ราชันเร้นลับ 568 : เทพรับใช้
จากเอกสารของเดอะซัน ชื่อของเทพรับใช้ถูกไล่เรียงอย่างเป็นระเบียบ แต่ส่วนมากมักไม่มีนามจริง ปรากฏเพียงสมญานาม ยกตัวอย่างเช่น เทพแห่งความงาม และเทพแห่งชีวิต เป็นเทพรับใช้ของแวมไพร์ต้นตระกูล ลิลิธ ; เทพธิดาอัปมงคล และเทพแห่งความตาย เป็นเทพรับใช้ของหมาป่าอสูรทำลายล้าง เฟรเกีย ; เทพแห่งโชค และราชินีแห่งภัยธรรมชาติ เป็นเทพรับใช้ของราชาแห่งเอลฟ์ ซอนญาธริม นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายชื่อราชินีแห่งภัยธรรมชาติ…ไคลน์พลันหวนนึกถึงหนังสือแห่งภัยธรรมชาติ รวมถึงแก้วไวน์ทองคำที่น่าจะเป็นของเอลฟ์ลำดับสูง ผิวแก้วสลักข้อความไว้สองคำ :โคฮีเน็ม และ ภัยธรรมชาติชายหนุ่มคิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก โคฮีเน็มคือราชินีแห่งภัยธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็เป็นเทพรับใช้ของราชาเอลฟ์!น่าเสียดาย เราคงถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเดอะซันน้อยไม่ได้ คงต้องรอให้เขาคัดลอกเอกสารชุดใหม่ออกมา…ไคลน์ถอนหายใจข้อมูลในเอกสารทำให้มันเชื่อว่า สมญานามของเทพรับใช้ อาจไม่มีความเกี่ยวข้องกับนามจริงของเทพรับใช้สักเท่าไรเพราะเดิมที เมืองเงินพิสุทธิ์เคยอยู่ในอาณาจักรเงินพิสุทธิ์ที่ปกครองโดยระบอบวังราชาคนยักษ์ เพื่อให้ทราบถึงข้อมูลเบื้องต้นของฝ่ายศัตรูและมิตร จึงบันทึกข้อมูลเหล่าเทพบรรพกาลไว้พร้อมเทพรับใช้อย่างผิวเผิน โดยอาจเป็นการตั้งสมญานามง่าย ๆ ขึ้นมาเอง เพื่อให้สะดวกต่อการจดจำและเผยแพร่เมื่อพลิกอ่านหน้าต่อไป สมมติฐานข้างต้นของไคลน์ถูกยืนยัน แต่ขณะเดียวกันก็มาพร้อมคำถามใหม่ตระกูลมังกรยังมีอีกหนึ่งเทพรับใช้คือ มังกรแห่งปัญญา เฮราเบอร์เก้น ส่วนทางฝั่งราชาคนยักษ์ เทพรับใช้คือบุตรชายคนโต บาร์ดไฮเออร์ และราชินีคนยักษ์ เทพธิดาแห่งฤดูเก็บเกี่ยวแปลกมาก… ทำไมเทพธิดาแห่งฤดูเก็บเกี่ยวถึงมิได้ระบุนามจริงเอาไว้? ในเมื่อเป็นพระชายาของราชาคนยักษ์ ก็ควรมีในบันทึกไม่ใช่หรือ…จากการคาดคะเนของเรา เทพรับใช้เหล่านี้น่าจะมีศักดิ์เทียบเท่าเทวทูต หรือราชาเทวทูตในยุคสมัยถัดมา… อา… คงเป็นลำดับ 2 ในเส้นทางเดียวกัน หรือไม่ก็ลำดับ 1 ในเส้นทางใกล้เคียงกระมัง…ยิ่งเมื่อนำข้อมูลจากไพ่เย้ยเทพมาประกอบการพิจารณา ไคลน์ก็ยิ่งสับสน เพราะเนื้อหาของไพ่เขียนไว้ชัดเจนว่า บนเส้นทางเดียวกัน ถ้ามีลำดับ 0 ก็จะไม่มีลำดับ 1 หรือถ้าไม่มีลำดับ 0 ก็จะมีลำดับ 1 ได้สูงสุดสามตนแต่ไคลน์ยังไม่กล้าฟันธง