ราชันเร้นลับ 524 : พบปะ
ห้าโมงเย็น ถนนต้นมะกอกบ้านหมอดูพาร์เม่อัลเจอร์·วิลสันผลักประตูไม้สีน้ำตาลซึ่งมีกระจกสี่เหลี่ยมติดอยู่ด้านบน และเดินเข้าไปในร้านบรรยากาศลึกลับมันสั่งกาแฟเฟอร์โม่หนึ่งถ้วย กาแฟชนิดดังกล่าวต้นกำเนิดจากหุบเขาเพิร์ธ ณ ทุ่งราบสูงดวงดาวแห่งทวีปใต้อัลเจอร์นำไพ่ทาโรต์ซึ่งซื้อเตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาวาง โดยใบบนสุดของกองเป็นไพ่ ‘แฮงแมน’ ภาพเทวทูตกำลังถูกมัดข้อมือไว้ด้านหลัง ถูกมัดข้อเท้า และห้อยหัวลงแตกต่างจากตอนเช้า มันเปลี่ยนเป็นชุดคลุมยาวทรงโบราณสีทึบ สวมหมวกอ่อนของนักบวชชั้นสูง มาดคล้ายกับพ่อมดหรือจอมอาคมจากหนังสือตำนานเวทมนตร์อัลเจอร์ถอนหายใจแผ่วพลางจิบกาแฟอย่างไม่รีบร้อน ไม่เผยท่าทีกระสับกระส่ายของผู้รอคอยถัดมาประมาณห้านาที ประตูไม้ติดกระจกถูกผลักเปิดอีกครั้ง ชายหนุ่มในโค้ทขนสัตว์สีดำเดินเข้ามาพร้อมกับหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูงอายุไม่น่าจะถึงสามสิบ ใบหน้าผอมบางคางแหลม แฝงกลิ่นอายความเป็นผู้ใหญ่พร้อมกับบรรยากาศอึมครึม ไม่ใช่ใครนอกจากไคลน์ผู้แปลงโฉมเป็นอีกหนึ่งตัวตนชายหนุ่มมิได้สวมแว่นตากรอบทอง แต่นั่นก็มิได้ทำให้สายตาแย่ลง มันกวาดตามองไปรอบร้านแบบสุ่ม จนกระทั่งหยุดลงเมื่อเห็นชายผู้มีจอนสีน้ำเงินเข้มไคลน์กลอกตาลง และพบไพ่ ‘แฮงแมน’ วงอยู่ด้านบนสุดของสำรับโดยไม่กล่าวสิ่งใด ชายหนุ่มเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามอัลเจอร์และถอดหมวกวางบนโต๊ะ“ผมต้องการดูดวง”ระหว่างพูด ไคลน์แอบสำรวจใบหน้าของสมาชิกชุมนุมทาโรต์รุ่นบุกเบิกไปในตัวโครงหน้าชัดลึก ไม่เรียบเนียน มีร่องรอยการถูกลมฝนกัดกร่อน ร่างกายสันทัดกำยำ มองปราดเดียวก็ทราบทันทีว่าชำนาญด้านการต่อสู้ และมักใช้ชีวิตกลางแจ้งผิวสีแทนอ่อน แต่ไม่ใช่แทนในแบบชนเผ่าพื้นเมือง ลักษณะคล้ายกับชาวโลเอ็นตากแดดตากฝนเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม เส้นผมสีน้ำเงินเข้มอันโดดเด่นนั้นมิใช่เอกลักษณ์ของชาวโลเอ็น แต่น่าจะเป็นชาวเกาะอาณานิคมแถบอ่าวเดซีย์ใกล้กับทะเลคลั่งมากกว่าลูกครึ่งสินะ… ไคลน์ประเมินอัลเจอร์จ้องใบหน้าของอีกฝ่าย พลางนำไปซ้อนทับกับ ‘เดอะเวิร์ล’ บนห้วงมิติเหนือสายหมอก จากนั้นก็ดันไพ่ทาโรต์พลางกล่าว“คุณจำเป็นต้องสลับและตัดด้วยตัวเอง”ไคลน์เหยียดแขนออกมาหยิบสำรับไพ่ขึ้นไปถือเล่น คลี่ออกในลักษณะพัดจนเรียงครบทุกใบ ก่อนจะหุบกลับตามเดิมและเริ่มสับไพ่ชายหนุ่มตัดไพ่ โดยหยิบสามใบออกมาวางเรียงในลักษณะของอดีต ปัจจุบัน อนาคตไคลน์เอนหลังพิงเก้าอี้ มือขวาพลิกไพ่ใบกลาง เผยให้เห็นภาพของหญิงสาวสาวกึ่งเปลือยกาย สวมเพียงผ้าพันคอสีม่วง รายล้อมด้วยพวงมาลาสีเขียวคล้ายซุ้มประตูนี่คือไพ่ ‘เดอะเวิร์ล’ หมายเลขยี่สิบเอ็ด และเป็นลำดับยี่สิบสองของสำรับ โดยไพ่ใบติดกันคือหมายเลข 0 ‘เดอะฟูล’“ความหมาย?” ไคลน์ซักแม้ว่า ‘แฮงแมน’ จะไม่เคยพูดออกมาอย่างมั่นใจว่าเดอะเวิร์ลคือ ‘ข้ารับใช้’ ของเดอะฟูล แต่ไคลน์มองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความลับต้องปิดบังต่อกัน การชิงเปิดเผยก่อนจะเป็นประโยชน์ต่อภาพลักษณ์มากกว่าเพราะหากแฮงแมนยังไม่ทราบ นี่คือการแสดงความจริงใจชั้นเยี่ยม แต่ถ้าทราบอยู่ก่อนแล้ว นี่คือการแสดงความ ‘มั่นใจ’ ราวกับเดอะเวิร์ลไม่เกรงกลัวการถูกล่วงรู้ความลับ และทุกสิ่งอยู่ในการควบคุมของตนเขามองออกว่าเรารู้ความจริงแล้ว…ยังไม่ทันจะพูดคุยในหัวข้อของห้วงมิติเหนือสายหมอก ก็เดาได้ทันทีเลยหรือ?ยอดเยี่ยมมาก…อัลเจอร์ถอนหายใจพลางมอบคำตอบ“ไพ่กลับหัว หมายถึง บางสิ่งจะประสบความล้มเหลวเนื่องจากเตรียมตัวไม่ดีพอ”“แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไร” ไคลน์พยักหน้ารับและตั้งคำถามกลับอัลเจอร์ดึงไพ่ทาโรต์ทั้งหมดกลับไปยกเว้น ‘เดอะเวิล์ด’ พลางสับไพ่กองใหญ่อย่างชำนาญจากนั้นก็เริ่มตัดไพ่และเปิดใบบนสุดเป็นไพ่ ‘ไฮโรแฟนต์’อัลเจอร์เอ่ยเสียงต่ำ“คุณต้องได้รับการชี้แนะจากศาสนา เพื่อมิให้เดินไปบนเส้นทางผิดพลาด”โดยไม่รอให้ไคลน์กล่าวสิ่งใด มันเปิดไพ่ใบถัดมาทันที เป็นไพ่ ‘เดอะมูน’ ซึ่งกำลังจ้องมองลงมายังพื้นดิน“คุณจะสับสน อ่อนเพลีย และติดอยู่ในความฝัน แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น”อัลเจอร์เปิดไพ่อีกหนึ่งใบคราวนี้เป็น ‘เดอะซัน’“ทุกสิ่งจะผ่านไปอย่างราบรื่น โลกจะถูกฉาบด้วยแสงสว่างแสนอบอุ่น” มันกล่าวด้วยน้ำเสียงและท่าทางคล้ายนักต้มตุ๋นไคลน์เงียบงันสักพัก ตามด้วยคาดเดา“ศาสนา ความฝัน สุริยัน?”อัลเจอร์ยิ้มรับพร้อมกับพยักหน้า“ถูกต้อง”มันจงใจบอกใบ้แผนการผ่านไพ่ทาโรต์ในความเป็นจริง อัลเจอร์ไม่จำเป็นต้องลำบากลงทุนทำแบบนี้ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องบอกใบ้อย่างมีชั้นเชิงผ่านไพ่ การอธิบายแผนโดยตรงจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์เหมือนกันเพียงแต่ว่า