ราชันเร้นลับ 555 : ตึงเครียดยามวิกาล
ในช่วงเดือนมกราคม อากาศของแคว้นเชสเตอร์ตะวันออกยังค่อนข้างหนาว สามารถพบหิมะได้บ่อยครั้ง กิ่งก้านใบของต้นไม้เหี่ยวเฉาและมีหิมะปกคลุม เหล่าสัตว์ป่าต่างจำศีลซ่อนตัวมิดชิด ขาดแคลนชีวิตชีวาโดยสิ้นเชิงออเดรย์เดินนำซูซี่ โดยด้านหลังยังมีบุรุษรับใช้และสาวใช้อีกจำนวนหนึ่ง คณะสำรวจเดินตรวจตรารอบหอคอยโบราณอย่างละเอียด แต่กลับไม่พบสิ่งน่าสนใจมีเพียงอิฐสีเทาและเศษไม้เน่ากองสุม ถึงจะมองเข้าไปในช่องว่างของหอคอย ก็ไม่เห็นสิ่งสำคัญใดนอกจากซากสัตว์เล็กและวัชพืชออเดรย์คาดหวังว่าเธอจะได้พบจิตรกรรมฝาผนังสักภาพบนกำแพง เพื่อจะใช้แกะรอยไปถึงต้นกำเนิดของหอคอยโบราณแห่งนี้ขณะเดียวกัน หญิงสาวต้องการทดสอบพลังชนิดใหม่ของตน นักจิตบำบัด กับบรรดาสัตว์ป่าทั่วไป เช่นพลังสร้างความเกรงขาม พลังก่อโรคประสาท และพลังปลอบโยน แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วย ออเดรย์ต้องพบกับความผิดหวังรุนแรงนี่ไม่ใช่การผจญภัยสักหน่อย… ก็แค่ขี่ม้าเล่นเท่านั้น…ออเดรย์เม้มปากอย่างไม่พอใจ กำแส้ม้าในมือแน่นกระชับ ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นบังเหียนเมื่อเกิดความคาใจ หญิงสาวหันกลับไปถามคนรับใช้และสาวใช้อย่างไม่ยอมแพ้“แถวนี้มีตำนานหรือเรื่องเล่าอื่นบ้างไหม”คนรับใช้กว่าครึ่งติดตามมาจากคฤหาสน์ของตระกูลฮอลล์ในกรุงเบ็คลันด์ ส่วนอีกครึ่งเป็นคนท้องถิ่นที่คอยดูแลคฤหาสน์หลังนี้เป็นประจำ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คำถามของหญิงสาวเจาะจงไปยังกลุ่มหลังเหตุผลที่เธอตัดสินใจตามมายังคฤหาสน์หลังนี้พร้อมกับครอบครัวก็คือ เมืองในละแวกใกล้เคียงคฤหาสน์มีประเพณีโบราณที่ชาวบ้านกราบไหว้บูชามังกรบุรุษรับใช้หนุ่มคนหนึ่งหันไปมองคุณหนูผู้เลอโฉมและสูงศักดิ์ ตามด้วยการก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ และทำท่าโค้งคำนับนอบน้อม“ในส่วนลึกของป่าแห่งนี้มีสัตว์ประหลาดซ่อนตัวอยู่ ทุกปีจะมีนายพรานหลงเข้าไปเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่ไม่เคยมีใครระบุได้ว่าสัตว์ประหลาดดังกล่าวมีหน้าตาเป็นเช่นไร เฉกเช่นบทกวีพื้นเมืองของที่นี่”จากนั้น ชายหนุ่มเริ่มขับขานบทกวีโบราณของชาวบ้านให้ออเดรย์ฟัง“เหล่าปีศาจ และมังกร ต่างหลบซ่อน”“ภายในกลุ่ม ในก้อน มวลความฝัน”“บ้างอาศัย บนวังฟ้า อย่างเมามัน”“ล้วนหมกตัว อยู่ด้วยกัน จนอิ่มเอม”“ภายในวัง พวกมันครอง