ราชันเร้นลับ 579 : คำถามเชิงวิชาการ
ขณะเล่า ดวงตาเอลเลนเจือปนความเศร้าเล็กน้อย คล้ายกับกำลังหวนนึกถึงความทรงจำอันมีค่าเมื่อครั้งอดีต“ฉันเริ่มจากการนำเหล็กกล้ากับถ่านหินจากชายฝั่งตะวันตกไปขายที่เฟเนพ็อต และนำยาสูบ กาแฟ และโกโก้จากเฟเนพ็อตกลับมาขายที่อาณาจักรอินทิส แต่เนื่องจากเป็นเส้นทางเดินเรือปลอดภัย การแข่งขันจึงสูงมาก ฉันต้องการถีบตัวเองออกจากตลาดดังกล่าวโดยเร็ว จึงรีบเก็บเงินและเลื่อนลำดับพลัง เพื่อจะได้เปลี่ยนไปค้าขายกับเกาะอาณานิคมแทน แต่โชคร้าย หลังจากฉันเริ่มคุ้นเคยกับเส้นทางเดินเรือและพอจะทำเงินได้บ้าง ขณะกำลังเดินทางไปยังไบลัมตะวันตกครั้งที่สอง เรือของฉันถูกเทรซี่ดักปล้น ในตอนนั้น เธอยังเป็นเพียงสตรีแห่งโรคภัยและมีเรือแค่ลำเดียว มิใช่พลเรือโทโรคภัยเหมือนทุกวันนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทรงพลังมาก การขัดขืนของฉันและพวกพ้องกลายเป็นสิ่งไร้ค่า เทรซี่ไม่ฆ่าคนส่งเดช เพียงปล้นทรัพย์สินของพวกเราไปทั้งหมด รวมถึงตัวฉัน”สมแล้วที่ได้ชื่อว่าพิสดารกว่าแม่มดคนอื่น…ไคลน์นั่งฟังอย่างตั้งใจ อาศัยพลังตัวตลกในการควบคุมอารมณ์และระงับความเขินอาย และซักถามออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย“พวกคุณกำลังคบกันใช่ไหม”“ไม่ใช่!” เอลเลนปฏิเสธเสียงแข็ง “เธอใช้กำลังบังคับฉัน! ฉันก็แค่ไม่อยากตาย ท…ทำได้เพียงกัดฟันอดทนเอาไว้ และเหนือสิ่งอื่นใด“…เธอเป็นผู้หญิง!”มาดาม ไม่ต้องเสียงดังขนาดนั้นก็ได้ ผมแค่ถามว่าคุณมีความสัมพันธ์มากกว่าเพื่อนรึเปล่า… ทำไมต้องออกอาการขนาดนี้… เธอต้องของคุณฉันต่างหาก ที่ยังคงความเป็นสุภาพบุรุษและไม่ถามตรงประเด็นเกินไป…เฮ่อ… ถึงเกอร์มัน·สแปร์โรว์จะเป็นโจรสลัดอำมหิตและบ้าบิ่น แต่ก็ยังให้เกียรติสตรี… ในจุดนี้คือนิสัยของเราเอง…ไคลน์ถามต่อโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า“คุณชอบกินอาหารประเภทใด? อาหารจานโปรดคืออะไร? ชอบหวานหรือเค็ม? หรือตรงกลาง? ไม่ชอบอาหารประเภทใดเป็นพิเศษไหม? แพ้อาหารรึเปล่า? คำพูดติดปากล่ะ? คุณชอบพูดว่าอะไร”“…”ชุดคำถามข้างตนทำให้เอลเลนรู้สึกราวกับตนกำลังอยู่ในความฝัน มิใช่ความจริงเธอคาดไม่ถึงว่าจะมีใครกล้าถามเรื่องส่วนตัวซอกแซกขนาดนี้ ประหนึ่งโรคจิตที่กำลังตามจีบหญิงสาวสักคนก็มิปานไม่ใช่… คนร้ายลักพาตัวคงไม่ถามไถ่เพื่อหวังผลในเชิงชู้สาว… ต้องแฝงความนัยบางอย่างไว้ อาจเป็นการนำข้อมูลของเราไปใช้ทำบางสิ่ง…ฮึม! ไม่มีผู้หญิงที่ไหนชอบให้ถามแบบนี้กันหรอกนะ! ไม่ต่างอะไรกับแบบสอบถามของจักรพรรดิโรซายล์เลยสักนิด!