ราชันเร้นลับ 603 : เงื่อนไข
สี่ทุ่มตรง ผับปลากระโทงหลังจากรอคอยตลอดช่วงกลางวันโดยไม่มีความคืบหน้าของเงินค่าหัว ไคลน์ตัดสินใจออกไปหาออส·เคนท์โดยตรง และยืนยันว่าอีกฝ่ายเริ่มดำเนินการแล้ว แต่เงินค่าหัวจะถูกจ่ายอย่างเร็วในวันพรุ่งนี้ตอนเช้าชายหนุ่มปลอมตัวเพื่อเข้าร่วมชุมนุมลับของผับปลากระโทงต่อทันที แต่น่าเสียดายที่ไม่มีวัตถุดิบโอสถของนักเชิดหุ่นขาย รวมไปถึงสมบัติวิเศษที่เน้นหนักด้านพลังโจมตีหลังจากเปลี่ยนกลับเป็นหน้าปรกติ ไคลน์กดหมวกต่ำ พยายามเดินแหวกฝูงชนอย่างโฉ่งฉ่าง ออกจากผับในช่วงเวลาวุ่นวายระหว่างนั้น ทุกสายตาที่หันมาจ้องมีอันต้องผงะด้วยดวงตาเบิกกว้าง หยุดทุกการกระทำนานไม่ต่ำกว่าสามวินาที คล้ายกับฉุกคิดถึงใครบางคนได้อย่างกะทันหันแทบทุกคนจะเบือนหน้าหนีโดยพลัน สองเท้าก้าวถอยหลังออกห่างจากไคลน์ เกิดเป็นภาพคล้ายกับทะเลแหวกคนเหล่านี้คงได้ทราบความแข็งแกร่งและใบหน้าของเกอร์มัน·สแปร์โรว์จากหนังสือพิมพ์และข่าวลือ… ไม่น่าแปลกใจสำหรับสถานที่ซึ่งมีนักผจญภัยรวมตัวหนาแน่น..ทุกคนคงทราบแล้วว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์คือนักผจญภัยเสียสติผู้ชักปืนยิงใส่นักเจรจา·มีซอร์ทันทีที่พบตัว ดังนั้น พวกเขาจึงต้องการอยู่ให้ห่างจากบุคคลอันตรายเข้าไว้…ขณะเดียวกัน พ่อค้าราล์ฟผู้กำลังดื่มนั่งเบียร์ที่เคาน์เตอร์ เริ่มตระหนักว่ามีบางสิ่งไม่ปรกติเกิดขึ้นในผับปลากระโทง จึงหันหลังกลับไปมองตามสัญชาตญาณเพียงไม่นานก็ได้พบใบหน้าผอมเพรียวและคมเข้มของสุภาพบุรุษหนุ่ม ราล์ฟนำไปซ้อนทับกับภาพวาดของบุคคลผู้หนึ่งในหนังสือพิมพ์เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ชายผู้สังหารนักเจรจา!ถัดมา ราล์ฟย้อนนึกถึงบทสนทนาระหว่างมันกับหัวกลุ่มต่อต้าน ไครัท ในช่วงเย็นที่ผ่านมา อีกฝ่ายเล่าว่านักผจญภัยเสียสติมิได้มองศาสนาเทพสมุทรในแง่ลบ แถมยังเคยเป็นประจักษ์พยานเมื่อครั้งกลุ่มต่อต้านเจรจาแลกเปลี่ยนกับกลุ่มโจรสลัดธารน้ำแข็งบางที เราอาจเปลี่ยนให้เขาหันมานับถือศาสนาเทพสมุทรได้… หรือต่อให้เขาไม่สนใจความเป็นอยู่ของชนพื้นเมือง แต่ก็อาจช่วยทำภารกิจสำคัญบางอย่างได้…ราล์ฟประสานมือพลางเลื่อนขึ้นมาจ่อติดริมฝีปาก ท่าทางคล้ายกำลังเป่าแตรสังข์ นี่คือหนึ่งในสัญญาณมือของศาสนาเทพสมุทร·คาเวทูว่าจากนั้น ราล์ฟลุกพรวด เดินไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์พร้อมแก้วเบียร์ในมือในเวลาเดียวกัน ไคลน์ตระหนักว่าราล์ฟกำลังเดินเข้าหาตน และจดจำอีกฝ่ายได้ในทันทีเพราะราล์ฟไม่ใช่ใครนอกจากสาวกเทพสมุทรผู้ยินดีบริจาคเงินสดสองหมื่นปอนด์!