ราชันเร้นลับ 498 : สร้างตัวตน
การประจันหน้าระหว่างชายกำยำสองคนกลางผับปลาบินและไวน์ยังคงดำเนินต่อไปฝ่ายหนึ่งเป็นชายร่างกายบึกบึน สวมเครื่องแบบสีกรมท่าสลับแถบขาวอันเป็นเอกลักษณ์ของทหารเรือ มันปล่อยให้ท่อนแขนทั้งสองข้างเปลือยเปล่าโดยไม่สนว่าสภาพอากาศจะหนาวเย็นจบเกือบศูนย์องศาหรือไม่ในมือถือกริช กำลังจ่อคอฝ่ายตรงข้าม แต่หว่างคิ้วของมันก็ถูกนาบด้วยปากกระบอกปืนคาบศิลาทรงโบราณอันควรถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์เจ้าของปืนคาบศิลามีส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 1.8 เมตร กล้ามเนื้อเป็นมัดแน่น ใบหน้ามันเลื่อม ศีรษะถูกโกนจนล้าน สักลายนกอินทรีทะเลมันสบถ :“ไอ้ทหารเรือขี้หมา! ไม่มีใครในเมืองท่าดาเมียร์กล้ากล่าวหาว่าฉันเป็นสายข่าวให้กับโจรสลัด!”ทหารเรือคนดังกล่าวมิได้ผ่อนคลายบรรยากาศคุกคาม สีหน้าแววตาทั้งคู่บ่งบอกชัดเจนว่ามีประสบการณ์ในทะเลโชกโชนไคลน์ยืนจ้องสักพัก ก่อนจะเดินไปทางเคาน์เตอร์ซึ่งมีกัปตันไอร์แลนด์ ผู้เหน็บดาบยาวไว้ตรงเอวและซ่อนปืนคาบศิลาไว้ในเสื้อ กำลังนั่งจิบเครื่องดื่มชายหนุ่มซักถามเป็นกันเอง“เกิดอะไรขึ้นหรือ”“ก็แค่ขี้เมาสองคนทะเลาะกัน ทั่วทั้งเมืองท่าดาเมียร์และละแวกใกล้เคียงกำลังมีข่าวลือหนาหูว่า ‘อินทรีย์ทะเล’ โลแกน ทำงานเป็นสายข่าวให้กัปตันทิวลิปดำ ขณะทหารเรือคนนั้นกำลังพูดเรื่องดังกล่าวกับเพื่อน อินทรีย์ทะเลได้ยินจึงไม่พอใจ”กัปตันทิวลิปดำ?พลเรือเอกนรก ลูเธอร์ไวล์?ไคลน์นั่งลงบนเก้าอี้กลมติดหน้าเคาน์เตอร์ด้านข้างไอร์แลนด์ พลางใช้นิ้วเคาะแผ่นไม้“เบียร์นันวีลล์หนึ่งแก้ว”“หกเพนนี” บาร์เทนเดอร์ผิวแทนฟันขาวกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยขณะใช้ผ้าเช็ดแก้วคิดไว้ไม่มีผิด…สินค้าพื้นเมืองจะมีราคาสูงเมื่ออยู่นอกถิ่นกำเนิด…ไคลน์ล้วงเศษเหรียญจากกระเป๋าเสื้อและนับจนครบหกเพนนีพร้อมกันนั้น โลแกนกับทหารเรือได้ถูกคนคุมผับแยกตัวไปคนละมุมร้าน ทั้งคู่ส่งเสียงสบถด่ากันเป็นระยะอย่างฉุนเฉียวอาจเป็นเพราะรู้สึกเสียหน้า ทหารเรือจึงเดินออกจากร้านไปในอีกไม่กี่อึดใจถัดมา ส่งผลให้ผับเริ่มกลับมาครื้นเครงอีกครั้ง“เล่นไพ่ไหม?” กัปตันไอร์แลนด์ชี้ไปทางบันไดสู่ชั้นสองของผับ“ไม่ดีกว่า” ไคลน์ยังคงไม่สูญเสียจุดยืน มันมาผับเพราะต้องการรวบรวมข้อมูลใจจริง ไอร์แลนด์อยากเลื่อนมือขึ้นมาตบบ่าไคลน์อย่างอ่อนโยน แต่บรรยากาศเย็นชารอบตัวเกอร์มัน·สแปร์โรว์ทำให้มันต้องชะงักความคิด