ราชันเร้นลับ 526 : ฝันนิรันดร์
บนทะเลโซเนีย หมู่เกาะรอสต์ถือเป็นศูนย์กลางการปกครองสำคัญอันดับหนึ่งของอาณาจักรโลเอ็น และยังเป็นมุขมณฑลสำคัญของโบสถ์วายุสลาตันอีกด้วย มีอาวุโสระดับสูงของโบสถ์ หนึ่งในสภาคาร์ดินัล คอยประจำการอยู่ถาวรอย่างไรก็ตาม แม้แต่โจรสลัดระดับพลเรือเอกก็ยังมิอาจทำให้ตัวตนระดับดังกล่าวต้องเคลื่อนไหว จึงไม่ต้องพูดถึงระดับรองลงมาอย่างบรรดาผู้ช่วยกัปตันเรือหรือสรั่งเรือของจอมพลเรือหัวหน้าทีมทูตพิพากษาในคราวนี้จึงเป็นเพียงระดับอาวุโส คอร์โดบา·รอยย์ มันออกปฏิบัติการพร้อมกับสมบัติปิดผนึกจำนวนสองชิ้น ประกอบด้วย 2-37 และ 2-166 โดยกำลังดักซุ่มในจุดห่างจากอาคารหมายเลข 15 ถนนไม้หอมพอสมควร เพื่อรับประกันความปลอดภัยของหน่วยในมุมมองของคอร์โดบา·รอยย์ หน่วยทูตพิพากษาซึ่งมีสมบัติปิดผนึกสองชิ้นก็นับว่าเพียงพอต่อการรับมือ ‘เหล็กกล้า’ และ ‘เพลิงพิโรธ’ แล้ว แต่ฝ่ายหลังมีการระมัดระวังตัวจนผิดวิสัย คอร์โดบาจึงสังหรณ์ใจว่าปฏิบัติการในคราวนี้อาจอันตรายกว่าปรกติ จึงตัดสินใจเรียกกำลังเสริมเป็นทูตพิพากษาเพิ่มอีกหนึ่งหน่วยเฮ่อ… แค่มี 2-37 ก็พอแล้วแท้ๆ …คอร์โดบา·รอยย์ถอนหายใจขณะรอตามความคิดของมัน สมบัติปิดผนึกชิ้นนี้จะเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริงต่อ ‘เหล็กกล้า’ และ ‘เพลิงพิโรธ’มันหลับตาลงพลางนึกทบทวนข้อมูลในความทรงจำ :หมายเลข : 37ชื่อ : ฝันนิรันดร์ระดับอันตราย : 2 ‘อันตราย’ จงใช้อย่างระมัดระวังและตั้งอยู่บนความไม่ประมาท สามารถใช้ได้ในปฏิบัติการตั้งแต่สามคนขึ้นไป และต้องมีบิชอปหรืออาวุโสอยู่ในทีมระดับความลับ : บิชอป หัวหน้าทีม หรือเหนือกว่านั้นวิธีผนึก : แช่ในน้ำเดือดคำอธิบาย :ลักษณะคล้ายหัวใจสีเข้ม ผิวสัมผัสเย็นเฉียบ มีรูโหว่หลายจุด และมักส่งเสียงคล้ายกับการเป่าขลุ่ยมีต้นกำเนิดจากชนเผ่าดั้งเดิมของไบลัมตะวันตกแห่งทวีปใต้ หัวหน้าของพวกมันคือจอมอาคมวิญญาณ โดยจะใช้ชีวิตตอนกลางคืนและพักผ่อนตอนกลางวันกองทัพโลเอ็นเข้ายึดครองชนเผ่าดังกล่าวและพบสิ่งนี้วางอยู่บนแท่นบูชา แต่ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น ทหารก็เริ่มเกิดอาการประหลาด มีพฤติกรรมบ้าคลั่ง บางรายหนักถึงขั้นฆ่าตัวตายผลลัพธ์การวิจัยบ่งชี้ว่า หากใครสัมผัสกับสิ่งนี้โดยตรง บุคคลดังกล่าวจะเข้าสู่ความฝันอันเป็นนิรันดร์ทันที หากไม่ถูกปลุกโดยผู้อื่น