ราชันเร้นลับ 536 : ศาสนาท้องถิ่น
อะไรนะ…? ล่าพลเรือเอกโลหิต?เดนิสเกือบยกมือขึ้นมาป้องหู อากัปกิริยาตอบสนองแรกของมันคือ :นี่ตนฟังผิดไปรึเปล่า?ทันใดนั้น เดนิสเหลือบเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์หุบยิ้มอันบ้าคลั่งลงเล็กน้อย ส่วนกัปตันของตนก็ขมวดคิ้วอย่างผิดวิสัย สัญญาณดังกล่าวหมายความว่า :คำพูดเมื่อครู่มีโอกาสเป็นจริง!นี่มัน… เกอร์มัน·สแปร์โรว์มีความคิดอุกอาจเพียงนี้เลยหรือ… อีกฝ่ายเป็นถึงพลเรือโจรสลัดเชียวนะ ระดับผิดจาก ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้อย่างลิบลับ!รูม่านตาเดนิสพลันหดลีบ หัวใจกำลังเต้นเสียงดังโครมครามยังไม่ต้องเอ่ยถึงพลังส่วนตัวของ ‘เซนอล’ ลำพังโจรสลัดชื่อดังข้างกายมัน ทั้งรองกัปตัน ผู้ช่วยกัปตัน และกัปตันเรือเล็กทุกคน ล้วนมีฝีมือมากพอจะออกไปตั้งกลุ่มโจรสลัดน่าเกรงขามของตัวเองได้ทั้งสิ้น!เห็นได้จากกลุ่มโจรสลัดที่ ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้นำติดตัวมายังบายัม พวกมันล้วนเป็นสมุนอันแข็งแกร่งของกลุ่มโจรสลัดโลหิต!จริงอยู่ ‘พลเรือโทวายุ’ คีลิงเกอร์อาจตายเยี่ยมหมาข้างถนนตามลำพังในกรุงเบ็คลันด์ แต่นั่นเป็นเพราะมันแยกจากลูกเรือ โดยในกรณีของพลเรือเอกโลหิต ชายคนนั้นแทบไม่เคยออกจากเรือธง และมักรายล้อมไปด้วยผู้ช่วยทรงพลังอยู่เสมอหรือต่อให้เป็นพลังของเซนอลตามลำพัง มันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่รับมือได้ง่าย พลังของมันทั้งลึกลับ พิสดาร และแข็งแกร่งเป็นรองเพียงสี่ราชาโจรสลัดเท่านั้น แม้แต่เรายังไม่กล้าอวดดีพูดว่ากัปตันเหนือกว่าเซนอล… ความบ้าบิ่นของชายเสียสติคนนี้ เรียกได้ว่าล้ำหน้าเกินจินตนาการเราไปมาก มันไม่แยกแยะเลยสักนิดว่าสิ่งใดควรกลัวหรือไม่ควรกลัว! ความตายของพลเรือโจรสลัดไม่มีทางเป็นแค่เหตุการณ์เล็กๆ ในทะเลแน่!ชุดคำถามมากมายผุดขึ้นในหัวเดนิส แต่หลังจากครุ่นคิดได้สักพัก ความพิสดารของเรื่องราวก็เริ่มบรรเทาลงสาเหตุมาจาก ตัวมันเองก็เคยประเมินฝีมือของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไว้ในระดับพลเรือโจรสลัดเช่นกัน แถมยังมีองค์กรลับอันตรายเบื้องหลังคอยสนับสนุนอีกฝ่ายพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า เงียบงันไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว :“คุณรู้จักโรงเรียนกุหลาบไหม”ไม่เพียงไม่รู้จัก แต่ฉันยังเคยเชือดพวกมันและขโมยสมบัติวิเศษ… เดี๋ยวสิ แบบนั้นฟังดูเป็นคนเลวเกินไป…ไคลน์ยิ้ม กล่าวเสียงเรียบ“ก็เคยล่าสมาชิกของพวกมันมาบ้าง”เอ็ดวิน่าเงียบอีกครั้ง ส่วนเดนิสด้านข้างเอาแต่ตั้งคำถามในใจว่า ‘พวกเอ็งคุยอะไรกันอีกแล้ว?’ ‘โรงเรียนกุหลาบคืออะไร?’ ‘เรากำลังอยู่ที่ไหน?’ และ ‘ตกลงนี่มันความฝันของใครกันแน่วะ!’หลังจากปล่อยให้ความเงียบปกคลุมบรรยากาศนานหลายอึดใจ พลเรือโทธารน้ำแข็ง·เอ็ดวิน่ากล่าวต่อ“หลังจากศึกกลางทะเลระหว่างเซนอลและ ‘พลเรือโทสนธยา’ จบลง กองทัพเรือของเซนอลได้หายตัวไปอย่างไรร่องรอย ยังไม่มีใครพบตำแหน่งอีกเลยหลังจากนั้น พวกเราคงทำได้แค่รออย่างอดทน”แบบนี้เรียกว่าตอบตกลงแล้วใช่ไหม?ไคลน์ยิ้ม“ความอดทนคือจุดแข็งของผม แล้วจะติดต่อกับคุณได้ยังไง?”เอ็ดวิน่าชำเลืองมาทางเดนิส“เขาทราบ”เรา…? หมายถึงพิธีกรรม ‘วิญญาณสถิต’ ที่สอนให้เมื่อครู่น่ะหรือ? เดี๋ยวก่อนกัปตัน… คุณกำลังจะบอกว่า ผมต้องติดตามไอ้คนเสียสตินี่ไปจนกว่าเซนอลจะถูกจัดการ? ไม่มีวัน! ไม่มีใครทราบว่าชายคนนี้จะสติแตกเมื่อไร!เดนิสคิดไวทำไว รีบเสนอทางออก“กัปตัน ผมลงจาก ‘ฝันทองคำ’ มานานเกินไปแล้ว พลาดคาบเรียนของคุณไปมาก เกรงว่าอาจเรียนตามคนอื่นไม่ทัน ตอนนี้จึงอยากกลับเรือใจแทบขาด!”มันพยายามส่งสายตาจริงใจ แฝงไว้ด้วยความรู้สึกกระหายการศึกษาอย่างเต็มเปี่ยม“ผมคิดว่าควรส่งใครมาทำหน้าที่แทน เช่น ‘กายาเหล็ก’ หรือไม่ก็ ‘ถังไม้’ …”ยังไม่ทันสิ้นเสียงเดนิส เอ็ดวิน่ายกมือขวาขึ้นมาป้องหูหญิงสาวเอียงคอเล็กน้อย กล่าวหน้านิ่ง“คุณว่าไงนะ? ฉันไม่ได้ยินอะไรเลย สงสัยเวทมนตร์ความฝันของโรซายล์จะถึงขีดจำกัดแล้ว…”ชายกระโปรงของพลเรือโจรสลัดสาวสวยสะบัดพลิ้วเล็กน้อยขณะก้าวถอยหลัง ก่อนที่ร่างกายจะเลือนหายไปอย่างสมบูรณ์ เหลือทิ้งไว้เพียงประกายแสงระยิบระยับเดนิสกลืนคำพูดที่เหลือลงคอ มือขวายื่นออกคล้ายกับต้องการคว้าอีกฝ่าย แต่การกระทำดังกล่าวก็ไม่เกิดประโยชน์อันใดเวทมนตร์ความฝันของโรซายล์? จักรพรรดิเองก็เก่งกาจในด้านศาสตร์เร้นลับอยู่เหมือนกันสินะ… หืม… ชื่อเต็มของพลเรือโทธารน้ำแข็งคือเอ็ดวิน่า? เอ็ดเวิร์ดสินะ… เอ็ดเวิร์ด… นี่มันนามสกุลของหนึ่งใน ‘จุตรอาชา’ ของจักรพรรดิไม่ใช่หรือ? เธอคือลูกหลานของเขา? แต่หากฟังจากน้ำเสียง ดูเหมือนพลเรือโทธารน้ำแข็งไม่รู้จักบุตรสาวของโรซายล์ แบร์นาแดต เป็นการส่วนตัว