ราชันเร้นลับ 552 : คิดการใหญ่
เดนิสโยนผ้าพันแผลและเฝือกทิ้งถังขยะ ก่อนจะเลื่อนมือลงไปจัดระเบียบท่อนแขนซ้าย“โดยทั่วไปแล้ว ถ้อยคำยั่วยุของโจรสลัดมักเป็นการด่าทอเป้าหมาย แต่ของฉันแตกต่างออกไป จะเป็นการพูดเพื่อให้ตัวเองถูกด่าเสียมากกว่า สิ่งนี้ถือเป็นศาสตร์ชั้นสูง ต้องพึ่งพาสติปัญญาและข้อมูลในมือจำนวนมาก ต้องรู้จุดอ่อนของเป้าหมายเป็นอย่างดี หากบรรลุถึงขั้นสูงสุด เพียงหนึ่งคำพูดและหนึ่งภาษากาย ก็มากพอจะทำให้อีกฝ่ายสิ้นสติ พร้อมกับเดือดดาลไปด้วยโทสะ”มันเว้นวรรค“ตัวอย่างเช่น ‘เหล็กกล้า’ ถึงนายจะเรียกหมอนั่นว่าไอ้แม่เย็*! หรือด่าทอบุพการี แม็ควิตี้ก็จะไม่แยแส แต่ว่า แค่นายทำแบบนี้พร้อมกับกล่าวหนึ่งคำ เจ้านั่นจะเปลี่ยนเป็นกระทิงคลั่ง ตาแดงก่ำ วิ่งไล่ขวิดอย่างโง่เขลาทันที”เมื่อพูดจบ เดนิสเลื่อนมือลง ทำท่าเต้น ‘ลูบเป้า’ พลางกระตุกสะโพก และกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามเสียเต็มประดา :“ไอ้ตูดบาน!”แม้แต่เราก็ยังอยากซัดหน้าสักหมัด…สมแล้วที่เป็นนักยั่วยุ…อา…นับว่าสมเหตุสมผล เพราะดูเหมือนเหล็กกล้า·แม็ควิตี้จะมีงานอดิเรกและรสนิยมทำนองนั้น…ไคลน์คลายหมัดที่กำแน่น“นี่คือนักยั่วยุมืออาชีพ” เดนิสเสริม “หากฉันพบสัตว์ป่า มอนสเตอร์ หรือพวกเสียสติที่สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ก็ยังทำให้อีกฝ่ายเกลียดชังได้ด้วยภาษากาย นี่คือผลของพลังพิเศษ”ใครก็ตามที่มีพลังแบบนี้ หากไม่ถูกกระทืบจนตาย ก็ต้องมีวิธีพิเศษในการเอาตัวรอดจากทุกสถานการณ์ และหมอนี่คืออย่างหลัง…ไคลน์วิเคราะห์เดนิสเลิกเป็นกังวลกับแขนซ้าย หันมาพูดกับไคลน์อย่างอารมณ์ดี“ด้วยความสัตย์จริง ฉันวางกับดักเก่งมาก! แต่น่าเสียดายที่นายไม่เห็นด้วยกับแผนการล่าเหล็กกล้าของฉัน”ไคลน์พยายามระงับมุมปาก พลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ก็ยังมีโอกาสนี่”“โอกาสอะไร…?” เดนิสเริ่มขมวดคิ้ว“โอกาสหลอกล่อผู้วิเศษเส้นทางเดียวกับเหล็กกล้าให้กับมาติดกับดักของนาย จากนั้น ก็ดวลกันตัวต่อตัวให้สมใจอยาก… ไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยหาเหยื่อให้อีกแรง”ไคลน์ยิ้มเดนิสพลันชะงักไปชั่วขณะมันเพิ่งฉุกคิดได้ว่า สำหรับเส้นทางที่ไม่เกรงกลัวกระสุนปืน ไม่กลัวการโจมตีระยะไกล ไม่กลัวการถูกเผา และไม่กลัวการจมน้ำ กับดักทุกชนิดแทบจะไม่เกิดประโยชน์เดนิสหัวเราะแห้งสองหน พลางหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง“วันนี้อากาศดีจังแฮะ… หรืองูทะเลคาเวทูว่าจะว่าตายไปแล้ว?”