกเต๋าหมุน ลูกเต๋าสีขาวนมสดทอยตัวเองตอนไหนไม่มีใครทราบ!ด้านบนสุดที่เคยเป็นสัญลักษณ์สี่จุด ยามนี้แปรเปลี่ยนเป็นสองจุดสีแดง!ภายในห้องนั่งเล่นด้านนอก ไคลน์กำลังยืนพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า คิ้วถูกขมวดเข้าหากันเล็กน้อยมันเริ่มตระหนักว่า ในภารกิจคุ้มกันคราวนี้ ตนอาจต้องเผชิญหน้ากับศัตรูประเภทที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนจนกระทั่งบาดแผลของดัควีลล์เริ่มดีขึ้น มันเดินออกจากห้องนอนมารวมตัวกับไคลน์ที่ห้องนั่งเล่นชายหนุ่มหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ โน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย“เล่าทุกอย่างมาให้หมด ฉันจะได้เลือกวิธีคุ้มครองนายถูก”……………………
คอมเม้นต์