เขาเล็งอะไรไว้กันแน่ ทั้งที่เพิ่งถามเรื่องพวกนั้นออกมา ทำไมถึงยังทำหน้าไร้อารมณ์ได้อีก…น่ากลัวชะมัด…เอลเลนเงียบงันไปพักใหญ่ จากนั้น ท่ามกลางสายตาเย็นชาของไคลน์ หญิงสาวตัดสินใจไล่ตอบไปทีละคำถามโดยไม่ตกหล่นชายหนุ่มโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย เริ่มถามในประเด็นถัดไป“มีท่านั่งประจำบ้างไหม ทำให้ดูหน่อย”ยิ่งเอลเลนตอบ เธอก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น กังวลว่าตนจะหายไปโดยมีใครสักคนมาแทนที่!จนกระทั่ง ‘แบบสอบถาม’ จบลง แต่หญิงสาวก็ยังไม่ผ่อนคลาย ด้วยเกรงว่าภัยคุกคามอาจยังไม่หมดแค่นี้เราควรกระโดดออกจากรถม้าในตอนที่เขาเผลอดีไหม? เอลเลนคิดเป็นจริงเป็นจังอย่างไรก็ตาม หลังจากพิจารณาจนมั่นใจว่าอีกฝ่ายปราศจากท่าทีคุกคาม หญิงสาวจึงพับเก็บแผนดังกล่าวไปก่อน ภาวนาให้การสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่นและสันติเมื่อไคลน์เสร็จสิ้นขั้นตอนการเก็บรายละเอียดรูปลักษณ์ภายนอก อุปนิสัย บุคลิก ความชอบส่วนตัว และงานอดิเรก มันวกกลับเข้าเรื่องพลเรือโทโรคภัยทันที“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเทรซี่บ้าง”เอลเลนเงียบงันเป็นเวลานาน ริมฝีปากสั่นระริกหลายหน คล้ายกับต้องการกล่าวบางสิ่งจนกระทั่งรถม้าเคลื่อนตัวเป็นระยะทางไกล หญิงสาวมอบคำตอบด้วยสีหน้าขื่นขม“เธอแข็งแกร่งในการต่อสู้ เชี่ยวชาญการพรางตัวและคำสาป สามารถลบตัวตนอย่างสมบูรณ์ได้ชั่วขณะ รวมถึงการเปลี่ยนร่างกายให้เบาเหมือนขนนก สามารถสลับตำแหน่งกับกระจกเงาหรือคทาได้ในพริบตา เชี่ยวชาญเพลิงทมิฬและพลังหอกน้ำแข็ง ขณะต่อสู้ ศัตรูในรัศมีใกล้ตัวจะป่วยไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นได้ทั้งไข้หวัดธรรมดา ปอดบวม กระเพาะอาหารอักเสบ และอีกมาก ยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อ อาการป่วยก็ยิ่งทรุดหนัก เคยมีผู้วิเศษบางรายหัวใจวายตายเฉียบพลันมาแล้ว อีกทั้งยังมีพลังสร้างด้ายล่องหน ใช้เพื่อรัดรึงศัตรูให้แน่นิ่ง เธอรู้จักร่างกายมนุษย์เป็นอย่างดี และสามารถมอบความสุขได้ด้วยการสัมผัส เป็นความสุขในเรื่องอย่างว่า เธอสามารถหว่านเสน่ห์ได้ตามใจชอบ โจรสลัดที่พยายามเข้าใกล้ส่วนมากมักหักห้ามใจไว้ไม่อยู่ เธอค่อนข้างเป็นมิตรกับพวกพ้อง แต่จะโหดเหี้ยมและป่าเถื่อนกับศัตรู มีงานอดิเรกชอบทำลายสิ่งสำคัญของอีกฝ่าย มอบความเจ็บปวดและสิ้นหวังแสนสาหัสเข้าไปถึงดวงวิญญาณ”เอลเลนมิได้ลงลึกว่าเทรซี่ทำลายสิ่งสำคัญของผู้อื่นอย่างไรบ้าง แม้จะมีเรื่องน่าขันอยู่บ้าง แต่เรื่องราวส่วนใหญ่มักโหดร้ายเกินกว่าจะเปล่งออกจากปาก ตัวอย่างเช่น เทรซี่เคยบังคับให้สองพ่อลูกร่วมสายเลือดต้องเข่นฆ่ากันเอง หรือกระทั่ง เคยกระตุ้นให้ภรรยาของศัตรูนอกใจ และกระทำเรื่องอย่างว่าต่อหน้าสามีสมแล้วที่เป็นลำดับ 5 แม่มด ‘ทุกข์ระทม’ ถัดจาก ‘สุขสม’ ขึ้นมาหนึ่งขั้น…ไคลน์วิเคราะห์รูปแบบการต่อสู้ของเทรซี่ ก่อนจะเริ่มถามข้อถัดไปอย่างสุขุม“เทรซี่มีสมบัติวิเศษไหม”“มี เป็นกำไลข้อมือเลี่ยมเพชร เพียงสวมไว้ เทรซี่ก็ยากจะได้รับบาดเจ็บ” เอลเลนออกท่าทางลังเลเมื่อต้องเปิดเผยความลับของพลเรือโทโรคภัยให้คนแปลกหน้าฟังไคลน์ยิงคำถามต่อไปอีกสักพัก จนกระทั่ง ชายหนุ่มเว้นวรรคหนึ่งลมหายใจและเอนตัวมาข้างหน้า“เทรซี่ค้าช่วยนิกายแม่มดค้ามนุษย์ใช่ไหม”ไคลน์คาใจประเด็นนี้มานาน นับตั้งแต่ได้ยินข้อมูลจากปากพลเรือโทธารน้ำแข็งนิกายแม่มดร่วมมือกับอินซ์·แซงวิลล์เพื่อทำงานบางอย่างให้ราชวงศ์โลเอ็น เรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกับอาคารโบราณที่ยังระบุไม่ได้ว่าอยู่ตรงไหน…เทรซี่ร่วมขบวนการนี้ในฐานะนักค้ามนุษย์…ขณะเดียวกัน ‘บาลุน’ ที่แฮงแมนระบุว่าอยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของทาสจากทวีปใต้ และชนพื้นเมืองจำนวนมากบนเกาะอาณานิคม ได้ปรากฏตัวในอาคารโบราณหลังดังกล่าวด้วยรวมถึงประเด็นที่บอดี้การ์ดของคาพิน นักค้ามนุษย์ชื่อดังแห่งกรุงเบ็คลันด์ ล้วนมาจากเส้นทาง ‘ผู้ตัดสิน’ ทั้งหมด โดยเส้นทางดังกล่าวอยู่ในความควบคุมของราชวงศ์โลเอ็นและเฟเนพ็อตข้อมูลข้างต้นอยู่ในมือไคลน์มาสักระยะแล้ว แต่กลับยังมิอาจปะติดปะต่อเข้าด้วยกันได้อย่างราบรื่น จนกระทั่งพบเบาะแสเพิ่มเติมจากพลเรือโทโรคภัย“อะไรคือนิกายแม่มด?” เอลเลนสับสน“คุณไม่จำเป็นต้องทราบ” ไคลน์ตอบสุขุมหากเธอรู้ความจริงว่าแม่มดคืออะไร และเกิดคำถามตามมาว่า พลเรือโทแห่งโรคภัยผู้เลอโฉม แท้จริงแล้วอาจเคยเป็นโจรสลัดสกปรก ป่าเถื่อน และหื่นกามมาก่อน เมื่อถึงตอนนั้น