ราชันเร้นลับ 546 : โลกวิญญาณ
เมื่อกลับถึงโลกจริง ไคลน์รีบดับเทียน เก็บของสำคัญกลับใส่กระเป๋า และกวาดสายตาสำรวจสถานการณ์รอบโกดังอย่างละเอียดโชคยังดี วังวนกระแสน้ำของคาเวทูว่าได้ชะล้างเกือบทุกสิ่งจนเกลี้ยง เหลือเพียงคราบฝนระลอกหลัง รอยไหม้จากสายฟ้าบนพื้นดินหลายจุด เศษขี้เถ้าโปรยปราย และรอยไถของฝ่าเท้าไคลน์บนพื้นสองเส้นตรงเป็นทางยาวร่องรอยพวกนี้ลบเลือนได้ไม่ยาก เพียงให้เดนิส ‘เก็บกวาด’ โกดังด้วยไฟบอล จัดฉากให้เป็นการทะเลาะกันระหว่างโจรสลัด…ไคลน์พยักหน้า หยิบกระดาษคนที่เหลือเพียงน้อยนิดออกมาสะบัดกระดาษคนตัวแทนลอยออกไป เผาไหม้ตัวเองจนเกรียม และโปรยปรายเถ้าถ่านสีดำร่วงกราวลงพื้นเมื่อจัดการเสร็จ ไคลน์เดินตรงไปทางประตูโกดังที่เดนิสช่วยปิดสนิทและกำลังเฝ้าจากด้านนอก แต่ยิ่งก้าวเดิน ชายหนุ่มก็ยิ่งขมวดคิ้วเคร่งเครียดพื้นรองเท้าหายเกลี้ยง ส่วนที่เหลือก็ฉีกขาดยับเยิน เสื้อผ้าและกางเกงล้วนเต็มไปด้วยรอยขาด คราบน้ำ รอยไหม้ และคราบสกปรกนี่คือบาดแผลของนักรบ ลำพัง ‘กระดาษคนตัวแทน’ มิอาจรับความเสียหายได้ครบทุกประเภทอยู่แล้ว ; รอยฉีกขาดเกิดจากแรงดูดของคาเวทูว่า คราบเปียกชื้นเกิดจากพายุฝนระลอกหลัง รอยไหม้เกิดจากการใช้กระดาษคนตัวแทนหลบสายฟ้าช้าไปหนึ่งจังหวะ จวบจนตอนนี้ แม้อาการจะดีขึ้นมากแล้ว แต่แขนขวายังคงปวดแปลบจากอาการช็อกไฟฟ้า“เสียหายแปดปอนด์ หกซูล… ต้องรีบซื้อเสื้อผ้าเซตใหม่โดยด่วน… แม้ว่าเราจะทำนายถึงอันตรายและเตรียมรับมืออย่างเหมาะสมแล้ว แต่คาเวทูว่าทั้งแข็งแกร่งและบ้าคลั่งกว่าที่เราคำนวณไว้มาก… ได้แต่หวังว่าผลตอบแทนภายหลังคุ้มค่ากับการลงทุน” ไคลน์ส่ายหน้าเงียบงัน พยายามเก็บซ่อนอารมณ์และความเจ็บปวด ก่อนจะเดินไปเคาะประตูทางออกโกดังสินค้าสามครั้งเดนิสสะดุ้งเฮือก ใช้เวลาราวสองสามวินาทีจึงค่อยกล้าเปิดประตูเมื่อเห็นว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์กลับมาอยู่ในมาดเย็นชาและพูดน้อย ปราศจากจิตคุกคามอันหิวกระหาย เดนิสเริ่มหายใจทั่วท้อง ตามด้วยการจ้องเข้าไปในดวงตา และซักถามอย่างเป็นกันเอง“จบแล้วใช่ไหม”“ยัง” ไคลน์ยกมุมปาก เผยรอยยิ้มอบอุ่นยังอีก…? เดนิสเริ่มขมวดคิ้ว“เหลืออะไร?”ไคลน์ยังคงยิ้มอย่างมีเลศนัย :“ทำความสะอาด หลังจากใช้สถานที่ของคนอื่น ก็ต้องเก็บกวาดให้เรียบร้อย มันเป็นมารยาท”ทำความสะอาด… เดนิสยืนมึนงง ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมาชี้ตัวเอง“ฉัน?”ไคลน์ฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม“หรือนายคิดควรเป็นฉัน…”…ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันคงได้ถูกไอ้ถุงมือบัดซบนั่นเขมือบเอาพอดี!เดนิสหัวเราะแห้ง“ทำความสะอาดยังไง?”“ไฟบอล” ไคลน์ตอบห้วนในฐานะโจรสลัดพาร์ตไทม์ เดนิสไม่ต้องใช้ปัญญามากมายในการเข้าใจความหมายแฝงของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ มันรีบเดินผ่านไคลน์และเข้าไปในโกดังสินค้าระหว่างนั้น ภายในใจกำลังผุดคำถามและข้อสงสัยมากมายกัปตันเคยบอกว่า ยุบพองหิวโหยจะต้องเขมือบวิญญาณมนุษย์ทุกวัน แต่ในกรณีของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ชายคนนี้กลับให้ถุงมือกินเฉพาะอาหารหลังจากใช้พลังเท่านั้น ไม่ต้องคอยวุ่นวายหาเหยื่อทุกวัน… แต่การต่อสู้เมื่อสักครู่ มันใช้พลังของ ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้อย่างแน่นอน ถึงกระนั้น หลังจากจบศึกกลับไม่มีการ ‘ป้อน’ อาหารแต่อย่างใด… แปลกมาก… ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้…พลังของผนึกบางชนิด? ชายคนนี้ ไม่สิ… องค์กรเบื้องหลังของมัน ใช้วิธีใดในการผนึกยุบพองหิวโหย…ขณะเดนิส ‘ทำความสะอาด’ โกดังสินค้า ไคลน์กำลังยืนรอด้านนอก แหงนหน้ามองท้องฟ้าเมฆครึ้ม สมองไตร่ตรองแผนการขั้นตอนถัดไปเรานำกล่องบุหรี่โลหะเจือออร่าสายหมอกซ่อนไว้ในรังของมันสำเร็จแล้ว เหลือแค่รอให้คาเวทูว่า เทพสมุทรกำมะลอ จากโลกนี้ไปอย่างสงบ… ได้แต่หวังว่าผู้วิเศษของโบสถ์และกองทัพจะยังตามหารังของมันไม่พบ หรือไม่ก็ เหลือบางสิ่งที่พวกมันไม่คิดว่าสำคัญ แต่ยังพอมีมูลค่า ให้เราสักชิ้นของชิ้นก็ยังดี…ไคลน์หายใจเข้าออกด้วยจังหวะเชื่องช้า โสตประสาทรับฟังเสียงระเบิดโครมครามด้านหลังอย่างสงบ…ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง อัลเจอร์กำลังยืนริมหน้าต่าง สายตามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันหม่นหมองเราได้รับแก๊สสลบของผีดูดเลือดทันทีหลังจากชุมนุมทาโรต์ครั้งล่าสุดจบลง ฉะนั้นในทางทฤษฎี เราควรออกทะเลเพื่อรวบรวมวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถได้แล้ว แต่ผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์ กลับไม่โอกาสได้ออกจากบายัมแม้แต่ก้าวเดียว…มุมปากอัลเจอร์สั่นระริกเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าอย่างจนปัญญาช่วยไม่ได้… ทุกสิ่งเริ่มจากการวางแผนล่าตัว ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้ของเดอะเวิร์ล โดยปฏิบัติการดังกล่าวสามารถทำเงินให้เราและเขาได้มหาศาล จึงต้องรอรับค่าหัวอย่างไม่มีทางเลือก… แต่เมื่อเงินค่าหัวอนุมัติ กลับมีเหตุการณ์ของคาเวทูว่าเกิดขึ้นซ้ำซ้อน งูทะเลยักษ์สูญเสียเสถียรภาพและใกล้ร่วงหล่น เราจึงต้องทำภารกิจตามหาตัวเลติเซีย·โดเรล่าของบิชอปโชโกรี…เมื่อเช้าได้ยินว่า การสืบสวนแบบปูพรมช่วยให้พบตัวเลติเซียแล้ว ดูเหมือนทูตพิพากษากับกองทัพจะได้เบาะแสสำคัญมาไว้ในมือ มีหลายหน่วยถูกส่งไปยังเกาะไซมีมเป็นการเร่งด่วน… หึหึ งานแบบนี้ไม่มีทางหลุดมาถึงมือเราอยู่แล้ว…อัลเจอร์เบือนหน้ากลับ ดึงชุดคลุมสั้นที่ชายยาวต่ำกว่าเข่าขึ้น พลางพึมพำ :“อีกไม่กี่วันเท่านั้น…”หากคาเวทูว่าเสียชีวิตลงและสึนามิรอบหมู่เกาะรอสต์สงบลง มันจะแล่นเรือออกจากท่าบายัม เมืองแห่งการให้ มุ่งหน้าค้นหาวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถ ‘ข้ารับใช้วายุ’ และยกระดับตัวเองกลายเป็นลำดับ 6 เสียทีขณะสมองกำลังครุ่นคิด อัลเจอร์หันหลังกลับและมองออกไปนอกหน้าต่างมันเห็นเมฆดำค่อย ๆ ลอยห่างออกไป จันทราสีแดงสุกสว่างปรากฏขึ้นแทนที่…กลางดึกสงัด ขณะกำลังนอนหลับสบาย ไคลน์สะดุ้งตื่นเนื่องจากสัมผัสวิญญาณของตนถูกกระตุ้นรุนแรงมันลุกจากเตียง เดินมายืนริมหน้าต่างและดึงผ้าม่านเปิดแสงจันทร์สีแดงนวลฉาบทุกสรรพสิ่งภายใต้บรรยากาศอันงดงาม เป็นภาพอันชวนฝันและสุขสงบเหนือคำบรรยายไคลน์กวาดสายตา และพบว่าเมฆที่ลอยต่ำผิดปรกติได้เลือนหายไปอย่างสมบูรณ์ จันทร์แดงกึ่งกลางท้องฟ้าถูกรายล้อมด้วยหมู่ดาราอย่างแจ่มชัดหรือว่าการเผชิญหน้าระหว่าง ‘เทพสมุทร’ และ ‘เจ้าสมุทร’ จบลงแล้ว?สองวินาทีถัดมา ไคลน์เบือนหน้ากลับ รูดม่านปิดสนิท และเดินถอยหลังสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอกชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะทองแดงยาว ในมือถือเหรียญทอง สายตาอ่านทบทวนประโยคทำนาย :“คาเวทูว่าตายแล้ว”…หลังจากท่องครบเจ็ด มันดีดเหรียญทองขึ้นไปในอากาศ เพ่งมองการหมุนควงและหล่นกลับลงมาแปะ! เหรียญทองลงจอดกึ่งกลางฝ่ามือปรากฏด้านใบหน้ากษัตริย์!หมายความว่า ‘ใช่’คาเวทูว่า เทพสมุทรกำมะลอ เสียชีวิตอย่างสมบูรณ์แล้ว!ไม่ผิดแน่ โบราณสถานเอลฟ์บนเกาะไซมีมต้องมีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับรังที่คาเวทูว่าใช้ซ่อนตัว… หลังจากทูตพิพากษาและกองทัพได้รับ ‘หนังสือแห่งภัยธรรมชาติ’ ไม่ถึงยี่สิบชั่วโมง พวกมันสามารถแกะรอยจนนำไปสู่ความตายของคาเวทูว่าสำเร็จ… เราเคยประเมินว่าอาจต้องใช้เวลานานถึงสามวัน…ไคลน์ถอนหายใจ พยายามทำนายว่าคนของทางการค้นพบรังคาเวทูว่าแล้วหรือยังแต่ค่อนข้างน่าเสียดาย ผลลัพธ์ออกมาล้มเหลวทั้งหมด อาจเนื่องด้วยการมีข้อมูลไม่มากพอ จึงไม่ได้รับคำตอบหรือวิวรณ์ใดทั้งสิ้นไคลน์เริ่มเปลี่ยนความคิด มันปลดจี้บุษราคัมออกจากข้อมือซ้ายและเริ่มทำนายด้วยประโยค ‘การค้นหารังของคาเวทูว่ามีอันตรายหรือไม่’เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตัวผู้ทำนายโดยตรง ผลลัพธ์จึงเกิดขึ้นไม่ยากเย็น :จี้บุษราคัมหมุนทวนเข็ม ด้วยความเร็วไม่สูงมาก และวงการแกว่งก็ไม่กว้างมีอันตราย แต่อยู่ในระดับพอรับได้… อันตรายน้อยกว่าการประกอบพิธีกรรมสังเวยคราวก่อน…ไคลน์พยักหน้า ส่งตัวเองกลับโลกความจริงเพื่อเตรียมการขั้นตอนถัดไปมันเดินไปลงกลอนล็อกประตูห้องนอนอย่างแน่นหนา ตั้งแท่นบูชา และประกอบพิธีกรรมถึงตัวเองเมื่อกลับมายังห้วงมิติเหนือสายหมอกสีเทาอีกครั้ง ชายหนุ่มนำไพ่จักรพรรดิมืดสอดเข้าไปในร่างวิญญาณทันใดนั้น ร่างวิญญาณไคลน์คล้ายกับมีเนื้อหนังห่อหุ้มทุกส่วน หมอกสีดำแผ่ออกไปรอบตัวด้วยบรรยากาศน่าเกรงขาม ชุดเกราะเต็มอัตราศึกสีดำผุดขึ้นตามร่างกาย เหนือศีรษะปรากฏมงกุฎสีดำสนิทแวววาวสง่างามเมื่อมองไปยังถุงมือหนังมนุษย์บางบนโต๊ะทองแดง ไคลน์เผยสีหน้าลังเลหากเป็นมิติสายหมอก ยุบพองหิวโหยอาจว่านอนสอนง่ายและอยู่ในสภาพถูกผนึก แต่ถ้านำสิ่งนี้ออกไปข้างนอก เกรงว่าความหิวกระหายอันเกินจะควบคุมอาจส่งผลร้ายต่อตัวผู้สวมใส่เอง โดยไม่เกี่ยงว่าเป็นร่างเนื้อหรือร่างวิญญาณไคลน์คิดหนัก ก่อนจะเริ่มสันนิษฐานว่า บางที อำนาจของพลังจักรพรรดิมืดอาจช่วยข่มขวัญให้ยุบพองหิวโหยยอมสงบเสงี่ยมชั่วคราวแต่ถ้าเกิดปัญหาแม้เพียงเล็กน้อย เราสามารถยกเลิกการอัญเชิญและกลับมาที่นี่ได้อย่างปลอดภัย…หลุดพ้นจากปัญหาทันทีโดยแทบไม่มีความเสี่ยง …ไคลน์ก้มหยิบยุบพองหิวโหย และสวมทับถุงมือเหล็กสีดำข้างซ้ายโดยปราศจากความลังเล มันย่างกรายเข้าไปในประตูแห่งการอัญเชิญ ปรากฏตัวอีกครั้งบนโลกจริงด้านหน้าเทียนไขชายหนุ่มไม่ประมาท สิ่งแรกที่ทำคือการตรวจสอบท่าทีตอบสนองของยุบพองหิวโหย และโชคค่อนข้างเป็นใจ อีกฝ่ายยังคงสงบเสงี่ยม ยอมจำนนต่อพลังจักรพรรดิมืดไม่เลว… ไคลน์หายใจทั่วท้อง ตามด้วยการยัดนกหวีดทองแดงอะซิก ขวดพิษชีวภาพ เข็มกลัดสุริยัน และสมบัติวิเศษชิ้นอื่นเข้าไปในร่างกายจนครบจากนั้น มันหยิบไม้ค้ำเนื้อแข็ง เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการค้นหา ‘กล่องบุหรี่ที่หายไป’แน่นอน หากหวังตามหารังของคาเวทูว่าให้พบ ไคลน์ต้องทำนายขณะอยู่บนโลกวิญญาณ ไม่อย่างนั้นคงมีเพียงความล้มเหลวในส่วนของวิธีเข้าสู่โลกวิญญาณ ไคลน์ไม่พึ่งพาทั้งสามวิธีของมิสเตอร์อะซิก เหตุเพราะตนกำลังอยู่ในร่างวิญญาณทรงอำนาจ หากไม่มีปัญญาหาทางเข้าโลกวิญญาณด้วยตัวเอง ก็คงไม่ต้องทำอะไรกินกันแล้วไคลน์รวบรวมสมาธิ สร้างบอลแสงจำนวนมากซ้อนทับภายในจิตใจ เหตุการณ์ผ่านไปอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ สติชายหนุ่มเริ่มล่องลอยและว่างเปล่า พลังวิญญาณแผ่ขยายออกไปรอบตัวอย่างเจือจางเพียงไม่นาน มันพบว่าทัศนียภาพรอบตัวเริ่มแปรเปลี่ยน จากสมจริงกลายเป็นไม่จริง ยากจะอธิบายให้เห็นภาพชัด สีสันทั้งหมดทวีความฉูดฉาดเข้มข้น และซ้อนซับกันจนหมอกสีดำอมเทารอบตัวเริ่มจางเด่นตระหง่านบนท้องฟ้าคือริ้วแสงเจ็ดสีที่กำลังแหวกว่ายไปทั่วโลกวิญญาณ ส่องสว่างและเจิดจรัส คล้ายกับสิ่งมีชีวิตซึ่งอัดแน่นด้วยภูมิปัญญามหาศาลที่แห่งนี้คือโลกวิญญาณ มิติซึ่งซ้อนทับกับโลกความจริงโดยสมบูรณ์หากบังเอิญพบคนของกองทัพหรือทูตพิพากษาเข้า เราจะสิ้นสุดการอัญเชิญและกลับสู่มิติสายหมอกทันที…ไคลน์เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ย่างกรายเข้าสู่โลกวิญญาณอย่างง่ายดาย โดยกำลังรู้สึกว่าร่างของตนเป็นเพียงภาพมายาผ้าคลุมสีดำด้านหลังปลิวไสวแผ่วเบา ไม้ค้ำเนื้อแข็งในมือยังคงเหยียดตรงอย่างองอาจชายหนุ่มเริ่มเปล่งเสียงน่าเกรงขาม :“ตำแหน่งกล่องบุหรี่โลหะของเรา”…ทันใดนั้น ไคลน์พลันเย็นสันหลังด้วยเหตุผลบางประการ เหตุเพราะมันกำลังถูกสายตาจำนวนมาก เพ่งมองจากทุกทิศทางโดยไม่เบี่ยงไปยังจุดอื่นเมื่อท่องครบเจ็ด ไคลน์ปล่อยมือจากไม้ค้ำ ปล่อยให้ผลการทำนายช่วยนำทางไม้ค้ำเนื้อแข็งสีดำลอยขึ้น จากนั้นก็พุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็วไม่มากไม่น้อยไคลน์ลอยตามไป โบยบินท่ามกลางโลกวิญญาณอันลวงตา พิสดาร และเป็นปริศนาภายในสถานที่ลึกลับนี้ หากหลงทิศแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจหลงทางไปตลอดกาลโดยมิอาจหาทางกลับแน่นอน นั่นไม่เป็นปัญหาสำหรับไคลน์ มันก็แค่ใช้ทางออกแสนสะดวกสบายอย่างการสิ้นสุดพิธีกรรม ช่วยแก้ปัญหาในทุกเรื่องไคลน์บินตามไม้ค้ำสีดำที่พุ่งตรงสลับฉวัดเฉวียนขึ้นลง ผ่านทิวทัศน์ซึ่งมีเพียงสีสันฉูดฉาดเข้มข้น ระหว่างทางเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตวิญญาณกึ่งล่องหน โดยตัวมันเองก็ตอบไม่ได้ว่าระยะทางยังอีกห่างไกลหรือไม่ทันใดนั้น ชายหนุ่มได้พบกับดวงตากลมโตดวงหนึ่ง มีตาดำและตาขาวตามปรกติดวงตาปริศนาจ้องไคลน์ไม่กะพริบไม่มีศีรษะ และไม่มีร่างกาย……………………
คอมเม้นต์