ราชันเร้นลับ 525 : สควอลผู้เยือกเย็น
เมื่อมองไปยังนาฬิกาแขวนและพบว่าเป็นเวลาสองทุ่มตรง อัลเจอร์วางแก้วเหล้าและแหวกกลุ่มขี้เมาเดินออกมายังถนนด้านนอกเนื่องจากหมู่เกาะรอสต์มีทรัพยากรถ่านหินอุดมสมบูรณ์ เมืองบายัมจึงมีลักษณะคล้ายกับเมืองสำคัญบนแผ่นดินใหญ่อย่างเบ็คลันด์หรือพริสต์ ริมถนนมีโคมไฟตะเกียงวางเรียงรายสว่างไสว เผยให้เห็นบรรยากาศค่อนข้างสะอาดสะอ้านของเมืองอย่างแจ่มชัดอัลเจอร์ดึงผ้าคลุมหัวขึ้นและเดินเข้าไปในตรอกด้านข้างอย่างไม่รีบร้อน จนกระทั่งเข้ามาถึงด้านในสุด จมูกเริ่มได้กลิ่นฉุนของฉี่ปะปนกับเหล้าเจือจาง จริงอยู่ ผับใบไม้หอมอาจมีห้องน้ำไว้คอยบริการลูกค้า แต่ในบางสถานการณ์ ขี้เมาหลายคนทนต่อคิวไม่ไหวและออกมาปลดทุกข์ในมุมมิดชิดด้านนอกแสงจันทร์แดงสลัวส่องทะลุผ่านกลุ่มเมฆหนาทึบลงมายังด้านล่าง ตรอกแห่งนี้ก็ไม่เว้นเช่นกันขณะอัลเจอร์แสร้งทำเป็นเตรียมฉี่เหมือนกับขี้เมาคนอื่น สุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย“นายจงใจปล่อยข่าว ‘เพลิงพิโรธ’ ให้พวกเราได้ยินใช่ไหม”หึ… ก็ไม่โง่นี่นา…อัลเจอร์เหยียดหยันในใจ พลางหันหน้ากลับไปหาอย่างเชื่องช้า โดยไม่ประมาทการลอบจู่โจมฉับพลันห่างออกไปราวเจ็ดแปดก้าว บุคคลผู้หนึ่งกำลังยืนพิงกำแพงตรอกสูงประมาณ 1.78 เมตร สวมหมวกพับทรงทหารเรือ ใบหน้าคมชัด คางแหลม แววตาเผยกลิ่นอายคุกคามตลอดเวลาปอยผมสีดำห้อยหนึ่งกระจุก ดวงตาสีเขียวเข้มถูกปิดไว้หนึ่งข้าง ช่วยให้บรรยากาศเย็นชารอบตัวบรรเทาลงเล็กน้อยแม้ว่าภาพวาดในใบประกาศจับจะแตกต่างจากตัวจริงเพียงเล็กน้อย แต่โจรสลัดชื่อดังมักเดินเตร็ดเตร่ตามท้องถนนโดยปราศจากการปลอมตัวอัลเจอร์ผู้เป็นวงในของโบสถ์วายุสลาตัน ย่อมเคยเห็นภาพประกาศจับโจรสลัดชื่อดังเกือบทั้งหมดซึ่งถูกวาดขึ้นจากพิธีกรรม แถมยังเคยเข้าร่วมชุมนุมโจรสลัดใหญ่ จึงสามารถเปรียบเทียบใบหน้ากับค่าหัวของอีกฝ่ายแทบจะในทันทีอย่างไรก็ตาม มันไม่แสดงความมันมั่นใจอันผิดธรรมชาติให้ทางนั้นเห็น เพียงทำท่าลังเลเล็กน้อยก่อนจะถามเสียงแผ่ว“สควอลผู้เยือกเย็น?”มือขวาคนสำคัญของ ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้ โดดเด่นในด้านการควบคุมอารมณ์และความเยือกเย็นผิดมนุษย์ ขณะเดียวกันก็มีศีลธรรมพิการผิดมนุษย์ด้วยเช่นกัน ค่าหัวของมันคือหนึ่งพันห้าร้อยปอนด์อีกฝ่ายจัดระเบียบโค้ทขนสัตว์สีดำพลางเปล่งเสียงหน้านิ่ง“ถ้าปฏิเสธแล้วจะเชื่อหรือ? คงไม่กระมัง… ก็เหมือนกับนาย ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า นายจงใจกล่าวถึง ‘เพลิงพิโรธ’ ต่อหน้าโอรูม่าเพื่อให้พวกเราได้ยิน เจ้านั่นไม่ชอบใช้สมองสักเท่าไร แตกต่างจากฉัน”“ไม่ได้คิดปิดบังกันอยู่แล้ว ฉันแค่ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลบางอย่างเท่านั้น ระหว่าง ‘เพลิงพิโรธ’ ผู้หัวเดียวกระเทียมลีบ กับ ‘เหล็กกล้า’ ซึ่งเต็มไปด้วยผู้ช่วยมากฝีมือ คนสมองไม่บกพร่องคงเลือกได้ไม่ยากว่าควรทำงานให้ใคร แต่ฉันหวังว่านายจะช่วยปิดบังแหล่งข่าวไว้เป็นความลับ พอดีว่าไม่อยากถูกพลเรือโทธารน้ำแข็งไล่ล่าในภายหลัง” อัลเจอร์ตอบสุขุมสควอลพยักหน้ารับ“เล่ามา”“เคยเล่าบางส่วนไปแล้ว ฉันได้พบ ‘เพลิงพิโรธ’ เข้าโดยบังเอิญในบ่อนพนันเหรียญทอง มันบอกให้ฉันช่วยรวบรวมเบาะแสและแหล่งกบดานของ ‘เหล็กกล้า’ หึหึ… ดูเหมือนเจ้านั่นจะวางแผนลอบจู่โจมกระมัง”อัลเจอร์หัวเราะในลำคอ“เราสองคนนัดแนะพิกัดสำหรับติดต่อสื่อสารกันไว้ ฉันคิดว่าข้อมูลนี้มีมูลค่าราวหนึ่งพันปอนด์”“หนึ่งพันปอนด์? เงยหน้าขึ้นไปมองดวงจันทร์บนฟ้า นายไม่ได้กำลังฝัน!”สควอลแผดเสียง“นี่อาจเป็นกับดักของ ‘เพลิงพิโรธ’ ก็ได้ มันอาจมีผู้ช่วยคนอื่นคอยสนับสนุน ถึงได้กล้ามองหาโอกาสแก้แค้น”“เป็นกับดักหรือไม่ ฉันไม่ใช่คนตัดสิน… ห้าร้อยปอนด์ ถ้าต่ำกว่านี้จะทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น”อัลเจอร์ต่อรองค่าจ้างเสียงขรึม“สามร้อยปอนด์ และนายต้องตามฉันไปกักตัวสักพัก เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้มีการนำข่าวไปขายกับคนอื่นจนแผนการของพวกเราคลาดเคลื่อน จะจ่ายเงินทันทีเมื่อ ‘เพลิงพิโรธ’ ถูกจับกุมหรือไม่ก็ถูกสื่อวิญญาณ ไม่ต้องกังวล อาหาร เหล้า และเตียงนอนฟรีทุกอย่าง! แต่ถ้าข่าวของนายทำให้พวกเราเดือดร้อน หึหึ… คงรู้ใช่ไหมว่ามีผลลัพธ์แบบใดรออยู่” สควอลมอบข้อเสนออันยากปฏิเสธเป็นไปตามคาด เนื่องจากเบื้องหลังของเรายังคลุมเครือและไม่เคยเป็นพิษภัยกับใคร พวกมันจึงเลือกกักตัวชั่วคราวมากกว่าฆ่าทิ้งเพื่อปิดปากให้วุ่นวาย…แต่ถึงอย่างนั้น เราก็เตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายไว้แล้ว ต่อให้ ‘เหล็กกล้า’ ปรากฏตัวออกมาเอง แต่ลำพังการหลบหนีก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก…อัลเจอร์ตรึกตรอง“ต้องไม่เกินสองวัน ไม่อย่างนั้น ลูกเรือของฉันจะหนีไปพร้อมกับเรือ”“ถ้าเกินสองวัน ทางนี้จะส่งคนไปแจ้งให้พวกเขาทราบเอง” สควอลชักมีดคมกริบออกมาถือ ตามด้วยการโยนให้ตีลังกากลางอากาศประหนึ่งแสดงกายกรรมหลังจากอัลเจอร์อธิบายรายละเอียดของจุดติดต่อและวิธีการติดต่อกับบ้านร้างหมายเลข 15 บนถนนไม้หอม สควอลไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงหันหลังกลับและเดินนำทางอัลเจอร์ หักเลี้ยวซ้ายขวา จนกระทั่งถึงบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีลักษณะภายนอกไม่โดดเด่น“ไม่ได้พบกันเสียนาน กัปตันผมน้ำเงินแห่งเรือผีสิง” ชายชราผมสีขาวแซมดำเปิดประตูออกมาต้อนรับ การแต่งกายของมันคล้ายกับคนพื้นเมือง สวมกางเกงขาบานใส่สบาย“เฒ่าควินน์ สรุปแล้ว