ไคลน์ส่งเสียง ‘อือ’ โดยไม่ปิดบังความจริงเดนิสเริ่มหายใจทั่วท้อง ลังเลเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ“อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะลงเอยด้วยแบบใด แต่หลังจากเหตุการณ์กวาดต้อนแบบปูพรมในเมืองบายัมเมื่อวันก่อน คงไม่มีโจรสลัดหน้าไหนกล้ามาเหยียบเมืองนี้ไปนาน ไม่เว้นแม้กระทั่งพลเรือเอกโลหิต แผนของนายที่จะล่ามันร่วมกับกัปตันคงต้องเลื่อนออกไปก่อน ทะเลโซเนียนั้นกว้างใหญ่มาก เกินกว่าจะค้นหาเรือที่พยายามซ่อนตัวพบโดยง่าย! ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีทะเลหมอก ทะเลคลั่ง ทะเลเหนือ และทะเลขั้วโลก! ถ้าหาตัวกันได้ง่าย… ถ้าพลเรือเอกโจรสลัดถูกตัวพบเพียงเพราะใครสักคนอยากล่า บรรดาเจ็ดโบสถ์หลักคงไม่มีทางปล่อยให้พวกมันลอยนวลมาถึงตอนนี้แน่ ฉะนั้น รีบปล่อยฉันกลับฝันทองคำสักที!”เดนิสกล่าวความในใจไม่ต้องห่วง สหาย ฉันมีทางออก และคงต้องรบกวนนายอีกสักหน่อย…ไคลน์หันไปถาม“ฉันอยากถามความเห็นกัปตันนาย”ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มจ่ายเงินสิบสองปอนด์ไปกับเครื่องรับส่งโทรเลข แต่เป็นเพราะกำลังพัวพันกับเทพสมุทร จึงไม่มีโอกาสใช้งานเลยสักครั้ง และยังปะปนอยู่กับ ‘กองขยะ’ บนห้วงมิติเหนือสายหมอกขณะเดียวกัน เงินจากมิสเตอร์แฮงแมนและมิสจัสติสถูกส่งมาถึงแล้ว เงินสดไคลน์จึงเพิ่มเป็น 7,085 ปอนด์กับอีกห้าเหรียญทองปอนด์เป็นความมั่งคั่งชนิดที่สามารถซื้อที่ดินพร้อมบ้านหลังใหญ่ได้สบายในทุกเมืองทั่วโลกหากไม่เพราะเราต้องแก้แค้น รวมถึงต้องหาทางกลับโลกเดิม ป่านนี้คงเลิกดิ้นรนและใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย…ไคลน์ครุ่นคิดอย่างพึงพอใจความเห็นของกัปตัน…เดนิสพูดพลางฝืนยิ้ม“แม้ว่าในทางทฤษฎี กัปตันและคนที่เหลือควรเดินทางเข้ามาในระยะห้าร้อยไมล์ทะเลเรียบร้อยแล้ว พร้อมสำหรับการประกอบพิธีกรรมวิญญาณสถิต แต่นายก็คงทราบดี เส้นทางเดินเรือปรกติย่อมไม่ปลอดภัย โจรสลัดยิ่งต้องระวังตัวเป็นทวีคูณ และคอยหลบเลี่ยงเรือลาดตระเวนของกองทัพกับโบสถ์วายุสลาตัน จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอ้อมไกล ฉันจึงอยากแนะนำว่า รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ จากนั้นค่อยทดสอบใช้พิธีกรรมวิญญาณสถิติหากัปตัน พวกเราจะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองแรงกายและค่าวัสดุฟรี…แบบนี้ดีกว่าไหม”“อือ” ไคลน์เพียงขานรับไร้อารมณ์ มิได้ตอบว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่’ เพียงหันหลังกลับและเดินไปเข้าห้องน้ำสำหรับวันนี้ ชายหนุ่มมีแผนจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง มองหาเป้าหมายของการใช้เทคนิคสวมบทบาทและย่อยโอสถเมื่อเห็นแผ่นหลังของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ลับสายตา เดนิสเริ่มหายใจทั่วท้องเราต้องแอบติดต่อกัปตันก่อน… โน้มน้าวให้เธอเรียกตัวเรากลับฝันทองคำ จากนั้นค่อยประกอบพิธีกรรมวิญญาณสถิตต่อหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์! หมอนี่ชอบออกไปข้างนอก เรามีโอกาสมากมายให้จัดการตามแผน…หึหึ! ชอบชอปปิ้งนัก!เดนิสครุ่นคิด มุมปากยกโค้ง…หลังออกจากวิหารคลื่นสมุทร อัลเจอร์ตรงไปยังบริษัทการค้าราล์ฟ พลางครุ่นคิดมาตลอดทาง จนกระทั่งได้พบเจ้าของร้านกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์มันทราบเป็นอย่างดีว่า ชายวัยกลางคนมาดภูมิฐาน สวมสูท ผูกโบหูกระต่าย และแว่นตากรอบทองผู้นี้ สมัยก่อนเคยเป็นโจรสลัดมากฝีมือ ขณะเดียวกันก็ยังแอบสนับสนุนกลุ่มต่อต้าน และศรัทธาเทพสมุทร·คาเวทูว่า“วันนี้มาด้วยธุระอันใด คุณกัปตันเรือผีสิงของพวกเรา” ราล์ฟวางหนังสือพิมพ์ลงบนกึ่งกลางตัก เผยรอยยิ้มผ่อนคลายชายคนนี้คือบุตรนอกสมรสของนักผจญภัยลูกครึ่งโลเอ็นเฟเนพ็อต มารดาเป็นชนพื้นเมือง ราล์ฟเริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นโจรสลัด ในช่วงกำลังสร้างอนาคต มันพลิกผันตัวเองมาเป็นพ่อค้าสองหน้า มีเส้นสายกว้างขวางในศาลากลางเมือง สภาเมือง และสถานีตำรวจ เรียกว่าอิทธิพลเบื้องหลังค่อนข้างใหญ่โตเมื่อได้ยินคำทักทาย อัลเจอร์เกือบเผลอขมวดคิ้ว เพราะน้ำเสียงและท่าทีของอีกฝ่ายค่อนข้างไม่ปรกติไม่ปรกติสำหรับอัลเจอร์หมายถึง เหนือความคาดหมายของตนไปพอสมควรตามความเห็นของมัน หลังจากความตายของเทพสมุทร เหล่าสาวกรอบหมู่เกาะรอสต์ควรตระหนักถึงสัญญาณบางอย่าง โดยเฉพาะกับสาวกหัวรุนแรง สีหน้าพวกมันจึงควรกังวล หรือไม่ก็โศกเศร้า มิใช่ผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติเช่นนี้อัลเจอร์ไม่ถามถึงคาเวทูว่าทันที เพียงเกริ่นด้วยรอยยิ้ม“มีเบาะแสของโควาโร่บ้างไหม”โควาโร่คือกัปตันเรือผู้เสนอขายมรดกของบารอนผีดูดเลือด กล่าวกันว่า ชายคนนี้เคยเป็นลูกเรือจักรพรรดิมืด เรือประจำกายของราชาแห่งห้าห้วงสมุทร นาสต์ มาก่อน และปัจจุบันก็ยังเป็นสายข่าวให้อย่างลับๆ“ใครจะไปทราบ…แต่ที่แน่ชัดก็คือ เจ้านั่นไม่ได้อยู่ในบายัมอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นคงถูกเก็บกวาดไปตั้งแต่สองวันก่อน” ราล์ฟยักไหล่เล็กน้อย “ได้ยินว่าแล่นเรือลงไปทางใต้”ในความเป็นจริง