ราชันเร้นลับ 464 : ปรึกษา
องค์ชายเอ็ดซัค·ออกัสตัส?เขามีส่วนพัวพันกับเหตุการณ์ร้ายแรงในอนาคตอย่างไร…ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนท่านเดอะฟูลจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ!ออเดรย์จินตนาการใบหน้าอีกฝ่ายได้ทันทีหลังจากได้ชินชื่อ ภายในใจเด็กสาวทวีความกังวลและสงสัยตามความเห็นของเธอ หากมีสิ่งใดเข้าตามิสเตอร์ฟูล ถ้าไม่ใช่เรื่องอันตรายมาก ก็ต้องเป็นความลับสุดยอด หรือไม่เป็นสิ่งสำคัญเหนือจินตนาการ ไม่ว่าจะทางใดก็ไม่ใช่เหตุการณ์ธรรมดาแน่ ยกตัวอย่างเช่น แผนการส่งทายาทลงมาจุติของพระผู้สร้างแท้จริงโดยใช้ลาเนวุสเป็นภาชนะ ร่วมกับการอาศัยพลังงานด้านลบของเขตตะวันออก แผนจารกรรมไพ่จักรพรรดิจากในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ หรือกระทั่งความตายของดยุคนีแกน และตัวตนของสภานักสิทธิ์สนธยาเมื่อนำปัจจัยข้างต้นมาประกอบ ออเดรย์เชื่อว่า หากตนไม่รีบจัดการปัญหาให้เรียบร้อยตั้งแต่เนิ่นๆ หรือให้ความสนใจกับปัญหาน้อยเกินไป เหตุการณ์อันตรายครั้งใหญ่หลวงจะเกิดขึ้นรอบตัวองค์ชายเอ็ดซัคและนำไปสู่พายุแห่งหายนะครั้งรุนแรง!อา… องค์ชายเอ็ดซัคไม่ได้มาตอแยเราสักพักแล้ว เราเคยโล่งใจและมองว่าเป็นเรื่องดี แต่เห็นทีคงต้องกลับมาคิดใหม่…ย้อนกลับไปในงานเลี้ยงเมื่อหลายวันก่อน องค์ชายพยายามเข้ามาจีบเราด้วยตลกฝืดและบทสนทนาน่าเบื่อเหมือนกับทุกครั้ง แต่ในงานเลี้ยงอีกสองวันถัดมากลับทำตัวเย็นชาและหลบหน้าชัดเจน… เราต้องหาโอกาสถามจากท่านพ่อให้ได้ แต่ห้ามแสดงความสนใจจนเกินพอดี ไม่อย่างนั้น ท่านพ่ออาจตอบตกลงคำขอแต่งงานจากราชวงศ์…ขณะออเดรย์ทบทวนเหตุการณ์ ไหล่ของเธอห่อเหี่ยวราวกับถูกบางสิ่งกดลงเด็กสาวไม่เคยชอบองค์ชายสามเลย รวมถึงพี่ชายอีกสองคนด้วย ในหัวไม่เคยมีความคิดจะเป็นเจ้าหญิงพระชายาแม้แต่น้อยเหตุผลไม่ซับซ้อน ในฐานะสาวกโบสถ์รัตติกาล เธอไม่มีทางยอมรับนิสัยน่ารังเกียจของราชวงศ์ออกัสตัสซึ่งนับถือเทพวายุสลาตันมาหลายชั่วอายุคน พวกมันโอหัง ฟุ่มเฟือย ชอบดูถูกคน และชอบใช้กำลังกับเพศหญิงจนเข้ากระดูกดำ ไม่มีทางรักษาให้หายขาด แค่นี้ก็มากพอจะทำให้ออเดรย์ต้องการเอาตัวออกห่างให้ไกลเมื่อจินตนาการว่าตนต้องถูกจองจำในคุกของขนบธรรมเนียมหัวโบราณหลังจากได้เป็นเจ้าหญิงพระชายา ออเดรย์เชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า ตนคงกลายเป็นบ้า หรือไม่ก็หลบหนีออกมาโดยยอมสละทิ้งทุกสิ่ง ดังนั้น เด็กสาวจึงไม่เกิดความคล้อยตามเมื่อได้ยินถ้อยคำเยินยอเกินเหตุบรรดาองค์ชาย ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ เธอรู้สึกอยากตีตัวออกหากเอ็ดซัค·ออกัสตัส…นามสกุลบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ และถ้าจำไม่ผิดจะเป็นหนึ่งในองค์ชาย… เขาจะนำพาอันตรายใหญ่หลวงใดมาให้เบ็คลันด์?