นายเป็นสายลับให้พลเรือเอกโลหิตจริงหรือ…” อัลเจอร์อ้าปากค้างอย่างประหลาดใจเฒ่าควินน์ยิ้ม“ข่าวลือมีทั้งจริงและเท็จเสมอ ข่าวใดผู้คนมักคิดว่าเป็นเท็จ บางทีมันอาจจริง”เฒ่าควินน์มิได้เปิดโคมไฟติดผนัง เพียงถือเชิงเทียนในมือเดินนำอัลเจอร์และสควอลลงไปยังห้องใต้ดินสภาพโอ่โถงและปราศจากหน้าต่าง“นายต้องอยู่ในนี้สักพัก โดยฉันและพวกพ้องจะช่วยดูแลรวมถึงจัดหาอาหารให้เอง” เฒ่าควินน์เล่าพลางยิ้ม “เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ เราจะไม่ปลดอาวุธ”“ตกลง” อัลเจอร์เป็นฝ่ายเดินลงไปในห้องใต้ดินด้วยตัวเองเฒ่าควินน์เลื่อนบานประตูหินปิดสนิท และลงกลอนไว้อย่างมิดชิดแน่นหนาสควอลไม่อยู่แช่นานนัก มันรีบสำรวจรอบบ้านเพื่อตรวจสอบว่า มีใครแอบสะกดรอยตามมาหรือไม่หลังจากยืนยันจนแน่ใจ มันเปลี่ยนไปนั่นรถม้าเช่า และเดินทางไปยังย่านโลเอ็นทาวน์ประจำบายัม—แหล่งกบดานเจ้านายตนสควอลเดินเข้าไปในบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง และเห็นแม็ควิตี้กำลังรอการกลับมาของตนบนโซฟาในห้องนั่งเล่น ส่วนลูกน้องคนอื่นอยู่ในหลากหลายอิริยาบถ บ้างยืน บ้างนั่งในลักษณะของครึ่งวงกลมรอบแม็ควิตี้ และยังมีซอมบี้กับหุ่นกระบอกอีกหลายสิบตัว‘เหล็กกล้า’ มีผิวคล้ำ ริมฝีปากหนา เส้นผมหยิกแข็งม้วนกลมเป็นก้อนจนคล้ายลูกเหล็กภายในโรงงาน“แหล่งข่าวเชื่อถือได้หรือ” มัดกล้ามเนื้อบนท่อนแขนของมันขยับตามจังหวะพูด มอบความรู้สึกเข้มแข็งทรงพลัง โดยกลิ่นอายรอบตัวแฝงความชั่วร้ายและเย็นชา ราวกับไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปสควอลพยักหน้าเล่าต่อ“เจ้านั่นเป็นโจรสลัดหน้าเงิน ถูกฉันขังไว้ในบ้านเฒ่าควินน์เรียบร้อยแล้ว หากเกิดปัญหาขึ้นมา มันไม่มีทางหลบหนีออกมาข้างนอกได้อย่างปลอดภัย ทางนั้นเองก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี”สควอลเผยรอยยิ้ม“แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราก็ไม่ควรประมาท นี่อาจเป็นกับดักของเพลิงพิโรธก็ได้”“แล้วต้องทำยังไง” แม็ควิตี้ตั้งคำถามสายตาของมันจ้องไปทางโซฟาตัวหนึ่ง บนโซฟามีชายสวมโค้ทสีน้ำตาลนั่งอยู่ ปลายนิ้วกำลังหมุนควงหมวกฟางเล่นนี่คือหนึ่งในลูกน้องคนสำคัญของแม็ควิตี้ ในอดีตเคยเป็นกัปตันเรือหมายเลข 6 ซึ่งถูกจมลงในศึกระหว่าง ‘พลเรือโทสนธยา’‘พุ่มหนามสีเลือด’ เฮนดรี้ เจ้าของค่าหัวสามพันแปดร้อยปอนด์“สควอลคงมีแผนในใจอยู่แล้ว” เฮนดรี้เลื่อนหมวกฟางปกปิดใบหน้าอันซีดเซียวสควอลหัวเราะในลำคอ“ถ้าจำไม่ผิด นักผจญภัยจอห์น·สมิธได้ส่งโมโตแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มพวกเราใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ยาก แสร้งทำเป็นปล่อยข่าวของเพลิงพิโรธให้รั่วไหลไปถึงหูพวกมัน โดยจงใจระบุว่า พวกเรายังไม่พร้อมจัดการทันที ต้องรออีกสองสามวันจึงค่อยลงมือ กลุ่มนักผจญภัยหิวเงินเหล่านั้นไม่มีทางปล่อยให้เพลิงพิโรธลอยนวลแน่ พวกมันจะชิงลงมือตัดหน้าพวกเรา โดยระหว่างนั้น เราจะดักซุ่มเพื่อเฝ้ามองเหตุการณ์อย่างเงียบๆ ปล่อยให้ทางนั้นเผชิญกับดักของเพลิงพิโรธไปตามลำพัง แต่หากเหตุการณ์ดำเนินไปอย่างราบรื่น ค่อยฉวยโอกาสปรากฏตัวหลังจากนั้นก็ยังไม่สาย”“เข้าท่า” ดวงตาของ ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้กำลังเผยความกระหายเลือดอย่างเงียบงัน…เลยเที่ยงคืนไม่นานนัก พวกมันเตรียมการทุกสิ่งเสร็จสรรพ‘พุ่มหนามสีเลือด’ เฮนดรี้ วางกระเป๋าหนังลงบนพื้นและเปิดออก นำพรมหางนกยูงสีน้ำเงินออกมาคลี่วางบนพื้นด้านหน้า ผิวพรมมีลวดลายเวทมนตร์พิสดาร ไม่เหมือนกับรสนิยมของมนุษย์สักเท่าไรแม็ควิตี้ สควอล และผู้วิเศษอีกสองคน รวมถึงซอมบี้กับหุ่นกระบอกอีกราวแปดตน ทยอยเดินขึ้นไปยืนบนพรมผืนดังกล่าวจนกระทั่งเฮนดรี้ขึ้นไปเป็นคนสุดท้าย มันหรี่ตาลงครึ่งหนึ่งพลางเปล่งเสียงแผ่วเบา“บิน!”พรมหางนกยูงสีน้ำเงินเริ่มลอยตัวสูง พาผู้โดยสารทั้งหมดไปยังถนนไม้หอมอย่างรวดเร็วระหว่างทาง เฮนดรี้สะบัดผ้าสีดำผืนใหญ่ปกคลุมเหนือผืนพรม สิ่งนี้ช่วยบดบังแสงตกกระทบของดวงจันทร์ยามค่ำคืน มิให้ใครผ่านไปมาบังเอิญเห็นเข้าเจ็ดแปดนาทีถัดมา พรมหยุดลงใกล้กับอาคารหมายเลข 20 ถนนไม้หอม เป็นบ้านฝั่งตรงข้ามเยื้องกับหลังเป้าหมายเล็กน้อยพวกมันมิได้ร่อนลงจอด เพียงปล่อยให้ ‘พรมวิเศษ’ ลอยตัวขึ้นไปเหนือยอดไม้หนาทึบอย่างเงียบงัน สายตาก้มมองสอดส่องสถานการณ์ด้านล่างอย่างตั้งใจผ่านไปนานหลายวินาที หลายนาที แต่เฮนดรี้ยังคงประคองสมบัติวิเศษของมันไว้ได้โดยไม่มีทีท่าว่าพลังวิญญาณจะหมดลงค่ำคืนอันยาวนานผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งเส้นขอบฟ้าถูกฉาบด้วยสีแดงฉานของดวงอาทิตย์ยามเช้า ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้จึงเริ่มมองหาจุดซ่อนตัวแห่งใหม่ในตอนกลางวันทันใดนั้น เงารางของบุคคลหนึ่งเบื้องล่าง เริ่มทำการปีนป่ายอาคารหมายเลข 15 อย่างคล่องแคล่ว จนกระทั่งขึ้นไปถึงหลังคาด้านบนอีกฝ่ายสวมผ้าคลุมสีดำ คิ้วเหลืองทอง ดวงตาน้ำเงินเข้ม เค้าโครงใบหน้าไม่คมชัด‘เพลิงพิโรธ’ เดนิส!เดนิสเหลียวซ้ายแลขวาอย่างระมัดระวังตัวสักพัก ก่อนจะปืนขึ้นไปบนปล่องไฟสูงและกระโดดลงไปมันมาจริงด้วย!‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้ ‘พุ่มหนามสีเลือด’ เฮนดรี้ สควอล รวมถึงคนอื่นๆ ต่างอุทานในลักษณะคล้ายกันทันใดนั้น เงาดำของหลายบุคคลได้โผล่ขึ้นจากปล่องไฟของบ้านเลขที่ 13 14 และ 17 ด้วยความว่องไวจนน่าตกตะลึง จากนั้น ทุกคนโถมเข้าใส่บ้านเลขที่ 15 ด้วยหลากหลายช่องทางแตกต่างกัน ไม่ว่าจะหน้าต่าง บานประตู หรือปล่องไฟด้านบนหลังคา……………………
คอมเม้นต์