ราชันเร้นลับ 578 : ‘ลักพาตัว’
เมืองแห่งการให้ บายัมณ สถานทูตอินทิสเอลเลนกำลังนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จ้องใบหน้าอันงดงามแต่ค่อนข้างซูบผอมของตนนานหลายนาทีการหลบหนีออกจาก ‘กาฬมรณะ’ ทำให้เธอเกิดความคาดหวัง แต่ก็เจือหวาดกลัว โดยกังวลว่าจะถูกเหล่านักผจญภัย โจรสลัด หรือพลเรือโทโรคภัย เทรซี่ พบตัวเข้า หากเป็นเช่นนั้น เธอจะสูญเสียอิสรภาพโดยสมบูรณ์ ไม่มีวันได้กลับบ้านและพานพบชีวิตอันเป็นปรกติอีกเลยเอลเลนอาศัยเส้นสายเล็ก ๆ ของครอบครัว ซ่อนตัวในสถานทูตของอาณาจักรบ้านเกิด รวมถึงการใช้เส้นสายดังกล่าว ซื้อบัตรเรือโดยสารเพื่อหนีไปออกนอกเกาะ หลังจากเตรียมการทุกอย่างเสร็จสิ้น หญิงสาวเริ่มผ่อนคลายตัวเองลงแต่ถึงอย่างนั้น เอลเลนก็ยังไม่วางใจเต็มร้อย รอให้ได้ประทับฝ่าเท้าลงบนแผ่นดินใหญ่ของทวีปเหนือเสียก่อนครุ่นคิดถึงจุดนี้ เอลเลนอดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือขึ้นมาลูบไล้ผิวแก้มแก้มของเธออาจมิได้ขาวเนียนหรือเต่งตึงเหมือนหญิงสาวเลอโฉมคนอื่น แต่ก็มีสุขภาพดีขึ้นจากสมัยทำการค้าขายกลางทะเลมาก ถึงขั้นมองเห็นภาพตัวเองซ้อนทับกับวัยเด็กอันที่จริง หลังจากเริ่มซ่อนตัวในอินทิส เธอยังมีสารพัดวิธีในการเอาชีวิตรอด เช่น ร่วมมือกับโบสถ์วายุสลาตัน กองทัพโลเอ็น หรือคนของสถานทูต โดยการใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ให้พลเรือโทโรคภัยลอบแทรกซึมเข้ามาในบายัมแต่หลังจากไตร่ตรองเป็นเวลานาน เอลเลนตัดสินใจพับเก็บแผนดังกล่าว และทำถึงขั้น ขอร้องให้ทุกคนช่วยปิดข่าวว่าเธอหลบอยู่ในนี้จะว่าไป เธอก็ไม่เคยทำร้ายเราสักครั้ง… ตรงกันข้าม ยังคอยตามใจและสร้างความพึงพอใจให้เราเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคืนนั้น… คืนนั้น… แล้วก็คืนนั้นด้วย… เมื่อขุดคุ้ยความทรงจำเก่า ใบหน้าของหญิงสาวเริ่มแดงก่ำค่ำคืนเหล่านั้นช่างแสนวิเศษ อุณหภูมิร่างกายอันเกิดจากการกอดก่ายของอวัยวะ รวมถึงความสุขสมขั้นสูงสุด ทั้งหมดคละคลุ้งในความทรงจำหญิงสาวจนยากจะลืมเลือนเอลเลนสูดลมหายใจเข้าลึก ตามด้วยพ่นออกหญิงสาวส่ายหน้า ปล่อยให้ความปรารถนาที่จะกลับบ้าน ความปรารถนาในอิสรภาพ ความปรารถนาที่จะได้พบครอบครัว เข้าครอบงำจิตใจแทนจินตนาการอันฟุ้งซ่านเธอมองเข้าไปในกระจก ตามด้วยรวบผมถัดมา เอลเลนใช้เครื่องสำอางวาดคิ้วสีเข้ม ลักษณะยาวตรง ต่อด้วยการแต่งหน้าเพื่อเน้นอวัยวะ ให้เค้าโครงคมชัดขึ้นกว่าเดิมเมื่อแต่งหน้าเสร็จ ใบหน้าเอลเลนยากจะระบุได้ชัดเจนว่าเป็นชายหรือหญิง เหลือไว้เพียงสายตาอันเด็ดเดี่ยวที่เป็นเอกลักษณ์เอลเลนถอดเสื้อผ้าออก