ราชันเร้นลับ 593 : วิธี
วิธีลบจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลังที่ปนเปื้อน…?เฮอร์มิท·แคทลียาจ้องเดอะเวิร์ล คาดเดาว่าอีกฝ่ายคงมีตะกอนพลังที่ปนเปื้อนในครอบครองสักชิ้นสองชิ้น และต้องการใช้หนึ่งในนั้นปรุงเป็นโอสถดื่ม…อาจเป็นโอสถของเดอะเวิร์ลเอง หรือไม่ก็ของคนใกล้ตัว…เรื่องนี้เดาได้ไม่ยาก เพราะหากไม่ต้องการนำตะกอนพลังไปปรุงเป็นโอสถ ลำพังตะกอนพลังปนเปื้อนยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นได้ตามปรกติ ทั้งการใช้งานโดยตรง หรือการนำไปสร้างเป็นสมบัติวิเศษ อย่างมากก็มีผลข้างเพียงเพิ่มขึ้นจากปรกติเล็กน้อย ไม่มากไปกว่าสมบัติปิดผนึกหนึ่งชิ้นไคลน์พยายามข่มอารมณ์ บังคับให้เดอะเวิร์ลตอบเสียงแหบ“เขียนใส่กระดาษส่งมาให้ผม”ภายในใจ มันต้องการยกย่องเดอะซันน้อยเรื่องที่อีกฝ่ายให้ความสำคัญกับสัญญา แต่เมื่อตระหนักว่าเดอะเวิร์ลเป็นคนพูดน้อย จะพูดเพียงเรื่องสำคัญ หรือพูดเพราะหวังผลลัพธ์บางอย่างเท่านั้น ไคลน์จึงลังเลไม่สิ… ก็มีอยู่ไม่ใช่หรือ เรื่องที่เราหวังผล… หากยกย่องว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เดอะซันจะยิ่งทำมันอย่างเคร่งครัดต่อไป และประโยชน์ก็จะตกอยู่กับชุมนุมทาโรต์…แถมยังหลอกใช้เขาได้ง่าย…แต่อาจต้องแลกมากับความใสซื่อเกินเหตุจนพูดไม่คิดในบางครั้ง…ในสายตาของจัสติส แฮงแมน และคนที่เหลือ เดอะเวิร์ลคือคนเถรตรงและน่านับถือ หากเรากล่าวชมเชยเดอะซันออกไป พวกเขาคงไม่มองว่าเป็นเรื่องผิดปรกติ…ตัดสินใจได้ ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ลหัวเราะลึก“ให้ความสำคัญกับคำสัญญาเช่นนี้ คุณคือเด็กหนุ่มที่น่าชื่นชม”แฮงแมนขมวดคิ้วเล็กน้อย หันหน้าไปทางเดอะซัน·เดอร์ริค“ผมเองก็สนใจข้อมูลดังกล่าวเช่นกัน ต้องจ่ายด้วยอะไร”มันตั้งธงภายในใจ หากข้อมูลมีราคาสูงเกินไปจนมองว่าไม่คุ้ม ก็คงต้องปล่อยผ่าน เพราะไม่ใช่ข้อมูลที่จำเป็นในปัจจุบันเดอร์ริค ผู้ถูกชมเชยจนเกิดความพึงพอใจ ครุ่นคิดสักพักก่อนหันไปตอบอย่างซื่อตรง“มิสเตอร์แฮงแมน สำหรับคุณ ผมไม่คิดราคาก็แล้วกัน ถือเป็นค่าที่ปรึกษาและตอบแทนความหวังดีที่คุณมอบให้มาตลอด”หากเดอะเวิร์ลอยู่บนโลกจริงและกำลังดื่มน้ำ มันคงพ่นพรวดออกมาโดยไม่เกรงใจ โชคดีที่มิได้กำลังดื่มน้ำ และมิได้อยู่บนโลกจริงไคลน์อาศัยพลังตัวตลกควบคุมอากัปกิริยาของทั้งเดอะฟูลและเดอะเวิร์ลมิให้เสียอาการแฮงแมนอึ้งจนหมดคำพูด ท่าทีตอบสนองของเดอะซันผิดจากความคาดหมายไปไกลมากมันล่องทะเลมานานหลายปี เคยผ่านเรื่องราวในชีวิตมาก็มาก มักมองโลกในมุมสีเทาเสมอ ไม่เคยขาวหรือดำอย่างสุดโต่ง แต่สำหรับวินาทีนี้ อัลเจอร์เกิดความละอายใจจากก้นบึ้ง“คุณคือเด็กหนุ่มที่น่าชื่นชม” อัลเจอร์กล่าวชมเชยเดอะซันลอกมาทั้งดุ้นเลยหรือ… คิดคำเองไม่เป็นรึไง!ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ลชำเลืองแฮงแมนด้วยหางตา จากนั้นก็บังคับเดอะฟูลถอนหายใจยาวหลังม่านหมอกเจ้าโง่! แกมันโง่ยิ่งกว่าลาโง่เสียอีก! ไอ้แกะโง่!เดอะมูน·เอ็มลิน เหยียดหยันเดอะซันด้วยถ้อยคำดูแคลนมากมายตั้งแต่ช่วงเช้า มันเฝ้ารอชุมนุมทาโรต์ด้วยใจจดจ่อมาตลอด เนื่องจากต้องการโอ้อวดเรื่องที่ตนกลายเป็นบารอนให้ใครสักคนฟังถึงจะไม่มีใครทราบนอกจากมิสเตอร์ฟูล แต่ระดับมิสเตอร์แฮงแมนก็น่าจะพอเดาออก… ไม่ได้การ เราต้องทำอะไรสักอย่าง ต้องหาทางให้ทุกคนทราบว่าเรากลายเป็นบารอนผีดูดเลือดแล้ว!เอ็มลินนั่งฟังบทสนทนาของคนรอบข้างพลางวางแผนอนาคตในทางกลับกัน คำพูดของเดอะซันมิได้ทำให้จัสติส·ออเดรย์โกรธเคืองหรืออิจฉา เธอทราบดี ในช่วงที่ทุกคนประสบปัญหา มิสเตอร์แฮงแมนมักมอบคำแนะนำที่มีประโยชน์เสมอ ถึงจะไม่ค่อยถูกหลักศีลธรรมสักเท่าไร แต่ก็ช่วยให้ผ่านพ้นปัญหาไปได้การเป็นคนดีมักได้รับสิ่งดี ๆ ตอบแทนเสมอ หวังว่าหลังจากนี้ มิสเตอร์แฮงแมนจะอ่อนโยนลงและใจกว้างมากขึ้นอีก…หญิงสาวมองไปยังฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าเบาใจ สำหรับเธอ ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีลบจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลัง ยังไม่ใช่สิ่งสำคัญในตอนนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องบุ่มบ่ามใช้เงินเดอะซัน·เดอร์ริค หันไปทางมิสเตอร์ฟูลเพื่อขอสิทธิ์ในการเขียนลงบนกระดาษ เพียงไม่นาน กระดาษหนังสีเหลืองน้ำตาลสองแผ่นก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเด็กหนุ่มเมื่อเขียนเสร็จ ไคลน์รีบเสกให้กระดาษไปโผล่ตรงหน้าเดอะเวิร์ลและแฮงแมนมันรอไม่ไหวแล้วที่จะไขปริศนาซึ่งตนคาใจมาแสนนาน“การลบจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลังปนเปื้อนมีด้วยกันสองวิธี หนึ่ง ใช้สมบัติวิเศษที่สามารถขโมยพลังพิเศษของผู้อื่น ช่วงชิงจิตกัดกร่อนที่ปนเปื้อนตะกอนพลังออกมา จากนั้นก็รีบนำตะกอนพลังบริสุทธิ์ไปปรุงเป็นโอสถให้เสร็จก่อนที่ผลของพลังช่วงชิงจะหมดลง ด้วยวิธีนี้ จิตกัดกร่อนจะมิอาจกลับไปยังตะกอนพลังเดิมได้ เนื่องจากสิ่งนั้นไม่มีตัวตนอยู่แล้ว ทำได้เพียงสลายไปกับความว่างเปล่า วิธีที่สอง ประกอบพิธีกรรมและสวดวิงวอนถึงหนึ่งในสองวัตถุเวทมนตร์ทรงพลังของเมืองเงินพิสุทธิ์ อาศัยการตอบสนองจากสิ่งดังกล่าว