มันต้องการทดสอบสติปัญญาเบื้องต้นของเดอะเวิร์ลเสียก่อน ว่าเป็นพวกหลักแหลมหรือเอาแต่พึ่งพาพละกำลังถ้าสติปัญญาของอีกฝ่ายใกล้เคียงตน มันเชื่อว่าตนควรหาโอกาสร่วมมือกับอีกฝ่ายให้มากในอนาคต การคุยกันระหว่างคนฉลาดเป็นเรื่องง่ายเสมอ แค่มองตาก็เข้าใจ ไม่ต้องเสียเวลาเปลืองน้ำลาย แต่ถ้าผลออกมาตรงกันข้าม อัลเจอร์ก็จะเริ่มปลีกตัวออกห่างเดอะเวิร์ลในภารกิจถัดไป นอกเสียจากจะได้รับคำสั่งโดยตรงจากมิสเตอร์ฟูลอย่างไรก็ตาม คำตอบและพฤติกรรมของเดอะเวิร์ลได้ยืนยันแล้วว่า อีกฝ่ายมีทั้งความหลักแหลมและประสบการณ์โชกโชน…สหาย ฉันคือหมอดูอันดับหนึ่งของเมืองทิงเก็นเชียวนะ ส่วนนายเป็นแค่มือสมัครเล่น!ไคลน์ยิ้มเยาะพลางยกตนข่มท่านภายในใจความนัยแฝงของ ‘แฮงแมน’ ในไพ่ทาโรต์ทั้งสามนั้นไม่ซับซ้อน ไพ่ ‘ไฮโรแฟนต์’ หมายถึงศาสนจักร แปลว่าอีกฝ่ายจะนำเรื่องของ ‘เพลิงพิโรธ’ เดนิส และ ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้ ไปรายงานให้เบื้องบนของวิหารคลื่นสมุทรทราบ จากนั้นจะส่งหน่วยทูตพิพากษาแบ่งโจรสลัดออกเป็นสองกลุ่มและจัดการเก็บกวาดให้สิ้นซากนี่คือวิธีปรกติของหน่วยพิเศษ ไม่ซับซ้อน และไม่เกินความเข้าใจของไคลน์ส่วนไพ่เดอะมูนและเดอะซันสองใบหลัง สิ่งนี้เป็นคำเตือนเนื่องจากทูตพิพากษาคือผู้ลงมือปฏิบัติการ และอัลเจอร์ก็รู้จักสมาชิกทีมดังกล่าวเป็นอย่างดี จึงทราบว่าจะต้องมีการเบิกสมบัติปิดผนึกในขอบเขตของพลัง ‘หลับใหล’ ออกมาใช้งานส่วนไพ่ ‘เดอะซัน’ หมายถึง ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้ครอบครองสมบัติวิเศษในขอบเขตของพลังสุริยัน ให้ตนระวังตัวเอาไว้ไม่มีอะไรต้องกังวล เราควบคุมความฝันของตัวเองได้อย่างอิสระ และมิได้แท้ทางพลังสุริยันเป็นพิเศษ… ไคลน์เหยียดแขนออกไป กลับหัวไพ่ทาโรต์ เพื่อสื่อถึง ตนสามารถเตรียมตัวให้เกิดความพร้อมก่อนเริ่มลงมืออัลเจอร์เงยหน้าขึ้นและสูดลมหายใจยาว“เจ้าของร้านนี้เชี่ยวชาญการบำบัดจุดปวดเมื่อยด้วยกลิ่นหอม เธอนิยมใช้วัตถุดิบจำพวกน้ำมันสกัด น้ำค้างบริสุทธิ์ และผงสกัดดอกไม้ขณะทำการบำบัด ผลลัพธ์ช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้นอย่างมาก… อยากลองสักหน่อยไหม”ไคลน์ปะติดปะต่อข้อมูลจนเริ่มเข้าใจว่า แฮงแมนใช้จุดนัดพบเป็นถนนไม้หอม“ตกลง”ถัดมา คนทั้งสองมองหน้ากันอีกเล็กน้อยโดยไม่มีใครกล่าวสิ่งใด และไม่มีใครเอ่ยถึงเจ้าของร้านออกมาอีกไคลน์ไม่ต้องการอยู่นาน จึงหยิบนาฬิกาพกออกมาสำรวจเวลาและลุกยืนอัลเจอร์ลุกพลางยิ้มให้ ก่อนจะนำฝ่ามือทาบหน้าอกและโค้งคำนับเล็กน้อย“สรรเสริญพระองค์ท่าน! แผนในคราวนี้ล้วนเกิดจากวิวรณ์และการชี้นำของพระองค์”หืม… อยู่เป็นนี่นา…ไคลน์ฉีกยิ้มกว้าง พร้อมกับเลียนแบบท่าทางของ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์“สรรเสริญพระองค์ท่าน!”