ราชันเร้นลับ 571 : แรงกดดันมหาศาล
ออเดรย์เล่าเพียงบทกวีพื้นเมือง มิได้ลงลึกในด้านรายละเอียด ด้วยกังวลว่าอาจทำให้มาดามเฮอร์มิทผู้รอบรู้ทราบถึงสถานที่หญิงสาวเล่าเฉพาะประเด็นสำคัญ และแนวคิดในการใช้พลัง ‘ชี้นำทางจิต’ กับตัวเอง เพื่อให้ตื่นขึ้นขณะกำลังหลับฝัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยทั้งหมดชี้นำทางจิต? เธอมีพลังชี้นำทางจิตด้วยหรือ… ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นลำดับ 7 นักจิตบำบัด…เฮอร์มิท·แคทลียาวิเคราะห์ตามความเคยชิน แต่นั่นทำให้เธอเผชิญข้อสงสัยที่น่าฉงนกว่าเก่าแล้วทำไมมิสจัสติสถึงต้องการซื้อตะกอนพลังนักจิตบำบัดจากเดอะเวิร์ล…การดื่มโอสถซ้ำไม่เพียงจะเพิ่มโอกาสคลุ้มคลั่ง แต่ยังทำให้ย่อยโอสถได้ยากขึ้น…นำไปสร้างเป็นสมบัติวิเศษ? นั่นจะซ้ำซ้อนกับพลังของเธอ ไม่มีคุณค่าอันใด…มอบให้คนอื่น…?ขณะแคทลียาคาดเดาเรื่อยเปื่อย ออเดรย์ยังคงเล่าถึงความฝันอันวุ่นวายของตน เล่าถึงการเดินไปยังจุดสิ้นสุดความฝัน และใช้วิธีที่มิสเตอร์ฟูลสอน สร้างบันไดลงไปยังทะเลจิตใต้สำนึกรวม ระหว่างทางได้พบจุดแสงฉายภาพอดีตมากมายเธอมิได้เล่ารายละเอียดของฉากเหล่านั้น เพราะส่วนใหญ่เป็นความลับอันน่าอับอายที่ไม่ต้องการให้ใครทราบออเดรย์เน้นอธิบายความโดดเดี่ยวขณะเดินลงจากขั้นบันไดที่มองไม่เห็นปลายทาง อธิบายความรู้สึกที่คล้ายกับถูกสัตว์ประหลาดจ้องมองจากหมอกสีเทารอบตัว เล่าถึงการดำดิ่งของห้วงอารมณ์ที่เกินกว่าจะทนไหว หากไม่มีพลัง ‘ปลอบโยน’ ก็คงมิอาจฝ่าฟันลงไปสำเร็จ เล่าถึงการเดินลงไปยัง ‘ทะเลมายา’ ที่เกิดจากจิตใต้สำนึกรวมของทุกสิ่งมีชีวิตรายละเอียดมากมายพรั่งพรูออกจากปากหญิงสาว มีทั้งซากความทรงจำของบรรพบุรุษเผ่าพันธุ์มนุษย์ และความทรงจำของสัตว์หลากหลายชนิดที่ดำเนินไปอย่างสอดคล้อง จนกระทั่ง เรื่องราวจบลงเมื่อสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่บินลัดท้องฟ้าของทะเลจิตใต้สำนึกรวมมังกร เจ้าของเกล็ดสีเทาคล้ายกับแผ่นหินเห… มีมังกรตัวเป็น ๆ อาศัยอยู่ในทะเลจิตใต้สำนึกรวมด้วยหรือ… วิเศษมาก! ถึงแม้มิสจัสติสจะไม่ได้รับอันตราย แต่ความตื่นตระหนกทางใจคงไม่น้อยแน่…ชื่อนิยายใหม่พลันผุดขึ้นในหัวฟอร์ส :“มิสจัสติสท่องความฝัน!”