ราชันเร้นลับ 590 : ขีดจำกัดล่างของอาโรเดส
เช้าตรู่ ณ ห้วงมิติเหนือสายหมอกเทาไคลน์พร้อมด้วยปากกาและกระดาษ บรรจงเขียนประโยคทำนายอย่างระมัดระวัง“การใช้เครื่องรับโทรเลขจะนำไปสู่อันตราย”ข้อความถูกตรวจสอบซ้ำสองหน ตามด้วยการปลดจี้บุษราคัมออกจากข้อมือซ้าย และเริ่มใช้เทคนิคการทำนายด้วยลูกตุ้มวิญญาณระหว่างทำนาย สติของไคลน์ตื่นตัวตลอดเวลา เจือปนความหวาดกลัวไว้หลายส่วน คล้ายกับเด็กเล็กที่จุดชนวนประทัดและอุดหูขณะรอให้มันระเบิด เพราะหากมีพระผู้สร้างแท้จริงและแม่มดบรรพกาลมาเกี่ยวข้อง เพียงการทำนายถึงก็มากพอจะสร้างความฉิบหายแก่ตัวเอง ลองเปลี่ยนเป็นผู้วิเศษคนอื่น พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการรนหาภาวะคลุ้มคลั่งหรือความตายอย่างทุกข์ทรมาน แต่สำหรับไคลน์ที่ถูกกีดกันโดยห้วงมิติเหนือสายหมอก การทำนายถึงเทพมารเหล่านั้นมิได้นำพาไปสู่ผลลัพธ์เลวร้ายที่สุดจริงอยู่ ร่างกายอาจบอบช้ำไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าต้องเสียชีวิตอย่างน่าสมเพช สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าก็คือ หลังจากทดลองซ้ำ ๆ หลายหน อีกฝ่ายอาจจับตำแหน่งของมิติสายหมอกได้แม่นยำ และตัดสินใจแวะมาหาด้วยตัวเองไคลน์เข้าฌาน พึมพำประโยคทำนายด้วยเสียงแผ่วเบาเมื่อครบเจ็ดครั้ง ไคลน์ไม่ต้องลืมตาขึ้นก็ทราบผลลัพธ์ เพราะมันยังคงนั่งบนเก้าอี้เดอะฟูลได้อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน มิได้เผชิญความทรมาทรกรรมเหมือนในอดีตลืมตามองจี้บุษราคัมสีเหลือง ไคลน์พบว่าลูกตุ้มวิญญาณกำลังหมุนในทิศทางทวนเข็มรอดตัวไป…ชายหนุ่มเริ่มหายใจทั่วท้อง รีบส่งตัวเองกลับโลกความจริง เตรียมประกอบพิธีกรรมอัญเชิญร่างวิญญาณเพื่อนำเครื่องรับโทรเลขออกจากห้วงมิติเหนือสายหมอกรอประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดเครื่องรับโทรเลขก็เริ่มส่งเสียงกุกกัก กระดาษมายาสีขาวถูกพ่นออกจากช่องเขียนข้อความ เป็นการเขียนตัวอักษรภาษาโลเอ็นหนึ่งบรรทัด :“ข้ามาแล้ว! นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ เป็นท่านใช่ไหม?”ทำไมถึงรู้สึกว่าเจ้านี่กำลังชะโงกหน้ามอง…ไคลน์หวนนึกถึงอีโมติค่อนจากโลกเก่า เป็นรูปของตัวอัลปาก้ากำลังชะโงกหน้ามองคนอ่านชายหนุ่มเดินสองก้าวและ ‘อืม’ พร้อมกับผงกศีรษะรับกุกกัก.กระดาษมายาสีขาวพิมพ์ข้อความต่อจากเดิม“ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนของท่าน อาโรเดส รอโอกาสที่จะได้รับใช้ท่านทุกลมหายใจ!”