ราชันเร้นลับ 504 : กลุ่มโจรสลัดกะโหลกแดง
ผู้วิเศษลาออกจากกองทัพเรือ?ไม่ต้องรอให้เดนิสอธิบาย ไคลน์สามารถเข้าใจความนัยทันทีในหน่วยเหยี่ยวราตรี แม้แต่บุคลากรพลเรือนก็ยังถูกจำกัดอิสระอย่างหนักหน่วง หากถอนตัวก็ต้องมีการลงนามรักษาความลับไปตลอดชีวิต ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกนอกขอบเขตการดูแลของเหยี่ยวราตรีเดิม การจะเดินทางไปเมืองอื่นจะต้องทำเรื่องแจ้งกับเหยี่ยวราตรีปลายทางทุกครั้งจากกฎดังกล่าว จะเห็นได้ชัดว่าโบสถ์และกองทัพมีทัศนคติต่อผู้วิเศษภายในหน่วยตัวเองเข้มงวดมากเพียงใด การจะออกจากองค์กรกลางคันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายไคลน์ยังจำได้ มิสจัสติสเคยเล่าว่า เธอมีช่องทางดื่มโอสถและกลายเป็นผู้วิเศษของทางการ แต่สุดท้ายก็ตอบปฏิเสธเนื่องจากตนต้องการความเป็นอิสระส่งผลให้ไคลน์เกิดความสงสัยแบบเดียวกับเดนิส แต่ด้วยบุคลิกของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ชายผู้มีมาดสง่างาม สุภาพ และเย็นชา ย่อมไม่แยแสประเด็นเล็กน้อยดังกล่าว“อือ” ไคลน์กล่าวเสียงเรียบ สายตาจ้องมองโต๊ะอาหารอย่างเฉยเมยอือพ่อเอ็งสิโว้ย! หัดคุยกับคนอื่นบ้าง!เดนิส·เพลิงพิโรธสูดลมหายใจและฝืนยิ้ม“ฮะฮะ! ฉันแค่รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย กลุ่มของพวกเราต่างสงสัยว่า บางที ไอร์แลนด์อาจเข้าร่วมกับ MI9 ในฐานะสายลับ โดยอาศัยฐานะกัปตันเรือเดินสมุทรบังหน้า”เป็นไปได้ทีเดียว… ไคลน์ยกแก้วน้ำขึ้นจิบอาหารถูกยกมาเสิร์ฟตามลำดับและหมวดหมู่อย่างเหมาะสม โดยเริ่มจากไวน์รองท้องสองแก้ว รสหวาน สีทองซีดไคลน์หยุดสนทนา และรวบรวมสมาธิลิ้มรสชาติอันหอมละมุนของแต่ละจาน ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่า คุณภาพของอาหารสูงกว่าบัตรโดยสารชั้นสองของตนค่อนข้างมากเสียงไวโอลินดังคลอท่ามกลางเสียงกังวานของมีดส้อมกระทบกับภาชนะกระเบื้องเคลือบ วิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างค่อนข้างเงียบงันโดยมีเสียงระลอกคลื่นระรื่นหูขณะโต๊ะของไคลน์ถึงเวลาเสิร์ฟของหวาน ลูกเรือคนหนึ่งได้ย่ำเท้าเข้าไปทางโต๊ะของไอร์แลนด์ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก“กัปตัน! เรือโจรสลัด!” มันมิได้พยายามหรี่เสียงให้เบาลงแม้แต่น้อยผู้โดยสารจำนวนมากพลันแตกตื่นและหยุดกินอาหารทันทีไคลน์เงยหน้า ดวงตาจ้องมองไปทางเดนิสฝั่งตรงข้ามอย่างเย็นชาเดนิส·เพลิงพิโรธนั่งแข็งทื่อหลายวินาที พร้อมกับเผยรอยยิ้มขื่นขมและลดเสียงลง“ถ้าฉันบอกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน นายจะยอมเชื่อไหม”เปลือกตาไคลน์กระตุกแผ่วเบา ก่อนจะกล่าวโดยยกโค้งมุมปากเล็กน้อย“เดาดูสิ”เดากับแม่เอ็งสิ!