บางทีพวกหล่อนอาจไม่เคยพบกัน…ไคลน์หันไปจ้องเดนิสที่กำลังยืนหดหู่ ก่อนจะหัวเราะในลำคอ“หึหึ… บางที ฉันอาจต้องเรียกนายว่ามิสเตอร์หนึ่งหมื่นปอนด์ในสักวัน”“…” เดนิสพลันสะดุ้งพร้อมกับผงะถอยหลัง ก่อนจะเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์เลือนหายไปจากความฝันของตนหากเราเป็นลำดับ 7 ที่มีค่าหัวราวเจ็ดถึงแปดพันปอนด์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คงได้ถูกตามล่าจากทุกสารทิศ และการเดินทางก็จะไม่มีความสงบสุขอีกต่อไป…เดนิสยังคงไม่ออกจากความฝัน เอาแต่ครุ่นคิดถึงอนาคตด้วยสีหน้าเจ็บแปลบ…ตกเย็น เดนิสจ้องมองเกอร์มัน·สแปร์โรว์ผู้กำลังแต่งกายด้วยชุดชนพื้นเมือง พลางกล่าวเรื่อยเปื่อยตามนิสัย“สำหรับวันนี้ พวกเรามีแผนแวะไปเยี่ยมกลุ่มอิทธิพลของชนพื้นเมือง บางที นายอาจได้พบสิ่งของถูกใจก็ได้ ฮะฮะ! พวกมันมีความต้องการทางวัตถุวิเศษ อาหาร และอาวุธในปริมาณสูงมาก”เดนิสจ้องมองเกอร์มัน·สแปร์โรว์หัวจรดเท้าเป็นเวลานาน จนกระทั่งพบจุดตำหนิอันหาได้ยากยิ่งจากอีกฝ่าย“ย่านดังกล่าวเต็มไปด้วยชนพื้นเมือง แม้แต่ลูกครึ่งก็แทบไม่มี หากแต่งกายผิดเพี้ยนแม้เพียงเล็กน้อยจะถูกจับได้ทันที กางเกงขาบานกับแจ็กเกตสีน้ำตาลของนายนับว่าถูกต้องแล้ว แต่พวกมันจะไม่สวมเสื้อเชิ้ต ชาวพื้นเมืองทุกคนล้วนสวมเสื้อยืดทาลาบา ลักษณะคล้ายเสื้อยืดลายขวางของทหารเรือ แต่จะเป็นสีฟ้าล้วนหรือไม่ก็ขาวล้วน พวกมันไม่สวมหมวก ผ้าคลุม หรืออะไรทำนองนั้น อีกทั้ง ด้วยใบหน้าชาวโลเอ็นจ๋าของนาย ชาวพื้นเมืองจะเผยท่าทีต่อต้านและไม่เป็นมิตรอย่างรุนแรง เฉกเช่นหมาป่าชั่วร้ายในฝูงแกะสีขาว ไม่มีทางเก็บซ่อนตัวตนได้มิดชิด…”ยังไม่ทันสิ้นเสียง เดนิสเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์หันหน้ากลับมา โดยโครงหน้าและอวัยวะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันในลักษณะกลมกลืน ผิวพรรณที่เคยขาวแปรเปลี่ยนเป็นสีแทนเข้ม เพียงพริบตา นักผจญภัยเสียสติได้กลายเป็นชนพื้นเมืองโดยสมบูรณ์ ชนิดแม้แต่เดนิสก็ยังแยกแยะไม่ออก“…” เพลิงพิโรธถึงกับหมดคำพูด ใช้เวลาหลายวินาทีในการรวบรวมความกล้าเพื่อหัวเราะแห้ง“ฮะฮะ! ฉันก็ต้องไปปลอมตัวบ้างแล้ว”ด้วยฝีมือปลอมตัวของนายน่ะหรือ หึหึ…ไคลน์ถอดหมวก นั่งลงบนเก้าอี้“กลุ่มอิทธิพลในท้องถิ่นเป็นใคร”ถึงขั้นกักตุนวัตถุวิเศษ อาหาร และอาวุธ?