ราชันเร้นลับ 497 : กำแพงค่าหัว
หลังจากบทสนทนาเกี่ยวกับตำนานสมบัติอันลึกลับและชวนฝันจบลง พ่อครัวได้ย่างเนื้อติดมันส่วนท้องของเมอร์ล็อกเสร็จพอดีเมื่อผ่านการย่าง เนื้อท้องได้กลายเป็นสีขาวนุ่มคล้ายปุยหิมะ มีจุดไหม้เกรียมสีดำเล็กน้อยประปรายตามขอบ บางส่วนถูกฉาบไว้ด้วยชั้นเครื่องเทศสีน้ำตาล ช่วยให้ดูชุ่มฉ่ำและน่ากินมากยิ่งขึ้นการบรรจงทาเครื่องเทศทีละนิดด้วยแปรงทำให้รสชาติซึมเข้าไปในเนื้อจนเข้มข้น แถมยังช่วยให้มีรูปลักษณ์น่ากินเป็นอย่างมาก“เป็นการย่างปลาในแบบเดซีย์ แตกต่างจากปลาย่างทั่วไป” ไอร์แลนด์ชี้ไปทางภาชนะกระเบื้องเคลือบในมือพ่อครัวดอนน่าถือมีดส้อมพลางกล่าวด้วยสีหน้ากระตือรือร้น“ความจริงแล้ว หนูชอบกินปลาย่างน้ำผึ้งมากกว่า… แต่แบบนี้ก็น่าอร่อยเหมือนกัน!”ปลาย่างน้ำผึ้ง… ต้องใช้น้ำผึ้งมากขนาดไหนกัน…? ถ้ามีโอกาส เราก็อยากลองชิมบ้างสักครั้ง รสชาติคงอร่อยไม่หยอก…ไคลน์จินตนาการเรื่อยเปื่อยเมื่อมีพ่อครัว ทุกคนก็ไม่ต้องเดือดร้อนเดินไปตักหั่นกันเอง เพียงนั่งมองพ่อครัวมืออาชีพแบ่งชิ้นปลาอย่างชำนาญ จัดจาน โรยเครื่องปรุงรสเพิ่มเล็กน้อย และยกมาเสิร์ฟตรงหน้าไคลน์พิถีพิถันกับการกินอาหารคุณภาพสูงมาก มันไม่รีบร้อนจิ้มปลาเข้าปากทันที แต่เลือกกลั้วคอด้วยชาดำซึ่งมีรสเปรี้ยวเล็ก ๆ เพื่อล้างช่องปากให้สะอาดหลังจากเตรียมตัวเสร็จ ไคลน์ใช้ส้อมจิ้มเนื้อท้องเมอร์ล็อกย่างใส่ปากหนึ่งคำแทบจะในพริบตา ชายหนุ่มถูกกระตุ้นด้วยรสชาติอันนุ่มละมุนของยี่หร่า โหระพา และเครื่องเทศชนิดอื่น ถือเป็นการเปิดต่อมรับรสได้อย่างดีเยี่ยมถัดมา น้ำมันเนื้อปลาได้ผสานเข้ากับเกลือทะเลซึ่งช่วยดึงรสชาติ ตัดด้วยความเปรี้ยวและหวานจากมะนาว รสชาติอันเข้มข้นจากทุกองค์ประกอบได้ระเบิดพร้อมกันภายในช่องปากจนน้ำลายแตกฟองยิ่งได้เคี้ยว แรงต่อต้านจากผิวเนื้อปลาก็ยิ่งถูกทำลายไปทีละชั้น จนกระทั่งไขมันอันอ่อนนุ่มกระทบกับฟันกรามและผสมผสานกลายเป็นรสชาติอันสมบูรณ์แบบติดปลายหวานหลังจากกลืนเนื้อเมอร์ล็อกคำสุดท้ายลงคอ ไคลน์นึกทบทวนคำพูดยอดนิยมของนักชิมอาหารสมัยเคยดูรายการทีวีของโลกเก่า และเลือกใช้ถ้อยคำให้สอดคล้องกับรสชาติของเนื้อปลาย่างเมื่อครู่“รสชาติถูกแบ่งออกเป็นหลายชั้นอย่างกลมกล่อมและมีเอกลักษณ์ชัดเจน ยอดเยี่ยมมาก!”“ฮะฮะ! คำพูดของคุณฟังดูเหมือนนักชิมอาหารมืออาชีพเลยนะ!” ไอร์แลนด์ติดตลกดอนน่าโบกส้อมพลางพูดเสริม“คุณลุงน่าจะเขียนบทความเกี่ยวกับการชิมอาหารในภัตตาคารแต่ละแห่งลงหนังสือพิมพ์นะคะ!”