เธออาจเกิดภาวะคลุ้มคลั่งฉับพลันก็เป็นได้…โชคดีว่าฉันเป็นคนดี ไม่ต้องขอบใจกัน…ไคลน์รำพันประหนึ่งผู้มีพระคุณเอลเลนระงับความสงสัย เริ่มเล่าต่อ“ในปีที่แล้ว เทรซี่แล่นเรือไปขายทาสอยู่หลายเที่ยว โดยอีกฝั่งของการค้าขายเป็นกัปตันคลั่ง คอร์เนอร์·วิกเตอร์ มีข่าวลือว่า ชายคนนั้นมีเส้นสายกับนักค้ามนุษย์ชื่อดังในโลเอ็น”กัปตันคลั่ง คอร์เนอร์·วิกเตอร์… ไคลน์จดจำชื่อและฉายาอีกฝ่ายชายหนุ่มพยักหน้ารับ น้ำเสียงมิได้ขึงขังเหมือนตอนแรก เป็นการกล่าวอย่างอ่อนโยน“คุณเคยร่วมมือกับเทรซี่ไหม ผมหมายถึง เคยทำในสิ่งที่โจรสลัดกระทำหรือไม่”น้ำเสียงแสนสุภาพและอ่อนโยนทำให้เดนิสรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก มันมองว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์ในสภาพเช่นนี้ น่ากลัวกว่าตอนที่ทำตัวเย็นชาหลายเท่า!“ไม่เคย” เอลเลนส่ายหน้าหนักแน่น “ฉันมีสายเลือดอันยิ่งใหญ่ของตระกูลเซารอน จะไม่ทำให้ชื่อเสียงของบรรพชนต้องเสื่อมเสียเด็ดขาด! และเหนือสิ่งอื่นใด เทรซี่เป็นคนบอกเองว่า เธอจะไม่ยอมให้มือของฉันเปื้อนเลือด เรื่องชั่วช้าและดำมืดให้เป็นหน้าที่ของเธอเอง”นิยายรักน้ำเน่ารึไง… ไคลน์รำพันพลางล้วงเหรียญทองออกมาดีดต่อหน้าเอลเลนชายหนุ่มไม่หลบซ่อน จงใจให้อีกฝ่ายทราบว่าตนกำลังทำนายถามหาความจริงผลลัพธ์ออกมาเป็น เอลเลนค่อนข้างซื่อสัตย์นั่นเพราะว่าเราไม่ถามถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างเธอและเทรซี่ ไม่อย่างนั้น คำตอบของเอลเลนคงไม่ตรงตามความจริงสักเท่าไร…ไคลน์ถอนหายใจยาว เก็บเหรียญทองกลับมาถึงจุดนี้ รถม้ายังคงแล่นไปยังท่าเรือ แต่มิใช่เรือลำเดียวกับที่เอลเลนจองไว้ไคลน์มองออกไปนอกหน้าต่าง หยิบขวดโลหะออกมาและยื่นให้หญิงสาว“ลบเครื่องสำอางด้วยของเหลวข้างใน”“ทำไม?” เอลเลนขมวดคิ้ว“คุณไม่มีสิทธิ์ตั้งคำถาม” ไคลน์เอนตัวมาด้านหน้าอีกครั้ง กล่าวด้วยเสียงเย็นชาเอลเลนค่อนข้างไม่พอใจ แต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งของอีกฝ่ายในจังหวะสำคัญ ทำเพียงเปิดฝาขวดและสูดดมกลิ่นของเหลวอย่างระมัดระวัง ด้วยเกรงว่าอาจเป็นยาพิษ“ทาตรง ๆ เลยหรือ” เธอถามไคลน์พยักหน้ารับเรียบง่ายหญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาถือในมือข้างหนึ่ง อีกข้างเทของเหลวในขวดลงไป และใช้มันเช็ดล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าความสง่างามแบบไม่แบ่งแยกเพศพลันเลือนหาย