ไคลน์พยายามเก็บซ่อนความอึดอัด ซักถามด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง“อาโรเดส เราอยากทราบว่า รอย·คิงแห่งโรงเรียนชีวิตอยู่ที่ไหน”จากคำอธิบายจิปาถะของนักปรุงยาร่างท้วม ไคลน์ได้ทราบว่า องค์กรลับของอีกฝ่ายมีโครงสร้างเป็นแบบศิษย์อาจารย์ และครอบครองเส้นทาง ‘สัตว์ประหลาด’ กับ ‘นักปรุงยา’ ด้วยข้อมูลข้างตน ชายหนุ่มเดาได้ทันทีว่านี่คือโรงเรียนชีวิตขณะเดียวกัน ไคลน์เตรียมภาพเหมือนของรอย·คิงไว้พร้อม เป็นการวาดโดยอาศัยเทคนิคสวดวิงวอนถึงตัวเองเสียงกุกกักยังคงดังอย่างต่อเนื่อง กระจกวิเศษอาโรเดสใช้เครื่องรับโทรเลขวาดภาพของรอย·คิงบนกระดาษมายาจนเสร็จ เป็นภาพบุรุษหวีผมเรียบแปล้ สวมแว่นตากรอบปรกติ“ใช่ชายคนนี้หรือไม่ขอรับ” อาโรเดสเขียนถามเป็นภาษาโลเอ็นไคลน์พยักหน้า“ใช่”กระจกวิเศษ อาโรเดส ยังคงทำเสียงกุกกัก แต่จังหวะการพิมพ์เร็วขึ้นจากเดิมมาก“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ บุคคลที่ท่านกำลังตามหา ถูกขังอยู่ในบ้านพักนายกเทศมนตรีเมืองบายัม”ถูกขังในบ้านพักนายกเทศมนตรี?ไคลน์ขมวดคิ้ว ไม่รีบร้อนซักถามต่อ เพียงกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจ“ตามกฎของเจ้า เชิญถามมาได้”กุกกัก. กุกกัก. อาศัยกลไกของเครื่องรับส่งโทรเลข อาโรเดสวาดหน้ายิ้มพร้อมกับเขียนข้อความหนึ่งบรรทัด“ข้าถามไปแล้ว และท่านก็ตอบแล้วด้วย”เมื่อไร? ไคลน์ยืนมึนงง ก่อนจะชำเลืองอ่านข้อความก่อนหน้าบนแผ่นกระดาษมายาสีขาว จนพบประโยคที่อาโรเดสเคยถามไว้ว่า :“ใช่ขายคนนี้หรือไม่ขอรับ”แบบนี้ก็ได้หรือ…ในวินาทีนี้ ไคลน์เริ่มตระหนักถึงความยืดหยุ่นของสิ่งที่กระจกวิเศษ อาโรเดส พร่ำบอกกับผู้อื่นว่าเป็น ‘กฎเหล็ก’หากคนทั่วไปต้องการถามสิ่งใด คำถามและบทลงโทษจะถูกกำหนดอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังต้องใช้งานต่อหน้าผู้อื่นอีกหนึ่งคน แต่หากไคลน์เป็นคนถาม กฎดังกล่าวสามารถยืดหยุ่นได้จนน่าตกใจด้วยข้ออ้างสุดพิสดารไปเอานิสัยแบบนี้มาจากไหน…ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก เริ่มคำถามต่อไป“อาโรเดส เจ้ารู้จักหนังสือ ‘การเดินทางของกรอซาย’ หรือไม่”อาโรเดสเงียบงันครู่หนึ่ง จากนั้น เครื่องรับโทรเลขส่งเสียงกุกกัก พ่นกระดาษมายาสีขาวออกมาเพิ่มเติม“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ท่านใจดีกับข้าเกินไปแล้ว สำหรับคำถามเมื่อครู่ หากข้าตอบว่า ‘ใช่’ มันคงจะง่ายเกินไป ข้าจึงถือวิสาสะเปลี่ยนคำถามให้เป็น ‘อาโรเดส จงเล่าทุกสิ่งเจ้าที่รู้เกี่ยวกับหนังสือการเดินทางของกรอซายให้เราฟัง’ มันคือหนังสือประหลาด เจ้าของคนก่อนมักหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาเสมอ ข้ามิอาจบอกได้ว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่ค่อนข้างแน่ชัดว่า หนังสือเล่มดังกล่าวปรากฏตัวครั้งแรกในหมู่ตระกูลมังกร หลังจากเหตุการณ์การหายตัวไปของ ‘เมืองแห่งปาฏิหาริย์’ เลฟซิด”หลังจากการหายไปของเมืองแห่งปาฏิหาริย์ เลฟซิด… เมืองที่กล่าวกันว่า สร้างโดยมหามังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวล?บางที เราอาจนำไปขายให้มิสจัสติสได้ เธอต้องสนใจแน่ ในฐานะพ่อค้าคนกลาง เรามีสิทธิ์อ่านอย่างทะลุปรุโปร่งก่อนส่งมอบให้เธอ… ถ้าเกิดอุบัติเหตุกลางคันจนทำให้หนังสือชำรุดหรือหายไป ก็แค่บอกว่าคนขายเกิดเปลี่ยนใจกะทันหันและคืนเงินให้… การได้เป็นเจ้าของระบบมันดีแบบนี้นี่เอง!ไคลน์ครุ่นคิด กล่าวกับเครื่องรับโทรเลข“เชิญถาม”ชักอยากรู้แล้วว่า เจ้ากระจกขี้ประจบตนนี้จะตั้งคำถามได้พิสดารแค่ไหน… ชายหนุ่มคิดในใจอาโรเดสส่งเสียงกุกกักไม่หยุด ตามด้วยคำตอบเป็นภาษาโลเอ็นหนึ่งบรรทัด“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้าได้ถามไปแล้ว และท่านก็ตอบแล้วเช่นกัน”ตอนไหนอีกวะ…ไคลน์ประหลาดใจเล็กน้อย สายตากวาดมองกระดาษมายาสีขาวทั้งหมดอย่างละเอียด จนกระทั่งพบอีกหนึ่งคำถามที่คาดไม่ถึง :“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ เป็นท่านใช่ไหม?”ต้องยอมรับว่า กระจกวิเศษไร้ยางอายตนนี้พยายามประจบประแจงจนน่าขนลุก ไม่มีขีดจำกัดล่างบ้างหรือไง… แต่ว่า สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสมบูรณ์แบบอย่างเรา การจับคู่คำถามของหมอนี่ทำได้น่าพึงพอใจทีเดียว รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับยังโลกเก่า สมัยเรียนวิชาเขียนโปรแกรมและต้องจับคู่เครื่องหมาย ‘{’ กับ ‘}’ ให้ครบ ไม่อย่างนั้นโปรแกรมจะเออร์เร่อ…ไคลน์กระแอมแห้ง ซักถามต่อไป“แล้วทำไมรอย·คิงถึงถูกขังในบ้านพักนายกเทศมนตรีเมืองบายัม”เครื่องรับโทรเลขส่งเสียงกุกกัก“นับตั้งแต่อสรพิษปรอทหายตัวไปจากโรงเรียนชีวิต ภายในองค์กรจึงเกิดการแตกแยกอย่างรุนแรง โรงเรียนชีวิตตกอยู่ในสภาพสั่นคลอนสุดขีด สมาชิกบางส่วนถูกคนของโรงเรียนกุหลาบโจมตีจนถึงแก่ความตาย โรงเรียนชีวิตมีโครงเป็นแบบศิษย์อาจารย์ แต่ยังมีระบบสภาอาวุโสสำหรับบริหารภายใน มีหน้าที่คอยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างแต่ละขั้วอำนาจในองค์กร หลังจากเข้าสู่ยุคสมัยที่ห้า ชื่อของสภาอาวุโสได้ปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยมากขึ้น กลายเป็น ‘สภาแห่งชะตา’ มีสมาชิกทั้งหมดเจ็ดคน โดยมีอสรพิษปรอทเป็นประธาน อาจารย์ของรอย·คิงคือหนึ่งในเจ็ดสภาแห่งชะตา เมื่ออสรพิษปรอทหายตัวไป เขาเริ่มสัมผัสถึงอันตรายใกล้ จึงตัดสินใจมอบสมบัติปิดผนึกชิ้นสำคัญของโรงเรียนชีวิตให้รอย·คิงช่วยเก็บรักษาแทน และนั่นคือสาเหตุที่รอย·คิงถูกกองทัพโลเอ็นจับตัวไปคุมขังอย่างลับ ๆ”อสรพิษปรอทหายตัวไป?ไคลน์พลันนึกถึงวิล·อัสติน ผู้เลือกซ่อนตัวภายในกรุงเบ็คลันด์ และยังนึกถึงอสรพิษปรอทนิรนามอีกตนที่กำลังไล่ล่าวิล·อัสติน ซึ่งไคลน์คาดเดาว่าเป็น ‘เทวทูตโชคชะตา’ โอโรเลอุสตัวจริงของอสรพิษปรอทที่หายตัวไปจากโรงเรียนชีวิตยังคงคลุมเครือ… แต่เรามั่นใจ… อสรพิษปรอทที่ตามล่าวิล·อัสตินไม่ใช่ตนที่หายไปจากโรงเรียนชีวิตแน่นอน เพราะการให้องค์กรคอยช่วยตามหาวิล·อัสตินอีกแรง คงสะดวกกว่าตามหาคนเดียว ไม่ควรจะหายตัวไปเฉย ๆ …หมายความว่า อสรพิษปรอทที่หายตัวไปจากโรงเรียนชีวิต หากไม่ใช่วิล·อัสตินเอง ก็ต้องเป็นอสรพิษปรอทตัวที่สาม ไม่มีทางเป็นโอโรเลอุสไปได้… แต่เราไม่มีข้อมูลมากกว่านี้ ไม่สามารถฟันธงว่าเป็นใคร…ไคลน์พยักหน้า กล่าวกับเครื่องรับโทรเลข“เชิญถาม”ไม่มีคำถามก่อนหน้าเหลือแล้ว ฉันอยากรู้นักว่านายจะ ‘แถ’ แบบไหน… คงต้องยอมรับตามตรงว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างแปลก คนอื่นมักหวาดกลัวคำถามของอาโรเดสจนอุจจาระขึ้นสมอง แต่สำหรับเราที่มันพยายามหลีกเลี่ยงการถามไปแล้วสองครั้ง กลับอยากถูกถามจริง ๆ ขึ้นมาสักครั้ง…ไคลน์รอคอยอย่างคาดหวังกุกกัก! กุกกัก!เสียงของเครื่องรับโทรเลขหนักแน่นและชัดเจนขึ้นกะทันหัน ตามด้วยการพ่นแผ่นกระดาษมายาสีขาว“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้าอยากทราบว่า ต้องทำตัวเช่นไร ท่านจึงจะพอใจในตัวข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนคนนี้มากกว่าเดิม”เราประเมินขีดจำกัดล่างของเจ้านี่ผิดไป…ไคลน์หัวเราะไม่ได้ร่ำไห้ไม่ออก มอบคำตอบด้วยเสียงต่ำ“ทำเหมือนที่เคยทำก็พอ”“ขอรับ!” เสียงกุกกักดังตามมา “ออร่าพิเศษใกล้หมดลงเต็มที ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนของท่าน อาโรเดส รอโอกาสที่จะได้กลับมารับใช้ท่านอีกครั้ง!”