นำเศษผ้ามาพันหน้าอกให้แบนราบ ตามด้วยการสวมเชิ้ตขาว เสื้อกั๊กสีดำ และเสื้อโค้ทกระดุมสองแถวตัวใหญ่ถัดมา เธอสวมหมวกผ้าไหมทรงสูง โดยนำผมสีแดงที่มัดรวบไว้อย่างเรียบร้อยซ่อนด้านในถึงตรงนี้ เอลเลนในกระจกเริ่มมีบรรยากาศคล้ายคลึงชายหนุ่มหน้าหวานมากกว่าหญิงสาว โดยเฉพาะดวงตาสีมรกตที่เข้ากันได้ดีกับภาพลักษณ์ในปัจจุบัน แฝงกลิ่นอายลุ่มลึกอ่อนโยนเอลเลนรอคอยอย่างใจเย็น จนกระทั่งใครบางคนมาเคาะประตูหญิงสาวถือกระเป๋าสัมภาระ ออกจากห้อง และเดินตามเพื่อนสนิทของญาติผู้ใหญ่ในตระกูลไปยังประตูฝั่งด้านข้างของสถานทูตที่นั่นมีรถม้าจอดรออยู่ มันจะนำพาเธอไปยังท่าเรือของบายัม โดยมีจุดหมายปลายทางคือท่าเรือพริสต์แห่งโลเอ็น หลังจากนั้น การหาทางกลับอินทิสก็จะไม่ยากเย็นแต่อย่างใดเอลเลนมีพลังต่อต้านการแกะรอย แถมยังมีสายตาเฉียบแหลม เธอมองไปรอบตัวโดยไม่ปล่อยให้รายละเอียดเล็กน้อยตกหล่น ไม่เว้นแม้แต่คนขับรถม้าชายชาวพื้นเมือง รูปร่างผอมแต่แข็งแกร่ง ไม่ชอบสวมหมวก ใบหน้าเหมือนกับคราวก่อน… ประหม่าเล็กน้อย แต่นั่นก็ปรกติ…เอลเลนหายใจทั่วท้อง ก่อนจะหันมากล่าวขอบคุณเพื่อนสนิทของญาติผู้ใหญ่ และยกกระเป๋าสัมภาระเข้าไปในห้องโดยสารเมื่อล้มรถม้าเริ่มหมุน หญิงสาวเม้มปากมองออกไปด้านนอก และพบใบเมเปิ้ลตลอดสองข้างทางขณะยังอยู่ในเขตสถานทูตหญิงสาวรู้สึกประหนึ่งได้กลับไปยังกรุงทรีอาร์ทรีอาร์คือเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเจริญรุ่งเรือง มักถูกฉาบด้วยแสงแดดแสนอบอุ่นตลอดทั้งวัน ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำไลอ้อนและแม่น้ำเซอเรนโซ่ ทัศนียภาพงดงาม เต็มไปด้วยกุหลาบ ต้นเมเปิ้ล ตึกรามบ้านช่องถือเป็นจุดสูงสุดของสถาปัตยกรรมมนุษย์ องค์ประกอบทั้งหมดล้วนงดงาม ถือเป็นแดนสวรรค์ของจิตรกร นักดนตรี และนักเขียนนิยายเมืองหลวงของอินทิสแห่งนี้ถูกปฏิรูปครั้งใหญ่โดยจักรพรรดิโรซายล์ พัฒนากลายเป็นเมืองหลวงอันสมบูรณ์แบบเฉกเช่นปัจจุบัน และยังเป็นบ้านเกิดเอลเลนอีกด้วย ในบางครั้ง หากเธอบังเอิญฝันถึงทรีอาร์ น้ำตาก็จะไหลรินออกมาเองผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ แต่เอลเลนเริ่มรู้สึกผิดสังเกต เพราะวิวทิวทัศน์รอบตัวห่างไกลจากความเจริญขึ้นทุกขณะเธออาจทำธุรกิจค้าขายอยู่แต่ฝั่งทะเลหมอกจนไม่รู้จักทะเลโซเนียกับเมืองบายัมมากนัก แต่สัญชาตญาณของลำดับ 9 นักล่า ช่วยกระตุ้นให้ทราบถึงความไม่ชอบมาพากล“ไม่ได้มาผิดทางใช่ไหม” เอลเลนขยับตัวไปถามคนขับรถม้าอย่างใจเย็นเธอเตรียมกระโดดออกจากรถ รวมถึงเตรียมสร้างบอลไฟขึ้นบนฝ่ามือคนขับรถม้าไม่หันกลับมามอง เพียงจ้องไปยังถนนด้านหน้าและมอบคำตอบด้วยรอยยิ้ม“คุณหนู