เพราะนี่เป็นเพียงข้อมูลส่วนเดียว มันยังไม่รู้จักลำดับ 0 กับ 1 ดีพอ และไม่ทราบว่าตัวตนระดับนั้นจะถูกผูกมัดอยู่ภายใต้ ‘กฎการอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียงและความถาวรของพลังพิเศษ’ มากเพียงใดแต่สำหรับปัจจุบัน เราคงต้องอนุมานให้เป็นแบบนั้นไปก่อน…ไคลน์เอนหลังพลางยิ้ม และเสกให้เอกสารทั้งหมดในมือหายไป“เริ่มได้”ขณะเดียวกัน อัลเจอร์กำลังพิจารณาสถานการณ์ของตัวเองอย่างรอบคอบเพื่อความปลอดภัยของการสนทนา มันตัดสินใจเปลี่ยนมุมมอง สมมติว่าอีกฝ่ายคือพลเรือเอกดวงดาว และคาดเดาว่าเธอจะมองเห็นรายละเอียดใดบนร่างกายตนบ้างมิสเตอร์ฟูลมีการปกป้องรูปลักษณ์ของสมาชิกอยู่แล้ว… บริเวณใบหน้าและร่างกายจึงไม่คมชัด แต่การบิดเบือนดังกล่าวแทบไม่ส่งผลกับสีสัน… จริงอยู่ ระหว่างสีน้ำตาลกับสีน้ำตาลเข้มอาจแยกได้ยาก แต่ถ้าเป็นสีโทนสว่าง แม้แต่เราก็แยกแยะได้สบาย อย่างน้อยเราก็ทราบว่า มิสจัสติสมีผมสีทองและดวงตาสีเขียว…จุดเด่นที่สุดในตัวเราคงหนีไม่พ้นเส้นผมสีน้ำเงินเข้ม แต่นั่นก็ไม่บ่งบอกอะไรนัก จริงอยู่ ผมสีน้ำเงินเข้มอาจเป็นเอกลักษณ์เด่นของเส้นทางลูกเรือ แต่คนผมสีน้ำเงินเข้มทุกคนไม่จำเป็นต้องอยู่บนเส้นทางลูกเรือ ผมสีดังกล่าวอาจมาจากกรรมพันธุ์ ตัวอย่างเช่น อ่าวเดซีย์ที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลโซเนียและทะเลคลั่ง บริเวณดังกล่าวเคยเป็นถิ่นฐานของเอลฟ์ในสมัยอดีต มนุษย์เชื้อสายเอลฟ์ส่วนใหญ่ก็จะมีผมสีน้ำเงินเข้มเช่นกัน… แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า จำนวนประชากรผมสีน้ำเงินเข้มส่วนใหญ่ในปัจจุบันคือเส้นทางลูกเรือ…แต่ลำพังสีผม เธอคงมิอาจนำไปต่อยอดเป็นข้อมูลใดเพิ่มเติมได้แน่…ขณะอัลเจอร์กำลังวางใจ หางตาบังเอิญชำเลืองเห็นชุดคลุมวายุสลาตันของตนหลังจากกลับขึ้นเรือ นอกจากตำแหน่งกัปตัน มันยังต้องรับหน้าที่เป็นบิชอปให้เหล่าลูกเรือด้วย โดยการประกอบพิธีมิสซาทุกครั้งต้องสวมเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมหากอัลเจอร์ไม่แสดงความศรัทธาต่อเทพวายุสลาตันเสียบ้าง อาจมีสักวันที่ลูกน้องแอบรายงานให้โบสถ์ทราบโดยทั่วไปแล้ว โบสถ์วายุสลาตันมักไม่ไว้วางใจ ‘โจรสลัดราชการ’ ของตัวเองสักเท่าไร ด้วยเกรงว่า การออกทะเลเป็นเวลานาน อาจเปลี่ยนให้พวกมันกลายเป็นโจรสลัดตัวจริง และยังเป็นเหตุผลว่าทำไม เทพวายุสลาตันจึงไม่ถ่ายทอดวิวรณ์ถึงเหล่าโจรสลัดของตัวเองด้วยการบิดเบือนจนพร่ามัว