ได้ทุกสิ่ง”“สุขสมจริง สะดวกสบาย กายพักผ่อน”“หากผู้ใด จิตอ่อน เผลอพัวพัน”“คงลืมวัน ลืมเวลา ตลอดกาล”ขอฝากถึง เหล่าเด็กน้อย ช่างสงสัย…ขอฝากถึง นักผจญภัย สุดกล้าหาญ…จงทำตาม เสียงร้อง จิตวิญญาณ…จงทะยาน ออกตามล่า หามังกร…บุรุษรับใช้มิได้ร้องบทหลังออกไปเสียงดัง ด้วยเกรงว่านายหญิงอาจเข้าใจผิด คิดว่าตนกำลังดูแคลนความอยากรู้อยากเห็นของเธอมังกรในความฝัน… ฝันมายา… วังลอยฟ้าในความฝัน…ออเดรย์ครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะพบว่าบทกวีชนพื้นเมืองมิได้เหลวไหลไปทั้งหมดทบทวนความทรงจำเก่า ข้อมูลเกี่ยวกับมังกรที่เธอซื้อจากเดอะซันน้อยระบุว่า มังกรจินตภาพ? แอนเคอร์เวล ได้จินตนาการเมืองลอยฟ้าขึ้น ปกคลุมน่านฟ้าเบื้องบนเป็นบริเวณกว้าง ภายในนั้นมีเสาหินขนาดมหึมา คอยค้ำจุนมหาราชวังนาม ‘เลฟซิด’ ที่มีความหมายว่าเมืองแห่งปาฏิหาริย์ความฝัน… เส้นทางผู้ชมมีต้นกำเนิดจากมังกรจิต เกี่ยวข้องกับสติ จิตใต้สำนึก ทะเลจิตใต้สำนึกรวม และแดนนภาวิญญาณ ไม่ว่าจะมองมุมใดก็เกี่ยวข้องกับความฝันทั้งสิ้น… หืม… บทกวีโบราณกำลังสื่อถึงอะไรกันแน่… หรือว่าเลฟซิดจะมิได้ตั้งอยู่ในทะเลจิตรวม แต่เป็นความฝัน… ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ความฝันผูกมัดกับจิตของแต่ละคนไม่ใช่หรือ…ออเดรย์เต็มไปด้วยคำถาม ตลอดทางกลับคฤหาสน์เอาแต่ครุ่นคิดจนหัวแทบระบม แต่สุดท้ายก็ยังมองไม่เห็นคำตอบเมื่อกลับถึงห้อง หญิงสาวมองไปทางซูซี่ สุนัขขนทองตัวใหญ่ พลางต้องการปรึกษาคำถามคาใจกับใครสักคนซูซี่ไม่รู้จักมังกร เธอคงไม่ทราบความนัยแฝงของบทกวีโบราณแน่… ไม่สิ เราไม่ควรด่วนตัดสิน ซูซี่ฉลาดพอจะพบความปรกติที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเรา… เธอฉลาดพอจะเรียนกับมาดามเอสลันด์…ออเดรย์เดินเข้าไปใกล้และนั่งลง ตามด้วยการถามอย่างอ่อนโยน“ซูซี่ เธอคิดว่าบทกวีโบราณมีความนัยแฝงว่าอย่างไรบ้าง ฉันเชื่อว่า มันคงมิได้เรียบง่ายเหมือนที่ตาเห็นแน่”ซูซี่พะงาบปากเงียบงัน โดยไม่ทราบว่าควรตอบเจ้านายกลับไปเช่นไร เพราะเธอไม่เข้าใจบทกวีเลยสักนิดเดียวหลังจากครุ่นคิดสักพัก โกลเดนรีทรีเวอร์สีทองตัวใหญ่เปล่งเสียง“ออเดรย์ ฉันเป็นแค่หมา”…ณ ป่าลึกบนเกาะภูเขาครามสืบเนื่องจากความตื่นเต้นยินดี ไครัทจึงนอนไม่หลับทั้งคืน มันหมุนวีลแชร์ไปรอบตัวด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข ราวกับค้นพบเป้าหมายใหม่ของชีวิตนอกจากการแก้แค้นหลังจากหมุนครบรอบ มันรีบมุ่งหน้าไปยังแท่นบูชาเพื่อเตรียมสวดวิงวอนไครัทจดจำบัญญัติสิบประการจนขึ้นใจ และตระหนักว่าตนไม่ควรเอ่ยนามของเทพอย่างพร่ำเพรื่อ ดังนั้น เมื่อทำการสวดวิงวอน มันจะเปลี่ยนวลี เทพสมุทร ให้กลายเป็นคำว่า ‘เทพ’ อย่างคลุมเครือเมื่อเข้าใกล้แท่นบูชา รูม่านตาไครัทพลันหดเกร็ง เนื่องจากวัตถุใจกลางแท่นล้วนแผ่ออร่าผิดไปจากเดิม ตัวอย่างเช่น กริชเล่มหนึ่ง ผิวโลหะของกริชมิได้กำลังสะท้อนแสงจันทร์แดงฉานอย่างที่ควร แต่เป็นแสงสีเงินสว่างสดใส หรืออย่างเช่น ใบไม้ใบหนึ่ง สีเขียวของมันเข้มขึ้นจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด เพียงจ้องมองก็หายใจได้คล่องจมูกพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน!ไครัทคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ในวินาทีนี้ มันไม่เคลือบแคลงการเปลี่ยนแปลงของเทพสมุทรอีกแล้ว ปริศนาปมสุดท้ายภายในใจถูกคลี่คลายโดยสมบูรณ์วิวรณ์ของพระองค์เมื่อหลายวันก่อน ที่ระบุว่าท่านจะกลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้ง แท้จริงแล้วแฝงความนัยไว้ลึกซึ้ง สื่อว่าท่านกำลังวางแผนเปลี่ยนแปลงตัวเอง… พวกเราช่างโง่เขลาที่ตีความได้ไม่ฉะฉาน…ไครัทถอนหายใจแผ่ว ก่อนจะหมอบกราบไปกับพื้นเพื่อแสดงความเคารพต่อองค์เทพถัดมา มันปืนขึ้นวีลแชร์ ตรงไปยังที่พักของนักบวชใหญ่ เอ็ดมันตัน และสมาชิกกลุ่มต่อต้านคนอื่น ๆมันอดใจรอไม่ไหวที่จะสาธยายเรื่องราวสุดมหัศจรรย์ซึ่งตนได้ประสบพบเจอ อดใจรอไม่ไหวที่จะสรรเสริญว่า พระมหากรุณาธิคุณของเทพสมุทรนั้น ช่างกว้างใหญ่ยิ่งกว่ามหาสมุทร…กลางดึกสงัด ห้าทุ่มสิบห้านาทีไคลน์กำลังนั่งบนเก้าอี้ จ้องมองเดนิสประกอบพิธีกรรมวิญญาณสถิต ด้วยสายตาเย็นชาและไร้อารมณ์ แต่สมองกำลังจดจำรายละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ปล่อยให้ตกหล่นหรือจะมีความช่วยเหลือจากโลกวิญญาณ…ชายหนุ่มเริ่มวิเคราะห์น่าแปลก… ถ้าเป็นโลกวิญญาณ ขอเพียงระบุนามเต็มได้ถูกต้องครบถ้วน และเปล่งเสียงภาษาที่แฝงพลังธรรมชาติ ก็จะสามารถอัญเชิญตัวตนใดตัวตนหนึ่งออกมาพบได้ทันที หรือไม่ก็เรียกให้มาสถิตร่าง ไม่เกี่ยงว่าต้องอยู่ภายในระยะทางเท่าใด…ในทางกลับกัน เหล่าทวยเทพล้วนมีความสามารถเช่นนี้เกือบทั้งหมด แถมยังเหนือกว่าเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่น เทพสามารถหยั่งถึงคำสวดวิงวอนของสาวกในภาษาทั่วไปได้ นั่นอาจเป็นเพราะ สาวกจะได้รับความสนใจจากเทพมากกว่าคนนอกศาสนา…สำหรับตัวตนระดับครึ่งเทพ พวกท่านจะส่งอิทธิพลต่อโลกวิญญาณบางส่วน ทุกคนจึงสามารถสวดวิงวอนไปถึงได้ ขอเพียงเอ่ยพระนามเต็มให้ถูกต้องและครบถ้วน… ครึ่งเทพจะมีพลังในการตอบสนองคำวิงวอนและพิธีกรรม แต่จำกัดระยะทางและขอบเขต เฉกเช่นคาเวทูว่า…พลเรือโทธารน้ำแข็งคือผู้วิเศษลำดับกลางค่อนไปทางสูง แต่ก็คงไม่แข็งแกร่งพอจะตอบสนองพิธีกรรมวิญญาณสถิตด้วยตัวเอง… อาจต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากเทพหรือครึ่งเทพบางตน ด้วยการสวดวิงวอนไปหาท่านอีกทอดหนึ่ง จึงจะเข้ามาสิงร่างเดนิสได้ด้วยระยะทางจำกัด…ขณะไคลน์ได้ข้อสรุปให้ตัวเอง สิ่งของทั้งหมดภายในแท่นบูชา ยกเว้นเทียนไขสามเล่ม เริ่มลอยขึ้นไปในอากาศอย่างเชื่องช้าเนื้อตัวเดนิสสั่นกระตุกแผ่วเบา ก่อนที่สีหน้าจะแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาทันใดนั้น เพลิงพิโรธเปล่งเสียงนุ่มนวลของหญิงสาว ลักษณะคล้ายพลเรือโทธารน้ำแข็ง“สายัณห์สวัสดิ์”เสียงเหมือนเธอกำลังโกรธเพราะถูกปลุก…ไคลน์พบว่าร่างกายเดนิสกำลังถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายของบุคคลอื่นหลังจากครุ่นคิดสักพัก มันตัดสินใจพูดเข้าประเด็นโดยไม่อ้อมค้อม“ผมมีวิธีตามหาตัวพลเรือเอกโลหิต”“อะไรนะ…” น้ำเสียงเอ็ดวิน่า? เอ็ดเวิร์ดกลับเป็นปรกติทันที ราบเรียบและไร้อารมณ์ไคลน์อธิบายฉะฉาน“พวกมันใช้เทคโนโลยีล่าสุดของเครื่องรับโทรเลขไร้สาย ผมมีช่องสัญญาณและข้อมูลการเข้ารหัส สองสิ่งนี้ได้มาจากฉลามขาว”“โทรเลขไร้สาย… คุณรู้จัก?”ดูเหมือนเอ็ดวิน่าจะคาดไม่ถึงว่า เกอร์มัน? สแปร์โรว์ ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์เร้นลับระดับสูงคนหนึ่ง จะมีความรู้ด้านเทคโนโลยีของโลกปรกติ ถึงขั้นรู้จักเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่างเครื่องรับโทรเลขไร้สายไคลน์ยิ้มอย่างสุภาพ“ก็พอตัว”เอ็ดวิน่าเงียบงันสักพัก ก่อนจะยืมใช้ปากเดนิสช่วยในการสนทนา“พวกมันรู้เรื่องนี้ไหม”หมายถึงการรั่วไหลของช่องสัญญาณและการเข้ารหัส? ในทางทฤษฎี พวกมันคงระแคะระคายอยู่บ้าง เนื่องจากหนึ่งในเจ้าหน้าที่สายข่าวคนสำคัญ เฒ่าควินน์ ถูกแฮงแมนเชือดทิ้งไปแล้ว… อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะเทคโนโลยีนี้ยังใหม่มาก มนุษย์จึงยังไม่ตระหนักถึงช่องโหว่ความปลอดภัยสักเท่าไร…ไคลน์เลือกตอบแบบไม่กล้ารับปาก“ก็อาจจะ… แต่ก็คุ้มที่จะลอง”ขอเพียงจับสัญญาณแค่ครั้งเดียว โอกาสพบตัวพลเรือเอกโลหิตก็ไม่ไกลเกินเอื้อม!