ราชันเร้นลับ 586 : บอกลาและพบกันใหม่
“อะไรนะ… เขารู้จักฉัน?”ขณะหรี่เสียงถาม นักปรุงยาร่างท้วม ดัควีลล์ ทำหน้าตกใจราวกับเห็นผีนกฮูกมองไปข้างหน้าด้วยดวงตากลมโต“ข้าสังเกตเห็น ขณะที่เขาเดินเข้ามาในร้านแล้วมองเจ้า เขาชะงักไปสองวินาที”“บางที เขาอาจจะคิดว่า ‘น้ำหน้าอย่างไอ้อ้วนนี่จะขายยาได้จริงหรือ’ ก็ได้นะ”นักปรุงยาร่างท้วมโต้แย้งนกฮูกกระพือปีกสองครั้งก่อนจะหุบ“อยากจะคิดแบบนั้นก็ตามใจ”“…แล้วช่วงนี้แกอ่านหนังสืออะไรอยู่”ขณะดัควีลล์ตั้งคำถามถาม ไขมันบนหน้าสั่นกระเพื่อมเล็กน้อยนกฮูกตอบเสียงขรึม“ขีดจำกัดของข้าขึ้นอยู่กับสติปัญญาของเจ้า หากเจ้านายไม่สามารถสอนหนังสือข้าได้ คำศัพท์ในสมองย่อมมีจำกัด จึงต้องลดมาตรฐานความยากของหนังสือลง แถมยังไม่มีให้เลือกมากนัก ข้าฝึกฝนการอ่านได้จากหนังสือพิมพ์รายวันเท่านั้น”นักปรุงยาร่างท้วม ดัควีลล์ หัวเราะ“ฉันคิดว่าจะซื้อตำราปรุงอาหารมาให้แกอ่าน ชื่อของมันคือ ‘อาหารตำรับไบลัมตะวันออก’ ”โดยไม่รอคำตอบจากนกฮูก ดัควีลล์สวมสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวพึมพำกับตัวเอง“ชายคนนั้น… เขาอาจจะรู้จักฉันสินะ… หืม… มองผิวเผินเหมือนกับชาวโลเอ็น หรืออย่างน้อยก็ลูกครึ่งโลเอ็น สมัยก่อน ฉันเคยปลอมตัวตระเวนขายยาไปทั่วโลเอ็น ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีชาวโลเอ็นสักคนจำหน้าได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรประมาท หากถึงเดือนมีนาคมแล้วยังไม่มีข่าวคราวของตาแก่เพิ่มเติม ฉันคงต้องย้ายออกจากที่นี่”กล่าวจบ มันหันไปมองนกฮูกบนไหล่“ในบางครั้ง แกก็มีประโยชน์เหมือนกัน”“ไม่จริงเลยสักนิด ภาษากายของเจ้ากำลังพูดออกมาว่า ‘บัดซบเอ้ย! ฉันต้องการสัตว์เลี้ยงที่ช่วยจัดการกับสัตว์ประหลาดดุร้ายและพวกอันธพาลคุมถิ่น อุตส่าห์รวบรวมวัตถุดิบปรุงโอสถเส้นทางมังกรทั้งที กลับได้แค่นกโง่ที่ทำได้เพียงอ่านหนังสือและช่างสังเกต! รู้แบบนี้น่าจะยัดโอสถใส่ปากไปอีกสักขวด!’ ” นกฮูกทำท่าทางคล้ายนกแก้ว พยายามพูดเลียนเสียงของนักปรุงยาร่างท้วมมันยืนชะงักไปสองวินาที หัวเราะแห้ง และเผยรอยยิ้ม“ก็รู้นี่… ไอ้นกโง่! ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเป็นนักฝึกสัตว์ แกก็คงดื่มโอสถไม่ได้แม่แต่ขวดเดียว!”