อวัยวะบนใบหน้าเริ่มไม่คมชัด เผยให้ความงามที่แท้จริงของเธอไคลน์จ้องอย่างตั้งใจ ออกคำสั่งเพิ่มเติม“ถอดหมวก ปล่อยผมลง”เอลเลนเริ่มขมวดคิ้ว เธอกังวลว่า คำสั่งถัดไปอาจรุกล้ำความเป็นส่วนตัวหนักกว่านี้ ตัวอย่างเช่น การสั่งให้เธอถอดเสื้อผ้าหญิงสาวถอนหายใจยาว พลางบรรจงถอดหมวกและปล่อยเส้นผมสีแดงอ่อนนุ่ม ให้ทิ้งตัวลงตามธรรมชาติเมื่อสำรวจจนพึงพอใจ ไคลน์เอนหลังพิงเบาะห้องโดยสารด้วยท่าทีผ่อนคลาย“แต่งกลับไปเป็นเหมือนเดิม”หมอนี่เป็นบ้ารึไง?เราเสียเวลาแต่ง เสียเวลาลบตั้งนาน เพื่อให้แต่งกลับไปใหม่เนี่ยนะ…อย่างไรก็ตาม เอลเลนไม่กล้าออกท่าทีโมโห ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ จากนั้น หญิงสาวหยิบกระเป๋าแต่งหน้าออกมาวางบนเบาะด้านข้าง และหยิบกระจกเงาขึ้นมาส่องใบหน้าลบได้สะอาดมาก…เอลเลนผงะเล็กน้อย กำลังทึ่งในประสิทธิภาพของน้ำยาลบเครื่องสำอาง แต่จากนั้นก็รีบแต่งกลับคืนใบหน้าเดิมโดยไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าเมื่อรถม้าหยุดลง เอลเลนกลับกลายเป็นเด็กหนุ่มรูปงามเจ้าของมาดสำอางอีกครั้งไคลน์มองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าเอลเลนด้วยบรรยากาศอึมครึม“คำถามสุดท้าย”“อะไรอีก…” เอลเลนค่อนข้างเกร็งไคลน์เชิดคาง กล้ามเนื้อบนใบหน้ามีร่องรอยการเคลื่อนไหว“ขนาดหน้าอกเท่าไร”“…” เอลเลนอึ้งจนหมดคำพูดใบหน้าหญิงสาวเริ่มแดงก่ำ มิได้แดงเพราะเขินขาย แต่เป็นความเดือดดาลที่ต้องการสาวกำปั้นใส่ปลายคางอีกฝ่ายสักหมัดให้สาแก่ใจชายหนุ่มยังคงสบตาโดยไม่เบือนหนี พลางอธิบายเพื่อแก้ตัว“คำถามเชิงวิชาการ”“…” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่เปลี่ยนสีหน้าหรือแฝงความหื่นกาม เอลเลนหลับตาลง ถอนหายใจยาว และมอบคำตอบด้วยเสียงตะกุกตะกักไคลน์ถอนหายใจผ่อนคลาย ตามด้วยการยื่นตั๋วใบหนึ่งพร้อมกับปึกกระดาษ“เอกสารตัวตนใหม่ และบัตรโดยสารเรือเดินสมุทรไปยังท่าเรือเทียน่า ที่นั่น คุณสามารถเดินทางต่อไปยังท่าเรือพริสต์ได้ไม่ยาก”เอลเลนมองอย่างเคลือบแคลง แต่สุดท้ายก็รับเอกสารตัวตนใหม่และตั๋วเดินทางไป จากนั้นเธอ หิ้วสัมภาระลงจากรถม้าอย่างระมัดระวัง และมองหาเรือลำที่ตนต้องโดยสารขณะไคลน์เดินตามหลังไปส่ง มุมสายตาบังเอิญเหลือบเห็นว่า เดนิสกำลังพยายามกลั้นขำอย่างสุดความสามารถ……………………
คอมเม้นต์