ราชันเร้นลับ 535 : รักการสอน
เมื่อเริ่มทนกับสถานการณ์อึดอัดตรงหน้าไม่ไหว เดนิสตัดสินใจกระทำบางสิ่งมันกระแอมสองหน หันหน้าไปทางพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด และกล่าว“กัปตัน มิสเตอร์เกอร์มัน·สแปร์โรว์มีบางสิ่งต้องการถามคุณ”ฟู่ว… ไคลน์ถอนหายใจเงียบหากต้องสบตากันนานกว่านี้ มันเกรงกว่า ตนอาจรักษาบุคลิกเงียบขรึมของเกอร์มันเอาไว้ไม่อยู่เอ็ดวิน่าพยักหน้ารับเล็กน้อย จ้องมาทางไคลน์ และกล่าวเย็นชา“มิสเตอร์สแปร์โรว์ คุณจบการศึกษาในระดับใด”คำถามเชี่ยไรเนี่ย…สีหน้าไคลน์ยังคงไม่แปรเปลี่ยน เพียงตอบกลับไปเสียงเรียบ“มหาวิทยาลัย”อะไรนะ…? เดนิสรีบหันไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้วยสีหน้าสุดทึ่ง มันไม่อยากเชื่อว่า นักผจญภัยและนักล่าค่าหัวเสียสติตรงหน้าตน จะมีโอกาสได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย แถมยังเรียนจนจบการศึกษา!เดนิสมิอาจเชื่อม ‘สัญลักษณ์แห่งความรู้’ อย่างมหาวิทยาลัย เข้ากับบุคลิกสุดโฉดชั่วของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้เลย!นอกเสียจากว่าจะเป็น ‘มหาวิทยาลัยนักล่า’ หรือไม่ก็ ‘มหาวิทยาลัยนักฆ่า’ … หรือจะเป็นมหาวิทยาลัยในจินตนาการ ที่พวกคนไข้จิตเวชนิยมสร้างขึ้นในสมอง?เดนิสไม่มีทางเลือกนอกจากหมิ่นประมาทอีกฝ่ายในใจเอ็ดวิน่ายังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เพียงซักถามต่อไปด้วยเสียงนุ่มนวล“ถนัดภาษาอะไรบ้าง”“…” ไคลน์พยายามจะไม่ขมวดคิ้ว“ภาษาคนยักษ์ ภาษาเอลฟ์ ภาษามังกร เฮอร์มิสโบราณ เฮอร์มิส ฟุซัคโบราณ โลเอ็น…”เอ็ดวิน่าผงกศีรษะแผ่วเบา“ศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับลึกแค่ไหน”ไคลน์ถึงกับหมดคำพูด มันรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลาไปยังสมัยเรียนชั้นประถมปีสุดท้าย เนื่องจากตนเป็นเด็กเรียนข้ามชั้น จึงถูกครูยิงคำถามชุดใหญ่เช่น จำอักษรจีนได้กี่ตัว เรียนบวกลบคูณหารแล้วหรือยัง อ่านภาษาอังกฤษออกไหม และท่องกวีราชวงศ์ถังได้กี่บท…ใจเย็นไว้… นายคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์…ไคลน์พยายามตอบเสียงเย็นชา“ชำนาญมาก”เอ็ดวิน่าครุ่นคิดสองวินาที ก่อนจะกล่าวต่อไปอย่างไม่รีบร้อน“ดิฉันจำเป็นต้องทราบระดับความรู้ในปัจจุบันของคุณเสียก่อน จึงจะมอบคำตอบได้อย่างเหมาะสมและเข้าใจง่าย”ให้ตายสิ…ไคลน์ถึงกับใบ้กิน มันไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าหญิงงามตรงหน้าเป็นโจรสลัดพาร์ทไทม์ เธอมีบรรยากาศคล้ายคุณครูเข้มงวดแต่หวังดีกับนักเรียนมากกว่าเมื่อตระหนักว่าแวมไพร์ติดตุ๊กตายังแวะไปเรียนคำสอนในโบสถ์ทุกวันได้ ตนก็ต้องทำได้เช่นกันไคลน์เริ่มใจเย็นลงนี่คือพลเรือโจรสลัดคนแรกที่เราได้พูดคุยอย่างเป็นทางการ ไม่อยากเชื่อว่าจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวขนาดนี้…ไคลน์รำพันห่อเหี่ยว