บรรยากาศภายในร้านขายสมุนไพรพลันอึมครึมทันที หนึ่งคนหนึ่งสัตว์ต่างไม่มีใครส่งเสียงจนกระทั่งผ่านไปสักพัก นกฮูกทำตัวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น“ดัควีลล์ จะไม่เป็นอะไรแน่หรือ กับการฝากให้นักผจญภัยหลายคนช่วยตามหาอาจารย์”“ฉันไม่ถนัดตามหาคน นอกจากจ้างวานก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว แต่ไม่ต้องห่วง ฉันระบุเงื่อนไขไว้ชัดเจน จะจ่ายเงินให้กับคนที่สามารถระบุตำแหน่งของตาแก่ได้เท่านั้น หรือก็คือ ฉันจะเสียเงินจ้างแค่คนเดียว!” กล่าวจบ นักปรุงยาร่างท้วมถอนหายใจยาวอย่างหดหู่ “ตาแก่มักอวดอ้างว่าเป็นคนโชคดีเสมอ เขาคงไม่เป็นอะไรนัก”…“ยาที่ปรุงจากของแบบนี้จะได้ผลจริงหรือ..”ระหว่างกำลังเดินทางกลับโรงแรมวายุครามด้วยรถม้าเช่า เดนิสจ้องถุงกระดาษสีน้ำตาลที่วางข้างตัวไคลน์ด้านในประกอบด้วยสมุนไพรนิรนามชนิดหนึ่ง สีดำสนิทจนน่าขนลุก รวมถึงเปลือกแข็งของแมลงปริศนา กลีบดอกไม้ประหลาด และส่วนผสมอื่น ๆ ที่ไม่น่าไว้วางใจไคลน์พยักหน้า“ได้ผล”“แต่นายก็ยังไม่เคยกิน…” เดนิสโต้แย้งตามจิตใต้สำนึกไม่ต้องกังวล ฉันเชื่อใจนักปรุงยาร่างท้วม ถึงเจ้านั่นจะปากเสียไปบ้าง แต่จริงใจมากทีเดียว… อีกทั้ง กัปตันไอร์แลนด์ก็ยังยืนยันด้วยตัวเอง…ด้วยมาดของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ไคลน์ตัดสินใจไม่อธิบายเดนิส เพียงหยิบถุงกระดาษขึ้นมาและโยนไปหาอีกฝ่ายโดยไม่ต้องมีคำสั่งใด เดนิสทราบทันทีว่านักผจญภัยเสียสติต้องการให้ตนทำอะไรของในถุงถูกต้อง นำมันไปปรุงในพักหลัง มันคอยจัดการเรื่องจิปาถะให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์บ่อยครั้ง จึงมิได้แสดงท่าทีต่อต้านเมื่อถึงโรงแรม ไคลน์เดินไปนั่งบนโซฟาหรู เอียงคอมองเดนิสจุดเตาไฟ ยกหม้อมาวาง และเติมน้ำเปล่ากับสมุนไพรลงไปชายหนุ่มเอนหลังพิงอย่างผ่อนคลาย แต่สมองกลับวิงเวียนกะทันหัน มาพร้อมอาการเหน็ดเหนื่อย สามารถวูบหลับได้ทุกเมื่อเพื่อครองสติไว้จนกว่ายาจะต้มเสร็จ ไคลน์ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเค้นสมองอย่างหนัก เพื่อมิให้สติเลือนรางและหลับไปก่อนพอมาลองคิดดูให้ดี… การต่อสู้กับพลเรือโทโรคภัย เทรซี่ หากไม่เพราะเราแฝงตัวเข้าไปอย่างราบรื่น ปลดสมบัติวิเศษได้ตั้งแต่ต้น และเป็นฝ่ายเปิดฉากบุกเข้าใส่โดยไม่ปล่อยให้เธอตอบโต้จนกระทั่งมีโอกาสล่องหน คงพ่ายแพ้ในการดวลหนึ่งต่อหนึ่งอย่างราบคาบ…พลังล่องหนกับโรคระบาด เมื่อใช้พร้อมกันจะไม่ต่างอะไรกับบั๊กในเกม… ด้วยพลังเสน่ห์หาอันรุนแรง ด้วยพลังการเข้าประชิดตัวในพริบตาของนักลอบสังหาร เราไม่สามารถหาเธอพบ และไม่สามารถวิ่งหนีไปไหนได้… ร่างกายมีแต่จะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งป่วยเป็นโรคร้ายแรงและหมดสิทธิ์ขัดขืน…สมกับเป็นลำดับ 5… เปิดประตูอีกบานเดียวก็จะถึงครึ่งเทพ… แต่เหตุการณ์นี้ก็ช่วยให้เรามองเห็นจุดอ่อนของยุบพองหิวโหย ถึงจะมันมีพลังหลากหลายชนิด