เพียงดึงมือกลับและแสร้งทำเป็นปัดชายเสื้อโค้ทสีแดงเข้ม พลางกล่าวตักเตือนด้วยความหวังดี“อย่าจีบสาวแถวนี้เด็ดขาด”ไคลน์พยักหน้ารับ มือขวายกแก้วเบียร์นันวีลล์กระดกอึกใหญ่“แล้วก็… ไม่ควรเชื่อคำพูดใครง่าย ๆ พวกมันพูดความจริงแค่ส่วนน้อย” ไอร์แลนด์เดินถือขวดแลงติร้อนแรงขึ้นบันไดชั้นสองไคลน์มองตามและซักถามหน้านิ่ง“รวมถึงคุณด้วยไหม”“…ก็คงใช่” ไอร์แลนด์ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง “ฮะฮะ! แต่คำเตือนเมื่อครู่เป็นความจริง แล้วก็ ผมเป็นผู้ชายจริง ๆ”ไม่แน่เสมอไป…ถ้าคุณดื่มโอสถแม่มด…ไคลน์เบือนหน้ากลับมายังเคาน์เตอร์ มันบรรจงจิบเบียร์อย่างไม่รีบร้อนพลางนั่งฟังกลุ่มขี้เมารอบผับคุยโม้โอ้อวดสองสามนาทีถัดมา ชายร่างเล็กเดินมานั่งข้างไคลน์พร้อมกับถือเครื่องดื่มในมือ“สหายเป็นนักผจญภัยใช่ไหม” ชายแปลกหน้าเอียงคอยิ้มถามอีกฝ่ายมีผมสีดำ ดวงตาสีฟ้า ใบหน้าค่อนข้างชราและหมองคล้ำไร้ราศี“จะเรียกแบบนั้นก็ได้” ไคลน์ตอบเย็นชืด“เพียงแค่มอง ฉันก็บอกได้ทันทีว่านายเป็นนักล่าสมบัติมือฉมัง นักล่าผู้แสวงหาโอกาสและความมั่งคั่ง!” ชายร่างเล็กมองไปรอบตัวพลางหรี่เสียงลง “เคยได้ยินตำนานเรือ ‘จักรวรรดิผีสิง’ บ้างไหม”นี่เป็นบทสนทนาชวนทำแอมเวย์ของโลกทางนี้หรือไง… จริงสิ… ฉันยังเคยฟังเรื่องราวของพระเจ้าผู้ปลดปล่อยด้วยเหมือนกัน…ไคลน์หันไปตอบพร้อมกับใช้พลังผู้ไร้หน้าสร้างบรรยากาศไม่เป็นมิตร“เคย… เรือผีสิงลำใหญ่ขนสมบัติมากมาย”“นั่นแหละ! พวกเรามีเบาะแสของมัน!” ชายร่างเล็กอุทานด้วยเสียงลุ่มหลง “เรามีเบาะแสว่ามันจะปรากฏตัวอีกครั้งตรงไหน! พวกเราไม่ต้องการให้สมบัติตกอยู่ในมือของทหารเรือหรือโจรสลัด และไม่ต้องการถูกดักปล้นกลางทาง จึงวางแผนเช่าเรือติดอาวุธของพ่อค้าไปดักรอยังพิกัดดังกล่าว แต่ค่าเช่าเรือต้องใช้เงินหนึ่งพันปอนด์ ตอนนี้พวกเรารวบรวมสมาชิกได้ทั้งหมดสิบห้าคนและมีเงินทุนทั้งหมดเจ็ดร้อยยี่สิบปอนด์แล้ว ขาดอีกไม่มากเท่านั้น! นายสนใจจะเข้าร่วมด้วยไหม”โดยไม่รอให้ไคลน์ตอบ อีกฝ่ายควักปึกกระดาษสีเหลือออกมาวาง“ฉันรู้ว่านายคงไม่เชื่อง่าย ๆ เพราะในทางสามัญสำนึก ทุกคนมีความระแวงอยู่เสมอ แต่หลังจากทั้งสิบห้าคนได้อ่านเอกสารเหล่านี้ พวกเขาตัดสินใจเข้าร่วมแผนการทันที!”…หน้าตาเราดูหลอกง่ายขนาดนั้นเชียว?หรือเจ้าพวกนี้เลือกเหยื่อส่งเดชโดยไม่สนใจหน้าตาตั้งแต่แรก?