เดนิสเดือดดาลจนเกือบหลุดโมโหแต่มันยังทนฝืนยิ้มต่อไป“ด้วยสติปัญญาอันสูงส่งของนาย คงประเมินสถานการณ์ได้โดยไม่ต้องมีคำอธิบายจากฉันกระมัง”พร้อมกันนั้น ไอร์แลนด์รีบถามไถ่รายละเอียดจากลูกเรือ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและกล่าวต่อหน้าผู้โดยสารบัตรชั้นหนึ่งซึ่งกำลังตื่นตระหนักตกใจ“อีกฝ่ายเป็นแค่เรือโจรสลัดลำเดียว โมราขาวลำนี้สามารถรับมือได้สบายมาก! ได้โปรดกลับไปยังห้องพักของตัวเองอย่างเป็นระเบียบแล้วรอฟังข่าวดีจากผม เชื่อเถอะว่า ความแตกตื่นโกลาหลจะสร้างความเสียหายได้มากกว่าโจรสลัดกระจอกเหล่านั้นหลายเท่านัก ผมไม่ต้องการให้ในอนาคตมีเรื่องเล่าอันน่าขบขันถูกลือออกไปว่า โมราขาวจัดการขับไล่กลุ่มโจรสลัดกลับไปได้อย่างหมดจด แต่กลับมีผู้โดยสารจำนวนหนึ่งเกิดสะดุดหกล้มจนบาดเจ็บระหว่างทาง”ภายใต้การจัดการอย่างเป็นระเบียบ ครอบครัวของดอนน่าและคนอื่นเริ่มทยอยเดินกลับไปยังห้องโดยสารของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่ไคลน์และเดนิส·เพลิงพิโรธ“ฉันนึกว่านายจะยึดโมราขาวไว้ชั่วคราวและไล่โจรสลัดกลับไปด้วยตัวเองเสียอีก”ภายในห้อง 312 เดนิสกล่าวขณะปิดประตูเสียงดังตามหลัง มันกำลังอารมณ์ดีราวกับได้รับชมละครเวทีสักเรื่องหากประเมินจากอุปนิสัยหลายข้อ ทั้งการยอมอ่อนข้อให้เราแม้ว่าตัวจะไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ทั้งการกล้าเข้ามาทักทายทันทีเมื่อได้พบสมาชิกใหม่ถูกชะตา รวมถึงการยอมเสียเวลาอธิบายแผนงานกับค่าตอบแทนให้เราฟังอย่างละเอียด แสดงให้เห็นว่า สรั่งเรือคนนี้มีนิสัยเปิดเผยและเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย…ไคลน์ชำเลืองอีกฝ่ายสักพัก ก่อนจะเดินตรงไปทางหน้าต่าง และเพ่งมองเรือลำใหญ่ซึ่งติดธงสัญลักษณ์กะโหลกแดง แล่นข้ามฟากทะเลตรงเข้ามาพร้อมกับปล่องไฟและใบเรือ“รู้จักพวกมันไหม” ไคลน์สอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อพลางยืนมองผ่านแผ่นกระจกหนาเดนิสเดินมายืนเยื้องไปด้านหลังเล็กน้อยพลางจ้องออกไปด้านนอกสองวินาที“โจรสลัดกะโหลกแดง