ก่อนจะเริ่มถาม“คำถามแรก สัตว์วิเศษอาศัยอยู่ในแถบใดของทะเลบ้าง นับเฉพาะชนิดที่พบได้บ่อย”มันมิได้ถามถึงนางเงือกโดยตรง ด้วยเกรงว่าพลเรือโทธารน้ำแข็งอาจทราบถึงจุดประสงค์แท้จริง และนั่นจะส่งผลกระทบต่อแผนระยะยาวของตนเอ็ดวิน่ายืนไตร่ตรองสักพัก ลบข้อความเกี่ยวกับ ‘พิธีกรรมวิญญาณสถิต’ บนกระดานดำออก และวาดภาพใหม่ลงไป“จากเกาะโซเนีย ล่องเรือตรงมาทางนี้หนึ่งพันส้องร้อยไมล์ทะเลจะเป็นการทะลุเข้าสู่น่านน้ำซึ่งมนุษย์ยังสำรวจไม่ทั่วถึง ในแถบดังกล่าวจะมีพวก ‘นากา’ ชุกชุม พวกมันพยายามค้นหาเมืองใต้ทะเลอันร่ำลือว่ามีสัตว์ประหลาดทรงพลังอาศัยอยู่ โดยสิ่งมีชีวิตดังกล่าวคือเป้าหมายของความศรัทธาของพวกมัน…”เอ็ดวิน่าเล่าอย่างละเอียดไปทีละจุด ข้อมูลบางส่วนได้รับมาระหว่างการค้นหาสมบัติ และบางส่วนได้รับจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือข่าวลือกับผู้อื่นใช้เวลาสักพักกว่าเอ็ดวิน่าจะสอนจบ แต่ไคลน์กลับยังคงท้อแท้ เพราะนอกจากหมู่เกาะการ์กัสทางสุดขอบทะเลตะวันออกแล้ว ก็ไม่มีนางเงือกอาศัยอยู่แถบใดในโลกอีกเลยมันรีบปรับอารมณ์และถามต่อ“ข้อสอง คุณทราบวิธีลบจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลังหรือไม่”ไคลน์ไม่ปกปิดความรู้เกี่ยวกับตะกอนพลังเอ็ดวิน่าเผยประกายในดวงตาเป็นหนแรก คล้ายกับเธอกำลังมองเกอร์มัน·สแปร์โรว์ในมุมใหม่จากนั้นก็ส่ายหน้า“ไม่ทราบ แต่เคยมีไอเดียอยู่บ้าง ต้องใช้พลังจากภายนอกทำลายตะกอนพลังให้แหลกละเอียดจนใกล้เคียงฝุ่น ด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าจะเป็นจิตกัดกร่อนหรือคำสาป อำนาจของพวกมันจะเสื่อมลงทันที และสลายไปกับอากาศภายในเวลาไม่นาน ส่วนตะกอนพลัง พวกมันจะดึงดูดกันเองจนรวมตัวกลับไปเป็นก้อนเดิมอีกครั้งอย่างเชื่องช้า… แต่น่าเสียดาย นอกจากเทพแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถกระทำเช่นนั้นได้ หากคุณได้รับความรักจากเทพองค์ใดเป็นพิเศษ ให้ลองวิงวอนถึงท่านและสังเวยสิ่งแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม บางทีอาจประสบผลสำเร็จ”กฎการดึงดูดระหว่างพลังพิเศษบนเส้นทางเดียวกันสินะ… ไคลน์ตอบคำถามในจุดที่เอ็ดวิน่าจงใจว่างเว้นขณะเดียวกัน มันทำได้เพียงถอนหายใจอย่างท้อแท้ เพราะพลเรือโทธารน้ำแข็งคนนี้ กัปตันแห่งฝันทองคำ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับในระดับลึกซึ้งจนน่าทึ่ง เทียบเท่าตนผู้ได้อ่านไดอารีจักรพรรดิโรซายล์และเคยเผชิญเหตุการณ์มากมายผ่านห้วงมิติเหนือสายหมอกมีข่าวลือว่า พลเรือโทธารน้ำแข็งสามารถเลียนแบบพลังพิเศษได้หากเคยเห็นด้วยตาตัวเองมาก่อน… ฟังดูคล้ายกับแหวนของมิสเตอร์ไอเซนการ์ด·สแตนธอน ‘2-081’ …ไคลน์รีบนำตัวเองกลับมายังบทสนทนา“ผมเห็นด้วยกับทฤษฎี”“แต่น่าเสียดาย ดิฉันยังไม่เคยลองปฏิบัติจริงเลยสักครั้ง จึงทำได้เพียงจินตนาการ” เอ็ดวิน่าใช้คำสื่อถึงอารมณ์ซึ่งเธอหยิบมาพูดไม่บ่อยนักเดนิสผู้เฝ้ามองจากด้านนอก กำลังยืนมึนงงสุดขีด และไม่เข้าใจแม้แต่เรื่องเดียวพวกเขากำลังพูดเรื่องอะไร? ทำไมเราถึงเข้าใจทุกคำ แต่ไม่สามารถนำมาปะติดปะต่อกันได้เลย… อะไรคือตะกอนพลัง? อะไรคือบดจนเป็นฝุ่น? อะไรคือการดึงดูด?