เมื่อเล่าจบ จัสติส·ออเดรย์มองไปรอบตัว“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย พวกท่านมีความเป็นเห็นเช่นไรบ้าง คิดว่าในทะเลจิตใต้สำนึกรวม จะมีเมืองแห่งปาฏิหาริย์ของเผ่ามังกร ‘เลฟซิด’ อยู่จริงหรือไม่ หากถ้าดิฉันต้องการสำรวจลึกเข้าไป จะต้องคอยระวังสิ่งใดบ้าง และต้องเตรียมตัวในด้านใดเป็นพิเศษหรือไม่”อัลเจอร์ชำเลืองเฮอร์มิทเล็กน้อย ก่อนจะมอบคำตอบด้วยสีหน้าครุ่นคิด“ผมคิดว่าคุณควรหยุดแค่นี้ก่อน มันอันตรายเกินไป จากบันทึกประวัติศาสตร์ สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นมีเลือดเนื้อ โดยเฉพาะมังกรจิตที่สามารถอาศัยอยู่ในทะเลจิตใต้สำนึกรวม และการที่พวกมันดำรงชีวิตได้เป็นเวลานาน ลำดับพลังจะต้องสูงมากแน่ อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่าครึ่งเทพ หากคุณยังไม่เป็นลำดับ 5 คำแนะนำของผมคือ ยังไม่ควรสำรวจทะเลจิตใต้สำนึกรวม”เฮอร์มิท·แคทลียาพยักหน้าเป็นเชิงเห็นพ้อง“ทะเลจิตใต้สำนึกรวมมิได้มีแต่สิ่งดี ยังมีปัจจัยอันตรายซ่อนอยู่นับไม่ถ้วน ทั้งความคิดด้านลบของมนุษย์ปริมาณมหาศาล สิ่งเหล่านั้นสามารถกัดกร่อนดวงวิญญาณคุณ… ความทรงจำของผู้คนสมัยโบราณทั้งบ้าคลั่งและเกรี้ยวกราดดุจดังคลื่นทะเล รุนแรงพอจะสร้างแผลใจบนตัวคุณ หรือแม้กระทั่งทำให้คุณมิอาจตื่นจากความฝันได้อีกเลย ในเมื่อเป็นทะเลจิตรวมของทุกสิ่งมีชีวิต หมายความว่ามิได้มีแต่ความทรงจำของมนุษย์ ยังรวมไปถึงจิตของวิญญาณมาร เทพมาร หรือจิตของสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวที่กำลังซ่อนตัวในเงามืด พวกมันเป็นราวกับวังวนความมืดที่พร้อมจะดูดเรือใหญ่ได้ทั้งลำ จนกว่าจะมีพลังสำหรับท่องไปในทะเลจิตใต้สำนึกรวมโดยเฉพาะ คุณไม่ควรลงไปสำรวจที่นั่นอีก”ออเดรย์ค่อนข้างผิดหวัง แต่ก็สัมผัสถึงความจริงใจจากแฮงแมนและเฮอร์มิท คำพูดของทั้งคู่ล้วนมีเหตุผล จึงน้อมรับคำแนะนำไว้แต่โดยดีเธอเงียบงัน พลางรำพันในใจ :ออเดรย์ ห้ามใจร้อนเด็ดขาด ต้องรอให้ถึงลำดับ 5 เสียก่อน!หญิงสาวมิได้คำนึงเลยว่า การพัฒนาไปเป็นลำดับ 5 ระดับเดียวกับพลเรือโจรสลัด จะมีอุปสรรคมากมายเพียงใดรออยู่ ถึงขั้นคิดว่า การก้าวไปเป็นพลเรือโจรสลัดคนที่แปดก็มิได้ยากเย็นอะไรนักในสายตาเธอ ตราบใดที่ยังมีมิสเตอร์ฟูล ยังมีชุมนุมทาโรต์ ขอเวลาไม่เกินสองปี ตนสามารถไปอยู่จุดนั้นได้อย่างราบรื่นกำแพงที่แท้จริงคือครึ่งเทพต่างหาก…เฮ่อ… ถ้าแม้แต่มาดามเฮอร์มิทผู้มากด้วยความรู้และประสบการณ์ยังห้ามปราม…ออเดรย์ตัดสินใจชำเลืองไปทางที่นั่งประธานโต๊ะทองแดงยาว เดอะฟูล โดยหวังว่าบุคคลระดับทัดเทียมเทพผู้นี้ จะมีทางออกที่แตกต่างจากแฮงแมนและเฮอร์มิทอย่ามองด้วยสายตาเช่นนั้น…ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้…ไคลน์นั่งตัวเกร็ง พยายามไม่กะพริบตาความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยาของตนจำพวกการเข้าฌาน สติสัมปชัญญะ จิตใต้สำนึก และทะเลจิตใต้สำนึกรวม ล้วนเป็นเรื่องที่ฟังมาจากมาดามดาลีย์ทั้งสิ้น ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้นจริงอยู่ ชายหนุ่มอาจเคยถูกบุกรุกความฝันบ่อยครั้ง แต่ถึงจะมีสติแจ่มชัดในความฝันตัวเอง ไคลน์ก็ไม่เคยอุตริเดินไปจนสุดขอบเขตความฝันเหมือนที่จัสติสทำ จึงไม่มีประสบการณ์ใดไปสอนทฤษฎีในหัวอาจพอมี เป็นแนวคิดที่เกิดจากการปะติดปะต่อข้อมูล แต่ยังไม่เคยปฏิบัติจริงเลยสักครั้ง จึงไม่มั่นใจว่าจะสำเร็จถ้าเป็นเมื่อก่อน เรื่องใดที่ไม่มั่นใจ ไคลน์จะตอบอย่างคลุมเครือในลักษณะของนักต้มตุ๋น เพราะบางที อีกฝ่ายอาจนำไปตกผลึกจนเข้าใจได้เอง แต่ปัจจุบัน พลเรือเอกดวงดาว·แคทลียากำลังจ้องมองอยู่ ยิ่งไคลน์พูดมาก โอกาสผิดพลาดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จึงควรพูดให้น้อยเข้าไว้การมีสมาชิกใหม่ทำให้เราขยับตัวลำบาก…ไคลน์รำพันขื่นขม มิได้ตอบสิ่งใดกลับไป เพียงนั่งอมยิ้มให้จัสติสอย่างมีเลศนัยหากไม่ใช่เพราะที่นี่คือมิติสายหมอก และหากไม่ใช่เพราะทุกคนเป็นเพียงร่างจิต ไคลน์เชื่อว่า การฝืนเกร็งยิ้มเป็นเวลานานของตน อาจทำให้เกิดอาการตะคริวที่มุมปากมิสเตอร์ฟูลไม่มีคำแนะนำ…ออเดรย์ยอมจำนนต่อชะตากรรม และสาบานกับตัวเองว่า เธอจะพับเก็บแผนสำรวจทะเลจิตใต้สำนึกรวมไว้ก่อนจากนั้น เดอะมูน·เอ็มลินกระแอมในลำคอ“ข้าศึกษาประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกโดยตระกูลผีดูดเลือดมาอย่างละเอียดแล้ว…”ผีดูดเลือด… แวมไพร์สินะ… นึกแล้วเชียว โบสถ์พระแม่ธรณีมีธรรมเนียมพิสดารในการจับแวมไพร์มาเปลี่ยนให้เป็นผู้ศรัทธา…แคทลียาพยักหน้ารับพลางตั้งใจฟังในเวลาเดียวกัน เธอต้องปรับเปลี่ยนมุมมองต่อชุมนุมทาโรต์อีกครั้งเดอะมูนไม่คิดปกปิดตัวตนแม้แต่น้อย… ตีความได้ว่า มิสเตอร์ฟูลมีอิทธิพลต่อโลกความจริงค่อนข้างมาก อาจถึงขั้นสามารถลงโทษสมาชิกทุกคนจากที่ห่างไกล พวกเขาจึงไม่ต้องคอยระแวงกันเอง…ถ้าอย่างนั้น เราก็คงไม่ต้องปิดบังสถานะตัวเองมากเกินไป…ขณะแคทลียากำลังครุ่นคิด เอ็มลินหันไปทางเดอะซันและเชิดคางเล่าต่อ :“ก่อนจะถึงยุคสมัยมหาภัยพิบัติ โลกนี้ไม่มีสถานที่ชื่อว่าเมืองเงินพิสุทธิ์! มีเพียงอาณาจักรเงินพิสุทธิ์เท่านั้น!”