เธอคงมองเห็นเครื่องแต่งกายของเราไม่ชัดเจนนัก… แต่ก็ไม่ควรประมาท ครั้งถัดไปคงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นแบบเรียบง่ายก่อนเข้าร่วมชุมนุม… ถึงเราจะยังไม่มั่นใจ แต่อีกฝ่ายมีสิทธิ์เป็นถึงพลเรือโจรสลัด ห้ามวางใจเด็ดขาด…แฮงแมนนั่งใคร่ครวญอย่างหวาดระแวงทันใดนั้น มันได้ยินเสียงของเดอะมูนที่พยายามระงับความตื่นเต้น“มิสเตอร์แฮงแมน ทางนี้พร้อมแล้ว เจ้าพร้อมส่งมอบมรดกของบารอนผีดูดเลือดเมื่อไร? ถ้าจำไม่ผิด คราวก่อนเจ้าเคยพูดไว้ว่า มรดกดังกล่าวอยู่ในมือของโจรสลัดแข็งแกร่งสักคนสินะ”ไม่ต้องมีประโยคสุดท้ายก็ได้…อัลเจอร์นั่งตัวแข็งโจรสลัดแข็งแกร่ง…? เดอะเฮอร์มิท แคทลียา พลันชำเลืองสายตาไปทางแฮงแมนอัลเจอร์ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า เพียงหันไปตอบเดอะมูนด้านข้างอย่างผ่อนคลาย“เตรียมเงินสดครบแล้วหรือ”“แน่นอน!” เอ็มลินกล่าวพลางเชิดคางอันที่จริง แผนเดิมของมันคือ รอให้ครบกำหนดสามเดือน จึงค่อยนำเช็คเงินสดไปขึ้นเงินกับธนาคาร แต่หลังจากตัดสินใจได้ว่าจะซื้อมรดกของบารอนผีดูดเลือด มันเปลี่ยนแผนทันทีโดยปราศจากความเคลือบแคลงและลังเล เมื่อเอ็มลินเกิดความรู้สึกอยากได้ ความคาดหวังและความปรารถนาได้ถาโถมจิตใจ ส่งผลให้ผีดูดเลือดหนุ่มต้องการครอบครองตะกอนพลังทันที เป็นอาการเดียวกับเมื่อครั้งควักเงินก้อนโตซื้อตุ๊กตาตัวโปรดหลังจากอดทนได้หนึ่งสัปดาห์ เอ็มลินตัดสินใจขายเช็คเงินสดของตนให้คนอื่น แม้ว่าราคาจะถูกลงกว่าปรกติ แต่อย่างน้อยก็ได้ใช้เงินทันทีเช็คขึ้นเงินแบบกำหนดเวลามักถูกซื้อขายกันเป็นปรกติ ด้วยราคาต่ำกว่ามูลค่าจริงเล็กน้อย“ผมสามารถเตรียมให้คุณได้ในสัปดาห์นี้ แต่ก่อนอื่น ขอยืนยันอีกครั้ง คุณจะซื้อมรดกของบารอนในราคาสี่พ้นห้าร้อยปอนด์ ถูกต้องไหม”เมื่อเห็นการค้าขายของตนใกล้บรรลุ อัลเจอร์ลืมเรื่องที่เดอะมูนหลุดปากพูดถึงโจรสลัดไปก่อนเอ็มลินชะงักเล็กน้อย กวาดสายตามองรอบตัวหนึ่งครั้ง ก่อนจะกระแอมในลำคอและกล่าวกับแฮงแมนด้วยเสียงแผ่ว“ถูกกว่านี้อีกสักนิดได้ไหม”“ผมไม่ใช่คนตัดสิน แต่สามารถช่วยเจรจาให้ราคาต่ำลงได้… หึหึ อย่าลืมค่านายหน้าของผมก็แล้วกัน สักสามร้อยปอนด์เป็นไง”อัลเจอร์กล่าวด้วยสีหน้าสุขุม“ไม่มีปัญหา” เอ็มลินกระซิบเป็นแวมไพร์ที่ไม่แข็งแกร่งมาก น่าจะยังเด็ก หรือไม่ก็อยู่ในช่วงต้นของวัยหนุ่ม…ทางด้านเดอะเฮอร์มิท แคทลียา กำลังนั่งสำรวจสถานการณ์พลางวิเคราะห์เมื่อเห็นการค้าขายระหว่างแฮงแมนและเดอะมูนลุล่วงภายในไม่กี่คำ จัสติส ออเดรย์ เกิดความรู้สึกว่าเธอต้องเสียเงินซื้ออะไรสักอย่างบ้างแล้วในอีกหนึ่งถึงสองสัปดาห์ เราจะติดต่อกับสมาชิกของสมาคมแปรจิตประจำแคว้นเชสเตอร์ตะวันออก และบอกว่าเรากลายเป็นนักจิตบำบัดเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้น การซื้อสูตรผลิตโอสถลำดับถัดไปด้วยคะแนนผลงานจึงไม่ใช่เรื่องยาก ไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อนซื้อกับชุมนุมทาโรต์… ไว้ทราบชื่อวัตถุดิบหลักและรองเสียก่อน ค่อยมาถามหาจากคนอื่น…ในกรณีสมบัติวิเศษ เราคงซื้อบ่อย ๆ ไม่ได้ เพราะของเก่าเพิ่งเบิกเงินมาจากท่านพ่อ… หากเราซื้ออุปกรณ์เวทมนตร์หายากหลายชิ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ท่านพ่ออาจเกิดความสงสัย…ออเดรย์ครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะพบคำตอบเธอบิดหมุนครึ่งตัว และหันไปมองบุคคลบรรยากาศอึมครึมตรงมุมโต๊ะอีกฝั่ง“มิสเตอร์เวิร์ล คุณเคยบอกว่ามีเบาะแสของตะกอนพลังนักจิตบำบัด เรื่องนั้นใช้เวลาดำเนินการนานไหม”ฉันจะซื้อให้ซูซี่… หญิงสาวเสริมอันที่จริง ขณะฉุกคิดถึงเรื่องนี้ ออเดรย์ยังนึกไอเดียซุกซนได้อีกหนึ่งเรื่อง นั่นคือการหาข้ออ้างให้มิสเตอร์ฟูลแสดงหน้าไพ่จักรพรรดิมืดออกมาตามความคิดของเธอ ในเมื่อเดอะเฮอร์มิทตระหนักถึงความสำคัญของไดอารีโรซายล์ จนถึงขั้นเสียอาการชัดเจน หมายความว่า สตรีลึกลับผู้นี้อาจรู้จักไพ่เย้ยเทพด้วยเช่นกัน ออเดรย์จึงต้องการเห็นอีกฝ่ายแสดงอาการตกตะลึงสุดขีดในวินาทีที่ได้เห็นไพ่แต่สุดท้าย หญิงสาวก็พับเก็บความคิดดังกล่าวไปก่อน มิใช่เพราะเห็นใจหรือไม่อยากทดสอบเดอะเฮอร์มิท แต่เพราะคิดว่าเป็นการไม่เหมาะสม ที่จะทำตัวข้ามหน้าข้ามตามิสเตอร์ฟูลหากท่านต้องการให้เดอะเฮอร์มิทเห็นไพ่ ประเดี๋ยวท่านก็คงเปิดให้เห็นเอง แต่ถ้าท่านไม่ต้องการ พฤติกรรมของเราจะถือว่าขัดความประสงค์ และนั่นเป็นการเสียมารยาท…ออเดรย์ผงกหัวเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นขณะเดียวกัน เดอะเวิร์ลตอบเสียงแหบ“ถ้าคุณแน่ใจแล้วว่าต้องการ ผมจะรีบหามาให้โดยเร็ว ราคาหนึ่งพันแปดร้อยปอนด์”ตามปรกติแล้ว ราคาของตะกอนพลังนักจิตบำบัดจะอยู่ราวหนึ่งพันสองร้อยถึงหนึ่งพันห้าร้อยปอนด์ แต่ไคลน์เพิ่มตัวเลขขึ้นเพราะต้องการหยั่งเชิงว่า อีกฝ่ายจะต่อรองเหลือเท่าไร“ตกลงค่ะ” ออเดรย์ตอบรับข้อเสนอทันทีในปัจจุบัน หนี้สินของเธอที่ติดค้างกับไวเคาต์กายลินถูกชำระหมดแล้ว และหลังจากกลับมายังถิ่นของตระกูล หญิงสาวได้รับของขวัญมากมายจากบรรดาเครือญาติ สภาพคล่องทางการเงินจึงกำลังไหลลื่น อีกทั้ง เงินที่ติดค้างกับข้ารับใช้ของเดอะฟูล ก็มีกำหนดจ่ายในเดือนหน้าปัจจุบัน ออเดรย์มีรายรับเดือนละสามพันปอนด์ และแทบไม่ต้องใช้เงินในการดำรงชีวิตประจำวันเลย เนื่องจากมีพ่อแม่คอยอำนวยความสะดวกแทบทุกเรื่อง โดยเฉพาะหลังจากตระกูลฮอลล์ได้รับความดีความชอบใหญ่หลวงขณะบทสนทนาดำเนินไป แฮงแมนก็ยิ่งพบความประหลาดใจ เพราะเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน เดอะเวิร์ลเพิ่งขายตะกอนพลังผู้ไร้หน้า หลังจากนั้นไม่นานก็ออกล่าเหล็กกล้า·แม็ควิตี้และได้ครอบครองตะกอนพลังของมัน มาวันนี้ยังมีตะกอนพลังของนักจิตบำบัดมาขายอีก โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเดือนเดียว!แต่หลังจากไตร่ตรองสักพัก แฮงแมนพบคำตอบให้ตัวเองตัวตนของเดอะเวิร์ลคงหมายถึง ‘บรรดา’ ข้ารับใช้มิสเตอร์ฟูล …เป็นการช่วยกันขายของ!ในทางกลับกัน เดอะเวิร์ล ไคลน์ กำลังอยู่ในอาการตกตะลึงเมื่อพบว่ามิสจัสติสมิได้ต่อราคาแม้แต่เพนนีเดียวมันคาดไว้ว่า มิสจัสติสคงต้องรัดเข็มขัดหลังจากเพิ่งเสียเงินจำนวนห้าพันห้าร้อยปอนด์ไปกับสมบัติวิเศษเมื่อสัปดาห์ก่อน เพราะเหตุการณ์ทำนองนี้เคยเกิดขึ้นในปีที่แล้ว ไคลน์จึงเตรียมต่อรองราคาอย่างเต็มที่ แต่ใครจะไปคิดว่า อีกฝ่ายกลับตกปากรับคำทันทีหล่อนมีเหมืองทองรึไง… ไคลน์รำพันเมื่อเดอะซัน เดอร์ริค เห็นว่าการเจรจาของจัสติสจบลง เด็กหนุ่มรีบยกมือ“ผมต้องการซื้อผลของต้นพันธะวิญญาณส่องแสง”สำหรับวัตถุดิบอื่นของโอสถข้ารับใช้สุริยัน เด็กหนุ่มหาได้เกือบครบแล้วขณะแคทลียากำลังคิดว่า มิสจัสตินคือผู้วิเศษเส้นทางผู้ชมที่กำลังจะกลายเป็นนักจิตบำบัด เธอพลันได้ยินข้อเสนอของเด็กหนุ่ม จึงเงียบงันสักพักก่อนจะยกมือกล่าวกับอีกฝ่าย“ดิฉันมี ต้องการแลกเปลี่ยนกับสิ่งใด”หลังจากทำตัวเป็นผู้เฝ้ามองมาตลอด เธอตัดสินใจร่วมวงค้าขายจิปาถะ เพื่อให้เข้าใจกลไกของชุมนุมทาโรต์มากขึ้น“เอ่อ… ผมสามารถแลกเปลี่ยนได้ด้วยประวัติศาสตร์ของเมืองเงินพิสุทธิ์ ข้อมูลของสิ่งมีชีวิตจำพวกคนยักษ์ มังกร เอลฟ์ หรือพวกสัตว์ประหลาดในความมืด” เดอะซันน้อยกล่าวอย่างซื่อตรง “มาดามเฮอร์มิท นี่คือรายชื่อของสัตว์ประหลาดรอบเมืองเงินพิสุทธิ์ คุณสามารถเลือกวัตถุดิบจากพวกมันได้ถ้าต้องการ”ให้ตายสิ… ใสซื่อชะมัด…ไคลน์หักห้ามใจมิให้แหงนหน้าขึ้นไปมองโดมสูงบนเพดานเขากำลังพูดเรื่องอะไร…แคทลียาทำได้เพียงขมวดคิ้ว มิอาจทำความเข้าใจประโยคของเดอะซันได้แม้แต่คำเดียว……………………
คอมเม้นต์