ก็จะจมอยู่ในโลกแห่งภาพลวงตาไปตลอดกาล โดยภายนอกจะแสดงอาการคล้ายคนเสียสติ มีสภาพหดหู่ ท้อแท้ หวาดกลัว สับสน จิตใจจะค่อยๆ ถูกกัดกร่อนทีละนิดหลังจากใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน เมื่อนักวิจัยถูกปลุกให้ตื่น บางคนไม่สามารถแยกแยะระหว่างความจริงและความฝันได้นานหลายสัปดาห์ โดยจะนำไปสู่เหตุการณ์ประหลาดมากมาย เช่น แสดงความรักต่อผู้บังคับบัญชา จุมพิตกับงูพิษ ทุกข์ทรมานจากอาการซึมเศร้า หรือลงไปอาบในน้ำเดือด… หากไม่รีบย้ายเมืองไปอาศัยในเขตอื่นชั่วคราว ทุกคนจะเสียสติและลงเอยด้วยการฆ่าตัวตายสมบัติชิ้นนี้สามารถดึงเป้าหมายอื่นเข้าสู่ความฝันเดียวกันได้… ผู้ใช้งานสามารถระบุเป้าหมายได้อย่างแม่นยำยกเว้นพวกพ้อง… พิสัยแสดงผลรัศมีห้าสิบเมตร หากใช้งานนานเกินไปจะทำให้ร่างกายได้รับภาระหนัก จิตใจถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เริ่มแบ่งแยกความฝันและความจริงไม่ชัดเจน หากต้องการรักษาให้หายขาด ก็ต้องย้ายออกจากเมืองซึ่งมี 2-37 ถูกเก็บรักษาตัวอย่างบางส่วน (ดูภาคผนวก) ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้จะไม่มีการสัมผัสโดยตรง แต่สมบัติปิดผนึกชิ้นนี้ก็ยังส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อผู้คนโดยรอบหากไม่แช่น้ำเดือดไว้ภาคผนวก :1. มอบผลลัพธ์คล้ายกับพลังของผู้วิเศษลำดับ ‘ฝันร้าย’ แห่งเส้นทางรัตติกาล แต่รุนแรงกว่าและไม่สามารถควบคุมได้2. ตัวอย่างแรก : เคยมีครั้งหนึ่ง ผู้ดูแลลืมใส่ฟืนหม้อต้ม อุณหภูมิจึงเริ่มลดลงจนน้ำไม่เดือด ส่งผลให้ผู้ดูแลฝันถึงเด็กสาวคนรัก และเริ่มหลงใหลในถุงมือของตนแทน จนถึงขั้นสารภาพรักและพยายาม ‘มอบความรัก’ อันเกินกว่ามิตรภาพทั่วไปให้กับถุงมือตัวอย่างถัดมา…ขณะปล่อยความคิดล่องลอย คอร์โดบาเหลือบเห็น ‘เพลิงพิโรธ’ เดนิส สรั่งเรือลำดับสี่ของ ‘ฝันทองคำ’ กำลังปีนหลังคาบ้านเข้าไปในจุดติดต่อเพื่อรวบรวมข้อมูลมันรีบส่งสัญญาณมือบอกให้ลูกทีมทูตพิพากษาเปิดกล่องสี่เหลี่ยมสีทองออก ผิวกล่องสลักลวดลายเวทมนตร์ซับซ้อน ขณะเดียวกันก็นำสมบัติปิดผนึก 2-37 ในน้ำเดือดออกมาวางเตรียมลงมือกล่องสี่เหลี่ยมสีทองคือสมบัติปิดผนึกอีกหนึ่งชิ้นในปฏิบัติการ 2-166สิ่งนี้สามารถรักษาอุณหภูมิของวัตถุทุกชนิดให้ไม่เปลี่ยนแปลง และยังมีพลังในการสร้างสภาพอากาศพิเศษหากปัจจัยหลายอย่างเอื้ออำนวย ถ้าทำสำเร็จ ฝนสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะโปรยปรายลงมาจากเบื้องบนอย่างไรก็ตาม สิ่งนี้มาพร้อมผลข้างเคียงอันรุนแรงจนเกินรับไหว ไม่อย่างนั้นมันคงถูกใช้ผนึก 2-37 อย่างถาวรโดยไม่ต้องพึ่งพาหม้อต้มน้ำร้อน มิใช่ใช้งานเป็นครั้งคราวโดยไม่ว่า 2-166 จะสัมผัสกับวัตถุใด สิ่งนั้นจะมีชีวิตขึ้นมาและกลายเป็นสาวกเปี่ยมศรัทธาของ ‘สุริยันเจิดจรัส’ ทันที วันทั้งวันจะเอาแต่สรรเสริญดวงอาทิตย์ไม่หยุดหย่อนภายในสำนักงานทูตพิพากษาเคยมีโต๊ะตัวหนึ่งเอาแต่ร้องเพลงสรรเสริญเทพสุริยันเจิดจรัสทุกชั่วโมง และยังมีเทียนไขซึ่งคอยเผาตัวเองตลอดเวลาเพื่อหวังชำระล้างทุกสิ่งเมื่อทูตพิพากษาผู้เกรี้ยวกราดเกิดความหงุดหงิด พวกมันจึงเผาโต๊ะตัวปัญหาให้กลายเป็นเถ้าถ่านด้วยเทียนไขระยำเล่มดังกล่าวหลังจากเห็นเงารางสีดำกระโดดลงปล่องไฟอาคารหมายเลข 15 ถนนไม้หอม คอร์โดบา·รอยย์ลดมือลงเพื่อเป็นสัญญาณ ‘เปิด’ ผนึกและเริ่มใช้งาน 2-37เกล็ดปลามายาผุดขึ้นบนฝ่ามือของลูกทีมทูตพิพากษาคนหนึ่ง โดยมือข้างเดียวกันได้จุ่มลงไปในน้ำเดือดและดึงหัวใจสีเข้มขึ้นมาถือเสียงขลุ่ยอันไพเราะพลันดังแว่ว ปกคลุมอาคารหมายเลข 15 ถนนไม้หอมโดยสมบูรณ์ภาพการมองเห็นของกลุ่มนักผจญภัยจอห์น·สมิธยังคงเหมือนเดิม พวกมันกำลังบุกเข้าไปในห้องนั่งเล่นอันว่างเปล่าและไม่มีเครื่องเรือนแม้แต่ชิ้นเดียว ปรากฏเพียงร่างของ ‘เพลิงพิโรธ’ เดนิสในผ้าคลุมสีดำ โดยไม่มีใครเอะใจว่าตนถูกดึงเข้าห้วงความฝันพวกมันรีบกรูเข้าหาด้วยความคล่องแคล่ว บางคนชักปืนยิงใส่ บางคนใช้พลังพิเศษคอยตรึงขา จนกระทั่ง ‘เพลิงพิโรธ’ เดนิส เจ้าของค่าหัวสามพันปอนด์ และมีความเกี่ยวข้องกับกุญแจเทพมรณา ถูกจับกุมตัวอย่างสมบูรณ์อย่างไรก็ตาม บนโลกความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น พวกมันบางคนกำลังนอนปั่นจักรยานอากาศ บ้างทำท่าว่ายน้ำ และบ้างทำท่าลั่นไกปืนพลางแหกปากเลียนเสียงยิง“ลงมือ!” คอร์โดบา·รอยย์ออกจากจุดซ่อนตัวและตรงเข้าไปในบ้านหมายเลข 15 ถนนไม้หอม ส่วนทูตพิพากษาคนอื่นๆ แบ่งออกเป็นสองหน่วยย่อยและล้อมบ้านหลังดังกล่าวไว้จากทุกทิศขณะคอร์โดบาเตรียมเดินเข้าไปในบ้าน ห้องนั่งเล่นพลันสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์กำลังผงาด สายฝนศักดิ์สิทธิ์ตกโปรยปรายลงมายังด้านล่าง ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากพลังของสมบัติปิดผนึก 2-166ในจุดห่างไกลออกไป พรมวิเศษกำลังลอยอย่างเงียบงันโดยหลบซ่อนอยู่ในกำบังความมืดมิด เมื่อพวกมันเห็นทูตพิพากษาปรากฏตัว ทุกคนเริ่มเข้าใจทันทีว่านี่คือกับดักของ ‘เพลิงพิโรธ’ เดนิส“ไอ้ลูกกะหรี่นั่นแอบร่วมมือกับโบสถ์วายุสลาตัน!” แม็ควิตี้ตะโกนฉุนเฉียว‘พุ่มหนามสีเลือด’ เฮนดรี้ หันไปมองบุคคลมันสมอง สควอล พลางกล่าวยกย่องอีกฝ่ายจากใจจริง“แต่โชคยังดี พวกเรามิได้ประมาท”“ว่ากันตามตรง ฉันเองก็คาดไม่ถึงว่าไอ้ตูดหมึกเดนิส จะแอบสมคบคิดกับโบสถ์วายุสลาตัน” สควอลเล่าอย่างใจเย็น “บางที ตัวมันในสภาพพิการอาจถูกทูตพิพากษาล้อมจับกุม จึงจำใจต้องร่วมมือในแผนการ”แต่ขณะกำลังคิดหนี พวกมันบังเอิญเห็นเงารางสีดำกำลังวิ่งออกจากบ้านหลังหนึ่ง โดยอีกฝ่ายสับเท้าอย่างคล่องแคล่วไปตามแนวมุมอับสายตา“เพลิงพิโรธ!” แม็ควิตี้เริ่มหวนนึกถึงความล้มเหลวในการซุ่มโจมตีครั้งก่อนของตน“เดนิส!” เฮนดรี้จดจำได้ทันที ว่าเงาดำด้านล่างเป็นของผู้ใดสควอลครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะสรุป“ไม่ว่าจะเป็นเพราะเดนิสวางแผนหลบหนีจากทูตพิพากษาหรือเตรียมวางกับดักเพื่อตลบหลังเรา แต่เมื่อมันเห็นทูตพิพากษาถูกดึงความสนใจโดยสมบูรณ์ จึงฉวยโอกาสหลบหนีทันทีอย่างไม่คิดชีวิต”“ไม่ว่าจะอย่างไหน แต่นี่คือโอกาส!”‘พุ่มหนาม’ เฮนดรี้มองไปยังกลุ่มทูตพิพากษาซึ่งกำลังกระจายตัวล้อมอาคารหมายเลข 15 ถนนไม้หอม“หากพวกเราฉวยโอกาสตอนนี้ การฆ่าเดนิสใต้จมูกทูตพิพากษาก็จะไม่ใช่เรื่องยาก!”‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้เผยแววตาเปี่ยมด้วยแรงกระหายหลังจากสควอลพยักหน้ารับเชิงเห็นพ้อง แม็ควิตี้หันไปกล่าวกับผู้วิเศษอีกสองคนด้านหลังพรม“พวกนายนำซอมบี้กับหุ่นกระบอกของฉันลงไปคุ้มกันแถวนี้ไว้ หากทูตพิพากษาเริ่มเข้ามาใกล้ ให้ใช้ซอมบี้และหุ่นกระบอกสร้างความวุ่นวายพร้อมกับรีบหนีไป”“ครับบอส!” โจรสลัดผู้วิเศษสองคนกระโดดลงจากพรมวิเศษพร้อมกับซอมบี้ละหุ่นกระบอกจากนั้น พรมบินหางนกยูงสีน้ำเงินเริ่มเหาะไปทางเงาของ ‘เพลิงพิโรธ’ เดนิสอย่างว่องไว“นายคอยสนับสนุนจากด้านบนและสอดส่องความผิดปรกติภาพรวมเป็นหลัก ฉันเกรงว่าเดนิสอาจมีผู้ช่วยคนอื่นซ่อนตัวอยู่”สควอลพูดกับ ‘พุ่มหนามสีเลือด’เฮนดรี้ขานรับด้วยใบหน้าซีดเซียว“ไว้ใจได้เลย!”โดยไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่ม สควอลหันไปพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้อาศัยความได้เปรียบในจุดสูงกว่า แม็ควิตี้สามารถแยกแยะเงารางของเป้าหมายออกจากเงาอื่นโดยรอบได้แม่นยำทันใดนั้น มันกระโดดลงจากพรมวิเศษในลักษณะคล้ายก้อนหินยักษ์ หล่นกระแทกพื้นเสียงดังโครมพื้นใต้ฝ่าเท้าแม็ควิตี้พลันควบแน่นกลายเป็นน้ำแข็ง และแผ่ขยายออกไปยังบริเวณใกล้เคียงอย่างรวดเร็วเงาดำปริศนาถูกแช่แข็งในทันทีด้วยเสียง ‘แกร่ก!’ เดนิสพยายามดิ้นรนให้หลุดจากน้ำแข็งเกาะฝ่าเท้าเฮนดรี้บนพรมวิเศษทำการสนับสนุนในจังหวะเหมาะสม มันโปรยใบไม้สีเขียว ดอกไม้บานสะพรั่ง และหนามแหลมลงมารอบตัว ‘เพลิงพิโรธ’ เดนิสใบไม้ กลีบดอก และคมหนามต่างขยายขนาดและแผ่กิ่งก้านอย่างรวดเร็ว พันธนาการเดนิสจนเคลื่อนไหวร่างกายได้ไม่ถนัดนักสควอลฉวยโอกาสกระโดดลงจากพรมวิเศษ อาศัยแรงโน้มถ่วงขณะร่วงหล่น ชักมีดผ่าตัดแหลมคมถือในมือขวา พร้อมกับตวัดใส่ท้ายทอยของเดนิสอย่างแม่นยำและอำมหิตฉัวะ!มันออกแรงดันมีดในมือขวาไปรอบลำคอเป้าหมายสุดแรงศีรษะเดนิส ขาดกระเด็นออกจากลำตัว แต่ร่างกาย ‘เพลิงพิโรธ’ กลับหดลีบ แบนราบ และกลายเป็นเพียงเศษกระดาษขาดรุ่งริ่งในเวลาเดียวกัน ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้ตระหนักถึงความหิวกระหายอันยากบรรยายมาจากมุมมืดของอาคาร เพียงพอจะทำให้มันรู้สึกราวกับมีปีศาจกำลังรอขย้ำตนหมอนี่ไม่ใช่เพลิงพิโรธ!ขณะเกิดความคิดดังกล่าว ก้อนเพลิงอันร้อนแรงซึ่งถูกบีบอัดมาหลายชั้น พุ่งจากหลังคาบ้านหลังหนึ่งตรงมายังร่างของแม็ควิตี้ด้วยความเร็วสูง‘เหล็กกล้า’ ไม่คิดให้ซับซ้อน เพียงยกแขนขึ้นมาป้องกันตามสัญชาตญาณบึ้ม!ก้อนเพลิงระเบิดปะทุจนเกิดแรงกระแทกแผ่ออกไปทั่วบริเวณ แม้แต่สควอลและเฮนดรี้ต่างก็สัมผัสถึงสายลมปะทะหน้า แต่พวกมันมิได้แสดงอาการตื่นตระหนก โดยเลือกจะเชื่อมั่นในความทนทานของ ‘เหล็กกล้า’และไม่ผิดคาด แม็ควิตี้แทบไม่ได้รับบาดเจ็บ ปรากฏเพียงรอยสีขาวบนผิวหนังไม่กี่จุดทันใดนั้น มันเห็นร่างของบุคคลผู้หนึ่งโผล่ออกจากประกายเปลวเพลิงซึ่งลอยสูงขึ้นไปบนอากาศ อีกฝ่ายสวมผ้าคลุมสีดำของเดนิส แต่อย่างอื่นกลับไม่ใช่เดนิส ไม่ว่าจะเป็นดวงตาสีน้ำตาลเข้ม เส้นผมสีดำหวีเรียบ และใบหน้าเรียบเฉยเย็นชาเดนิสในช่วงก่อนหน้าคือ ‘ผู้ไร้หน้า’ ไคลน์มาตลอด โดยในวินาทีนี้ เกอร์มัน·สแปร์โรว์พร้อมออกล่าเหยื่อแล้ว……………………
คอมเม้นต์