…ทำไมเราถึงไม่เคยคิดเรื่องนี้!นี่มันงานในฝันเลยไม่ใช่หรือ กินอาหารได้มากตามต้องการแถมยังร่ำรวยไปพร้อมกัน… แต่ปัญหาคือ ตัวตลกอ้วนกลมคงไม่คล่องแคล่วสักเท่าไรกระมัง… หรือจะใช้เทคนิคกินเข้าไปแล้วแอบคายออกอันโด่งดังจากโลกเก่า?เสียของฉิบหาย!ไคลน์เก็บคำแนะนำของดอนน่าไปคิดอย่างเอาจริงเอาจัง“แด่ค่ำคืนอันงดงาม!”เมื่ออาหารบนโต๊ะเหลือไม่มาก ไอร์แลนด์นำไวน์เลือดโซเนียขวดใหม่มารินใส่แก้วและกล่าวนำอวยพรด้วยใบหน้าแดงก่ำไคลน์และคนอื่น ๆ พูดตามอย่างอารมณ์ดี“แด่ค่ำคืนอันงดงาม”ทุกคนจัดการของเหลวในแก้ตัวเองจนเกลี้ยงในคราวเดียว ก่อนจะวางแก้วลงพลางจ้องมองลูกเรือทำความสะอาดโต๊ะอาหารและเก็บกวาดบริเวณโดยรอบท่ามกลางสายลมเย็นชุ่มฉ่ำยามค่ำคืน การสนทนายังคงดำเนินต่อไปในหัวข้อตำนานต่าง ๆ ของท้องทะเล โดยส่วนมากมักเป็นเรื่องของนางเงือกซึ่งดอนน่าสนใจเป็นพิเศษคลีฟส์เล่าให้เด็กหญิงฟังว่า ในบางตำนาน นางเงือกจะถูกเรียกว่า ‘ไซเรน’ มักใช้เสียงร้องในการดึงดูดมนุษย์เพื่อล่าเหยื่อ หาใช่เพื่อความสุนทรีย์ นอกจากนางเงือกจะพบได้ในทะเลลึกใกล้กับหมู่เกาะการ์กัส พวกหล่อนยังเคยถูกพบได้ในเขตนอกเส้นทางการเดินเรือปรกติ แต่ต้องเข้าไปลึกมาก ซึ่งบริเวณดังกล่าวมักเต็มไปด้วยอันตราย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดมาจากปากโจรสลัดขี้เมา โดยไม่มีใครยอมเล่าว่าพวกมันรอดพ้นมาจากเสียงร้องล่ามนุษย์ของนางเงือกได้อย่างไร ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงยังน่าคลางแคลงแต่เรากลับคิดว่านั่นเป็นไปได้… ไคลน์จดบันทึกใจความสำคัญของบทสนทนา“ดอนน่า แดนตัน ถึงเวลากลับห้องพักกันแล้วนะคะ พรุ่งนี้คุณหนูต้องตื่นแต่เช้าเพื่อร่วมโต๊ะอาหารพร้อมกับคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง” เซซิลกล่าวพลางแหงนมองดวงจันทร์“ค่ะ” ดอนน่าลุกยืนอย่างไม่เต็มใจนักแดนตันรีบโพล่งถาม“ผ…ผมจะเป็นนักผจญภัยได้ไหมครับ!”ห้วงความคิดของเด็กชายยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องราวแสนมหัศจรรย์ของตำนานบนท้องทะเลคลีฟส์เดินเข้าไปใกล้และตบบ่า“ก่อนจะถามคำถามนี้ คุณหนูต้องฝึกศิลปะการต่อสู้ไม่ต่ำกว่าห้าปี ผมคิดว่าคุณผู้ชายน่าจะช่วยหาครูฝึกให้ได้นะครับ”“ตกลงครับ!” ดวงตาแดนตันพลันสุกสว่างขณะพยักหน้ารับอย่างมีชีวิตชีวาแหงสิ… หลังจากห้าปี แดนตันในวัยหนุ่มคงเลิกอยากเป็นนักผจญภัยสุดอันตรายผู้พร้อมจมก้มทะเลได้ทุกเมื่อ… คลีฟส์แก้ปัญหาได้อย่างชาญฉลาด