ราชันเร้นลับ 519 : แจกแจง
ของเหลวสีทองทั้งเย็นและสดชื่น ช่วยให้ออเดรย์รู้สึกราวกับตนกำลังรับประทานไอศกรีมถ้วยใหญ่ หญิงสาวบรรจงจิบ ‘แชมเปญเย็น’ ซึ่งมีฟองอากาศผุดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเกิดเสียงลงไปในลำคอทันใดนั้น โสตประสาทของเธอเริ่มแผ่ขยายเป็นวงกว้าง ออเดรย์ได้ยินเสียงสาวใช้สองคน ตรงสุดทางเดิน กำลังตัดพ้อเกี่ยวกับการไม่ถูกพาตัวไปยังคฤหาสน์หรูในแคว้นเชสเตอร์ตะวันออกพร้อมกับครอบครัวฮอลล์ออเดรย์สัมผัสได้ว่า จิตของเธอเริ่มสลายตัวกลายเป็นหมอกควันมายาทีละนิด ค่อยๆ พองตัวปกคลุมคฤหาสน์ทั้งหลัง โอบกอดทะเลจิตใต้สำนึกของทุกคนในบ้านอย่างรวดรวดไม่กี่อึดใจถัดมา วิสัยทัศน์ของหญิงสาวเริ่มแปรเปลี่ยน ภาพการมองเห็นตรงหน้ากลายเป็นพร่ามัว ก่อนจะก่อตัวเป็นกระจกเงาสะท้อนรูปโฉมในปัจจุบันอย่างแจ่มชัดภายใต้ความงามอันสามารถบรรยายด้วยคำว่า บริสุทธิ์ผุดผ่อง ประณีต ทรงเสน่ห์ และเลอค่า ผิวหนังนอกร่มผ้าเริ่มถูกเกล็ดสีทองปกคลุมอย่างเชื่องช้า ม่านตาสีเขียวรวมเป็นหนึ่งเดียวกับตาขาวและฉาบด้วยสีทองรูม่านตากลายสภาพเป็นทรงรีแนวตั้งได้เห็นฉากดังกล่าว ความกลัวจากก้นบึ้งพลันแผ่กัดกินจิตใจออเดรย์หนักหน่วง เธอไม่อยากกลายเป็นสัตว์ประหลาดไร้สามัญสำนึก!หัวสมองกำลังขาวโพลน สตินึกคิดเริ่มไม่คมชัด ความเจ็บปวดเหนือคำบรรยายกำลังท่วมท้นห้วงความรู้สึกทันใดนั้น หญิงสาวได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากโกลเดนรีทรีเวอร์ ซูซี่“ไม่ต้องกลัว ใจเย็นไว้ ไม่ต้องกลัว”สติออเดรย์ถูกดึงกลับมายังโลกความจริงอย่างรวดเร็ว เธอพยายามเพ่งสมาธิเพื่อเข้าสู่ภาวะผู้ชมเพียงไม่นาน กระแสอารมณ์อันปั่นป่วนเริ่มสงบลง ดวงวิญญาณหลุดลอยลอยออกจากร่างกายทีละนิด จนกระทั่ง ออเดรย์มองเห็นตัวเองด้วยมุมมองบุคคลภายนอกเกล็ดสีทองบนผิวหนังเริ่มจางหาย ม่านตากลับมามีสีเขียวมรกตสดใสอีกครั้งเพียงไม่นาน หญิงสาวสามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้อย่างอิสระ พร้อมกับตระหนักว่า ‘นักจิตบำบัด’ มีพลังพิเศษประเภทใดบ้างเกือบไปแล้วเชียว… อีกแค่นิดเดียว…ออเดรย์ยกแขนขึ้นอย่างหวาดกลัว เธอไม่กลัวว่าจะเห็นเกล็ดมังกรสีทองอีกครั้ง แต่โชคยังดี ในคราวนี้ไม่มีความผิดปรกติบนร่างกายจากเหตุการณ์เมื่อครู่ เธอเริ่มเข้าใจคำเตือนเป็นครั้งคราวของมิสเตอร์ฟูลเกี่ยวกับความอันตรายของภาวะคลุ้มคลั่ง