อดีตเคยเป็นโจรสลัด ปัจจุบันคือพ่อค้าใจบุญที่ยอมลงทุนก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการศึกษาเด็ก…คนของมูลนิธิล้วนเป็นสาวกเทพสมุทรที่เคร่งศาสนา ไคลน์จึงได้ทราบในทุกแง่มุมของพ่อค้านามว่าราล์ฟ ดังนั้น ชายหนุ่มจึงเกิดคำถามว่าอีกฝ่ายเข้าหาเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้วยเหตุผลใดจ้างงาน? มีงานแบบไหนที่กลุ่มต่อต้านทำไม่ได้ด้วยหรือ… ไคลน์จ้องราล์ฟพลางครุ่นคิด“มิสเตอร์เกอร์มัน·สแปร์โรว์” ราล์ฟยกแก้วไคลน์พยักหน้ารับ ตอบสนองตามธรรมชาติ“ฉันไม่รู้จักนาย”“ฮะฮะ! นักผจญภัยสองคนรู้จักกันได้ไม่ยากนักหรอก บางที อาจใช้เพียงเบียร์แก้วเบียร์” ราล์ฟชี้ไปทางเคาน์เตอร์บาร์ “สักแก้วไหม”“ก็ดี” ไคลน์ยังคงคาใจ ตอบสนองกลับไปอย่างเรียบง่ายนั่งลงบนเคาน์เตอร์บาร์ ชายหนุ่มสั่งเบียร์นันวีลล์หนึ่งแก้ว ดื่มและจ้องราล์ฟเป็นเวลานานโดยไม่กล่าวคำใดการถูกบุคคลระดับพลเรือโจรสลัดเพ่งมองไม่ใช่เรื่องน่าสนุก ราล์ฟจิบเบียร์อย่างประหม่า พยายามสลายบรรยากาศตึงเครียดด้วยการหัวเราะแห้งในลำคอ“ผมได้ยินชื่อเสียงของคุณมามาก ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ล่าสุดเสียอีก ผมทราบว่าคุณคือสุภาพบุรุษตัวจริงผู้เป็นมิตรกับชนพื้นเมือง”ไคลน์ผุดคำตอบในหัวมากมาย แต่สุดท้ายก็เลือกสิ่งที่ตรงกับบุคลิกภาพของนักผจญภัยเลือดเย็นและเสียสติ“เข้าประเด็น”ราล์ฟแทบสำลัก กระแอมแห้งสองหน“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีโอกาสแนะนำให้คุณได้รู้จักกับพระองค์ เทพผู้คอยปกปักรักษาหมู่เกาะแห่งนี้ ท่านเทพสมุทร คาเวทูว่า อย่างที่คุณทราบ ท้องทะเลนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ลมพายุนั้นน่ากลัว ลำพังตัวคนเดียวมิอาจทำอะไรได้มากนัก ไม่เว้นแม้แต่สี่ราชาโจรสลัดผู้โด่งดัง ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่าพวกเราจะรอดพ้นจากภยันตรายทุกครั้ง ด้วยเหตุผลนี้ ทุกคนจึงต้องมีเทพสำหรับยึดเหนี่ยวจิตใจ เทพผู้สามารถตอบสนองได้จริง เทพผู้ครอบครองพลังอำนาจในขอบเขตท้องทะเลและพายุ”ไม่เพียงแนะนำให้เรารู้จักกับตัวเอง แต่ยังเชื้อเชิญให้เราศรัทธาตัวเองด้วย?