ขณะไคลน์กำลังคิดว่า ตนจะเสียเวลาอ่านเอกสารดีไหม มุมสายตาบังเอิญเหลือบเห็นอินทรีย์ทะเล โลแกน ผู้เพิ่งมีปากเสียงกับทหารเรือ เดินดุ่มเข้ามาใกล้อย่างองอาจ“วูดดี้…! แกคิดจะหลอกเอาเงินคนอีกแล้วใช่ไหม! ไอ้หนูท่อสกปรก!”เมื่อสิ้นเสียง โลแกนหิ้วชายร่างเล็กโยนลงไปยังพื้นโล่งใจกลางผับ ก้นอีกฝ่ายกระแทกพื้นอย่างจังจนเผยสีหน้าเจ็บปวดจากนั้น ชายร่างกายกำยำผู้มีรอยสักสีเขียวอมฟ้ากึ่งกลางศีรษะ นั่งลงแทนตำแหน่งวูดดี้พร้อมกับหัวเราะเสียงดัง“ฮะฮะ! ต้องขอโทษด้วย เจ้านั่นคือหนูสกปรกประจำเมืองท่าดาเมียร์แห่งนี้ ชอบสร้างชื่อเสียให้พวกเราอยู่เรื่อย แต่ในความเป็นจริง ชาวดาเมียร์เป็นมิตรและมีน้ำใจอย่างมาก หากติดปัญหาในเรื่องใด อย่าได้ลังเลจะมาปรึกษาฉัน ฮะฮะ! แล้วก็… อย่าไปเชื่อคำพูดคนพวกนั้นมากนัก ฉันเป็นคนเถรตรง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับพลเรือเอกนรกทั้งสิ้น!”ยิ่งพยายามเน้นย้ำ นายก็ยิ่งน่าสงสัย…ไคลน์กล่าวอย่างใจเย็นโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า“อยากฟังข่าวลือในช่วงหลัง”“ไม่มีปัญหา” อินทรีย์ทะเลโลแกนทุบเคาน์เตอร์เสียงดังพลางตะโกนใส่บาร์เทนเดอร์“เอาเนื้อหมักเกลือสูตรพิเศษของเมืองท่าดาเมียร์มาหนึ่งชุดใหญ่! ฉันจะเลี้ยงสหายหน้าใหม่ด้วยอาหารสุดพิเศษของเมืองเรา”บาร์เทนเดอร์เปิดประตูห้องครัวและเดินเข้าไปด้วยสีหน้าปรกติผ่านไปสักพัก มันกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับจานเนื้อหมักเกลือสีขาวสลับแดงหน้าตาชวนให้น้ำลายสอ“ห้าปอนด์” บาร์เทนเดอร์มิได้มองไปทางอินทรีย์ทะเลโลแกน แต่จ้องมายังไคลน์“ห้าปอนด์” อินทรีย์ทะเลโลแกนหันหน้ามาหาไคลน์พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ทุกคนในร้านคงได้ยินเหมือนกันใช่ไหม? เพื่อเป็นการขอบคุณฉัน สหายหน้าใหม่คนนี้จังสั่งเนื้อหมักเกลือชุดใหญ่มาเลี้ยง!”ไคลน์ตามเหตุการณ์ไม่ทันในตอนแรก แต่หลังจากได้ยินบาร์เทนเดอร์ทวงเงินรอบสอง ชายหนุ่มเริ่มตระหนักว่าตนถูกกำลังรีดไถเล่นละครได้แนบเนียนมาก…ก่อนอื่น มันส่งคนมาหลอกเหยื่อเกี่ยวกับสมบัติของเรือผีสิง ตามด้วยการให้โลแกนเล่นบท ‘คนดี’ เพื่อให้เหยื่อตายใจ จากนั้นก็สั่งเนื้อหมักเกลือชุดใหญ่ราคาแพงของร้านโดยอ้างว่าจะเลี้ยง แต่เมื่ออาหารถูกยกมาเสิร์ฟ มันกลับพลิกลิ้นและไถเงินจากเราแทน…เข้าใจแล้วว่าทำไม ขณะหนูสกปรกวูดดี้ถูกโยนลงพื้นเสียงดังโครมคราม พวกขี้เมาโดยรอบกลับไม่แสดงท่าทีใดออกมา… ทุกคนคงกลัวอิทธิพลจากสายข่าวของพลเรือเอกนรก…แล้วเราควรทำอย่างไร?ตัวตนปัจจุบันของเราคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นักผจญภัยและนักล่าค่าหัวผู้ป่าเถื่อน…ไคลน์กระดกแก้วพลางดื่มด่ำไปกับรสอันเข้มข้นของเบียร์มอลต์ จึงค่อยกล่าวด้วยเสียงเย็นชาอันเป็นปรกติ“ทำถึงขนาดนี้แล้ว… ไม่ปล้นกันเลยล่ะ”“ปล้น…?” โลแกนพลันประหลาดใจกับท่าทีตอบสนองของเหยื่อในเสี้ยววินาทีถัดมา มันมองเห็นกำปั้นกำลังลอยเข้าหาใบหน้าตนเปรี้ยง!หมัดซ้ายไคลน์กระแทกใส่ปลายคางโลแกนพร้อมกับส่งร่างอันบึกบึนลอยกระแทกเคาน์เตอร์บาร์ด้วยแผ่นหลังชายหนุ่มดันตัวเองลุกยืนด้วยมือขวาอย่างคล่องแคล่ว ตามด้วยการปรี่เข้าใส่ร่างโลแกนซึ่งกำลังร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วงเข่าซ้ายพุ่งกระแทกท้องน้อยของอินทรีย์ทะเลโลแกนอย่างจังปึก!โลแกนพลันตัวงอ ดวงตาเหลือกถลนในลักษณะอ้าปากกว้างไคลน์ชักลูกโม่ยัดใส่ปากพร้อมกับง้างนกกริ๊ก!“ฉ…ฉันเป็น…” โลแกนตะกุกตะกักชายหนุ่มจ้องมองเข้าไปในดวงตา ก่อนจะชักลูกโม่กลับและตบด้วยด้ามปืนหนึ่งฉาดผัวะ!ฟันซี่หน้าของโลแกนร่วงกราวทันที ช่องปากชุ่มโชกไปด้วยเลือดแดงฉานความเจ็บปวดเกินขีดจำกัดร่างกายส่งผลให้ดวงตาของมันเหลือกขึ้นจนเหลือเพียงตาขาวโลแกนหมดสติในท่ายืนคอพับกลางอากาศไคลน์ใช้มือข้างหนึ่งกระชากคอเสื้อไว้ไม่ให้อีกฝ่ายร่วงลงไป ขณะเดียวกันก็ใช้มืออีกข้างล้วงหยิบธนบัตรและเศษเหรียญออกมาจำนวนหนึ่งชำเลืองด้วยหาตา เมื่อมั่นใจว่าไม่เกินห้าปอนด์ ชายหนุ่มโยนเงินไปทางบาร์เทนเดอร์และกล่าวเยือกเย็น“ไม่ต้องทอน”ผิวสีแทนของบาร์เทนเดอร์เริ่มขาวซีด มันตะโกนตะกุกตะกักราวกับติดอ่าง“ห…หัวหน้าของของฉันคือฉลามขาว!”ไคลน์ปล่อยมือจากโลแกนโดยไม่หันไปมอง ตามด้วยการกลับมานั่งบนเก้าอี้กลมเพื่อลิ้มรสเนื้อหมักเกลืออันเลื่องชื่อของทาเมียร์มันพบว่ารสชาติและเครื่องปรุงค่อนข้างกลมกล่อมและหอมละมุนลิ้นหลังจากกินไปสองคำ ไคลน์เงยหน้าถาม“แล้วหัวหน้าของแกรู้ไหม… ว่าแกสมคบคิดกับอินทรีย์ทะเลเพื่อทำเรื่องชั่วช้า”“ม…ไม่” บาร์เทนเดอร์กระอักกระอ่วนเมื่อเห็นไคลน์หยุดพฤติกรรมรุนแรงและจ่ายเงินเรียบร้อย คนคุมร้านเริ่มเดินถอยหลังกลับไปอย่างเงียบงันชายหนุ่มจิบเบียร์หนึ่งอึก ชำเลืองอินทรีย์ทะเลโลแกนบนพื้นพลางซักถามบาร์เทนเดอร์“เจ้านี่เป็นสายข่าวให้ลูเธอร์ไวล์ใช่ไหม? ค่าหัวเท่าไร?”