อาโรเดสยังอารมณ์ดี วาดภาพโบกมืออำลาไว้ท้ายกระดาษอเนกประสงค์ชะมัด… แต่ก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไรที่กระจกวิเศษจะรอบรู้เช่นนี้…ไคลน์รำพันพลางยืนจ้องเครื่องรับโทรเลขที่กลับคืนสู่ความเงียบงันมันเดินสองสามก้าว นั่งลงบนขอบเตียงนอน ไตร่ตรองเรื่องราวกับเกี่ยวกับรอย·คิงแน่นอน ไคลน์ไม่คิดลอบเข้าไปในบ้านของนายกเทศมนตรีบายัมที่มีการอารักขาแน่นหนา มันยังไม่รู้จักอีกฝ่ายดีพอ ไม่แม้แต่จะเคยพบหน้า ความเชื่อมโยงเดียวมาจากนักปรุงยาร่างท้วมหนึ่งในฐานสำคัญของโบสถ์วายุสลาตันคงมีผู้วิเศษซ่อนตัวอยู่ไม่น้อย… บุกเข้าไปก็โง่แล้ว…ไคลน์ยิ้มพลางส่ายหน้าข้อมูลจากอาโรเดสช่วยให้มันค้นพบความจริงบางอ่าง นั่นคือสมบัติวิเศษที่ ‘พลเรือเอกโลหิต’ พกติดตัว สมบัติวิเศษที่ช่วยให้ประสบความโชคดีเป็นพิเศษ จะต้องมาจากโรงเรียนชีวิตแน่ บางที โรงเรียนกุหลาบอาจคอยหนุนหลังพลเรือโจรสลัดรายนี้อยู่ อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่มีอสรพิษปรอทคอยปกป้องคุ้มครอง สังหารสมาชิกโรงเรียนชีวิตไปเป็นจำนวนมากขณะเดียวกันก็ยังเป็นการเตือนสติเราว่า ห้ามลงมือกับพลเรือโจรสลัดอย่างบุ่มบ่ามเด็ดขาด แม้แต่เทรซี่ก็ยังมีคาร์เทอริน่า·เปลเล่คอยคุ้มครองอย่างลับ ๆ โดยที่ไม่มีใครรู้มาก่อน…พลเรือโจรสลัดคนอื่นก็คงไม่ต่างกัน ทุกคนน่าจะเป็นตัวแทนองค์กรลับ หรือไม่ก็โบสถ์หลัก… เบื้องหลังพลเรือเอกโลหิตคือโรงเรียนกุหลาบ เบื้องหลังพลเรือเอกดวงดาวคือนิกายมอสส์ รวมไปถึงชุมนุมทาโรต์ของเรา เบื้องหลังพลเรือเอกขุมนรกอาจเป็นนิกายวิญญาณ ไม่แน่อาจรวมถึงราชาแห่งห้าห้วงสมุทร เบื้องหลังพลเรือโทธารน้ำแข็งน่าจะเป็นโบสถ์ปัญญาความรู้…ส่วนพลเรือโททะเลลึกและพลเรือโทสนธยายังคงเป็นปริศนา แต่การครองอำนาจในทะเลได้นานหลายปี ไม่มีทางที่จะไม่มีคนหนุนหลัง…คิดถึงตรงนี้ แล้วองค์กรลับใดอยู่เบื้องหลังพลเรือโทวายุ คีลิงเกอร์? องค์กรที่มอบยุบพองหิวโหยให้มัน หรือองค์กรที่มิอาจเอ่ยนาม ผู้จ้างวานฆ่าดยุคนีแกน?อา… ในการล่าพลเรือโจรสลัดครั้งถัดไป ต้องห้ามป่าวประกาศให้ใครทราบล่วงหน้าเด็ดขาด ลงมืออย่างเงียบเชียบและเด็ดขาดเพียงหนเดียว หากล้มเหลวก็ต้องรีบถอยหนีให้ไกล…ไคลน์ครุ่นคิด ก่อนจะนึกบางสิ่งขึ้นได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิล·อัสติน ชายหนุ่มจำได้ว่า นกกระเรียนกระดาษที่อสรพิษปรอทพับกับมือ ยังอยู่กับตนจนถึงทุกวันนี้!……………………
คอมเม้นต์