อัลเจอร์ได้ตกลงและนัดหมายกับโควาโร่เรียบร้อย บทสนทนาเมื่อครู่เป็นเพียงการเปิดประเด็นชวนพูดคุยแน่นอน มันย่อมทราบว่า เพื่อจะหลบให้พ้นเขตสึนามิรอบหมู่เกาะรอสต์ โควาโร่จำเป็นต้องออกเรือไปไกลพอสมควร กว่าจะอ้อมกลับมาถึงบายัมก็คงอีกสักพักแต่อัลเจอร์ไม่เร่งรีบ เพราะมันทราบว่า มิสเตอร์มูนได้รับเช็คเงินสดประเภทระบุวันรับ หากถอนออกมาก่อนกำหนด จะต้องเสียค่าธรรมเนียมบางส่วน และสูญเสียดอกเบี้ยอันพึงจะได้รับไปมันพยักหน้าหนักแน่น“เข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูล”ถัดมา อัลเจอร์ถามโดยแสร้งทำเป็นไม่ทราบสถานการณ์“ฉันได้ยินมาว่า เทวรูปของเทพสมุทรหลายแห่งเริ่มแตกหักด้วยตัวเอง…”อันที่จริง อัลเจอร์มิได้เห็นกับตา ไม่ได้ยินมากับหู แต่สามารถคาดเดาได้จากการอ่านเอกสารลับของโบสถ์เป็นจำนวนมากจากบรรดาเกาะอาณานิคมทั้งหมด รวมถึงดินแดนทวีปใต้ มีเทพพื้นเมืองจำนวนไม่น้อยต้องตายไปด้วยฝีมือของพระคาร์ดินัลแห่งโบสถ์วายุสลาตัน ชะตากรรมล้วนไม่ต่างจากคาเวทูว่า และเหตุการณ์หลังจากเทพเหล่านั้นร่วงหล่นก็ถูกบันทึกไว้ในเอกสารลับของโบสถ์อย่างละเอียดราล์ฟพยักหน้าเยือกเย็น“อา…มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่ข่าวร้ายเลยสักนิด”สีหน้าราล์ฟเริ่มอิ่มเอม“เพราะพระองค์ท่านเสด็จกลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้งด้วยรูปลักษณ์ใหม่!”กลับมายังโลกมนุษย์ด้วยรูปลักษณ์ใหม่…?ดวงตาอัลเจอร์แฝงความครุ่นคิดสักพัก แต่เมื่อฉุกคิดบางสิ่ง มันเริ่มเผยความตะลึงจากสถานการณ์ฝั่งโบสถ์วายุสลาตัน ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า คาเวทูว่าไม่น่าจะมีชีวิตอยู่อีกแล้ว ถ้าอย่างนั้น ใครกำลังตอบสนองต่อคำวิงวอนของเหล่าสาวกเทพสมุทร…?สมมติฐานอันบ้าบิ่นพลันผุดขึ้นในความคิด…หรือว่านี่จะเป็นส่วนหนึ่งในแผนการคืนชีพของมิสเตอร์ฟูล?ฉวยโอกาสหลังจาก ท่านสวมรอยเป็นเทพสมุทรองค์ใหม่แทน? ท่านกำลังพยายามสร้างอิทธิพลบนโลกจริง เพื่อให้ผนึกคลายตัวได้เร็วขึ้น!ไม่ผิดแน่ นี่คือเหตุผลในการมาเยือนบายัมของเดอะเวิร์ล…ซี๊ด…ท่านคิดการใหญ่ถึงเพียงนี้เชียว!อัลเจอร์กลืนน้ำลายเงียบงัน พยายามยับยั้งความตื่นเต้นไว้ในใจ…ณ โรมแรมวายุคราม ไคลน์ ผู้ยังไม่ออกจากห้องไปไหน กำลังนั่งคุยกับไอร์แลนด์ กัปตันเรือโมราขาว ที่แวะมาจ่ายค่าตอบแทนภารกิจเมื่อวันก่อน“นี่คือรางวัลของพวกคุณ ทั้งหมดหนึ่งร้อยปอนด์ถ้วน”มันมิได้ระบุว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้เท่าไร เดนิส·เพลิงพิโรธได้เท่าไร เพียงยื่นเงินเต็มจำนวน จากนั้นก็ให้แบ่งกันเอาเองกองทัพใจกว้างไม่เลว…ไคลน์รำพัน พลางรับปึกธนบัตรจากอีกฝ่ายมาถือ ตามด้วยการก็หยิบธนบัตรห้าปอนด์ออกมาสองใบ โยนให้เดนิสถัดมา ชายหนุ่มตวัดข้อมือ ดึงธนบัตรสิบปอนด์จากข้างล่างออกมาอีกสองใบ และโยนไปหาเดนิสด้วยสีหน้าเรียบเฉยเกอร์มัน·สแปร์โรว์ช่างใจกว้าง… เที่ยงธรรมยิ่งกว่าไอร์แลนด์ผู้เที่ยงธรรมเสียอีก!