ถนนเส้นนี้เป็นทางลัด และการจราจรก็ไม่ติดขัด คุณเองก็คงทราบ ถนนของเมืองบายัมสร้างขึ้นนานแล้ว ตอนนั้นยังมีคนไม่มาก ไม่ต้องพูดถึงรถม้า ถนนหนทางจึงมีลักษณะคับแคบ การจราจรจะติดขัดอย่างมากในช่วงเที่ยงวันและช่วงเย็นหลังเลิกงาน เดินด้วยเท้ายังจะถึงจุดหมายเร็วกว่ารถม้าเสียอีก”งั้นหรอกหรือ… เอลเลนไตร่ตรองสักพัก ก่อนจะยอมเชื่อคำอธิบาย เพราะเธอเคยเผชิญสถานการณ์แบบนี้กับหลายเมืองใหญ่ไม่มีที่ไหนยอดเยี่ยมเท่าทรีอาร์ นับตั้งแต่จักรพรรดิโรซายล์รื้อเมืองเก่าทิ้งและสร้างใหม่ ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของท่าน ถนนหนทางจึงถูกขยายขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัว ปัจจุบันก็ยังใหญ่พอจะใช้งานได้โดยไม่เกิดภาวะการจราจรแออัด…ขณะกำลังคิดเรื่อยเปื่อย เอลเลนพลันได้ยินเสียงร้องจากม้าตัวที่กำลังวิ่งลากห้องโดยสารเสียงร้องมีลักษณะคล้ายบาดเจ็บ“รอสักครู่นะครับ ดูเหมือนว่ามันจะเหยียบบางสิ่งเข้า” คนขับรถม้ารีบหยุดรถ ตามด้วยการกระโดดลงไปตรวจสอบในตอนแรก เอลเลนมิได้คิดอะไรมาก จนกระทั่งบังเอิญมองออกไปเห็นว่า สภาพแวดล้อมในปัจจุบันค่อนข้างเปลี่ยวจนผิดวิสัยหัวใจหญิงสาวพลันถูกบีบรัด เธอเตรียมม้วนตัวและกระโดดออกจากห้องโดยสารทันทีโดยไม่สนว่าจะเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ แต่หญิงสาวเชื่อว่า กันไว้ย่อมดีกว่าแก้ทันใดนั้น ความหวาดกลัวจากก้นบึ้งพลันกัดกันจิตใจอย่างไร้เหตุผล เอลเลนรู้สึกราวกับตนกำลังถูกจ้องด้วยสายตาของสัตว์ป่าหิวกระหายแรงกดดันทางวิญญาณปริมาณมหาศาลทำให้เธอลังเล และไม่กล้าลงมือบุ่มบ่ามทันใดนั้น เธอได้ยินเสียงลุ่มลึก“ผมจะไม่ทำร้ายคุณ เพียงต้องการซักถามเล็กน้อย”สมองเอลเลนเริ่มเต็มไปด้วยความสับสน แต่ก็ยังชั่งน้ำหนักเหตุการณ์อย่างใจเย็นลงเอยด้วย หญิงสาวไม่เผ่นหนีอย่างสิ้นคิด เพียงเอนตัวและใช้หลังพิงเบาะเธอวางแผนประเมินสถานการณ์เพิ่มเติมอีกสักนิดก่อนลงมือ ถึงตอนนั้นก็ยังไม่สายประตูห้องโดยสารเปิดออก ชนพื้นเมืองหนุ่มร่างผอมเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้าม ไม่ใช่ใครนอกจากไคลน์ในสภาพแปลงโฉมก่อนจะปลอมตัวเป็นคนขับรถม้า ไคลน์ถึงขั้นฝึกการขี่ม้าของจริง ขี่แบบลากห้องโดยสาร เป็นทักษะที่มันไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนสมัยเหยี่ยวราตรีเมืองทิงเก็น แต่เนื่องจากเวลาค่อนข้างกระชั้นชิด ไคลน์จึงต้องใช้ออร่าของยุบพองหิวโหย ช่วยกดดันให้ม้ายอมเชื่องขณะเดียวกัน เดนิสที่ซุ่มอยู่ไม่ไกล รีบพุ่งตัวมานั่งแทนตำแหน่งคนขับมันกดหมวกปีกกว้างลงต่ำ การแต่งกายคล้ายคลึงคนรับรถม้าทุกประการเอลเลนโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย อากัปกิริยาคล้ายเสือชีตาร์พร้อมกระโจนเข้าหาเหยื่อหญิงสาวสัมผัสได้ว่า สายตาของอีกฝ่ายกำลังสำรวจหน้าผาก คิ้ว ตา จมูก ปาก คอ หน้าอก สะโพก ท้อง และต้นขาของตน เกิดเป็นความรู้สึกอึดอัดเหนือคำบรรยายด้วยสายตาทำนองนี้ ด้วยตำแหน่งที่จ้องมอง เอลเลนเคยเผชิญมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะสมัยอยู่ทรีอาร์หรือเป็นนักธุรกิจกลางทะเลมันคือสายตาอันน่ารังเกียจของคนหื่นกามแต่ในวินาทีปัจจุบัน เธอกลับสัมผัสแรงกระหายจากอีกฝ่ายไม่ได้เลย ไม่มีความรู้สึกอยากฉีกกระชากเสื้อผ้า และมิได้กำลังจินตนาการภาพวิตถารราวกับว่าเขากำลังศึกษาอาหาร… เป็นสายตาแบบเดียวกับอสรพิษเลือดเย็น…เอลเลนทนไม่ไหว เป็นฝ่ายเริ่มการสนทนา“คุณอยากถามอะไร”ไคลน์เอนตัวมาด้านหน้าอย่างผ่อนคลาย สองมือวางทาบลงบนต้นขาในลักษณะคว่ำ“คุณรู้จักจิมมี่·เน็คไหม”เอลเลนขมวดคิ้ว ก่อนจะส่ายหน้าหนักแน่นหญิงสาวถามอย่างสับสน“คุณถามผิดคนรึเปล่า…”“เขาเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยและชอบสะสมของ เทรซี่เคยเล่าอะไรทำนองนี้ให้ฟังบ้างไหม” ไคลน์ยังคงถามย้ำเทรซี่… เอลเลนถอนหายใจยาว พยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม“ไม่ เธอไม่เคยพูดถึงพ่อค้าที่ชอบสะสมของ”ไคลน์จ้องเข้าไปในดวงตาเอลเลนผมแดง ก่อนจะถามด้วยเสียงเจือความผิดหวัง“ในห้องของเทรซี่มีเอกสารโบราณเกี่ยวกับจักรวรรดิไบลัมของทวีปใต้หรือไม่”“ไม่มี เธอไม่ชอบอ่านหนังสือ เกลียดการอ่านมากอย่าง กระทั่งนิยายก็ต้องให้ฉันอ่านให้ฟัง”ขณะตอบ เอลเลนยิ้มขื่นขม“เทรซี่ชอบคุณให้อ่านนิยายแบบไหน” ไคลน์ถามด้วยเสียงเดิม“นิยายคลาสสิกของโรซายล์ รวมถึงนิยายความรักร่วมสมัย” เอลเลนตอบห้วนไคลน์พยักหน้า“เทรซี่มีห้องสะสมของหรือไม่”“มี แต่นอกจากตัวเธอและผู้มาเยือนปริศนา ไม่เคยมีใครเข้าห้องนั้นได้ แม้กระทั่งฉัน”เอลเลนเล่าพลางทำหน้านึกไคลน์นั่งเงียบขรึมในท่าเดิม“เล่าประวัติของคุณให้ฟังหน่อย”“ประวัติของฉัน?” เอลเลนชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยสีหน้าประหลาดใจไคลน์พยักหน้า ไม่พูดซ้ำเอลเลนขมวดคิ้ว“ประวัติของฉันไม่ซับซ้อน บิดาเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลเซารอน อดีตราชวงศ์กษัตริย์แห่งอินทิส เดิมทีค่อนข้างร่ำรวย แต่เป็นเพราะติดสุรา การพนัน ผู้หญิง และยาเสพติด ชีวิตจึงพังทลาย กลายเป็นหนี้ก้อนโต เพื่อจะชดใช้หนี้ ฉันตัดสินใจรับข้อเสนอของตระกูล กลายเป็นผู้วิเศษและออกเดินทางค้าขายในทะเลหมอก”……………………
คอมเม้นต์