แต่จะสืบสวนอย่างไร เพราะเราไม่มีโอกาสใกล้ชิดกับคนระดับนั้นเลย…จริงสิ! สามารถถามเรื่องนี้จากมิสออเดรย์และไวเคาต์กายลินได้ แต่ต้องหาเหตุผลมารองรับ ไม่อย่างนั้นจะตกเป็นเป้าสงสัย…ฟอร์สขมวดคิ้วพลางตีความคำใบ้จากมิสเตอร์ฟูลอัลเจอร์เกิดความอยากรู้อยากเห็น แต่มันไม่กล้าถามมิสเตอร์ฟูลเพราะอีกฝ่ายไม่กล่าวสิ่งใดต่อหลังจากมอบคำใบ้ จึงทำเพียงก้มหน้าตรึกตรองสักพัก ก่อนจะหันไปพูดกับจัสติส เดอะเวิร์ล และเมจิกเชี่ยน“บรรยากาศในทะเลก็กำลังปั่นป่วนเช่นกัน ผมเชื่อว่าคงมีบางสิ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในกรุ่งเบ็คลันด์ เหมือนกับพวกเครื่องจักรนั่น”ในความเป็นจริง อัลเจอร์กุเรื่องดังกล่าวขึ้นเอง มันเพียงต้องการปลุกเร้าบรรยากาศให้สมาชิกในเบ็คลันด์เกิดความตื่นตัว จนเริ่มลงมือขุดคุ้ยหาความจริงมาเล่าให้ตนฟังต้องขอชื่นชมว่า มิสเตอร์แฮงแมนมีความสามารถในการ ‘ตามน้ำ’ สูงมาก…ไคลน์ ผู้เฝ้ามองบรรยากาศการสนทนาอย่างเงียบงัน ล้มเลิกความคิดจะให้เดอะเวิร์ลกล่าวในสิ่งเดียวกับแฮงแมนไคลน์ตัดสินใจระบุเพียงชื่อขององค์ชายเอ็ดซัค และมิได้กล่าวถึงหญิงสาวสวมแหวนพลอยสีฟ้าซึ่งน่าจะเป็นสมบัติปิดผนึกระดับ 0 รวมถึงยังไม่กล้าระบุว่า เหตุการณ์ความบังเอิญรอบตัวองค์ชายสาม เกิดจากอิทธิพลของสมบัติปิดผนึก 0-08 และอินซ์·แซงวิลล์ เพราะมันยังไม่ทราบสถานการณ์ของอีกฝ่ายมากพอ… ไคลน์ต้องบอกใบ้อย่างคลุมเครือเพราะตนมีข้อมูลในมือน้อย เพราะถ้าระบุไปอย่างชัดเจน เกรงว่ามิสจัสติสกับเมจิกเชี่ยนอาจเข้าใกล้องค์ชายเอ็ดซัค จนเริ่มพัวพันกับกระแสความ ‘บังเอิญ’ ของ 0-08และนี่ยังเป็นเหตุผลว่า ทำไมไคลน์ไม่ถึงหาโอกาสไปแจ้งข่าวกับจิตแห่งจักรกล เพราะจากความเข้าใจของมันเกี่ยวกับ 0-08 ถ้าตนขึ้นรถม้าเดินทางไปยังยังวิหารชะแลงหรือมหาวิหารแห่งไอน้ำอย่างปุบปับ คงไม่แคล้วได้เกิดเหตุการณ์ความ ‘บังเอิญ’ สุดอันตรายมากมาย เช่น สมบัติปิดผนึกของโบสถ์เกิดตื่นขึ้นมาอาละวาดและโจมตี หรือไม่ก็ถูกจู่โจมจากนักบวชครึ่งเทพสักคนไคลน์มีพลังของมิติสายหมอกช่วยแทรกแซงอิทธิพลของ 0-08 ได้บางส่วน แต่สตรีทั้งสองไม่มี มันจึงตัดสินใจบอกใบ้มิสจัสติสและมิสเมจิกเชี่ยนไปอย่างคลุมเครือเหนือสิ่งอื่นใด ชายหนุ่มวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว มันจะแสร้งเดินทางออกจากเบ็คลันด์สักพักเพื่อให้หลุดจาก ‘เรื่องราว’ ของสมบัติปิดผนึก 0-08 จากนั้นค่อยแอบกลับเข้ามาใหม่และหาโอกาสติดต่อกับหน่วยจิตแห่งจักรกลโดยไม่ให้ 0-08 ตระหนักถึง!