ไคลน์ฝืนระงับมุมปาก หันไปกล่าว“สิ่งที่ฉันสนใจมากกว่านั้นคือ พวกนายมีสมบัติวิเศษพร้อมขายบ้างหรือไม่ ขอเป็นชนิดที่พลังทำลายรุนแรง”ราล์ฟตอบด้วยรอยยิ้มซื่อตรง“พวกเราไม่มีของแบบนั้น แต่ถ้าคุณชื่อในเทพสมุทร สักวันหนึ่ง พระองค์ท่านอาจประทานให้คุณ”ฉันก็ไม่มีเหมือนกัน… อย่าให้สัญญากับคนอื่นส่งเดชสิวะ!ไคลน์โกรธเคืองเจือขำขันเมื่อประเมินว่าบทสนทนาคงไม่คืบหน้า ชายหนุ่มจิบเบียร์นันวีลล์ในแก้วและกล่าว“ขอคิดดูก่อน”ขณะกำลังจะลุกจาก บาร์เทนเดอร์หันมายิ้มให้ด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน“มิสเตอร์เกอร์มัน·สแปร์โรว์ มีใครบางคนเสนองานให้คุณ”“งานอะไร” ไคลน์ย้อนถามพลางชำเลืองราล์ฟด้วยหางตาอีกฝ่ายไหวพริบดี ถือเบียร์เดินออกไปอย่างเงียบงันโดยไม่ต้องให้บอกราล์ฟค่อนข้างพึงพอใจกับผลลัพธ์ในวันนี้ เพราะไม่คิดอยู่แล้วว่านักผจญภัยเสียสติจะยอมหันมาศรัทธาในเทพสมุทรทันที จุดประสงค์เพียงเพื่อให้อีกฝ่ายทราบว่าโอกาสยังเปิดกว้าง และนึกทบทวนเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียอย่างถี่ถ้วนรอจนกระทั่งบรรยากาศหน้าเคาน์เตอร์เริ่มเงียบลง บาร์เทนเดอร์มอบคำตอบพลางยิ้ม“เขาอ้างตัวว่าเป็นนักปรุงยาที่คุณรู้จัก ต้องการมอบหมายงานสำคัญบางอย่าง หากคุณสนใจสามารถรอพบได้ที่นี่ ทางเราจะติดต่อเขากลับไปด้วยช่องทางที่ตกลงกันไว้”นักปรุงยาที่เรารู้จัก? ดัควีลล์อ้วน? ดัควีลล์เจ้าของนกฮูกอ้วน? หมอนั่นต้องการจ้างงานแบบไหน? ช่วยเหลืออาจารย์ รอย·คิง?เราคงรับภารกิจนั้นไม่ได้ ความเสี่ยงของงานมีมากเกินไป…หลังจากสมองเริ่มประมวลผล ชายหนุ่มตัดสินใจรอฟังเนื้อหาของงานก่อน“ตกลง”…เกือบห้าทุ่ม ไคลน์ได้พบกับนักปรุงยาร่างท้วม ดัควีลล์ ที่ห้องบิลเลียหมายเลข 3 ของผับเดิมอีกฝ่ายมิได้สวมชุดคลุมหมอผีสีดำเด่นสะดุดตาเหมือนเคย เลือกแต่งกายให้กลมกลืนกับชนพื้นเมือง เสื้อทาลาบา กางเกงขาบานสีขาว แจ็คเก็ตสีน้ำตาลตัวหนา และมีนกฮูกหน้ากลมตัวอ้วนยืนเกาะบนไหล่อย่างเงียบงัน โดยดวงตาจ้องมายังนักผจญภัยฝั่งตรงข้ามท่าทางคล้ายกับมิสจัสติสขณะกำลังสำรวจสมาชิกชุมนุมทาโรต์คนอื่น… นกฮูกตัวนี้คงเป็นสัตว์วิเศษ…เส้นทางผู้ชม?