กลุ่มโจรสลัดขนาดกลางค่อนไปทางเล็ก กัปตันชื่อจอห์นสัน·หมาป่าทะเล เจ้าของค่าหัวเก้าร้อยปอนด์ ต้นเรือชื่อแอนเดอร์สัน·ตาเดียว เจ้าของค่าหัวห้าร้อยปอนด์”ในโลกของโจรสลัด การอ้างอิงด้วยจำนวนเงินค่าหัวถือเป็นการบ่งบอกสถานะเมื่อพิจารณาว่าผู้โดยสารทั่วไปว่ายน้ำในทะเลไม่ชำนาญ การปล่อยให้โจรสลัดขึ้นเรือคงได้เกิดความสูญเสียใหญ่หลวงตามมา…ไคลน์กล่าวในอีกสองวินาที“แล้วพวกมันรู้จักนายไหม”“แน่นอนอยู่แล้ว!” เดนิสยืดอก “พวกมันมีสิทธิ์เข้าร่วมการชุมนุมใหญ่ของโจรสลัด และฉันเคยเตะก้นไปแล้วหลายรอบ!”สมกับเป็นโจรสลัดคนดังเจ้าของค่าหัวสามพันปอนด์…ไคลน์ยังคงซักถามโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า“พวกมันมีกล้องส่องทางไกลไหม”“นั่นคืออุปกรณ์จำเป็น! แม้ว่าเรือจะแล่นตรงไปในทิศทางกำหนดอย่างสงบนิ่ง แต่ก็ต้องมีลูกเรือยืนบนดาดฟ้าคอยสังเกตการณ์ด้วยกล้องส่องทางไกลเป็นระยะ เพื่อป้องกันการถูกลอบโจมตี”เดนิสตอบเสียงค่อยมันเริ่มสังเกตว่า อสุรกายตนนี้ยังเป็นนักผจญภัยหน้าใหม่ และอาจเพิ่งเคยออกทะเลเป็นครั้งแรกคงเคยเป็นนักล่าค่าหัวบนบกมาก่อนสินะ… และน่าจะเป็นสมาชิกองค์กรลับด้วย…เดนิสคาดเดาอดีตของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไปเรื่อยเปื่อย“ในสถานการณ์เช่นนี้ กัปตันและต้นเรือจะใช้กล้องส่องทางไกลมองเข้ามาไหม”ใจจริง ไคลน์อยากเรียกพวกมันว่ามิสเตอร์เก้าร้อยปอนด์และมิสเตอร์ห้าร้อยปอนด์ แต่นั่นคงไม่สุภาพเท่าไรนัก“แน่นอน! หลักพื้นฐานของการปล้นคือการจับตามองเหยื่อตลอดเวลา!” เดนิสอธิบายด้วยสีหน้ากึ่งสับสนมันไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคำถามจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์สักเท่าไร ในหัวคิดเพียงว่า หากตนเก่งกาจเหมือนกับอีกฝ่าย จะปล่อยให้โจรสลัดกะโหลกแดงขึ้นเรือมา จากนั้นค่อยหาโอกาสลอบขึ้นเรือพวกมันกลับ เพื่อเชือดโจรสลัดทิ้งให้หมดทุกคนไคลน์จ้องเดนิสด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“ได้ยินแบบนั้นค่อยชื่นใจ”ชื่นใจกับพ่อเอ็งสิ! อย่ายิ้มแบบนั้น!กำลังวางแผนชั่วอะไรอยู่!ความหวาดกลัวพลันเอ่อล้นท่วมท้นจิตใจเดนิส·เพลิงพิโรธ“ถอดวิกออก” ไคลน์สั่งเสียงเรียบเห…?เดนิสยืนมึนงง ก่อนจะบรรจงถอดวิกออกอย่างว่าง่ายไคลน์หยิบสารสกัดพิเศษออกจากช่องกระเป๋าลับและส่งให้“ล้างหน้าและคิ้วออก”สิ่งนี้คือ ‘น้ำยาล้างเครื่องสำอาง’ ซึ่งไคลน์เตรียมไว้ตั้งแต่สมัยยังไม่เป็นผู้ไร้หน้า โดยถูกใช้เป็นครั้งแรกในภารกิจซุ่มโจมตี ‘วิญญาณอาฆาต’ ของโรงเรียนกุหลาบในความเป็นจริง ไคลน์ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาล้างเครื่องสำอางอีกแล้ว แต่ก็ยังพกติดตัวมาตลอดเพราะความนึกเสียดาย“…” เดนิสฉงนหนักกว่าเดิม แต่มันไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะเกรงว่าสถานการณ์อาจเลวร้ายชนิดมิอาจหวนกลับ นอกเสียจากตนจะถูกอีกฝ่ายลงมือทำร้ายก่อน ดังนั้น มันจึงจำใจทำความสะอาดเครื่องสำอางบนใบหน้าตามคำสั่งไคลน์เก็บขวดโลหะกลับเข้าช่องเดิม พลางเปิดหน้าต่างห้องพักเพื่อให้ลมทะเลพัดโชย“มายืนตรงนี้ หันหน้าออกไปด้านนอก”ชายหนุ่มชี้ไปยังหน้าต่างใกล้กับตนเพื่อระบุตำแหน่งให้เดนิส·เพลิงพิโรธทราบเดนิสเร่งฝีเท้ามาหยุดข้างหน้าต่างไคลน์ยืนจ้องสักพัก ตามด้วยการกล่าวเสียงเย็นชา“นายมีสองทางเลือก หนึ่ง ปืนออกไปและโหนตัวด้วยการใช้แขนข้างหนึ่ง เกาะขอบหน้าต่างในลักษณะโดดเด่นสะดุดตา สอง โหนตัวข้างนอกโดยการถูกฉันคว้าคอเสื้อในลักษณะโดดเด่นสะดุดตา”“นายคิดจะทำอะไร!” เดนิสโพล่งไคลน์ยิ้มเยือกเย็น“ทำให้พวกมันมองเห็นนายอย่างชัดเจน ฉันเชื่อว่า ชื่อเสียงของสรั่งเรือลำดับสี่แห่งพลเรือโทธารน้ำแข็ง คงสามารถขับไล่โจรสลัดกะโหลกแดงกลับไปได้ไม่ยาก”“ไม่! นายจะทำแบบนั้นไม่ได้!” เดนิสยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็งมันจินตนาการได้ทันที ขณะโจรสลัดบนเรือกะโหลกแดงมองเห็นตน อีกฝ่ายจะต้องคิดได้สองสาเหตุ หนึ่ง เดนิส·เพลิงพิโรธกำลังถูกโจรสลัดทรงพลังบางคนจับตัวไว้ หรือสอง พลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด กำลังหมายตาเรือลำนี้อยู่ โดยไม่ว่าจะแบบไหน แต่ผลลัพธ์ล้วนทำให้โจรสลัดกะโหลกแดงถอนตัวกลับไปและพวกมันจะตัดสินว่าเป็นข้อใด จากลักษณะการถูกแขวนของเรา…เดนิสครุ่นคิดอย่างหดหู่ไคลน์ฉีกยิ้มกว้างมากขึ้นทีละนิด“ฉันเป็นคนใจดี ขอแค่นายฟังคำสั่ง”ทันใดนั้น เดนิสเริ่มสัมผัสถึงแรงกระหายอันท่วมท้นอีกหน คล้ายกับเลือดเนื้อและดวงวิญญาณของตนกำลังถูกฉีกกระชากทั้งเป็นหลังจากชั่งใจราวหนึ่งวินาที มันยกมือขึ้นและฝืนยิ้ม“ฉันทำเอง”เดนิสกัดฟันอดทนต่อความโกรธและเจ็บใจ ตามด้วยการปืนหน้าต่างออกไปโดยใช้มือข้างหนึ่งจับขอบด้านใดไว้แน่น