ชายหนุ่มเดินไปทางประตูเตรียมออกจากร้าน แต่กลับชะงักฝีเท้าเล็กน้อยเพื่อหยุดสวมหมวก และหันกลับมาจ้องอัลเจอร์“ขอพูดตามตรง คุณไม่เหมาะกับเครื่องแต่งกายเช่นนี้เลยสักนิด”หือ…?อัลเจอร์ตามความคิดของเดอะเวิร์ลไม่ทันเป็นครั้งแรกเมื่อเห็นเดอะเวิร์ลเดินออกจากร้าน มันรีบเบือนหน้าไปมองกระจกตรงมุมห้อง และเพ่งพิจารณารูปลักษณ์ปัจจุบันของตนอย่างถี่ถ้วนในตอนแรก มันไม่คิดว่ามีสิ่งใดผิดปรกติเกี่ยวกับเครื่องแต่งกาย แต่หลังจากได้ยินคำทักของเดอะเวิร์ล อัลเจอร์เริ่มพบความขัดแย้งบางอย่าง จนเข้าใจความนัยแฝงในคำเตือนชายรูปร่างสันทัด หุ่นบึกบึน ใบหน้าหยาบกร้านเพราะถูกลมฝนกัดกร่อน เส้นผมสีน้ำเงินเข้มไม่เป็นทรง แถมยังแผ่กลิ่นอายราวกับสามารถเรียกลูกเรือนับร้อยคนมากระทืบเหยื่อได้ในพริบตา ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้ การสวมชุดคลุมของหมอดูจึงไม่ได้เข้ากันเลยสักนิด…มหาวิหารคลื่นสมุทรอัลเจอร์ ผู้เปลี่ยนกลับเป็นไปเสื้อผ้าชุดเก่า กำลังเดินตามสาวกเข้าไปในโถงสวดมนต์โดยไม่ทำตัวโดดเด่นจนกระทั่งใกล้ถึงช่วงสารภาพบาป มันฉวยโอกาสเดินเข้าไปสนทนากับบิชอปโชโกรีเมื่อโค้งคำนับเสร็จ มันกล่าวเข้าประเด็น“ผมไปพบกับ ‘เพลิงพิโรธ’ เดนิสมาแล้ว แต่ชายคนนั้นเล่าว่า กุญแจในมือพลเรือโทธารน้ำแข็งมิได้เกี่ยวข้องอะไรกับกุญแจมรณาหรือสมบัติของเทพมรณา แถมยังเสนอราคาขายกลับมาด้วยหากเราต้องการ นอกจากนั้น มันยังฝากให้ผมสอดส่องและสืบข่าวของ ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้ เมื่อลองประเมินอย่างคร่าว ผมพอจะเดาได้ว่า เดนิสเคยถูกทำร้ายโดยผู้ช่วยรองกัปตันแห่งพลเรือเอกโลหิต จึงต้องการแก้แค้น ท่านเจ้าคุณครับ ผมต้องการปล่อยให้ข่าวดังกล่าวรั่วไหลไปถึงหูของ ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้และลูกสมุนของมัน จากนั้น พวกเราจะดักซุ่มและบุกจู่โจมฉับพลัน ฉวยโอกาสนี้กำราบหรือไม่ก็ฆ่าพวกมันทิ้งเสีย หากทำสำเร็จ ความโอหังของโจรสลัดในบายัมคงลงลดลงจากเดิมมาก”โชโกรีเผยสีหน้าพึงพอใจ“ทำได้ดี