“…เขาไม่ได้เป็น” บาร์เทนเดอร์ส่ายหน้า “เขากุเรื่องสายข่าวขึ้นมาเอง แม้แต่ทหารเรือเมื่อครู่ก็ถูกจ้างมาอีกทีหนึ่ง ทั้งหมดก็เพื่อให้ทุกคนหวาดกลัว…”ได้ยินเช่นนั้น เหล่าขี้เมารอบร้านต่างวางแก้วลงด้วยสีหน้าตกตะลึง บางคนถึงกับเดินเข้ามาใกล้โลแกนและถ่มน้ำลายรดหน้าถุด! ถุด! ถุด! หลายคนทำตามไคลน์ก้มหน้ากินเนื้อหมักเกลืออีกครั้ง“เล่าข่าวลือในช่วงหลังมา”บาร์เทนเดอร์ถอนหายใจโล่งอก ตามด้วยการเล่าข่าวลือในช่วงสองสามเดือนหลังพลางเช็ดทำความสะอาดแก้วใสบางเรื่องไคลน์ทราบอยู่แล้ว แต่บางเรื่องก็เป็นข้อมูลใหม่เรือหลวงแห่งกองทัพเรือโลเอ็น เรือรบหุ้มเกราะรุ่นล่าสุด พริสต์ ได้ทำลายเรือโจรสลัดไปมากมายระหว่างการซ้อมรบ… ข่าวลือความน่าสะพรึงกลัวของปืนใหญ่ประจัญบานได้แพร่ไปยังหมู่โจรสลัดอย่างรวดเร็ว บางกลุ่มแอบฉวยโอกาสขณะพริสต์ยังไม่พร้อมทำสงครามเต็มรูปแบบ รีบลงมือก่อเรื่องชั่วช้ามากมายเพื่อโกยเงินและหนีออกจากน่านน้ำโดยไม่คิดกลับมาอีก… ท้องทะเลคงไม่สงบสุขไปอีกอย่างน้อยครึ่งปี…พลเรือเอกโลหิต เซนอล และพลเรือโทสนธยา อีวาน·บูลาทอฟ ได้ปะทะกันอย่างรุนแรงในแถบตอนใต้ของทะเลโซเนีย หลังจากสงครามย่อยจบลง แต่ละฝ่ายสูญเสียเรือไปคนละสองลำ…ไคลน์นั่งฟังโดยไม่ซักถาม เพียงขยับมือเติมเต็มความอิ่มท้องหลังจากจัดการกับอาหารและเบียร์จนหมด ชายหนุ่มค่อย ๆ ยืนขึ้นอย่างเชื่องช้า“จงจำบทเรียนวันนี้ให้ขึ้นใจ” ไคลน์กล่าวพลางวางจานอาหารไว้ตรงหน้าบาร์เทนเดอร์ขณะบาร์เทนเดอร์กำลังก้มหน้าหยิบจาน เส้นผมสีดำของมันถูกใครบางคนคว้าไว้เพล้ง!ไคลน์จับศีรษะบาร์เทนเดอร์กดลงกระแทกจานกระเบื้องจนแตกละเอียด เศษจานกระจัดกระจายพร้อมกับเลือดสีแดงเปรอะเปื้อนเต็มเคาน์เตอร์ลูกค้าคนอื่นต่างลุกฮือและขยับถอยหลังเพราะกลัวจะโดนลูกหลง บรรดาคนคุมผับรีบวิ่งตรงมาทางเคาน์เตอร์อย่างรวดเร็วชายหนุ่มหยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาและพยายามเทของเหลวไม่กี่หยดสุดท้ายลงบนศีรษะบาร์เทนเดอร์ผู้กำลังนอนฟุบหนึ่งหยด สองหยด สามหยด…เมื่อไม่มีหยดเบียร์มากกว่านี้ ไคลน์ตัดใจและโน้มตัวลงไปคว้าคอเสื้อโลแกน ก่อนจะขว้างใส่กลุ่มคนคุมร้านซึ่งกำลังปรี่เข้าหาฉวยโอกาสขณะศัตรูเสียจังหวะเบี่ยงตัวหลบไปคนละทิศทาง ประกอบกับความโกลาหลวุ่นวายภายในร้าน ชายหนุ่มวิ่งอ้อมฝูงชนอย่างคล่องแคล่วออกจากร้านปลาบินและไวน์อย่างง่ายดายไคลน์กดหมวกลงพลางเร่งฝีเท้าเดินไปยังถนนข้างเคียงหลังจากเปลี่ยนเส้นทางอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มลดความเร็วลง พร้อมกับหยิบเหรียญทองขึ้นมาถือบนมือเหรียญถูกควงรอบนิ้วอย่างชำนาญประหนึ่งพยายามตรวจจับบางสิ่ง……………………
คอมเม้นต์