เดนิสมองสลับซ้ายขวา ดวงตาสองข้างเต็มไปด้วยความว่างเปล่าขณะเดียวกัน ไคลน์โยนคำถามที่สาม“วิญญาณอาฆาตโบราณอยู่แถวไหน”มันกล้าถามในประเด็นนี้เพราะเป็นหัวข้อค่อนข้างกว้าง วิญญาณอาฆาตมีอยู่ในหลายเส้นทาง และมักอยู่ในขอบเขตของเทพมรณาเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ต้องกลัวว่าความลับของตนจะถูกเปิดเผยเอ็ดวิน่าชำเลืองเดนิส“ดิฉันจะคอยติดตามเบาะแสให้ หากต้องการเข้าร่วมชุมนุมลับในบายัม เขาพอจะทราบอยู่บ้าง ใช้ให้นำทางไปได้”ไม่เลว… การพูดคุยกับคนฉลาดเป็นเรื่องง่ายแบบนี้นี่เอง…ไคลน์ถามต่อ“พอจะรู้จักใครสักคนที่สามารถเปลี่ยนให้ตะกอนพลังกลายเป็นสมบัติวิเศษบ้างไหม”“เคยพบในชุมนุมลับ แต่แค่หนเดียว และอีกฝ่ายมิได้ปรากฏตัวออกมาอีกเลย” เอ็ดวิน่าตอบอย่างสุขุม “ดิฉันพอจะมีความรู้ในด้านนี้อยู่บ้าง สามารถลอกเลียนแบบพลังได้ แต่ไม่รับประกันผลสำเร็จ”หึหึ… รอช่างฝีมือต่อไปก็แล้วกัน…ไคลน์ไม่ยึดติดประเด็นเดิมนานนัก และเริ่มเข้าสู่คำถามใหม่“คุณรู้จักกุญแจเทพมรณาดีแค่ไหน”“ไม่เลย” เอ็ดวิน่าทำการเสกกุญแจเหล็กขึ้นมาในถือมือ ขนาดเท่าพิณเล็ก แผ่กลิ่นอายความโบราณอย่างเต็มเปี่ยม ผิวโลหะปราศจากความมันวาวโดยสิ้นเชิงพลเรือโทโจรสลัดถือมรดกจากเรืออับปางในลักษณะกึ่งกอด“แต่ถ้าหมายถึงกุญแจดอกนี้ ดิฉันกล้าพูดอย่างมั่นใจว่า มันเป็นของคนยักษ์”ไคลน์ชำเลืองเดนิส“แต่สรั่งเรือของคุณบอกว่า มันน่าจะเป็นของมังกรหรือไม่ก็หมาป่าอสูร”“นั่นเป็นข้อสันนิษฐานเบื้องต้น แต่ในระยะหลัง ดิฉันได้พบเอกสารทางประวัติศาสตร์เพิ่มเติม เมื่อผนวกเข้ากับสมบัติบางชิ้นบนเรือ จึงเกิดเป็นข้อสรุปใหม่อันใกล้ความจริง”เอ็ดวิน่ามิได้แสดงอาการหงุดหงิด คำอธิบายเป็นไปอย่างฉะฉานและอดทน เพียงแต่น้ำเสียงยังคงเย็นชาและห่างเหินเช่นเคยเดนิสตัดสินใจใช้สิทธิ์เจ้าของความฝัน“กัปตัน สรุปแล้วเป็นของคนยักษ์หรือ”“ถูกต้อง” เอ็ดวิน่าไม่ปฏิเสธ “เอกสารโบราณระบุว่า ในช่วงยุคสมัยที่สี่ เผ่าพันธุ์คนยักษ์ยังคงเกาะกลุ่มกันในบางดินแดน บ้างหันไปนับถือเทพสงคราม และบ้างกระจัดกระจายไม่เป็นหลักแหล่ง ถูกมนุษย์ไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง“จนกระทั่งมีเผ่าหนึ่งต่อเรือและพยายามสำรวจหาวังราชาคนยักษ์อันสาบสูญ แต่ข่าวคราวของพวกเขาก็หายไปนับแต่นั้น อย่างไรก็ตาม เรืออับปางที่พวกเราค้นพบ ข้าวของภายในเรือกลับมีลักษณะคล้ายคลึงมรดกของคนยักษ์เป็นอย่างมาก บางที นี่คงเป็นเรือสำรวจหาวังราชาคนยักษ์ เป็นเหตุให้พวกเรามีหลักฐานมากพอจะสรุปได้ว่า กุญแจดอกนี้เป็นของคนยักษ์ และมีความเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับวังราชาคนยักษ์ซึ่งล่มสลายก่อนถึงยุคมหาภัยพิบัติ”วังราชาคนยักษ์? เดอะซันน้อยเคยเล่าว่า สถานที่แห่งนั้นอยู่ไม่ไกลจากเมืองเงินพิสุทธิ์…ไคลน์ไม่กล้าเสริมสิ่งใดออกไป ทำเพียงยืนฟังคำอธิบายยืดยาวของพลเรือโทธารน้ำแข็งอย่างเงียบงันไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชื่อของเมืองเงินพิสุทธิ์ ดินแดนเทพทอดทิ้ง และสิ่งอื่นๆ ในขอบเขตดังกล่าว ยังเป็นความรู้ระดับเกินกว่าผู้วิเศษทั่วไปจะเอื้อมถึง… แม้แต่เจ็ดเทพจารีตก็ยังระบุพิกัดของดินแดนดังเทพทอดทิ้งได้ไม่ชัดเจน หากมองในมุมนี้ เรากำลังนำหน้าพวกท่านไปเล็กน้อย…ไคลน์ครุ่นคิด กึ่งเหยียดหยันกึ่งยกตัวเอง“หากเสนอเงินให้มากพอ คุณจะขายกุญแจดอกนั้นหรือไม่”“แน่นอน นอกเสียจากว่า ดิฉันจะค้นพบเบาะแสของวังราชาคนยักษ์เพิ่มเติม” เอ็ดวิน่ายังคงพูดด้วยเสียงเยือกเย็นไม่เลว… หากวันใดชุมนุมทาโรต์ตัดสินใจสำรวจวังราชาคนยักษ์ เราจะซื้อกุญแจดอกนี้ต่อจากเธอ…ขณะกำลังจะพูดว่า ‘คำถามสุดท้าย’ ชายหนุ่มบังเอิญฉุกคิดถึงกลุ่มนักผจญภัยสี่คนจากเกาะไซมีมขึ้นมาได้มันอาศัยพลังของยันต์ห้วงความฝัน เพื่อวาดภาพหญิงสาวดวงตาสีฟ้าผู้สวมเสื้อผ้าของบุรุษ รวมถึงพวกพ้องชายอีกสามคน“รู้จักพวกเขาไหม”เอ็ดวิน่าชำเลือง และตอบแทบจะในทันทีนิกายมอสส์… องค์กรลับเก่าแก่ซึ่งศรัทธาในตัว ‘ปราชญ์เร้นลับ’ … ไม่ผิดแน่ เป้าหมายของหล่อนไม่ใช่เพื่อเงิน แต่เป็นบางสิ่งสำคัญภายในวิหารร้าง…ไคลน์ซักถามเป็นกันเอง“เลติเซีย·โดเรล่า นักโบราณคดีและนักผจญภัย มีข่าวลือหนาหูว่า เธอเป็นสมาชิกของ ‘นิกายมอสส์’ หรือไม่ก็ ‘แก่นรุ่งอรุณ’ คุณรู้จักแก่นรุ่งอรุณดีแค่ไหน”แก่นรุ่งอรุณ องค์กรลับซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับ ‘สมาคมแปรจิต’ ในหลายด้าน เช่นการพึ่งก่อตั้งเมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อน การนำแก่นคำสอนของทุกศาสนาและโรงเรียนมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเอง พัฒนาจนกลายเป็นหลักสูตรของตัวเองขึ้นมา สมาชิกส่วนใหญ่ชำนาญเวทมนตร์และการใช้คาถาเอ็ดวิน่าเม้มปาก“ได้ยินว่ามีความขัดแย้งกับนิกายมอสส์ ก่อตั้งโดยบุตรสาวคนโตของจักรพรรดิโรซายล์มหาราช แบร์นาแดต·กุสตาฟ”แบร์นาแดตคือหัวหน้า ‘แก่นรุ่งอรุณ’ ?คำทำนายของซาราธนับว่าแม่นยำเอาเรื่องทีเดียว… มันเคยบอกว่าหล่อนจะกลายเป็นบุคคลสำคัญแห่งโลกผู้วิเศษ…ไคลน์ถอนหายใจเงียบมันพยายามไม่แสดงท่าทีห่อเหี่ยวให้เดนิสและเอ็ดวิน่าเห็นก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ“คำถามสุดท้าย”รอให้สายตาของสาวงามและ ‘เพลิงพิโรธ’ จ้องมาทางตน ชายหนุ่มฉีกยิ้ม“สนใจจะร่วมมือกันไหม”“ในเรื่องใด” เอ็ดวิน่าย้อนถามรอยยิ้มบนใบหน้าไคลน์เริ่มกว้างทีละนิดจนดูคล้ายกับชายเสียสติ“ล่าพลเรือเอกโลหิต”……………………
คอมเม้นต์