หรือแม้แต่มิสเตอร์แฮงแมนก็ยังคอยเปรยอยู่เสมอว่า เส้นทางผู้วิเศษมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบถึงแม้จะใช้เทคนิคสวมบทบาทได้อย่างไร้ข้อบกพร่อง แต่ก็ไม่มีใครหนีพ้นจากภาวะคลุ้มคลั่งได้อย่างสมบูรณ์แบบย้อนกลับไปในอดีต มิสเตอร์เวิร์ลเคยกล่าวประโยคหนึ่งได้ว่า ‘ผู้วิเศษคือผู้พิทักษ์ ขณะเดียวกันก็เป็นกลุ่มคนน่าสมเพช ต้องคอยต่อกรกับความดำมืดและบ้าคลั่งของโลกตามลำพัง’ …เราเคยคิดว่าตัวเข้าใจความหมายนั้นเป็นอย่างดี แต่วันนี้เพิ่งตระหนักถึง ‘ความรู้สึก’ ดังกล่าวอย่างแจ่มชัด…ออเดรย์… ห้ามถอดใจเด็ดขาด! ห้ามหวาดกลัวกับเรื่องเล็กน้อย! พ่อแม่และพี่ชายกำลังรอการปกป้องจากเรา! ด้วยประสบการณ์ในวันนี้ เราจะไม่เกิดความหวาดกลัวอะไรง่ายๆ อีกแล้ว! เข้ามาได้เลย!หญิงสาวสั่นกำปั้นแผ่วเบาพลางให้กำลังใจตัวเองอย่างมุ่งมั่นออเดรย์ยืนสงบสติสักพัก ก่อนจะเดินไปหาซูซี่และนั่งยองลง ใช้แขนโอบกอดโกลเดนรีทรีเวอร์ขนทองตัวใหญ่ พลางลูบไล้เส้นขนอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอมหญิงสาวกล่าวโดยใช้ใบหน้าแนบข้างศีรษะสุนัขตัวโต“ขอบคุณนะ…”ซูซี่ใช้แก้มถูกลับสองหน ตามด้วยการซักถามอย่างจริงจัง“ออเดรย์ นี่คือความรู้สึกของการเป็นนักจิตบำบัดใช่ไหม… ฉันชอบมัน”“…” ออเดรย์หลั่งน้ำตาปริ่ม ก่อนจะหัวเราะและกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ซูซี่… พวกเราจะคอยดูแลจิตใจของกันและกันตลอดไป!”“ตกลง. โฮ่ง!” ซูซี่ขานรับยิ้มแย้มผ่านไปสักพัก จนกระทั่งอารมณ์ปีติยินดีของหญิงสาวสงบลง ออเดรย์ตั้งสติตรวจสอบประสิทธิภาพของพลังใหม่อย่างละเอียดร่างกายของเรากระฉับกระเฉงขึ้น แม้ว่ามวลกล้ามเนื้อจะเท่าเดิม แต่ความแกร่งและความว่องไวก็เพิ่มขึ้นจนสัมผัสได้… สายตาของเราดีขึ้น มองเห็นแม้กระทั่งวัตถุในความมืด…ความสามารถในการรับรู้กลิ่นเพิ่มขึ้นมาก สามารถแยกแยะกลิ่นได้ซับซ้อนกว่าเดิม ช่วยให้เข้าใจอารมณ์แท้จริงและความคิดจากจิตใต้สำนึกของเป้าหมาย… เรามีพลังความสามารถสมกับเป็นผู้วิเศษเหมือนคนอื่นสักที…พลังแรก ‘ความเกรงขาม’ ใช้ได้ทั้งเป้าหมายเดี่ยวและหมู่คณะ เป็นการสร้างความโกลาหลคล้ายกับขณะมังกรปรากฏตัวจนมนุษย์แตกตื่น ถัดมา ‘ก่อโรคประสาท’ สามารถระเบิดอารมณ์ของเป้าหมายให้ปะทุอย่างรุนแรง เป้าหมายจะอยู่ในภาวะโรคประสาท ต้องทุกข์ทรมานกับอาการทางจิต ในบางกรณีอาจถึงขั้นคลุ้มคลั่ง…ถัดมา ‘พลังชี้นำทางจิต’ คอยชักนำเป้าหมายผ่านพฤติกรรมเฉพาะเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นภาษากายหรือคำพูด ทำให้อีกฝ่ายยอมทำตามคำสั่งโดยไม่รู้ตัว หรือชื่ออย่างแรงกล้าว่า นั่นคือความคิดจากจิตใต้สำนึกของตัวเอง ถัดมา ‘พลังปลอบโยน’ เรียกในเชิงวิชาการว่า ‘บำบัดจิต’ ช่วยให้ผู้วิเศษใกล้คลุ้มคลั่งสงบสติลงและกลับสู่ห้วงอารมณ์ปรกติ มีโอกาสล้มเหลว แต่ยิ่งลำดับเพิ่มขึ้น โอกาสสำเร็จก็จะเพิ่มขึ้นตาม และยังสามารถใช้รักษาผู้ป่วยทางจิตเวชทั่วไป ให้กลับไปเข้าสังคมได้ตามเดิม…ถัดมา ‘พลังอ่านใจ’ ต้องอาศัยสื่อกลางอย่างเทียนไขหรือน้ำมันสกัดช่วย มีฤทธิ์ทำให้เป้าหมายตกอยู่ในสภาวะกึ่งถูกสะกดจิต โดยระหว่างนั้น เราสามารถสื่อสารกับจิตใจส่วนลึกของอีกฝ่ายได้โดยตรง… ฟังดูคล้ายกับพลังของฮิลเบิร์ต·อลูคาร์ดเมื่อวันก่อน ตามปรกติแล้ว เป้าหมายจะไม่สามารถเล่าเรื่องเท็จได้ แต่เรามีพรจากเทวทูตของมิสเตอร์ฟูลคอยคุ้มครอง…ดังนั้นในอนาคต การจะใช้พลังนี้กับใคร ห้ามปักใจเชื่อเต็มร้อยอย่างเด็ดขาด ยังมีวิธีอีกมากในการเล็ดลอดจากการสอบสวน… ด้วย ‘พลังปลอบโยน’ และ ‘อ่านใจ’ ผนวกกับความรู้ด้านจิตวิทยาอีกเล็กน้อย เราสามารถประกอบอาชีพนักจิตวิทยาและเปิดคลินิกรักษาคนไข้ได้!ออเดรย์อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี เธอเริ่มสัมผัสได้ว่า พลังพิเศษของตนเหมาะสมกับการถูกเรียกว่า ‘ผู้วิเศษ’ เสียทีเรากลายเป็นผู้วิเศษลำดับกลางแล้ว! เป็นการพัฒนาพลังอย่างก้าวกระโดด!หญิงสาวลุกขึ้นยืน เดินยกชายกระโปรงไปรอบห้องพลางเต้นรำอย่างร่าเริงขณะเดียวกัน ออเดรย์พบว่านักจิตบำบัดยังขาดพลังในการโจมตีซึ่งหน้าแต่เรามีเจ้านี่… หญิงสาวหยุดยืนหน้าโต๊ะทดลองและเปิดกล่องสีน้ำตาลเรียบง่ายหน้ากากสีเงินนอนสงบนิ่งภายในกล่อง ขนาดของมันไม่ใหญ่มาก ปกปิดได้เพียงครึ่งใบหน้าส่วนบน สิ่งนี้คือสมบัติวิเศษซึ่งเธอซื้อมาจากแฮงแมนออเดรย์หยิบมาวางบนมือพลางสังเกตจากนั้น หญิงสาวลองถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปและจินตนาการรูปร่าง เหมือนกับการเขียนไดอารีบนห้วงมิติเหนือสายหมอกหน้ากากสีเงินเริ่มยืดหดสลับกับกลิ้งไปมาบนฝ่ามือ ก่อนจะเปลี่ยนรูปทรงเป็นต่างหูสลักลวดลายประณีต ขนาดค่อนข้างใหญ่“…เป็นสร้อยคอดีกว่า” ออเดรย์พึมพำถัดมา เธอทดสอบพลังของสมบัติวิเศษชิ้นใหม่ทุกซอกมุม และไม่ผิดคาด ความพึงพอใจอันดับหนึ่งตกอยู่กับพลังในการแปลงโฉม“น่าเสียดาย