สิ่งนี้ต้องอาศัยกำลังแขนมหาศาลซึ่งถูกฝึกฝนตลอดหลายปีคอยพยุงตัว“อย่าได้คิดหนี ความอดทนของฉันต่ำ”ไคลน์เตือนอย่างเยือกเย็นรู้แล้วน่า… เดนิสฝืนระงับความต้องการจะปล่อยมือและกระโดดหนีลงไปข้างล่างขณะเดียวกัน บนเรือโจรสลัดซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลพอสมควร ลูกเรือผู้ถือกล้องส่องทางไกลรีบหันไปกล่าวกับจอห์นสัน·หมาป่าทะเล“บอส! มีคนพิลึกกำลังโหนตัวอยู่ข้างหน้าต่างห้องพักผู้โดยสาร!”จอห์นสันพลันชะงัก ก่อนจะรีบยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาทาบดวงตามันพบคนพิลึกตามคำบอกเล่าของลูกเรืออย่างรวดเร็ว เพราะอีกฝ่ายอยู่ในตำแหน่งโดดเด่นเสียเหลือเกินนี่มัน… เดนิส·เพลิงพิโรธไม่ใช่หรือ…จอห์นสันขมวดคิ้วหลังจากจดจำใบหน้าของอีกฝ่ายได้ทำไมชายคนนั้นถึงมาอยู่บนโมราขาว? แล้วการห้อยโยนหมายถึงสิ่งใด?…หรือว่าเรือลำนี้คือเหยื่อของพลเรือโทธารน้ำแข็ง?หลังจากตั้งคำถามกับตัวเองหลายชุด จอห์นสัน·หมาป่าทะเลรีบตัดสินใจมันยกมือขวาขึ้น“รีบหนีให้พ้นจากน่านน้ำทันที!”…ภายในห้อง 305 ติดกับหน้าต่าง คลีฟส์ยืนกำลูกโม่ดัดแปลงในมือแน่น เพื่อคุ้มกันทุกคนจากการต่อสู้ซึ่งสามารถเกิดขึ้นทุกเมื่อครอบครัวของดอนน่าออกอาการสั่นกลัวโดยไม่ปิดบัง ไม่มีใครกลับไปยังห้องของตน ทั้งหมดรวมตัวกันภายในห้องนั่งเล่นเพื่อรอให้กระสุนปืนใหญ่ระลอกแรกเปิดฉากยิงเซซิลและบอดี้การ์ดอีกหนึ่งคน ทีก กำลังอยู่ในสภาพพร้อมต่อสู้สุดขีดทันใดนั้น รูม่านตาคลีฟส์พลันหดเกร็งด้วยสีหน้าสับสนเหนือคำบรรยายถัดจากนั้นไม่กี่นาที บอดี้การ์ดมากประสบการณ์เดินออกจากหน้าต่างพร้อมกับลดปืนในมือลง ตามด้วยการกล่าวปิดท้าย“โจรสลัดหนีไปแล้ว”“อะไรนะ?” เออร์ดี้·แบรนช์สับสนกับความพลิกผันอันคาดไม่ถึง มันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่า พวกโจรสลัดกำลังวางแผนอะไรกันแน่…ห้อง 312เดนิส·เพลิงพิโรธปืนกลับขึ้นมาด้วยท่าทางน่าสมเพช ก่อนจะตะโกนอย่างหัวเสีย“นายฉวยโอกาสใช้ชื่อเสียงของกัปตัน! เธอไม่ชอบให้ใครทำแบบนี้!”แกเตรียมถูกพลเรือโทธารน้ำแข็งเตะก้นได้เลยไอ้เวรตะไล!เดนิสครุ่นคิดในใจอย่างขุ่นเคืองไคลน์ยืนฟังเงียบงัน ตามด้วยการซักถามอย่างใจเย็น“ถ้าจำไม่ผิด เธอมีค่าหัวในโลเอ็นมากถึงสองหมื่นหกพันปอนด์เลยสินะ”หมอนี่ต้องบ้าไปแล้วแน่…เดนิสมิอาจสรรหาคำใดมาตอบโต้……………………
คอมเม้นต์