หวังว่าแผนการคราวนี้จะสำเร็จ หวังว่าจะได้รับเบาะแสของอินซ์·แซงวิลล์เพิ่มเติม…ในเงื่อนไขว่าถ้ามันมีส่วนเกี่ยวข้องจริง…เดี๋ยวสิ…ถ้าจำไม่ผิด ขณะมิสเตอร์อะซิกพยายามไล่ล่าอินซ์·แซงวิลล์ เขา ‘บังเอิญ’ ขัดแย้งกับ MI9 จนถูกประกาศค่าหัว…และถ้าจำไม่ผิด MI9 คือส่วนหนึ่งของกองทัพโลเอ็น ขึ้นตรงกับราชวงศ์ออกัสตัส…องค์ชายเอ็ดซัคคือคนในตระกูลออกัสตัส และความบังเอิญอย่างผิดปรกติได้เกิดขึ้นรอบตัวเขาในระยะหลัง… นี่คือเครื่องพิสูจน์ว่าอินซ์·แซงวิลล์มีส่วนพัวพันกับเรื่องนี้!ไคลน์หลับตาลง ภาพของรองเท้าหนังมันเงาและฝ่ามือขาวซีดยังคงกระจ่างชัดในความทรงจำมันเอนหลังพิงเก้าอี้ มุมปากยกโค้ง“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย ไว้พบกันใหม่อีกครั้งในสัปดาห์ถัดไป”…เขตราชินี คฤหาสน์หรูของเคาต์ฮอลล์ออเดรย์กำลังยืนหน้ากระจกเงาเต็มบาน สายตาจ้องมองภาพสะท้อนของตัวเองสำหรับชุมนุมทาโรต์เมื่อครู่ เธอได้รับทั้งข่าวดีและข่าวร้ายข่าวดีคือ ออเดรย์กำลังจะได้หนึ่งในวัตถุดิบหลักโอสถนักจิตบำบัดมาไว้ในครอบครองแม้ว่าเธอจะไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาผู้เคยซื้อข้อมูลทั่วไปจากแฮงแมนในราคาหนึ่งพันปอนด์ และแม้ว่าเธอจะทราบราคาพื้นฐานของวัตถุดิบหลักโอสถลำดับ 7 เป็นอย่างดี แต่หญิงสาวก็ยังเต็มใจจ่ายเงินเกินราคาเพื่อคว้าดวงตาของมังกรกระจกมาไว้ในมือหลังจากประจักษ์ความตายของดยุคนีแกน เด็กสาวก็เกิดความปรารถนาในพลังอย่างแรงกล้า เธอต้องการเลื่อนลำดับ พัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่ง และเป็นปราการด่านสุดท้ายในการปกป้องครอบครัว เพื่อการนั้นแล้ว ออเดรย์ไม่ลังเลหากต้องซื้อวัตถุดิบหลักโอสถเกินราคาจริงไปบ้าง ขอเพียงวัตถุดิบเหล่านั้นปรากฏตัวและพร้อมขาย เธอยินดีจ่ายในทุกราคา ยกเว้นจะถูกโก่งไปเป็นสิบยี่สิบเท่าความรู้สึกคล้ายกับขณะสตรีทั่วไปได้เห็นอัญมณีล้ำค่า คล้ายกับขณะบุรุษได้เห็นม้าแข่งสายพันธุ์แท้ ยิ่งเรารีบร้อน ราคาก็ยิ่งต้องเพิ่มขึ้นอย่างมิอาจเลี่ยง ถ้าไม่เกินสองถึงสามเท่าก็ยังพอรับไหว… ในเมื่อฟอร์สจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เราก็หมดกังวลไปได้หลายส่วน