“แค่ก! สรุปโดยสั้น… แค่ก! …กองกำลังต่อต้าน”เดนิสยังไม่มั่นใจว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์มีสายสัมพันธ์กับกองทัพโลเอ็นหรือไม่ไคลน์ประหลาดใจเล็กน้อย“กองกำลังต่อต้าน?”เดนิสยิ้มแห้ง“กลุ่มคนที่เรียกร้องอิสรภาพ คอยบริหารจัดการเรื่องราวของชนพื้นเมือง ฐานทัพลับตั้งอยู่ในป่าลึก บ้างก็ริมทะเล มักร่วมมือกับโจรสลัดและนักผจญภัยบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนหลักของพวกมันคือฟุซัคและอินทิส โดยมักส่งผู้เผยแผ่ศาสนา ‘สุริยันเจิดจรัส’ และ ‘เทพสงคราม’ แทรกซึมเข้าไปบ่อยครั้ง”บายัมมิได้สงบสุขเหมือนภายนอกสินะ…เมื่อได้ออกจากอาณาจักรโลเอ็นมาล่องทะเล ไคลน์เริ่มมองเห็นภาพรวมของความขัดแย้งบนทวีปเหนือ สิ่งเหล่านี้แตกต่างจากคำอธิบายในหนังสือพิมพ์ค่อนข้างมาก บางที สงครามในคาบสมุทรไบลัมตะวันออกก็คงเป็นไปลักษณะเดียวกันชายหนุ่มพยักหน้ารับ ไม่คัดค้านการไปเยือนกลุ่มอิทธิพลของชนพื้นเมืองเมื่อออกจากโรงแรมวายุคราม ไคลน์เดินตามหลัง ‘เดนิสหน้าดำ’ ผ่านถนนหลายเส้น จนกระทั่งถึงย่านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะหลังจากพ้นเขต ‘เมืองแห่งการให้’ คนทั้งสองก็มาถึงย่านซึ่งมีสถาปัตยกรรมแปลกตา เช่นบ้านใต้ถุนยกสูง มีเสาไม้ต้นใหญ่คอยค้ำยัน สลับกับอาคารสูงสามถึงสี่ชั้นที่ได้รับอิทธิพลมาสถาปัตยกรรมแบบโลเอ็นถนนของชาวพื้นเมืองทั้งแคบและสกปรก สองข้างทางเต็มไปด้วยแผงลอย ขายอุปกรณ์สวมศีรษะ ตุ้มหู และเครื่องประดับทำจากหินหลากชนิดบนเกาะ โดยสิ่งของเกือบทั้งหมดจะมีสีแดงสว่าง“รสนิยมประหลาดชะมัด ทำไมถึงได้ชอบสีสันฉูดฉาดเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับงูพิษในป่าเลยสักนิด” เดนิสกระซิบเสียงค่อยชาวอินทิสแบบพวกนายก็ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไร เป็นพวกบ้าสีทอง ทุกอย่างต้องหรูหราและตกแต่งด้วยทองคำ รสนิยมเหมือนกับพวกเศรษฐีหน้าใหม่เห่อทอง… ไคลน์โต้แย้งหลังจากเดินผ่านกลุ่มคนผิวสีค่อนข้างเข้ม รูปร่างซูบผอม และตรงเข้าไปในตรอกแห่งหนึ่งซึ่งมีเสื้อผ้าถูกแขวนไว้บนราวสูง แสงสว่างเริ่มแยงตาไคลน์และเดนิส จนกระทั่งเผยให้เห็นจัตุรัสกลางหมู่บ้านขนาดไม่ใหญ่ใจกลางจัตุรัสมีชนพื้นเมืองกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมรอบ บ้างโค้งศีรษะ บางหมอบกราบ บ้างพึมพำบางสิ่ง และบ้างสวดคาถา สีหน้าแววตาเป็นไปอย่างศรัทธา แต่ขาดชีวิตชีวาทันใดนั้น