ด้วยเกรงว่า สมาชิกคนอื่นอาจกำลังคลางแคลงใจ เดอร์ริคจึงต้องการแก้ต่างพร้อมกับอธิบายให้ชัดเจนว่า เมืองเงินพิสุทธิ์เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเงินพิสุทธิ์มาก่อนแต่เมื่อหันไปเห็นท่าทีแสนโอหังของเดอะมูน เดอร์ริคตัดสินใจเบือนหน้าหนี พลางรำพันอย่างเหยียดหยัน :กับบัวใต้น้ำเช่นนี้ เราจะมัวเสียเวลาอธิบายให้เข้าใจไปทำไม…เมื่อเห็นท่าทีตอบสนองของอีกฝ่าย เอ็มลินพอจะเดาออกว่า เมืองเงินพิสุทธิ์มีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรเงินพิสุทธิ์จริงมันเริ่มเล่าต่อไป“เดิมที อาณาจักรเงินพิสุทธิ์มิได้กราบไหว้ราชาคนยักษ์·เออร์เมียร์ หากแต่เป็นราชินีคนยักษ์·โอมีเบล่า!”โอมีเบล่า…?เดอะซัน·เดอร์ริครีบหันไปมองด้านข้างพร้อมกับพ่นโทสะ :“เมืองของผมไม่เคยมีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เคยทราบมาก่อนว่า พระนามของราชินีคนยักษ์คือโอมีเบล่า!”เอ็มลินยกมุมปากพร้อมกับผายมือสองข้าง“นั่นจึงแปลว่า ประวัติศาสตร์ของพวกเจ้าไม่สมบูรณ์ยังไงล่ะ… ข้าพูดผิดรึเปล่า”“ต้องผิดอยู่แล้ว! ประวัติศาสตร์ของผีดูดเลือดต่างหากที่บิดเบือน!”ยอมลงทุนเสียเวลาศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อพิสูจน์ความจริง… จะบอกว่าเอ็มลินเป็นแวมไพร์ที่ยึดถือความถูกต้อง หรือเป็นเด็กหนุ่มเจ้าคิดเจ้าแค้นดี…ไคลน์พยายามกลั้นขำ สายตามองตรงโดยไม่จ้องหน้าใครเป็นพิเศษการโต้เถียงระหว่างเดอะมูนและเดอะซันทำให้ชายหนุ่มได้รับผลประโยชน์ทางอ้อม นั่นคือการได้ทราบว่า ชื่อจริงของราชินีคนยักษ์ เทพธิดาแห่งฤดูเก็บเกี่ยว คือโอมีเบล่าขณะเดอะซัน·เดอร์ริคเตรียมโต้แย้ง เฮอร์มิทพูดแทรกขึ้น :“โอมีเบล่าคือเทพธิดาแห่งฤดูเก็บเกี่ยว ขณะเดียวกันก็เป็นราชินีแห่งวังราชาคนยักษ์ มีข่าวลือว่า ท่านร่วงหล่นหลังจากเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ แต่ก็ไม่มีใครยืนยันในเรื่องนั้นได้ เนื่องจากยังไม่พบศพหรือซากมรดก”เทพธิดาแห่งฤดูเก็บเกี่ยวคือโอมีเบล่า…เดอะซัน·เดอร์ริคถึงกับผงะ จิตใต้สำนึกต้องการโต้เถียง แต่หลังจากข้อมูลได้รับการยืนยันจากสองฝ่าย มันจำต้องยอมรับว่าประวัติศาสตร์ของเมืองเงินพิสุทธิ์มีช่องโหว่ และไม่สามารถเถียงกลับในประเด็นดังกล่าวได้ฉากตรงหน้าทำให้เอ็มลินเกิดความพึงพอใจจากก้นบึ้ง ร่างกายซาบซ่านอย่างมีความสุขจากนั้น บรรดาสมาชิกได้พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอีกเล็กน้อย จนกระทั่งชุมนุมทาโรต์ในสัปดาห์นี้ดำเนินมาถึงจุดจบไคลน์ยิ้ม“ไว้พบกันสัปดาห์หน้า”“สุดแล้วแต่ท่าน” จัสติส·ออเดรย์รีบลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับคนอื่นรีบทำตาม ไม่เว้นแม้แต่แคทลียา…เมื่อกลับสู่โลกความจริง พลเรือเอกดวงดาวยืนจ้อง ‘ลูกแก้วดวงดาว’ ที่ชำรุดบนโต๊ะทำงาน พร้อมกับประสบอาการเหนื่อยล้าทางจิตรุนแรงรายละเอียดปลีกย่อยทำให้เธอมั่นใจว่า ชุมนุมทาโรต์ไม่ธรรมดา และมีศักยภาพในอนาคตสูงมาก โดยเฉพาะมิสเตอร์ฟูลผู้รายล้อมด้วยม่านหมอก ชายคนนั้นทำตัวราวกับกำลังจ้องมองความเป็นไปของโลกจากในเงามืดเธอมิอาจมองเห็นแก่นแท้ และมิอาจคาดเดาจุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้เลยแคทลียายืนใคร่ครวญราวสิบวินาที ก่อนจะหยิบปากกาและกระดาษออกมาเขียน :“ใครบางคนกำลังรวบรวมไดอารีของท่านมหาจักรพรรดิ”เธอไม่กล้าเอ่ยชื่อชุมนุมทาโรต์ ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเผยข้อมูลสมาชิกคนใด ด้วยกังวลว่าจะถูกมิสเตอร์ฟูลลงโทษ จึงทำเพียงเขียนอธิบายโดยไม่เจาะจง คล้ายกับส่งคำเตือนถึงปลายทางหลังจากเขียนเสร็จ หญิงสาวหยิบฮาร์โมนิก้าทองคำออกมาเป่าเพียงพริบตา จดหมายที่เธอเพิ่งเขียนเสร็จ พลันอันตรธานหายไปกับความว่างเปล่าทั้งที่มิได้สวมแว่นตาเพื่อสยบพลังเนตร แต่พลเรือเอกดวงดาวกลับมองไม่เห็นตัวผู้ส่งสารฟู่ว…แคทลียาเป่าปาก และเริ่มตระหนักว่าหน้าผากตนมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้น“ชุมนุมลับที่มีเทพคอยสอดส่อง แรงกดดันช่างมหาศาลอะไรเช่นนี้…”…ฟู่ว…ชุมนุมลับที่มีพลเรือเอกดวงดาวเข้าร่วม แรงกดดันช่างมหาศาลอะไรเช่นนี้…ไคลน์นั่งนวดขมับสักพัก ก่อนจะส่งตัวเองกลับสู่โลกความเป็นจริงแผนการถัดไป มันต้องการทดสอบบางสิ่ง เป็นการทดลองที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก เรื่องเล่าการผจญภัยในความฝันสุดอลังการของจัสติส……………………
คอมเม้นต์