เธอคงอยากรีบจบการซื้อขายโดยเร็วเช่นกัน ยิ่งปล่อยไว้นานจะมีแต่ความเสี่ยง…และฟอร์สคงยังไม่รู้ว่าเราคือจัสติส…ออเดรย์ครุ่นคิดในส่วนของข่าวร้าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเรื่องขององค์ชายเอ็ดซัค ประเด็นนี้ค่อนข้างใกล้ตัวและทำให้เธอกังวลมากโชคยังดี มิสเตอร์เวิร์ลพบเบาะแสบางอย่างล่วงหน้า และมิสเตอร์ฟูลก็ช่วยยืนยันว่ามีเงื่อนงำจริง ไม่อย่างนั้น หากเราปล่อยปละละเลยเป็นเวลานาน เกรงว่าครอบครัวอาจโดนลูกหลงโดยไม่ทันระวังตัว…ออเดรย์ ปัจจัยทุกด้านเข้าข้างเธอหมดแล้ว! เธอต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้! สู้เค้า!เด็กสาววาดจันทร์แดงกลางหน้าอก ภายในใจพยายามมองโลกในแง่ดีถัดมา เธอเดินออกจากห้องนอนและตรงไปยังห้องเปียโน เตรียมเข้าเรียนวิชาเปียโนในช่วงเย็นโดยทำทีว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเนื่องจากเคาต์ฮอลล์และภรรยา รวมถึงฮิบเบิร์ต·ฮอลล์ พี่ชายคนโต จะยังไม่กลับจนกว่าจะถึงเวลาอาหารค่ำ ออเดรย์จึงต้องอยู่กับตัวเอง และพยายามระงับจิตใจไม่ให้ฟุ้งซ่านขณะรอให้ครูสอนมาถึง เด็กสาวฆ่าเวลาด้วยการบรรเลงหนึ่งบทเพลงสุดไพเราะเพื่อดับความกระวนกระวายใจจิตใจและวิญญาณหลังจากเล่นเสร็จ ออเดรย์ชำเลืองเห็นซูซี่เปิดประตูเข้ามาและนั่งลงด้านข้าง โดยยังคงห้อยแว่นตากรอบทองไว้ตรงคออย่างน่าขบขัน“ออเดรย์ เธอมีปัญหาอะไรหรือ เสียงเปียโนบ่งบอกชัดเจนว่า เธอกำลังกระสับกระส่ายและไม่สบายใจในบางสิ่ง” ซูซี่เปิดประเด็นอึก… ออเดรย์พลันผงะ ไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปเช่นไรเด็กสาวเริ่มตระหนักว่า การเลี้ยง ‘สุนัขอ่านใจ’ ไว้ในบ้านก็ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร…ภายในค่ายพักของทีมสำรวจ กองไฟกึ่งกลางยังคงลุกโชนเฉกเช่นทุกทีนับตั้งแต่ถูกส่งจิตกลับจากชุมนุมทาโรต์ มันยังไม่กล้าลืมตาขึ้นเผชิญหน้ากับความจริงเดอร์ริคหลับตาและทบทวนความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับชุมนุมทาโรต์ และเริ่มมั่นใจว่าตนมิได้สูญเสียความทรงจำในภารกิจสำรวจหลายครั้งก่อนหน้าผ่านไปสักพัก เด็กหนุ่มกัดฟันลืมตาขึ้นและเก็บรายละเอียดของทุกสิ่งรอบตัวช่างน่าเศร้า มันยังไม่หลุดพ้นจากวังวนกระแสเวลาตามทฤษฎีข้อแรกของแฮงแมน รอบตัวยังคงเป็นพวกพ้องและกองเพลิง เหมือนกับฉากสุดท้ายก่อนถูกดึงเข้าไปร่วมชุมนุมทาโรต์ทันใดนั้น นักล่าปีศาจ โคลิน·อีเลียด ผู้กำลังนั่งขัดสมาธิ เปล่งเสียงออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น“จะออกเดินทางในอีกห้าสิบรอบฟ้าผ่า”ในวินาทีนี้ เดอร์ริคมั่นใจโดยไม่เคลือบแคลงแล้วว่า ความทรงจำทั้งหมดของตนไม่ใช่ความฝันหรือการเห็นภาพหลอน…เขตเชอร์วู้ด 15 ถนนมินส์ไคลน์เดินลงมายังชั้นล่างเพื่อซึมซับไออุ่นจากเตาผิงลุกโชนชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เอนหลังและนั่งผ่อนคลายเช่นนั้นเป็นเวลานาน โดยมิได้อ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือหนังสือควบคู่เวลาผ่านไปอย่างสงบสุขจนกระทั่งเสียงกริ่งบ้านดังทำลายความสุนทรีย์ไคลน์ ผู้กำลังสวมเชิ้ตอยู่บ้านและเสื้อกั๊กขนสัตว์ ลุกยืนและเดินตรงไปทางประตูภาพของผู้มาเยือนทำให้มันประหลาดใจชายหนุ่มเปิดประตูออกไปและยิ้ม“ทิวาสวัสดิ์ เอ็มลิน ไม่ใช่ว่าคุณควรอยู่ช่วยงานในวิหารฤดูเก็บเกี่ยวหรอกหรือ”อีกฝ่ายคือบุรุษใบหน้าหล่อเหลา ค่อนไปทางสำอาง แวมไพร์หนุ่ม เอ็มลิน·ไวท์ ผู้หวีผมไปเฉียงด้านหลังในลักษณะเรียบแปล้สีหน้าสุดโอหังของแวมไพร์พลันสะดุดเมื่อได้ยินคำทักทายจิกกัดจากไคลน์ ต้องใช้เวลาสักพักกว่ามันจะฟื้นตัวกลับมาได้“ข้ามีบางสิ่งต้องการปรึกษาเจ้าอย่างเร่งด่วน นักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้!” เอ็มลินเน้นเสียงในแต่ละคำหลังจากนำทางอีกฝ่ายเข้ามายังห้องนั่งเล่น ไคลน์ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เอนหลังตัวเดิม พลางอมยิ้มและโพล่งขึ้น“มีเรื่องอะไรให้ช่วยหรือ ค่าปรึกษาหนึ่งปอนด์ จำกัดเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมง”เอ็มลินไม่แยแสคำพูดอีกฝ่าย เพียงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากครุ่นคิดสักพัก“คนใหญ่คนโตต้องการให้ข้าทำบางสิ่ง…จริงอยู่ เรื่องนี้อาจช่วยแกไขปัญหาส่วนตัวของข้าได้ แต่ก็มีความเสี่ยงไม่น้อยเช่นกัน ข้าไม่มีเพื่อนอื่น และกังวลว่าพ่อกับแม่จะเป็นห่วง จึงอยากปรึกษานักสืบผู้วิเศษมากประสบการณ์และเปี่ยมด้วยเครือข่ายข้อมูลอย่างเจ้า… คิดว่าอย่างไร ควรทำดีไหม…”แก้ไขปัญหาส่วนตัวได้? หมายถึงการถูกชี้นำทางใจจากหลวงพ่อยูทรอฟสกี้?ไคลน์มอบคำตอบหลังจากตรึกตรอง“ด้วยรายละเอียดเพียงเท่านี้ ผมคงช่วยแนะนำอะไรคุณไม่ได้”เอ็มลิน·ไวท์เงียบงันหลายวินาที ก่อนจะขบกรามกรอดและเค้นเสียงตอบ“เป็นเรื่องเกี่ยวกับเดอะฟูลคนนั้น…”“เห…?” ไคลน์อยากกระชากหูตัวเองออกและยื่นเข้าไปฟังใกล้ๆ……………………
คอมเม้นต์