เมื่อพวกมันตระหนักว่ามีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาใกล้ ชนพื้นเมืองรีบลุกขึ้นอย่างลนลาน และวิ่งหายเข้าไปในตรอกอื่นๆ รอบจัตุรัสหน้าต่างของชั้นสอง สาม และสี่ของทุกอาคารโดยรอบถูกเลื่อนปิดดัง ‘ตึง’ จัตุรัสเงียบเป็นป่าช้าในพริบตา แต่สัมผัสวิญญาณของไคลน์สามารถบอกได้ว่า ด้านหลังกระจกมืด มุมตรอก และมุมตึก ล้วนเต็มไปด้วยสายตาหลายคู่กำลังจ้องมองมาทางตนเดนิสก้มศีรษะต่ำ พลางส่งเสียงกระซิบ“ไม่ต้องกังวล นี่เป็นกลยุทธ์สำหรับปกป้องตัวเองของพวกเขา”“หือ?” ไคลน์เผยสีหน้าประหลาดใจเดนิสฉีกยิ้ม“ก่อนจะถูกยึดอาณานิคม ชนพื้นเมืองบนหมู่เกาะรอสต์ล้วนศรัทธาในตัว ‘เทพสมุทร’ คาเวทูว่า และเชื่อว่าเทพผู้มีรูปลักษณ์งูทะเลยักษ์คอยปกปักรักษาเกาะรอสต์และมนุษย์ทุกคนโดยรอบ มิให้ถูกภัยธรรมชาติอย่างสึนามิและแผ่นดินไหวกลืนกิน แต่ในปัจจุบัน ความเชื่อดังกล่าวถูกประกาศว่าเป็นสิ่งนอกรีต ส่งผลให้โบสถ์วายุสลาตันตามกว้างล้างอย่างหนัก แน่นอน แม้แต่โบสถ์รัตติกาลและโบสถ์จักรกลไอน้ำก็ไม่มีโอกาสได้เผยแผ่ศาสนาบนเกาะแห่งนี้ แต่ในความเป็นจริง ความเชื่อนับร้อยนับพันปีไม่มีทางเปลี่ยนแปลงกันได้ง่ายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะบายัม เกาะภูเขาคราม น่านน้ำรอสต์ ก็ล้วนเต็มไปด้วยสาวกของ ‘เทพสมุทร’ ถึงแม้จะมีข่าวคราวการจับกุมตัวสาวกกลุ่มใหญ่ได้ในทุกสองสามเดือน อีกทั้งยังมีบทลงโทษสถานหนัก แต่สถานการณ์ก็แทบไม่เปลี่ยน โดยสมาชิกหลักของ ‘กลุ่มต่อต้าน’ ล้วนเป็นสาวกของเทพสมุทรทั้งสิ้น ตามความเห็นของฉัน การจะกวาดล้างคนเหล่านี้ให้ราบคาบ ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปี ความศรัทธาในตัวเทพสมุทรไม่มีทางดับสูญไปโดยง่ายแน่ นอกเสียจากจะได้รับอิทธิพลอื่นจากภายนอก”‘เทพสมุทร’ คาเวทูว่า… ปรากฏตัวในร่างของงูทะเลยักษ์…ไคลน์ยืนฟังพลางครุ่นคิด ก่อนจะเดินตามเดนิสเข้าไปในอาคารสูงสี่ชั้นฝั่งขวามือ ผ่านบันไดแคบมืด จนกระทั่งถึงชั้นบนสุดของตึกก็อก! ก็อก! ก็อก!เดนิสเคาะประตูฝั่งซ้าย“ใคร?” เสียงแผ่วดังจากด้านในเดนิสยิ้มและตอบกลับ“สหายผู้มาพร้อมไวน์และบาร์บีคิว”“มาจากไหน” บุคคลด้านในซักถามด้วยคำถามประหลาดเดนิสถอยหลัง“จากทะเล”แอ๊ด~ ประตูเปิดออกอย่างเชื่องช้าไคลน์เห็นท่อนแขนเปลือยของใครบางคนตั้งแต่หัวไหล่ลงไป แขนข้างดังกล่าวสักภาพของงูทะเลสีฟ้าน่ากลัวตัวใหญ่ไว้จนเต็ม……………………
คอมเม้นต์