ราชันเร้นลับ 573 : โลกความจริงมอบบทเรียน
ป่าลึกบนเกาะภูเขาครามณ ฐานลับกลุ่มต่อต้านไครัทหัวล้านเงยหน้าขึ้น มองไปยังแสงแดดที่ลอดผ่านช่องว่างบนเพดานถ้ำ ดวงตาท่วมท้นด้วยความสุขชนิดมิอาจเก็บงำมันมั่นใจโดยไม่เคลือบแคลงว่า นับตั้งแต่วินาทีที่เทพกลับมายังโลกและมอบวิวรณ์เกี่ยวกับบัญญัติสิบประการ พิธีกรรมนองเลือดและดิบเถื่อนในอดีตจะเลือนหายไป และในอนาคต พระองค์จะมอบสติปัญญาและแสงสว่างที่แท้จริงให้แก่ชนพื้นเมืองทุกคน ขณะเดียวกันก็คอยแทรกแซงเหตุการณ์ในทะเลอย่างชาญฉลาด สร้างผลประโยชน์ให้กลุ่มต่อต้าน สร้างผลประโยชน์ให้ชาวรอสต์ นำพาทุกคนไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง แม้จะไม่ราบรื่นสักเท่าไรท่านคงกลับมาด้วยเหตุผลนี้กระมัง…ไครัทหลับตาลงและหวนนึกถึงวิวรณ์ที่ตนเพิ่งได้รับจากเทพสมุทร พลางคาดเดาว่า เอลเลนผมแดงจะต้องเป็นคนที่สำคัญต่อเทรซี่อย่างมาก อาจเป็นกุญแจที่คอยรักษาสมดุลในท้องทะเล หรือไม่ก็คอยรักษาสมดุลระหว่างอาณาจักรหากสูญเสียกุญแจดังกล่าวไป โลกจะกลับเข้าสู่ความวุ่นวาย และนั่นคือโอกาสให้ชนพื้นเมืองของเกาะรอสต์ชิงลงมือ!ไครัทสูดลมหายใจยาว ก่อนจะรีบประกอบพิธีกรรมวิงวอนต่อเทพสมุทร เพื่อคัดลอกภาพเหมือนของเอลเลนผมแดงไว้แจกจ่ายเมื่อจัดการเสร็จ ไครัทหันหน้าไปยังอีกฝั่ง พลางเผยสีหน้าซับซ้อนยากจะอธิบายทิศทางดังกล่าวคือที่พักของนักบวชประจำศาสนาเทพสมุทร รวมถึงสมาชิกเคร่งศาสนาคนอื่นที่ล้วนเป็นสมาชิกระดับสูงของกลุ่มต่อต้านแม้พวกเขาจะมิอาจขัดขืนต่อวิวรณ์โฉมใหม่ที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก แต่ภายในใจ เราทราบดีว่าคนเหล่านี้ยังคงยึดติดกับโบสถ์แบบเก่า ยึดติดกับพิธีกรรมป่าเถื่อน รุนแรง นองเลือด และเสื่อมถอย โดยไม่ยอมเปิดใจมอบความศรัทธาต่อโบสถ์เทพสมุทรโฉมใหม่… หากเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาคงได้ถูกเทพทอดทิ้งเป็นแน่…ไครัทเผยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มเจือความเศร้า…ไคลน์ไล่ตรวจสอบคำวิงวอนจากเหล่าสาวกรอบคทาเทพสมุทร โดยเลือกตอบสนองในรายที่ตนมองว่าสำคัญ จึงค่อยส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริงแผนถัดไปของชายหนุ่มคือ ออกไปสำรวจรอบเมืองเพื่อตามหาว่า มีเป้าหมายใดเหมาะแก่การสวมบทบาทผู้ไร้หน้าหรือไม่แต่ขณะมือขวาสัมผัสลูกบิดประตูห้องนอน ไคลน์ผุดแนวคิดน่าสนใจแกมตลกขบขันเป้าหมายของเราไม่ใช่การหาเอลเลนผมแดงให้พบสักหน่อย แต่เป็นการลอบเข้าใกล้เทรซี่ และหาเบาะแสของพ่อค้าจิมมี่·เน็ค เพื่อสืบค้นร่องรอยเอกสารโบราณเกี่ยวกับเทพมรณา…หรือก็คือ หากเราสามารถหาคนหน้าเหมือนเอลเลนผมแดงมาได้ การเข้าใกล้เทรซี่ พลเรือโทโรคภัย ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องเป็นเอลเลนผมแดงตัวจริง…ดังนั้น เราสามารถปลอมตัวเป็นเอลเลนผมแดงเสียเอง และให้เดนิสพาไปส่ง ‘ชายฉกรรจ์’ โอซิลเพื่อรับเงินรางวัล หลังจากนั้นก็จะถูกนำตัวไปส่งพลเรือโทโรคภัย·เทรซี่ถึงที่ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว…น่าสนใจมาก…แต่หลังจากไตร่ตรองสักพัก ไคลน์ส่ายหน้าพร้อมกับพับเก็บแนวคิดดังกล่าวถึงจะเป็นผู้ไร้หน้า… แต่เราก็ไม่มีวันแต่งหญิงเด็ดขาด!หรือกำลังจะบอกว่า… การก้าวข้ามกำแพงทางจิตใจ ก็เป็นหนึ่งในกฎหลักของผู้ไร้หน้า?ยิ่งไปกว่านั้น เราไม่เคยรู้จักอุปนิสัยเอลเลนผมแดงมาก่อน ลำพังเปลือกนอกคงหลอกคนใกล้ตัวไม่ได้แน่ และนั่นจะทำให้เราถูกจับก่อนได้เข้าถึงตัวเทรซี่…นั่นสินะ… ยังไม่มีหลักประกันใดบ่งชี้ว่า เจ้าของภารกิจคราวนี้จะเป็นเทรซี่ อาจเป็นฝีมือขั้วอำนาจฝ่ายตรงข้ามก็ได้…ขณะเดียวกัน เรายังมีข้อมูลพลเรือโทโรคภัยไม่มากนัก การลงมือจู่โจมอย่างบุ่มบ่าม อาจนำพาไปสู่อันตรายร้ายแรง…ไม่ควรประมาท คงต้องทำตามสัญชาตญาณตัวเองไปก่อน ตามหาเอลเลนให้พบ ซักถามรายละเอียดจากเธอ จึงค่อยเริ่มคิดแผนถัดไป…ทันใดนั้น ไคลน์สัมผัสถึงความผิดปรกติในห้องนั่งเล่น เสียงกรนเดนิสลดจำนวนลง แถมยิ่งแผ่วเบาเมื่อเวลาผ่านไปพลเรือโทธารน้ำแข็งบุกรุกความฝัน?ไคลน์เปิดประตูห้องนอนออกไปท่ามกลางบรรยากาศเงียบเชียบที่แทบจะไร้สุ้มเสียง เดนิสพยุงตัวนั่งพร้อมกับลืมตาขึ้นมันกล่าวโดยพยายามเก็บซ่อนรอยยิ้ม“กัปตันเพิ่งมาหาฉัน เธอแจ้งว่า กองเรือของพลเรือเอกโลหิตปรากฏตัวขึ้นที่เกาะหางยาว และกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศใต้ คาดว่าเป้าหมายคือทะเลคลั่ง แหล่งข่าวมีความน่าเชื่อถือระดับสูงสุด!”เกาะหางยาว… สุดเขตทางใต้น่านน้ำรอสต์?ดูเหมือนพลเรือเอกโลหิตจะมีแผนเข้าเทียบท่าที่บายัมจริง แต่กลับต้องผิดคาดเมื่อทราบว่า คาเวทูว่ากับแยนน์·ค็อตแมน—เจ้าสมุทร กำลังเผชิญหน้ากันอย่างดุเดือด ลงเอยด้วย มันเลือกหนีลงไปทางทะเลคลั่ง… อา… อีกเหตุผลหนึ่งก็คงเป็น การขาดการติดต่อกับ ‘เฒ่าควินน์’ หัวหน้าสายข่าวในบายัม…ไคลน์เผยสีหน้าอึมครึม บ่งบอกชัดเจนว่า เหตุการณ์ดำเนินผิดไปจากแผนเดิมค่อนข้างมากชายหนุ่มหวังใช้เหตุการณ์สังหารพลเรือเอกโลหิต เซนอล เป็นเวทีเปิดตัวเกอร์มัน·สแปร์โรว์อย่างยิ่งใหญ่อลังการลำพังการฆ่าแม็ควิตี้ คงยังไม่พอจะสร้างแรงกระเพื่อมออกไป…ไคลน์เงียบงัน พลางหันไปจ้องเดนิสเพลิงพิโรธถึงกับสะดุ้ง มันเริ่มรู้สึกอึดอัดจากสายตาไม่เป็นมิตรของอีกฝ่ายเดนิสยิ้มแห้ง“ในเมื่อพลเรือเอกโลหิตเผ่นหนีไปแล้ว ความร่วมมือระหว่างกัปตันและนายก็คงถูกพักไว้ก่อนใช่ไหม? ฉ…ฉันกลับฝันทองคำได้หรือยัง! ติดต่อกันผ่านผู้ส่งสารของนายไม่ได้หรือ”ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะนำปากกาและกระดาษออกมาเขียนพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสารจากนั้น ชายหนุ่มสะบัดข้อมือ ขว้างกระดาษที่แข็งตัวราวกับแผ่นโลหะไปหาอีกฝ่ายลำดับ 9 ของเดนิสคือ ‘นักล่า’ การจับคว้าวัตถุความเร็วสูงไม่ใช่เรื่องยากเย็นหลังจากก้มหน้าอ่านสองรอบ เปลวเพลิงลุกท่วมฝ่ามือเดนิส แผดเผาแผ่นกระดาษจนเหลือเพียงผงถ่าน“ฮะฮะ! ถึงฉันจะลืม แต่กัปตันก็มีวิธีเรียกความทรงจำกลับมา”เดนิสเว้นวรรค ตามด้วยคำถาม“ตกลงว่า.. ฉันกลับฝันทองคำได้แล้วใช่ไหม”ไคลน์พยักหน้า“อือ”เยี่ยม… เยี่ยมมาก! ต้องแบบนี้สิวะ!เดนิสฝืนระงับการทำท่าดีใจ ด้วยเกรงว่า อาจไปยั่วยุให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์หงุดหงิดมันยิ้มและกล่าวต่ออย่างผ่อนคลาย“ฉันจะลงไปจ่ายค่าเช่าโรงแรมตลอดช่วงเวลาที่พวกเราพัก จากนั้นก็ออกไปซื้อบัตรโดยสารเรือ… นายคงทราบดีอยู่แล้ว บายัมยังไม่กลับสู่ภาวะปรกติ กัปตันไม่ต้องการเสี่ยงนำเรือมาจอดเทียบท่า”ไม่เลว… รู้จักจ่ายค่าห้องด้วย…ไคลน์ไม่ขานรับ เพียงสวมโค้ทกับหมวก และเดินออกจากห้องพักสุดหรูของโรงแรมเมื่อแผ่นหลังของนักล่าสมบัติเลือดเย็นหายไปจากมุมบันได เดนิสเดินกลับเข้ามาในห้อง พร้อมกับกำหมัดแน่นและชกลมอย่างสะใจ“เยี่ยม! เยี่ยมฉิบหาย! เป็นอิสระแล้วโว้ย!”มันไม่รีรอ รีบสวมหมวกแก๊ปและเดินลงไปชำระค่าห้องที่ชั้นล่าง โดยกำชับว่ายังไม่เช็กเอาต์เดนิสรีบออกมายังถนน เตรียมมุ่งหน้าไปยังสถานที่ชื่อว่า ‘ผับสาหร่ายทะเล’ แต่ก่อนอื่น มันยืนสูดลมหายใจแสนสดชื่นให้ชุ่มปอดหลังจากเดินไปได้ไม่กี่ข้าว ขณะเลี้ยวผ่านตรงหัวมุม เดนิสชำเลืองเห็นป้ายประกาศจากทางการบนกำแพง“เพลิงพิโรธ·เดนิส ค่าหัวห้าพันห้าร้อยปอนด์”มันยืนห่างจากป้ายเพียงสามก้าว ใบหน้าบนแผ่นกระดาษ เหมือนกับใบหน้าใต้หมวกแก๊ปทุกประการเดนิสผงะเล็กน้อย เผยรอยยิ้มขื่นขมมันรีบกดปีกหมวกแก๊ปลงให้ต่ำลง จนมองไม่เห็นแม้แต่ดวงตาแต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังไม่วางใจ รีบเดินย้อนกลับไปซื้อผ้าพันคอสีเทาจากร้านที่เพิ่งผ่านมา และใช้สิ่งนั้นม้วนทบรอบลำคอ ปกปิดส่วนปากและจมูกอย่างมิดชิดเดนิสเริ่มหายใจทั่วท้อง จึงรีบเดินไปยังจุดหมายปลายทางของตนผับสาหร่ายทะเลคือสถานที่นัดรวมตัวของกลุ่มอันธพาลท้องถิ่น ขณะเดียวกันก็มีโจรสลัดชื่อดังเข้าไปใช้บริการบ่อยครั้งจริงอยู่ ที่นั่นอาจไม่เหมือนผับปลาบินหรือผับใบไม้หอมซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูล ผับสาหร่ายทะเลมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง นั่นคือช่องทางสำหรับซื้อขายของเถื่อน!ที่เดนิสต้องทำมีเพียงการตรงเข้าไปในร้าน และซื้อตั๋วผีเที่ยวไปกีรากัส โดยไม่ต้องใช้เอกสารยืนยันตัวตนมันทราบดี ไม่ว่าจะตอนนี้หรือเมื่อก่อน ตัวเลขค่าหัวและใบหน้าตนจะถูกปิดไว้บนผนังห้องขายตั๋วเรือโดยสารทุกเสมอ จึงต้องซื้อตั๋วผีผ่านนายหน้าคนกลางเท่านั้น เฉกเช่นในกรณีโมราขาวภายในผับ เดนิสไม่ถอดหมวกแก๊ปและผ้าพันคอออก เพียงมองไปรอบตัวอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งพบเดอเนียร์—คนขายตั๋วผีแต่มันไม่ตรงเข้าไปหาทันที รีบเบือนหน้าออกจากชายร่างผอม ผิวคล้ำ อายุราวสามสิบ และมองหาเหยื่อที่ใบหน้าไม่คุ้นเคยหลังจากเลือกเป้าหมายได้ เดนิสเดินแหวกฝูงชนตรงไปทางเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งคนเดียวบนเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม ปิดท้ายด้วยการตบบ่าและส่งเสียงกระซิบ“ฉันวานอะไรหน่อย”“ว่ามา” เด็กหนุ่มหันมามองด้านข้าง และได้พบกับบุคคลน่าสงสัยสุดขีด : ใบหน้าครึ่งบนถูกบดบังมิดชิดด้วยปีกหมวกแก๊ป ครึ่งล่างตั้งแต่จมูกลงไป ถูกปกปิดด้วยผ้าพันคอสีเทาผืนหนาพูดได้เต็มปากว่า ผิดปรกติขั้นสุดยอดหมู่เกาะรอสต์ในฤดูหนาวนั้นมิได้หนาวจัดเหมือนกับสถานที่อื่น อุณหภูมิประมาณสิบองศาเซลเซียสเดนิสชี้ไปทางเดอเนียร์“เห็นหมอนั่นไหม ซื้อตั๋วไปกีรากัสเที่ยวพรุ่งนี้ให้ฉัน”มันยื่นธนบัตรมูลค่าหนึ่งปอนด์จำนวนสามใบให้เด็กหนุ่ม พลางอมยิ้มและกระซิบ“ที่เหลือทิป”ตั๋วผีอาจแพงกว่าตั๋วปรกติมากก็จริง แต่ปลายทางอย่างกีรากัสนั้นอยู่ไม่ไกล สามปอนด์จึงนับว่าเหลือเฟือ และเนื่องจากเป็นการเดินทางระยะสั้น จึงไม่จำเป็นต้องนั่งเฟิร์สคลาสเหตุผลที่เดนิสไม่ซื้อเอง เพราะมันกังวลว่าเดอเนียร์อาจจำตนได้ และนั่นจะทำให้เกิดความโกลาหลสมัยเดนิสยังมีค่าหัวสามพันปอนด์ กลุ่มโจรสลัดและนักผจญภัยส่วนใหญ่ไม่กล้ารุมทำร้าย เพราะถ้าใช้วิธีหมาหมู่ เวลาหารจะเหลือส่วนแบ่งต่อหัวไม่มาก ไม่คุ้มกับการเสี่ยงชีวิต จึงเรียกได้ว่า ถ้าเป็นตลาดมืด เดนิสค่อนข้างปลอดภัยแต่ปัจจุบัน