นอกจากพลังควบคุมไฟ สิ่งมีไม่มีความสามารถด้านโจมตีโดยตรง บางที เราคงต้องพกลูกโม่ดัดแปลงติดตัวสักกระบอก พร้อมด้วยกระสุนพิเศษอีกหลายชนิด…”ออเดรย์ครุ่นคิดอย่างนึกเสียดายถัดมา หญิงสาวสะกดอารมณ์และก้มหน้าพูดกับสมบัติวิเศษในมือ“นับแต่นี้ไป เจ้าจะมีชื่อว่า ‘คำลวง’ เป็นคำลวงอันงดงาม~”…ณ ‘เมืองแห่งการให้’ บายัม เขตท่าเรืออาคารหมายเลข 48 ถนนมะนาวเปรี้ยวโรมแรม ‘วายุคราม’แม้ภายนอกจะมีสายลมกระโชกและฝนฟ้าคะนองโปรยปราย แต่เตาผิงภายในห้องพักสุดหรูกำลังแผ่ความอบอุ่นจนทุกคนมีความสุขไคลน์นั่งบนเก้าอี้ จ้องมองเดนิสกำลังจัดการบาดแผลบนแขนซ้ายอย่างเงียบงันเมื่อเห็นอีกฝ่ายนำเศษเสื้อผ้าเก่าออกมาฉีกเป็นชิ้นเล็กและรัดกับท่อนแขนเสร็จ ชายหนุ่มซักถามเสียงเรียบ“ ‘สมบัตินั่น’ หมายถึงอะไร”อ้างอิงจากคำสั่งเสียของเดนิส พลเรือเอกโลหิต·เซนอล คิดวางหมากตลบหลังพลเรือโทธารน้ำแข็ง·เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ดโดยมีสาเหตุมาจากสมบัติชิ้นหนึ่งท่ามกลางเสียงลมพายุด้านนอกดังคลอเป็นพื้นหลัง เดนิสจิบ ‘แลงติร้อนแรง’ บนโต๊ะไม้มะฮอกกานี พลางหัวเราะแห้งด้วยอารมณ์โกรธเคืองปนเคียดแค้น“สมองพวกมันคงถูกซอมบี้กินไปหมดแล้ว! ในการสำรวจครั้งล่าสุด พวกเราพบซากเรืออับปางลำหนึ่ง แม้สมบัติอื่นภายในเรือจะไม่ได้ยอดเยี่ยมนัก แต่พวกเราพบกุญแจเหล็กสีดำสนิท ขนาดค่อนข้างใหญ่ มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่ของมนุษย์ อยู่ในสภาพปราศจากสนิมโดยสิ้นเชิง! นายจินตนาการออกไหม? กุญแจแช่อยู่ในน้ำทะเลเป็นเวลานานโดยไม่ขึ้นสนิม!”“อือ” ไคลน์ตอบห้วนน่าตกใจตรงไหน? นี่คือโลกแห่งผู้วิเศษ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น…จะบอกอะไรให้ บุคคลตรงหน้านายเคยคืนชีพจากหลุมศพมาแล้วหนึ่งครั้ง ดังนั้นไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องกุญแจไม่ขึ้นสนิม!เดนิสชะงักงันครู่หนึ่ง ก่อนจะเรียบเรียงคำพูดนานเจ็ดแปดวินาทีจึงค่อยเล่าต่อ“คงมีคนทรยศภายในกลุ่มพวกเรา เพราะข่าวลือเรื่องกุญแจดอกดังกล่าวถูกแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว โจรสลัดจำนวนมากเชื่อว่านี่คือกุญแจเทพมรณาในตำนาน ใช้สำหรับเปิดขุมทรัพย์สุดท้ายของเทพมรณา ในตอนแรก ฉันคิดว่านี่คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก จึงลาพักร้อนเพื่อผ่อนคล้ายตัวเองในช่วงปีใหม่ แต่เหตุการณ์กลับทวีความซับซ้อนขึ้นทุกขณะ แม้กระทั่งพลเรือเอกโลหิตก็ยังทำตัวเหมือนโจรสลัดเสียสติเหล่านั้น! จนฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า บางที นี่อาจเป็นกุญแจมรณาตามตำนานก็เป็นได้ สุดยอดสมบัติล้ำค่าซึ่งสามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นทวยเทพ”“งี่เง่า” ไคลน์พ่นลมหายใจอย่างเย็นชาไม่ว่าจะเป็นด้านศาสตร์ทำนายหรือความลับของทวยเทพ ไคลน์กล้าพูดได้เต็มปากว่า ตนมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก ฉันนั้น มันจึงกล้าตีความนิยามของ ‘กุญแจมรณา’ ในแบบฉบับตัวเองไคลน์เชื่อว่า ‘กุญแจ’ คือนามธรรม ไม่ใช่สมบัติจับต้องได้ เป็นสัญลักษณ์เรียกแทนวัตถุหรือบุคคล ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการเปิดแหล่งขุมทรัพย์สุดท้ายของเทพมรณา อาจต้องมีสายเลือดของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง หรือไม่ก็ลูกหลานคนใดคนหนึ่งของเทพมรณาโดยตรงเดนิสเงียบงันสักพัก ตามด้วยคำอุทาน“กัปตันก็พูดแบบนี้ แถมยังมีสีหน้าเหมือนกับนาย… เธอเชื่อว่า กุญแจดอกดังกล่าวต้องเป็นสมบัติบรรพกาลในอดีตกาล และไม่ใช่ข้าวของเครื่องใช้สำหรับมนุษย์ ก่อนเกิดยุคสมัยมหาภัยพิบัติ โลกเราเต็มไปด้วยคนยักษ์ มังกร เอลฟ์ หมาป่าอสูร และสัตว์วิเศษอื่นๆ อีกหลายชนิด กุญแจดอกดังกล่าวบ่งชี้ไปถึงสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น”หมาป่าอสูร…ไคลน์หวนนึกถึงถ้อยคำ ‘เฟรเกีย’ เสียงเพรียกกรีดแทงสมองสมัยเลื่อนลำดับจากนักทำนายและตัวตลก โดยในภายหลัง มันทราบว่าเฟรเกียคือชื่อของราชาหมาป่าอสูร หนึ่งในแปดเทพบรรพกาลสมบัติจากยุคสมัยที่สอง?ชายหนุ่มยับยั้งความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัว พลางกล่าวต่อไปอย่างสุขุมชายหนุ่มยังจำได้ว่า พลเรือเอกโลหิตและสมุนโจรสลัดของมัน คือกลุ่มโจรชั่วช้าอันดับหนึ่งในท้องทะเล พฤติกรรมในอดีตเต็มไปด้วยการนองเลือดและผิดศีลธรรม“แจกแจงทุกวีรกรรมในอดีตของพลเรือเอกโลหิต รวมถึงของแม็ควิตี้·เหล็กกล้ากับลูกน้องมาให้หมด ฉันจะไปจำทั้งหมดได้ยังไง! ถ้าเป็นสาวสวยแบบกัปตันก็ว่าไปอย่าง!”เดนิสกล่าวพลางผายมือออก“ต…แต่ฉันยังพอจะจำวีรกรรมสำคัญหรือเหตุการณ์น่าประทับใจได้ เอ่อ… แล้วนายถามไปทำไม?”ไคลน์บรรจงเผยรอยยิ้มเย็นๆ มุมปากมันพึมพำและกล่าวอย่างเสียงเรียบ“ถ้ามีโอกาส ฉันจะล่าพวกมัน”……………………
คอมเม้นต์