ในฐานะเทพสมุทร ถึงจะเป็นแค่ครึ่งเทพ และไม่มีอิทธิพลในน่านน้ำอื่นมากนัก แต่พลังควบคุมสัตว์ทะเลยังคงอยู่ เราสามารถใช้พวกมันตามหาเรือโจรสลัดได้… ไคลน์เสริมในใจเอ็ดวิน่ากล่าวเสียงขรึม“ให้เดนิสช่วยเฝ้าเครื่องก็แล้วกัน”ไม่เลว… ผู้หญิงคนนี้รู้จักเครื่องรับโทรเลขไร้สายเป็นอย่างดี…ไคลน์ฉีกยิ้ม“ตกลง”เมื่อการสนทนาจบลง เดนิสยืนจ้องเกอร์มัน? สแปร์โรว์ด้วยสีหน้าสุดประหลาดใจ เนื่องจากมันเห็นอีกฝ่ายกำลังถือเครื่องจักรขนาดค่อนข้างใหญ่ออกจากห้องนอน“นี่คือ?” เดนิสซักถามงุนงงไคลน์ตอบห้วน“เครื่องรับโทรเลขไร้สาย”เดนิสอ้าปากค้างไปสักพัก จนกระทั่งมีบางคำหลุดออกมา“ไปเอามาจากไหน…”ไคลน์จ้อง“ข้างนอก”เมื่อกล่าวจบ ชายหนุ่มโยนคู่มือ ช่องสัญญาณ และข้อมูลการเข้ารหัสให้เดนิส ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนตัวเองและปิดประตูออกไปข้างนอกบ่อยๆ เพราะตามหาไอ้เครื่องนี้เองหรือ…เดนิสเริ่มเข้าใจในบางสิ่งหลังจากศึกษาและลองผิดลองถูกสักพัก มันเริ่มใช้งานเครื่องรับโทรเลขไร้สายได้อย่างชำนาญ จึงปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นและเดินไปนอนบนเก้าอี้เอนหลังหลับไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ แต่เดนิสสะดุ้งตื่นกลางดึกเนื่องจากได้ยินเสียงกุกกักเสียงอะไร…?เพลิงพิโรธรีบหันไปทางต้นเสียงท่ามกลางแสงจันทร์แดงฉาน ภายในห้องบรรยากาศมืดสลัว เครื่องรับโทรเลขกำลังทำงานด้วยตัวมันเอง พ่นกระดาษมายาออกมาหนึ่งแผ่นนี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน…!เดนิสรวบรวมเพลิงก้อนใหญ่ในมือ ขยับตัวเข้าไปใกล้ทีละนิดอย่างระมัดระวังฉากตรงหน้าทำให้มันนึกถึงเรื่องเล่าสยองขวัญที่โจรสลัดมักโอ้อวดในวงเหล้า!เครื่องรับโทรเลขเป็นอะไร… ถูกวิญญาณมารตนไหนสิงเข้ารึไง…เดนิสไม่ด่วนสรุป เตรียมหันไปตะโกนเรียกเกอร์มัน? สแปร์โรว์ภายในห้องนอนแต่ทันใดนั้น มันเหลือบเห็นข้อความบนกระดาษมายาสีขาว เขียนด้วยภาษาฟุซัคโบราณ ใจความว่า :“สวัสดี ข้าแวะมาเยี่ยมเนื่องจากสัมผัสถึงออร่าที่คุ้นเคย แต่อีกไม่นานก็คงสลายไป”“สวัสดี” เดนิสพยายามสนทนา“นายเป็นใคร”เครื่องรับโทรเลขทำเสียงกุกกักอีกครั้ง ก่อนจะพ่นกระดาษสีขาวออกมา :“นามของข้าคืออาโรเดส เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าต้องตอบคำถามมาหนึ่งข้อ”……………………
คอมเม้นต์