เนื่องด้วยค่าหัวที่เพิ่มขึ้นมาเกือบสองเท่า ถึงจะมีตัวหารมาก แต่ส่วนแบ่งกลับยังล่อตาล่อใจให้เสี่ยงชีวิต โดยไม่เกรงกลัวชื่อเสียงของพลเรือโทธารน้ำแข็ง เหล่าอาชญากรหิวเงินจำนวนไม่น้อยจึงกล้าเสี่ยงลงมือนอกจากนั้น บรรดาโจรสลัดที่คิดว่าค่าหัวตัวเองต่ำเกินไป ต้องการจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นโดยการโค่นเดนิส ผู้มีชื่อเสียงและฝีมือน้อยกว่าคนอื่นในหมู่โจรสลัดค่าหัวไล่เลี่ยกันด้วยเหตุผลข้างต้น เดนิสจึงไม่เสี่ยงนำพาตัวเองไปสู่อันตราย และเลือกให้คนอื่นไปซื้อแทนเด็กหนุ่มรับเงินไว้ จ้องหน้าเดนิสสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินไปทางเดอเนียร์แต่เมื่อผ่านขี้เมากลุ่มหนึ่ง เด็กคนดังกล่าวกลับลดความเร็วลงและกระซิบกระซาบบางสิ่งได้เห็นดังนั้น เดนิสตั้งท่าเตรียมสู้ทันที ภายในใจเริ่มฉุกคิดถึงต้นตอปัญหาเป็นเพราะเราแต่งตัวมิดชิดเกินไป ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ผิดปรกติ จึงตกเป็นเป้าการรุมกระทืบและไถเงิน!เฮ่อะ! พวกแกคิดว่าฉันได้ฉายาเพลิงพิโรธมาจากการจับสลากรึไง!เดนิสเตรียมสั่งสอนให้คนเหล่านี้ได้รับบทเรียนหลาบจำ จากนั้นค่อยชิงตั๋วเรือโดยสารเที่ยวกีรากัสด้วยกำลังทว่า มันบังเอิญเหลือบไปเห็นคนรู้จัก กำลังเดินเข้ามาจากประตูด้านหน้าผับ อีกฝ่ายคือโจรสลัดชื่อดังเจ้าของค่าหัวสองพันแปดร้อยปอนด์‘เนตรสีฟ้า’ มีธและแน่นอน มีธย่อมเป็นพวกเดียวกับกลุ่มอันธพาลซึ่งกำลังจะรีดไถเดนิสเนตรสีฟ้ามีลูกน้องแข็งแกร่งหลายคน…เดนิสไม่ลังเล รีบลุกพรวดพร้อมกับตรงดิ่งไปยังประตูหลังของผับมันเร่งความเร็วเพื่อแทรกตัวผ่านกลุ่มขี้เมาตลอดทาง ใช้เวลาไม่นานก็หนีออกจากผับสำเร็จ และอาศัยพลังต่อต้านการแกะรอย สลัดหลุดจากศัตรูโดยสมบูรณ์เดนิสไม่กล้าเดินเตร็ดเตร่บนถนนนานนัก เนื่องจากท้องฟ้าเริ่มมืด และตำรวจใกล้ออกลาดตระเวนยามวิกาลมันรีบตรงดิ่งกลับโรงแรมวายุครามและกลับขึ้นไปยังห้องพักสุดหรู เมื่อเปิดประตู เดนิสเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังนั่งชมฉากตะวันตกดินด้วยบรรยากาศสุนทรีเดนิสครุ่นคิด พลางยิ้มแห้ง“ฉันลืมบอกเรื่องสำคัญกับนาย กัปตันถามว่า นายต้องการจะไปพบหล่อนที่กีรากัสหรือไม่”เดิมที เดนิสคิดจะปิดบังคำถามนี้ไว้จนวันตาย และกลับไปบอกเอ็ดวิน่าว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่สนใจจะพบเธอ แต่สำหรับวินาทีนี้ มันตระหนักได้อย่างถ่องแท้ หากตนไม่มีนักผจญภัยเสียสติคอยคุ้มครองข้างกาย ก็คงมิอาจออกจากบายัมได้แบบมีลมหายใจ……………………
คอมเม้นต์