เดนิสรับส่วนแบ่งอย่างประหลาดใจ พลางสัมผัสได้ว่า กระเป๋าสตางค์ที่เคยถูกสูบเงินออกไปในช่วงสองสามวันหลัง เริ่มฟื้นฟูกลับมาจนบวมพองอีกครั้งขณะสายตาจ้องมองเกอร์มัน·สแปร์โรว์ในเสื้อผ้าเซตใหม่ ไอร์แลนด์ ในสภาพมือข้างหนึ่งถือหมวกพับทรงทหารเรือ ซักถามด้วยสีหน้าเกรงใจ“มีข่าวมาจากโบสถ์วายุสลาตันว่า บุคคลที่นำใบประกาศเกี่ยวกับเลติเซียและคาเวทูว่าไปติดไว้หน้าโบสถ์ ถูกสงสัยว่าจะเป็นฝีมือของ ‘เพลิงพิโรธ’ เดนิส พวกคุณคิดยังไงกันบ้าง…”ไอร์แลนด์มองเข้าไปในดวงตาเดนิส นั่งรอคำตอบอย่างใจเย็น“ฮะฮะ…” เดนิสหัวเราะ “ฉันไม่รู้จักเขา”ไคลน์เงียบงันสักพัก“เนื่องจากต้องการเติมเต็มความปรารถนาของนักผจญภัยที่เสียชีวิตตามลำพัง ผมจึงเดินทางไปยังเกาะไซมีม และได้พบเลติเซียกับคณะพักอาศัยในโรงแรมเดียวกัน ในคืนนั้น โรงแรมของพวกเราถูกงูบุกรุก แต่ปัญหาก็ถูกจัดการได้ไม่ยาก เมื่อกลับถึงบายัม ผมเดินทางเข้าไปในเขตกลุ่มต่อต้านเพื่อหาซื้อสิ่งของน่าสนใจ พวกเขาพยายามเสนอขายดาบหนึ่งเล่มให้ผมโดยอ้างว่าเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ ภายในป้อมปราการขนาดย่อมซึ่งเป็นสถานที่ซื้อขาย ห้องดังกล่าวมีผู้วิเศษลำดับกลางมากถึงสองคนคอยคุมเชิง เพียงผมสัมผัสดาบ จิตอันชั่วร้ายได้พยายามรุกรานเข้ามาในร่างกาย จนเกือบเข้าสู่ภาวะคลุ้มคลั่ง…ขณะเดียวกัน พวกเขาก็มอบภารกิจตามหาเลติเซียให้ด้วย”ทั้งหมดล้วนเป็นความจริง ถึงจะไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด แต่ก็มากพอจะทำให้ไอร์แลนด์เชื่อมโยงกับบุคคลปิดป้ายประกาศหน้าวิหารคลื่นสมุทรได้หากกองทัพและโบสถ์วายุสลาตันตัดสินใจสืบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด อย่างน้อย ข้อมูลเดียวของไคลน์ที่จะไปหลุดก็คือ เกอร์มัน·สแปร์โรว์มีพลังในการแปลงโฉมไอร์แลนด์นั่งฟังเงียบงัน ก่อนจะยิ้ม“ในอนาคต คุณไม่มีความจำเป็นต้องแอบปิดประกาศในยามวิกาล สามารถหาบอกกับผมได้โดยตรง วิธีนี้ยังจะช่วยให้ได้รับรางวัลตอบแทนเพิ่มเติม”กัปตันโมราขาวยืนขึ้น สวมหมวกพับ พลางหันไปพูดกับเดนิสด้วยรอยยิ้ม“และผมยังได้ยินมาด้วยว่า ค่าหัวของเพลิงพิโรธเพิ่มขึ้นอีกแล้ว”……………………
คอมเม้นต์