คุณวางแผนไว้เหนือชั้นกว่าจินตนาการของผมเสียอีก”อัลเจอร์ตอบด้วยสีหน้าศรัทธา“ทั้งหมดเกิดขึ้นได้ด้วยวิวรณ์ของพระองค์ และผมก็เคยได้รับการชี้แนะจากท่านบิชอปเป็นการส่วนตัวบ่อยครั้ง”“ในช่วงเย็น ผมจะออกไปหาเหยื่ออันเหมาะสมเพื่อปล่อยข่าวลือ หากผมกลับมาสวดมนต์ในวิหารหลังจากนั้น หมายความว่า ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้ยังไม่ลงมือวันนี้ แต่ถ้าผมไม่กลับวิหาร ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า พวกมันได้ยินข่าวลือและพยายามส่งลูกน้องมาปิดปากผม ซึ่งนั่นหมายถึง ฝูงปลากำลังว่ายเข้าหาอวนด้วยตัวเอง”หลังจากระบุตำแหน่งสำคัญอื่นๆ จนครบ อัลเจอร์กลับออกจากห้องสารภาพบาป และเดินออกจากวิหารคลื่นสมุทรอย่างไร้พิรุธ…หนึ่งทุ่มสิบห้า ผับใบไม้หอมในภาพสวมกางเกงขาบานของท้องถิ่นและเส้นผมสีน้ำเงินเข้มแซมออกจากผ้าคลุมศีรษะ อัลเจอร์กำลังยืนข้างเวทีมวยพลางถือ ‘แลงติร้อนแรง’ ภายในมือ สายตาจ้องมองนักมวยสะบักสะบอมทั้งสองฝั่งอย่างเหยียดหยันไม่กี่อึดใจถัดมา มันเห็นเป้าหมายของตนกำลังเดินไปทางเคาน์เตอร์หลังจากยืนรอจังหวะสักพัก อัลเจอร์เดินไปนั่งลงด้านข้างชายผิวเข้มร่างกายผอมซูบ ตามด้วยการแสร้งหัวเราะแห้ง“ฮะฮะ! ฉันได้ยินว่า ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้ กำลังอยู่ในบายัม… นายว่าข่าวนี้จริงไหม?”อีกฝ่ายเบือนหน้าพลางตอบพร้อมรอยยิ้ม“ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง…”“หือ… นายกำลังจะบอกว่า ‘เพลิงพิโรธ’ เดนิสมันกล้าโกหกฉันอย่างนั้นหรือ? บัดซบ!”อัลเจอร์ยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ“เพลิงพิโรธ… เดนิส?” อีกฝ่ายเริ่มทวนคำด้วยสีหน้าลังเล“ถูกต้อง เป็นมันไม่ผิดแน่!”อัลเจอร์แสร้งทำเป็นขบกรามเจ็บแค้น“กรอด… เมื่อเช้า ฉันบังเอิญพบมันในบ่อนพนันเหรียญทอง โดยมันอ้างว่า ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้กำลังอยู่ในบายัม… กล้าโกหกฉันคนนี้เชียว!”ทันใดนั้น ชายผิวสีเข้มรูปร่างผอมซูบ เริ่มกวาดตามองไปรอบห้องอย่างตื่นตระหนกโดยไม่มีการหยุดพักกลางคันจนกระทั่ง มันตัดสินใจยืนขึ้นและยิ้ม“ต้องขอโทษด้วย แต่ฉันมีธุระสำคัญของรีบไปสะสาง ไว้ค่อยเล่นไพ่ด้วยกันวันหลัง”มันตบบ่าอัลเจอร์แผ่วเบา ก่อนจะรีบเดินออกจากผับราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นในสภาพมือข้างหนึ่งถือแก้วเหล้า สายตาอัลเจอร์เหลือบมองตามแผ่นหลังอีกฝ่ายบนใบหน้าปราศจากรอยยิ้มโดยสิ้นเชิง……………………
คอมเม้นต์