ไม่ปฏิเสธด้วยท่าทีแข็งกร้าว แต่เลือกให้เวลาช่วยบรรเทาความสนใจของเด็กแทน วิธีนี้จะไม่ทำให้เด็กมีนิสัยต่อต้าน… และเหนือสิ่งอื่นใด การฝึกศิลปะป้องกันตัวเอาไว้ย่อมไม่สูญเปล่า ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม…ไคลน์สอดมือสองข้างเข้าไปในกระเป๋าพลางชมเชยอดีตนักผจญภัยในใจขณะเดินกลับห้องพัก คลีฟส์แอบยื่นธนบัตรห้าปอนด์ให้ไคลน์จำนวนสองใบ“ส่วนแบ่งของคุณ”คลีฟส์เพิ่งได้รับเงินจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์ค่าศพเมอร์ล็อกมาจากไอร์แลนด์“แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย…” ไคลน์ปฏิเสธคลีฟส์จ้องด้วยดวงตาสีฟ้าซีด“คุณทำให้เซซิลมีอิสระโดยการช่วยดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดี”ดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดี? นั่นคืองานหรือ…ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจกับส่วนแบ่งอันไม่คาดฝัน แต่สุดท้ายก็เลือกรับเงินไว้พร้อมกับวาดสัญลักษณ์สามเหลี่ยมกลางหน้าอก“ใจกว้างผิดคาด ขอบคุณมาก”ชายหนุ่มไม่คิดปฏิเสธให้ยืดเยื้อ เนื่องจาก ในสายตาอดีตนักผจญภัยอย่างคลีฟส์ หากไม่ยอมรับเงินสิบปอนด์แต่โดยดี จะหมายความว่าตนต้องการมากกว่านั้น และพร้อมลงมือทำร้ายได้ทุกเมื่อ เพราะในบรรดาผู้ประกาศตัวว่าเป็นนักผจญภัย คลีฟส์ย่อมเคยพบเจอคนเสียสติมานับไม่ถ้วนเมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์หยิบเงินใส่กระเป๋าเสื้อ คลีฟส์เบือนหน้าไปทางอื่น“นี่เป็นกฎของท้องทะเล”โดยไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่ม มันเดินตามเซซิล ดอนน่า และแดนตันเข้าไปในห้องพักถ้างานเล็กน้อยเช่นนี้ทำเงินให้เราได้มากถึงสิบปอนด์ทุกครั้ง เส้นทางการเป็นนักสืบของเราคงโรยด้วยกลีบกุหลาบไปนานแล้ว…ไคลน์จิกกัดติดตลกพลางแหงนหน้ามองพระจันทร์สีแดงบนท้องฟ้าแสงของจันทรายามราตรียังคงสว่างไสวและอ่อนโยนดังเช่นทุกทีตำนานแห่งท้องทะเล… สัตว์ประหลาดนานาชนิด… เริ่มรู้สึกถึงกลิ่นอายของนักผจญภัยขึ้นมาบ้างแล้วสิ…ไคลน์หันหลังกลับและเดินออกไปยังดาดฟ้าเรืออีกครั้ง ปล่อยให้ร่างกายถูกแสงจันทร์สีแดงอาบท่วม พลางเชยชมคลื่นทะเลสาดปะทะกับท้องเรือจนเกิดเสียงซ่าความเศร้าและหดหู่จากโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์เริ่มบรรเทาลงจากตอนแรกเล็กน้อยมาถึงจุดนี้ ไคลน์นึกอยากร้องเพลง แต่หลังจากพยายามพะงาบปากงับคำ มันกลับตระหนักว่าตนจดจำเนื้อเพลงสมัยใหม่อันสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้เลยคงร้องออกไปว่า ‘โอ้ทะเลแสนงาม ฟ้าสีครามสดใส’ ไม่ได้สินะ… เส้นทางนักปราชญ์ของจักรพรรดิช่างเหมาะกับสถานการณ์เช่นนี้เหลือเกิน ไว้มีเวลาว่าง คงต้องหาโอกาสอ่านบทกลอนของรุ่นพี่สักหน่อย จะได้ไม่ทำตัวเป็นพวกบ้านนอกเข้ากรุง…ไคลน์แหงนมองพระจันทร์สีแดงพลางถอนหายใจยาว“ช่างเป็นค่ำคืนอันงดงาม”…หลังจากเกิดเหตุไม่คาดฝันอยู่พักใหญ่ ทีมสำรวจก็เดินทางกลับมาถึงเมืองเงินพิสุทธิ์โดยสวัสดิภาพแต่หลังจากได้เห็นร่องบนกำแพงเมืองมีวัชพืชเกาะหนาเมื่อเทียบกับช่วงก่อนออกเดินทาง เดอร์ริคพลันยืนผงะตัวแข็งทื่อนานจนรู้สึกเหมือนกับผ่านไปหลายปี…ยืนเยื้องถัดไปจากเด็กหนุ่ม รูม่านตาของนักล่าปีศาจโคลินพลันหดลีบ มันรีบเลื่อนมือขวาขึ้นมาแตะขมับด้วยสีหน้าครุ่นคิดทางด้านสมาชิกคนอื่นกำลังแสดงสีหน้ายินดีปรีดาเมื่อได้กลับบ้านอีกครั้งหลังจากภารกิจสำรวจแสนอันตรายจบลง ไม่มีสิ่งใดน่ายินดีไปกว่าการได้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยอีกแล้วจนกระทั่งผ่านไปสักพัก ดวงตาโคลินเริ่มกลับเป็นปรกติ ก่อนจะชำเลืองไปยังด้านข้างในแนวเฉียงของตน…ณ กรุงเบ็คลันด์ บ้านตระกูลไวท์หลังจากครุ่นคิดสักพัก เอ็มลินรวบรวมความกล้าเพื่อถามกับพ่อและแม่ด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ“หากข้าต้องการศึกษาประวัติศาสตร์ของตระกูลผีดูดเลือด ควรไปปรึกษาใครดี?”ถ้าเราถามเกี่ยวกับเมืองเงินพิสุทธิ์โดยตรง คงน่าสงสัยเกินไปและได้กลายเป็นเด็กมีปัญหาอีกแน่ เพื่อเก็บภารกิจของท่านบรรพชนไว้เป็นความลับ มีแต่ต้องอดทนเท่านั้น…ไม่ต้องกังวล เราหลงใหลประวัติศาสตร์ของผีดูดเลือดเป็นทุนเดิมแล้ว ท่านพ่อกับท่านแม่ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี พฤติกรรมของเรานับว่าสมเหตุสมผล… แผนการดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบ!เอ็มลินชมเชยตัวเองในใจแวมไพร์หนุ่มมีรูปโฉมคล้ายคลึงบิดาในหลายด้าน แถมยังสวมแว่นตากรอบทองเพื่อเสริมบรรยากาศน่าเกรงขามทันใดนั้น สุภาพบุรุษรูปงามผู้มีใบรับรองทางการแพทย์ในสาขาเวชภัณฑ์ วางหนังสือ ‘กายวิภาคศาสตร์’ เล่มหนาลงบนโต๊ะพลางขยับกรอบแว่น“ไม่มีใครในกรุงเบ็คลันด์เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์มากไปกว่าลอร์ดนีบาส”…ถ้าข้ากล้าไปหาลอร์ดนีบาส คงไม่มัวมาถามพ่อกับแม่ให้เสียเวลา…เอ็มลินหวนนึกถึงคำพูดของมิสเตอร์ฟูล : ตนคือผู้ถูกเลือกให้แบกรับชะตากรรมของตระกูลภายในเงามืด ห้ามเปิดเผยตัวตนโดยเด็ดขาด และการถูกเข้าใจผิดคือของคู่กันเอ็มลินซักไซ้“นอกจากลอร์ดนีบาส? ท่านมักจำศีลอยู่ในห้องใต้ดินเสมอ ข้าไม่ต้องการรบกวนในเรื่องเล็กน้อย”บิดาของเอ็มลินตั้งปกชุดนอนตัวหนาพลางทำสีหน้าครุ่นคิด“เวย์แมนดี้ เขามักคิดว่าตัวเองเป็นนักประวัติศาสตร์มือฉมัง”เอ็มลินถอนหายใจยาวพลางอมยิ้ม“ข้าจะไปเยี่ยมเขา”…ปู๊น!เสียงหวูดของโมราขาวดังก้องกังวานขณะแล่นจอดเทียบในเมืองท่าดาเมียร์ระหว่างนี้จะเป็นช่วงเวลาเติมเสบียงและน้ำสะอาด จากนั้นจึงออกเดินทางอีกครั้งในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้หลังจากล่าเมอร์ล็อก ไคลน์ใช้ชีวิตค่อนข้างน่าเบื่อตลอดสองวันเต็ม ฉากของท้องทะเลกลายเป็นสิ่งเอียนสายตา ชายหนุ่มจึงอยากแวะเข้าไปในผับประจำเมืองท่าโดยหวังว่าจะได้รับข้อมูลของนางเงือกเพิ่มเติมแต่ถ้ามีโอกาสเดินสวนกับโจรสลัดเลวระยำสักคน เราก็ไม่ลังเลจะสอนบทเรียนให้กับมันสักเรื่องสองเรื่อง ยุบพองหิวโหยกำลังว่างหนึ่งตำแหน่งพอดี…หน้าผากไคลน์เริ่มผุดเหงื่อเม็ดใหญ่ เพราะมันพกพาสมบัติวิเศษติดตัวลงจากโมราขาวในสภาพเต็มอัตราศึกระหว่างทาง ชายหนุ่มได้พบกับคลีฟส์ ดอนน่า และคนอื่น โดยคณะเดินทางกำลังมุ่งหน้าไปยังภัตตาคารหรูประจำเมืองท่าเพื่อลิ้มรสเนื้อหมักเกลือแสนโด่งดังของดาเมียร์ดอนน่าและแดนตันแอบทักทายคุณลุงนักผจญภัยโดยไม่ให้พ่อกับแม่รู้ตัว พลางชะเง้อมองด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายกำลังจะไปไหนไคลน์ยิ้มตอบ ก่อนจะตั้งปกเสื้อขึ้นและเดินตามป้ายตรงไปยังผับประจำเมืองท่าปลาบินและไวน์… ชื่อตรงไปตรงมาดี…ชายหนุ่มมองไปยังป้ายประกาศแผ่นใหญ่และพบว่ามีกำแพงสำหรับแปะใบค่าหัวโจรสลัดโดยเฉพาะสูงสุดคือแปดแสนปอนด์ เป็นของราชาห้าห้วงสมุทร ต่ำสุดประมาณร้อยกว่าปอนด์ เป็นของกัปตันเรือโจรสลัดปลายแถว ใบค่าหัวถูกเรียกตามจำนวนเงินจากมากไปน้อยแม้แต่ในทะเล เงินก็ยังสำคัญ…ไคลน์ยืนจ้องกำแพงผืนดังกล่าวอยู่พักใหญ่ผ่านไปสักพัก มันเบือนหน้าหนีพร้อมกับผลักประตูผับเปิดเข้าไป แต่ต้องก็พบกับบรรยากาศเงียบงันจนผิดคาด ปราศจากเสียงอึกทึกซึ่งควรจะเป็นเอกลักษณ์ของผับเกิดอะไรขึ้น?ไคลน์กวาดสายตามอง และพบกับกัปตันไอร์แลนด์ในโค้ทสีแดงเข้มกำลังนั่งตรงเคาน์เตอร์ รวมถึงยังได้พบชายแปลกหน้าตัวใหญ่กึ่งกลางผับสองคน กำลังหันหน้าเข้าหากัน……………………
คอมเม้นต์