ไคลน์ประเมินอย่างคร่าวโดยไม่แสดงออกทางสีหน้า ตามด้วยการซักถามเสียงต่ำ“งานอะไร”“คือว่า…” นักปรุงยาร่างท้วมสอดมือซ้ายเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบกล่องแหวนใบเล็กออกมาแสดง “ฉันกำลังจะออกเดินทาง ไปยังเกาะสักแห่งที่ห่างออกไปประมาณสามวัน ด้วยเหตุผลบางประการ ฉันอาจตกอยู่ในอันตราย หรืออาจไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้ สรุปโดยสั้น ฉันต้องการจ้างบอดี้การ์ด และนายคือตัวเลือกที่ดีที่สุดที่ฉันนึกออก”นายพูดเหมือนกับว่า เหตุผลที่เลือกฉันมิได้เกี่ยวกับฝีมือ แต่เป็นเพราะนึกถึงใครไม่ออก…ไม่คิดช่วยอาจารย์ แต่หนีออกจากบายัม… เพื่อตามคนมาช่วยในภายหลัง? หรือว่าช่วยรอย·คิงออกมาได้แล้ว แต่กำลังถูกหน่วยพิเศษของกองทัพไล่ล่า?ไคลน์พยายามวิเคราะห์หาความจริง ขยับปากซักถามเสียงแผ่ว“อันตรายแค่ไหน”ดัควีลล์พะงาบปากสองสามหน“ฉ…ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ต…แต่ถ้านายไม่เก่งพอจะจัดการกับศัตรู ก็ส่งฉันให้อีกฝ่ายได้เลยทันที ถือว่าพวกเราตกลงกันล่วงหน้าแล้ว ฉันจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของนายต้องมัวหมองแน่”ถ้าไม่รู้จักมาก่อนว่านายเป็นพวกปากเสียแต่จริงใจ ฉันคงคิดว่านั่นเป็นถ้อยคำยั่วยุ…ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก“จ่ายเท่าไร”ดัควีลล์ต้องการเสนอตัวเลขที่มันเตรียมไว้ล่วงหน้า แต่เกิดลังเลกะทันหัน เพราะงานในคราวนี้ค่อนข้างอันตราย หากเสนอต่ำไป เกรงว่าคนอย่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์จะไม่แยแสจริงอยู่ ถ้าบุคคลระดับ ‘สมาชิกสภา’ ปรากฏตัวเพื่อขัดขวาง ชะตากรรมของดัควีลล์คงถึงคราวสิ้นหวังอย่างแท้จริง แต่โอกาสเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มีค่อนข้างต่ำ ดังนั้น ใจความสำคัญของการเดินทางไปยังเกาะโอลาวีคือ ตนต้องเอาตัวรอดจากภัยอันตรายที่มีระดับต่ำกว่า ‘สมาชิกสภา’ ให้ได้ทุกรูปแบบ บอดี้การ์ดที่แข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งสำคัญไคลน์ชำเลือง มอบคำตอบอย่างเย็นชา“ฉันจะให้เวลานายคิดทบทวน ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน …แต่ถ้ากลับมาต้องได้คำตอบ”เมื่อกล่าวจบ ชายหนุ่มลุกเดินไปยังบานประตู บิดกลอนเปิด และก้าวเท้าออกไปจากมุมมองคนนอก พฤติกรรมของไคลน์คล้ายกับแฝงความนัยไว้ ประหนึ่งนักผจญภัยหรือนักล่าค่าหัวที่มีประสบการณ์ในการเรียกค่าจ้างอย่างเยือกเย็น แต่ในความเป็นจริง มันมิได้มอบเวลาให้นักปรุงยาอ้วนตัดสินใจ แต่ต้องการเข้าห้องน้ำเพื่อใช้มิติหมอกทำนายยืนยันอันตรายนี่คือกุญแจสำคัญที่จะเป็นตัวชี้วัดว่า มันควรรับงานนี้หรือไม่!