บดขยี้ตะกอนพลังจนแหลกละเอียด ด้วยวิธีนี้ จิตกัดกร่อนจะสลายไปในอากาศ ส่วนตะกอนพลังที่กระจัดกระจาย จำเป็นต้องใช้เวลาสักพักเพื่อรอให้กลับมารวมตัวกันใหม่ตามธรรมชาติ ผมทราบเพียงขั้นตอนของพิธีกรรม แต่มิอาจระบุนิยามและคาถาในการสวดวิงวอนถึงวัตถุเวทมนตร์ทั้งสองชิ้นได้ มีเพียงหกสภาอาวุโสเท่านั้นที่ทราบข้อมูลนี้ หากชาวเมืองคนใดต้องการประกอบพิธีกรรม ต้องให้หนึ่งในพวกเขาเป็นประธานเสมอ ขั้นตอนของพิธีกรรมประกอบด้วย…”หืม…ไคลน์ผุดแนวคิดมากมายในหัวจนเกือบลืมบังคับให้เดอะเวิร์ลตอบสนองเราไม่เคยคิดถึงวิธีแรกมาก่อน… ถ้าจำไม่ผิด มีสมบัติปิดผนึกหลังประตูยานิสเมืองทิงเก็นที่สามารถช่วงชิงพลังพิเศษได้… ชื่อว่า ‘เส้นเลือดหัวขโมย’ กระมัง… คาดไม่ถึงว่าจิตกัดกร่อนจะถูกมองเป็น ‘พลังพิเศษ’ ด้วย… แต่ก็ไม่ผิดวิสัยของศาสตร์เร้นลับสักเท่าไร…ปัญหาคือ จิตกัดกร่อนที่ปนเปื้อนในดวงตาดำล้วนนั้นไม่ธรรมดา แต่เกิดจากเทพมาร ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ โดยตรง หากให้คนทั่วไปใช้สมบัติวิเศษช่วงชิงออกมา คงยากจะมีใครทนต่อการปนเปื้อนไหว อาจถึงขั้นคลุ้มคลั่งและเสียชีวิตในทันที ส่วนสมบัติวิเศษก็จะถูกปนเปื้อนถาวรและไม่สามารถใช้การได้อีกเลย…สรุปก็คือ เราต้องใช้สมบัติวิเศษที่มีพลังช่วงชิงพลัง มารับการปนเปื้อนแทนดวงตาดำล้วน… แต่จังหวะการปรุงโอสถต้องฉับไวและไม่มีข้อผิดพลาด ไม่อย่างนั้น ทั้งสมบัติวิเศษและดวงตาดำล้วนจะถูกปนเปื้อนไปทั้งคู่…ไคลน์วิเคราะห์วิธีแรกอย่างละเอียด ในส่วนของวิธีที่สอง หลักการคล้ายกับสิ่งที่เอ็ดวิน่าเสนอแนะ แตกต่างแค่ในเชิงพิธีกรรมหืม… วัตถุเวทมนตร์ของเมืองเงินพิสุทธิ์คงมีพลังเพียงสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ไม่น่าจะถึงขั้น ‘มรดก’ ของเทพแท้จริง ไม่อย่างนั้น เมืองเงินพิสุทธิ์คงไม่ตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้… หรือก็คือ การจะทำลายตะกอนพลังให้แหลกละเอียด ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังของเทพแท้จริงเสมอไป…แค่พลังระดับเทวทูตก็ได้แล้วหรือ?จากคำบอกเล่าของเดอะซัน เทวทูตในยุคสมัยที่สองมักถูกเรียกว่า ‘เทพรับใช้’ เป็นระดับที่ใกล้เคียงเทพแท้จริงอย่างมาก…ทฤษฎีดังกล่าวสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของคาเวทูว่า… เทพสมุทรกำมะลอสืบทอดพลังของเอลฟ์ลำดับสูง โคฮีเน็ม ไปเพียงครึ่งหนึ่ง โดยอีกครึ่งหนึ่งอยู่กับหนังสือแห่งภัยธรรมชาติ…ไม่สิ ตะกอนพลังโคฮีเน็มอาจถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน โดยที่ยังไม่มีใครทราบว่าส่วนสุดท้ายถูกซ่อนไว้ตรงไหน