แต่ก็ห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบพอสมควร…ถ้าจำไม่ผิด พลังของลำดับ 5 บนเส้นทางนักทำนาย ‘นักเชิดหุ่น’ ชนะทางพลังล่องหนของนักลอบสังหารอย่างเต็มพิกัด…ช่วงนี้ว่างพอดี สงสัยต้องช่วยนักปรุงยาร่างท้วมตามหาอาจารย์ไปก่อน… แต่เนื่องจากมีข้อมูลค่อนข้างน้อย แทบจะรูปถ่ายใบเดียว โอกาสหาพบคงไม่ง่ายเท่าไร…แล้วแบบนี้เมื่อไรจะหาพบ เราไม่ใช่เทพสักหน่อย จะได้นั่งทางในแล้วตรัสรู้ว่าบุคคลในรูปหลบอยู่ตรงไหนของโลก…เดี๋ยวก่อน… เราก็เป็นเทพไม่ใช่หรือ ถึงจะแค่ในบางโอกาสก็เถอะ!เราสามารถระดมพลค้นหาแบบปูพรมโดยสาวกเทพสมุทร ตราบใดที่สุภาพบุรุษนาม ‘รอย·คิง’ เคยอยู่ในบายัม จะต้องมีคนเคยเห็น เคยพูดคุย ชนพื้นเมืองส่วนใหญ่เป็นสาวกเทพสมุทรอยู่แล้ว แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับทะเลมนุษย์…ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนกัปตันไอร์แลนด์จะออกจากบายัม เราสามารถสอบถามจุดแจ้งข่าวกับกองทัพจากเขาได้ หากมีเบาะแสใดเพิ่มเติมในอนาคต เราจะแจ้งกองทัพเพื่อแลกกับเงินรางวัลก้อนใหญ่… อีกทั้ง เรายังให้เขาช่วยตรวจสอบประวัติผู้โดยสารของเรือเดินสมุทรทุกลำได้ ดูว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา รอย·คิงขึ้นเรือลำใดบ้างหรือไม่…ยังมีอีกหนึ่งวิธี เครื่องรับสัญญาณโทรเลขไร้สายที่ถูกแช่ทิ้งไว้บนห้วงมิติเหนือสายหมอกมาได้สักพัก หากนำกลับมายังโลกจริง เราสามารถติดต่อกับกระจกวิเศษอาโรเดสได้ เดิมที แผนนี้เตรียมไว้สำหรับถามเบาะแสของเอลเลนผมแดงอยู่แล้ว ก็แค่เปลี่ยนเป็นรอย·คิง…หึหึ… สำหรับงานยาก ๆ ที่นักผจญภัยคนอื่นมืดแปดด้านและแทบไม่มีโอกาสทำสำเร็จ เรากลับคิดหาทางออกได้ถึงสามวิธี!…ท่ามกลางความคิดมากมาย ไคลน์กัดฟันอดทนจนกระทั่งยาถูกปรุงเสร็จเมื่อเห็นขวดบรรจุของเหลวที่เดนิสถือมาให้ ชายหนุ่มชะงักนานสองวินาที ก่อนจะยื่นแขนไปรับและยกกระดกสายฟ้าแลบอึกอึก!ไคลน์รู้สึกราวกับลำคอถูกไฟลวก ใบหน้าแดงก่ำไปถึงใบหูรสชาติที่ชวนให้นึกถึงอาหารรสเผ็ดพิสดารจากโลกเก่ากำลังปะทุในท้องทันใดนั้น สติชายหนุ่มพลันกลับมากระจ่าง จมูกที่เคยตันกลับมาหายใจโล่งและคล่องอีกครั้งอึกอึก! อึกอึก! ไคลน์รีบกระเดือกลงคอจนเกือบหมดขวด สัมผัสได้อย่างแจ่มชัดว่าอาการป่วยบรรเทามาก อีกนิดเดียวก็จะหายขาด…ในค่ำคืนเดียวกัน ไคลน์หายจากไข้โดยสมบูรณ์ ความคลางแคลงเล็ก ๆ ที่เคยมีต่อนักปรุงยาพลันจางหายสมแล้วที่โอสถมีชื่อว่านักปรุงยา…ไคลน์สวมหมวก เดินออกจากโรงแรมวายุครามพร้อมเดนิส ตระเวนไปตามค่ำคืนอันเงียบสงัดของเมืองบายัม จนกระทั่งถึงท่าเรือส่วนตัวที่ซ่อนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของป่าลึกณ ค่ำคืนนี้ ฝันทองคำจะแล่นมาเทียบท่าลับเพื่อมอบความช่วยเหลือแก่กลุ่มกบฏหลังจากประสานงานและเตรียมการเสร็จ เดนิสประกอบพิธีกรรมวิญญาณสถิตเพื่อติดต่อกับพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด…ไม่กี่นาทีถัดมา เรือลำใหญ่ที่ฉาบด้วยผิวโลหะสีทองอร่ามและติดปืนใหญ่กลไกซับซ้อน แล่นเข้ามาจอดเทียบท่าส่วนตัวของกลุ่มต่อต้านอย่างเงียบงัน เหนือใบเรือมีธงสัญลักษณ์ที่เป็นภาพของเหรียญห้าชนิด ประกอบด้วยเหรียญทองปอนด์ของโลเอ็น เหรียญทองเฟิร์ลของอินทิส เหรียญทองโฮร์นของฟุซัค เหรียญทองริโซ่ของเฟเนพ็อต และเหรียญทองซาเซ็นของลุนเบิร์กสิ่งนี้คือธงโจรสลัดของฝันทองคำ และยังเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มโจรสลัดธารน้ำแข็งยังมืออาชีพไม่พอ… ถ้าเป็นเราจะเพิ่มเหรียญทองพ็อตเตอร์ของมาซิน เหรียญทองซูลาทีของเซกัล เหรียญทองของจักรวรรดิไบลัม และอีกหลายเหรียญเข้าไปด้วย…ไคลน์ยืนมองตรง สองมือสอดกระเป๋ากางเกง จ้องเอ็ดวิน่าที่กำลังปรากฏตัว ณ หัวเรือเธอมาในหมวกนายพราน เสื้อเชิ้ตขี่ม้ารัดรูปและโค้ทสีดำตัวใหญ่ ภาพลักษณ์สอดคล้องกับพลเรือโจรสลัดสาวสวยในอุดมคติกลุ่มต่อต้านทุกทีจะแต่งตัวเป็นครูสอนพิเศษแท้ๆ …ไคลน์พึมพำ ก้าวถอยหลัง ปล่อยให้เดนิสทำงานกรรมกรไปตามลำพังเป็นเพราะความขยันขันแข็งของโจรสลัดค่าหัวห้าพันห้าร้อยปอนด์ อาหารและเครื่องนุ่งห่มจำนวนมากจึงถูกลำเลียงถึงมือกลุ่มต่อต้าน และเป็นอันสิ้นสุดการสนับสนุนระลอกแรกเดนิสสูดลมหายใจยาว เดินมาทางไคลน์และเผยรอยยิ้มเจือความเศร้า“เสร็จแล้วใช้ไหม… ฉันกลับฝันทองคำได้หรือยัง เอ่อ… แล้ว… ต้องจ่ายค่าจ้างนายเท่าไร”สหาย นั่นเป็นแค่ข้ออ้างที่กัปตันของนายกุขึ้นเพื่อมิให้คนอื่นสงสัย ในความเป็นจริง อาหารและเครื่องนุ่งห่มเหล่านี้คือค่าจ้าง…ไคลน์พยักหน้า“กัปตันคนสวยจ่ายครบแล้ว …เชิญกลับไปได้”“จ…จริงหรือ?” เดนิสแทบไม่อยากเชื่อหูแม้ว่าพลเรือโทธารน้ำแข็งจะกำลังยืนห่างออกไปไม่ไกล แต่เดนิสก็ยังหวาดกลัวอารมณ์แปรปรวนของชายเสียสติที่ชื่อเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไคลน์ไม่ตอบ เพียงหันหลังกลับ ตรงไปยังถนนที่พาออกจากท่าเรือส่วนตัวเดนิสหายใจกระเส่า พยายามข่มความตื่นเต้นขณะวิ่งกลับไปยังฝันทองคำรอจนกระทั่งเรือแล่นออกจากท่าในยามค่ำคืน และได้เห็นท่าเรือส่วนตัวมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ จนเกือบลับขอบฟ้า เดนิสจึงค่อยมั่นใจว่า ตนได้กลับมายังฝันทองคำอย่างแท้จริงเมื่อลองนึกทบทวน มันพบว่าตนได้ผ่านประสบการณ์พิสดารมากมายภายในระยะเวลาเพียงครึ่งเดือน อารมณ์อันซับซ้อนกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่าง คล้ายกับเพิ่งลืมตาตื่นจากความฝันอันยอดเยี่ยมและเปี่ยมความสุขทันใดนั้น ลูกเรือคนหนึ่งวิ่งเข้ามาใกล้และซักถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น“บอสเป็นคนฆ่าเหล็กกล้าจริงหรือ…?”เดนิสระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจ ชำเลืองหางตามองเอ็ดวิน่าเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาพูดกับลูกน้องตน“เข้าใจถูกต้องแล้ว! ในเหตุการณ์ดังกล่าว ฉันกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่จนนำพาไปสู่ความตายของเหล็กกล้า! เอ้า! เข้าไปดื่มกันเถอะ แล้วฉันจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียด!”ท่ามกลางทะเลสีดำ ฝันทองคำแล่นออกไปไกลขึ้นทุกขณะ…เมื่อกลับถึงโรงแรมวายุคราม ไคลน์เข้านอนทันที แต่กลับถูกปลุกให้ตื่นกลางคันด้วยแสงสีสันอันฉูดฉาดรอบตัวผ้าปูเตียงสีขาวกลายเป็นขาวเจิดจ้า พื้นห้องสีน้ำตาลกลายเป็นน้ำตาลสว่าง ผ้าม่านสีแดงเข้มกลายเป็นสีเลือดสดขณะสีสันฉูดฉาดกำลังซ้อนทับในทัศนวิสัยอย่างเข้มข้น อะซิก·อายเกสโผล่ออกจากความว่างเปล่าที่กระเพื่อมคล้ายคลื่นน้ำอีกฝ่ายสวมเชิ้ตขาว หูกระต่าย ทักซิโด้ และหมวก ผิวพรรณสีแทน ใบหน้าอ่อนโยนน่าอิจฉาชะมัด… เราเองก็อยากมีพลังเดินทางผ่านโลกวิญญาณบ้าง…ไคลน์ถอนหายใจสั้น พยุงตัวนั่งบนเตียงและกล่าวทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม“สายัณห์สวัสดิ์ มิสเตอร์อะซิก”อะซิกถอดหมวก ชำเลืองใบหน้าที่มันไม่คุ้นเคยนัก แต่ก็มิได้เผยความประหลาดใจ ยังคงยิ้มอย่างอบอุ่น“ต้องขอโทษด้วย ผมคงรีบเกินไป จึงไม่ได้เคาะประตู ช่วยเล่ารายละเอียดของเอกสารโบราณแห่งเทพมรณาให้ฟังหน่อย”ไคลน์เชิญอีกฝ่ายนั่ง อธิบายรายละเอียดที่มิอาจเขียนยัดใส่กระดาษจดหมายได้หมด ปิดท้ายด้วยการเล่าถึงเหตุการณ์ในเมืองท่าแบนชี เล่าถึงเบาะแสของราชาเทวทูต เมดีซี และทายาทอะซิกเอนหลังพิงโซฟา ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ถ้าจำไม่ผิด ชายคนนั้นถูกเรียกด้วยสองสมญานาม ‘เทวทูตสีชาด’ และ ‘เทวทูตสงคราม’ แต่เขาร่วงหล่นไปนานมากแล้ว”“นานมากแล้ว?” ไคลน์ย้อนถามอย่างประหลาดใจอะซิกพยักหน้ารับ เค้นสมองนึก“เท่าที่ผมจำได้คือ ชายคนนั้นถูกสังหารโดย ‘จักรพรรดิโลหิต’ อลิสต้า·ทูดอร์”ถูกสังหารโดยจักรพรรดิโลหิต อลิสต้า·ทูดอร์?รูม่านตาไคลน์หดลีบทันที สมองย้อนนึกถึงคำพูดของวิญญาณมารที่ถูกผนึกในซากอาคารใต้ดินกลางกรุงเบ็คลันด์มันเคยบอกกับไคลน์และชารอนว่า ตนคือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือจักรพรรดิโลหิต!……………………
คอมเม้นต์