ออกจากห้องบิลเลียด ตรงไปยังห้องน้ำ ไคลน์ต่อแถวยืนรอสักพัก ตรงกระทั่งถึงคิวของตนเมื่อย่างกรายผ่านกรอบประตูเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มมีอันต้องขมวดคิ้ว กลิ่นโสโครกที่เกิดจากความสกปรกลอยเตะจมูกโดยไม่ทันตั้งตัว เกือบจะหันหลังกลับและเดินออกไปทันทีมันฝืนใจปิดประตู กดปุ่มกลไกชักโครกด้วยความรู้สึกขยะแขยง ภายในใจรำพันถึงสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายของการทำนายจากนั้น ชายหนุ่มเดินถอยหลังทวนเข็มสี่ก้าวเป็นวงแคบ เริ่มต้นพิธีกรรมส่งร่างจิตขณะเดียวกัน ภายในห้องสำหรับเล่นบิลเลียดและไพ่ นักปรุงยาอ้วนรอจนกระทั่งแผ่นหลังของเกอร์มัน·สแปร์โรว์เลือนหายไปจากการมองเห็น จึงรีบปิดประตูพลางซักถามนกฮูกบนไหล่“เขาจะหักหลังฉันไหม”“ไม่” นกฮูกอ้วนพึมพำ “แล้วก็… เวลาพูดกับข้า ช่วยเรียกข้าว่ามิสเตอร์แฮร์รี่ด้วย”ไขมันบนใบหน้าดัควีลล์พลันกระเพื่อม“มิสเตอร์แฮร์รี่ คุณคิดว่าผมควรจ้างชายคนนั้นด้วยเงินเท่าไร”“ข้าอ่านสีหน้าเขาไม่ออก เป็นคนที่เก็บซ่อนอารมณ์เก่งมาก” นกฮูกอ้วนตอบอย่างใจเย็นไอ้แม่เย็*มิสเตอร์แฮร์รี่! ไอ้นกโง่!ดัควีลล์แอบด่าทอในใจ เดินวนเวียนภายในห้องอย่างกระสับกระส่าย ครุ่นคิดถึงจำนวนเงินที่ควรเสนอต่ออีกฝ่ายผ่านไปสักพัก ไคลน์เดินกลับมายังห้องบิลเลียดหมายเลขสาม ซักถามโดยไม่รีรอ“จ่ายเท่าไร”ผลลัพธ์จากการทำนายระบุว่า อันตรายจากภารกิจคราวนี้อยู่ในขอบเขตยอมรับได้ ผนวกกับเรื่องที่ตนต้องการออกจากบายัมเป็นทุนเดิม งานบอดี้การ์ดจึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย“สามวันแปดร้อยปอนด์ รวมถึงมิตรภาพของพวกเรา…” ดัควีลล์ตอบกระอักกระอ่วน “เอ่อ… ฉันหมายถึงมิตรภาพระหว่างนายกับอาจารย์ของฉัน และพวกพ้องของเขา”ไคลน์กล่าวหลังจากเงียบงันสองสามวินาที“สามวันหนึ่งพันปอนด์ นอกจากนั้น องค์กรของนายต้องช่วยฉันตามหาสมบัติวิเศษที่มีพลังทำลายล้างสูง แน่นอนว่าจ่ายในราคาสมเหตุสมผล”หนึ่งพันปอนด์ จะไปมีเงินขนาดนั้นได้ยังไง..ดัควีลล์เผยสีหน้าลังเล“ข…ขอจ่ายล่วงหน้าสามร้อยปอนด์ ส่วนที่เหลือจะจ่ายเมื่อถึงจุดหมาย ฉันจะให้ทางนั้นช่วยออกเงินสมทบ”มันเตรียมขอร้องให้อาจารย์ของอาจารย์ตนเป็นคนออกค่าใช้จ่ายที่เหลือทั้งหมดไคลน์พยักหน้าเยือกเย็น“ตกลงตามนี้”นักปรุงยา·ดัควีลล์เริ่มหายใจทั่วท้อง ตามด้วยการหัวเราะแห้ง“ถ้านายไม่ว่าอะไร ช่วยเริ่มการคุ้มกันตั้งแต่ตอนนี้เลยได้ไหม”……………………
คอมเม้นต์