อาจเป็นส่วนสำคัญที่เจ้าตัวจงใจซ่อนไว้ เพื่อให้คืนชีพกลับมาได้อีกครั้ง…สรุปโดยสั้น อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้แล้วว่า ตะกอนพลังของเอลฟ์ครึ่งเทพสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนได้ โดยคนทำไม่จำเป็นต้องมีระดับเทียบเท่าเทพแท้จริงเสมอไป… คนแบ่งตะกอนพลังไม่น่าจะใช่ใครนอกจากตัวโคฮีเน็มเอง เพราะถ้าเป็นฝีมือคนอื่น ก็ต้องมีการนำตะกอนพลังไปใช้ประโยชน์บ้างแล้ว มิใช่ฝังไว้กับหนังสือส่วนหนึ่ง และทิ้งขว้างจนปลาไหลแอบกินไปอีกส่วนหนึ่ง…เมื่ออ้างอิงจากข้อมูลทั้งหมด ตราบใดที่พิธีกรรมถูกต้อง การตอบสนองของเทวทูตสามารถทำลายตะกอนพลังให้แหลกละเอียดได้ แต่ปัญหาคือ… เราจะให้เทวทูตคนใดช่วย?จากตัวเลือก มิสเตอร์อะซิกดูมีภาษีมากที่สุด แต่เขายังฟื้นฟูพลังกลับมาไม่หมด ตอนนี้คงอยู่แค่ราวนักบุญ… ในส่วนของวิล·อัสติน เด็กคนนั้นเป็นเพียงทารกที่ยังไม่คลอด…ไคลน์ไม่หมกมุ่นนานนัก ไว้ค่อยวิเคราะห์อย่างละเอียดหลังจากการชุมนุมจบลงในเวลาเดียวกัน แฮงแมนกวาดสายตาอ่านเอกสารในมืออย่างรวดเร็ว จับประเด็นสำคัญได้ครบถ้วนในทิศทางที่คล้ายคลึงกับไคลน์อัลเจอร์เริ่มผุดสมมติฐานสาเหตุที่เดอะเวิร์ลต้องหาวิธีลบจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลังด้วยตัวเอง คงเพราะถูกมิสเตอร์ฟูลมอบหมายงานในฐานะข้ารับใช้…ขณะเดียวกันก็หมายความว่า พลังในปัจจุบันของมิสเตอร์ฟูล ยังฟื้นฟูไปไม่ถึงระดับเทวทูต ไม่อย่างนั้น ท่านคงลบจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลังด้วยตัวเองอย่างง่ายดาย…ผ่านมานานแค่ไหนแล้ว… คงราวเจ็ดเดือนได้กระมัง… ตอนนี้ท่านฟื้นฟูพลังจนถึงระดับนักบุญแล้วสินะ… ไม่ผิดแน่ อย่างน้อยก็ต้องนักบุญ เพราะท่านตอบสนองพิธีกรรมแทนคาเวทูว่าได้!อีกเพียงหนึ่งถึงสองปี ท่านคงหลุดพ้นจากผนึกใกล้สมบูรณ์จนมีพลังทัดเทียมเทวทูตแถวหน้าคนอื่น และห่างจากเป้าหมายสุดท้ายเพียงแค่เอื้อมมือ…โดยไม่สนใจอากัปกิริยาของแฮงแมน เฮอร์มิท แคทลียา หันมาจ้องเดอะเวิร์ลพลางเผยรอยยิ้ม“ไม่แน่ใจว่า วิธีที่ฉันทราบจะถูกระบุไว้ในเอกสารดังกล่าวหรือไม่ แต่ฉันยินดีแนะนำโดยไม่คิดค่าตอบแทน โอสถ ‘ผู้เจิดจรัส’ แห่งเส้นทางสุริยัน สามารถขจัดจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลังที่ปนเปื้อนได้โดยตรง”มาดามเฮอร์มิทพยายามมีส่วนร่วมมากกว่าคราวก่อน… เป็นเพราะเธอปรับตัวได้แล้ว หรือเพราะทราบว่า สมาชิกชุมนุมทาโรต์ส่วนใหญ่มีลำดับต่ำ จึงไม่ต้องคอยระวังตัว?ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจกับท่าทีของพลเรือเอกดวงดาว·แคทลียา แต่ก็ขอบคุณที่ทำให้ทราบว่ายังมีอีกหนึ่งวิธีไม่น่าแปลกใจเท่าไรที่เมืองเงินพิสุทธิ์ไม่ทราบวิธีดังกล่าว พวกเขายังขาดแคลนข้อมูลของเส้นทางสุริยันอยู่มาก…อย่างไรก็ตาม เราคงหา ‘ผู้เจิดจรัส’ มาช่วยลบจิตกัดกร่อนไม่ได้อยู่ดี ถึงจะมีสูตรผลิตโอสถรุ่นไม่สมบูรณ์ในมือก็ตาม…ชายหนุ่มบังคับเดอะเวิร์ลครุ่นคิด ก่อนจะหันไปทางแคทลียาและฉีกยิ้มกว้าง“ขอบคุณสำหรับน้ำใจ มาดามเฮอร์มิท”ถัดมา ไคลน์หันไปพูดกับเดอะซัน·เดอร์ริค ด้วยมาดของนักขาย“คุณเคยได้ยินหนังสือชื่อ ‘การเดินทางของกรอซาย’ บ้างไหม”เดอะซัน·เดอร์ริคก้มหน้านึกสักพัก ก่อนจะส่ายหัวและมอบคำตอบจากใจจริง“ไม่เลย”ไม่เลย…ไคลน์เกือบไปต่อไม่ถูก ยังดีที่มีสติ จึงบังคับให้เดอะเวิร์ลพึมพำเสียงค่อนข้างดัง“เป็นหนังสือวิเศษจากตระกูลมังกร เจ้าของคนก่อนหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาทั้งหมด”“จากตระกูลมังกร?” จัสติส·ออเดรย์หูผึ่งทันที รีบหันมาถามอย่างสนใจ“ถูกต้อง ผู้วิเศษคนหนึ่งเสนอขายให้ผมในราคาแปดพันปอนด์ปอนด์” เดอะเวิร์ลตอบเสียงแหบมันมิได้บวกเงินเพิ่มไปจากที่เอ็ดวิน่าเสนอ เพราะนั่นคือราคาที่ยังไม่ได้ต่อรอง เหลือช่องว่างให้ทำกำไรอีกพอสมควร แต่ถึงเอ็ดวิน่าจะยืนกรานขายในราคาแปดพันปอนด์ปอนด์ ไคลน์ก็มีสิทธิ์ศึกษาอย่างละเอียดก่อนส่งมอบ ถือเป็นข้อได้เปรียบในฐานะคนกลางออเดรย์เม้มปากเล็กน้อย สายตาเบือนไปทางด้านข้างพลางครุ่นคิดก่อนจะหันกลับมาถาม“มันพิเศษอย่างไรหรือคะ”“ผมก็ยังตอบไม่ได้ กำลังศึกษาข้อมูลอยู่” เดอะเวิร์ลอธิบายตามความจริง“ขอคิดดูก่อนค่ะ” ออเดรย์ไม่รีบร้อนตอบตกลงทันที เพราะเงินจำนวนแปดพันปอนด์ปอนด์ก็ไม่น้อยสำหรับเธอเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่า เธอเพิ่งเบิกเงินค่า ‘คำลวง’ จากบิดามาในราคาสูง การซื้อหนังสือไม่ทราบสรรพคุณในราคาแปดพันปอนด์ปอนด์ออกจะเกินไปสักหน่อย และหากต้องการใช้เงินส่วนตัวซื้อ เธอต้องออมเงินอีกไม่ต่ำกว่าสามเดือน ยังไม่รวมว่าต้องซื้อตะกอนพลัง ‘นักจิตบำบัด’ ให้ซูซี่คิดได้เช่นนั้น หญิงสาวย้อนถามเดอะเวิร์ลเกี่ยวกับความคืบหน้าของตะกอนพลังนักจิตบำบัดตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เราทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับการล่าพลเรือโทโรคภัย แถมยังล้มเหลวไม่เป็นท่า อดใช้ยุบพองหิวโหยเขมือบพลังชนิดใหม่ จึงยังปล่อยดวงวิญญาณของเก่าออกไปไม่ได้…ไคลน์พลันกระอักกระอ่วน เริ่มตระหนักว่าภาพลักษณ์ของเดอะเวิร์ลในสายตาสมาชิกคนอื่นค่อย ๆ ถูกทำลายลงทีละนิด……………………
คอมเม้นต์