ราชันเร้นลับ 461 : แฮงแมนผู้จริงใจและเป็นมิตร
ไม่เหมือนกับสมัยอดีต เดอร์ริคมิใช่เด็กหนุ่มซุ่มซ่ามปากพล่อยอีกแล้ว ก่อนจะเปิดเผยข้อมูลสำคัญ มันมักหันไปขอความเห็นชอบจากเดอะฟูลก่อนเสมอเมื่อได้รับอนุญาต เด็กหนุ่มเสก ‘ภาพฉาย’ ของฉากเหตุการณ์จากความทรงจำออกมาให้ทุกคนได้รับชม เลือกเฉพาะภาพสำคัญซึ่งคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อจัสติส แฮงแมน เดอะเวิร์ล และเมจิกเชี่ยน เป็นการฉายภาพนิ่งแบบไม่ปะติดปะต่อ โดยเดอร์ริคคอยอธิบายตามเป็นระยะซากกำแพงเก่าของอาคารบ้านเรือน พื้นทางเดินผุพัง เสาหินสีขาวสลับฟ้า จิตรกรรมฝาผนังแสดงถึงความเสียสละของพระผู้สร้างเสื่อมทราม เห็ดส่องแสงเย้ายวน เทวรูปห้อยหัวพลางลืมตาจ้องมองผู้บุกรุก และแจ็คผมเหลือง เด็กชายผู้เอาแต่ขดตัวหลบหลังแท่นบูชาตลอดเวลาเหตุการณ์ทั้งหมดปรากฏสู่สายตาสมาชิกชุมนุมทาโรต์ทุกคนโดยไม่ถูกบิดเบือน เป็นการมองเห็นจริงของเดอร์ริค ณ ขณะนั้นท่ามกลางโลกอันแสนอึมครึมราวกับจะเกิดอันตรายในทุกก้าวเดิน เหตุการณ์บีบหัวใจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหนแล้วหนแล้ว ทั้งหมดทำให้เลือดลมออเดรย์พลันสูบฉีดเต้นแรง เธอกำลังตื่นเต้นมากกว่าใคร และตั้งใจฟังคำอธิบายของเดอะซันโดยไม่ปล่อยให้ตกหล่นนี่คือสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองเงินพิสุทธิ์…น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านิยายเรื่องใดในความทรงจำของเราทั้งหมด! สิ่งเหล่านี้คือเหตุการณ์จริงบนโลก เปี่ยมด้วยเสน่ห์ของศาสตร์เร้นลับ ความไม่แน่นอน และกลิ่นอายความสยองขวัญ… จริงอยู่ สำหรับชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ สิ่งนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องดี…ออเดรย์ปล่อยความคิดล่องลอย ภายในใจต้องการกลายเป็นผู้วิเศษระดับครึ่งเทพประเดี๋ยวนี้ เพื่อจะได้ออกเดินทางไปผจญภัยในดินแดนอันมืดมิดและมีเพียงพายุสายฟ้าไคลน์นั่งมองด้วยอารมณ์ซับซ้อนก่อนจะถอนหายใจยาวมันมิได้ถอนหายใจเพราะสงสารชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ แต่ถอนหายใจอย่างผิดหวัง เมื่อตระหนักว่าเดอะซันขาดประสบการณ์และไม่ฉลาดหลักแหลมสักเท่าไร ฉากเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวภายในวิหารของพระผู้สร้างแท้จริง สมควรถูกฉายออกมาในรูปแบบของภาพยนตร์สยองขวัญถึงจะถูก! นั่นจะต้องตื่นตาตื่นใจเหนือคำบรรยายแน่!แต่ถ้าทำแบบนั้นคงใช้เวลานานเกินไป หากทุกคนนั่งดูหนังจนจบ พลังวิญญาณของเราคงได้เหือดแห้งกันพอดี และเหนือสิ่งอื่นใด ชุมนุมทาโรต์ควรใช้เวลาอย่างพอเหมาะ เพราะยิ่งถูกถอดจิตนาน ร่างเนื้อบนโลกภายนอกก็ยิ่งเสี่ยงอันตราย…ไคลน์เริ่มรู้สึกโชคดี เมื่อเดอะซันน้อยไม่คิดฉายออกมาในรูปแบบภาพยนตร์หลังจากนั่งดู ‘สไลด์ภาพ’ จนจบ อัลเจอร์ก้มหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะบอกให้เดอะซันทำการฉายบางภาพซ้ำ เนื่องจากมันคิดว่าอาจเป็นกุญแจสำคัญของการทำลายวังวนกระแสเวลาเพียงไม่นาน ภาพจำนวนมากได้ถูกฉายลงบนผิวโต๊ะทองแดงยาวในแนวราบ หนึ่งในนั้นคือภาพจิตรกรรมฝาผนังขณะพระผู้สร้างแท้จริงกำลังต่อกรกับ ‘หกเทพมาร’ และรับแบกบาปของมนุษย์ไว้ตามลำพัง“เทพมารเหล่านี้มีใครบ้าง” อัลเจอร์เริ่มก้มหน้าพิจารณาเทพตนหนึ่ง ศีรษะคล้ายปลาหมึก รอบกายรายล้อมด้วยสายฟ้า ใต้ฝ่าเท้ามีคลื่นสีดำพยุงตัว ด้านหลังสวมผ้าคลุมขนนกและถือหอกสามง่าม แฮงแมนพยายามหาจุดเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเหล่านี้เดอร์ริคส่ายหน้า“ผมไม่ทราบ…นึกว่าพวกคุณจะทราบเสียอีก”ด้านออเดรย์และฟอร์สก็หันมาจ้องภาพฉายจิตรกรรมฝาผนังบนผิวโต๊ะพร้อมกัน แต่พวกเธอก็ไม่มีข้อมูลใดจะช่วยเสริมเดิมที ทั้งสองสันนิษฐานว่าอาจเป็นเหล่าเทพบรรพกาล แต่คิดไปได้สักพักก็ต้องปัดตก เพราะถ้าเป็นเทพบรรพกาลจริง เดอะซันไม่มีทางไม่ทราบความหมาย และเทพบรรพกาลก็ยังมีถึงแปดตน มิใช่หก แถมยังเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทมังกร เอลฟ์ ฟินิกซ์ หรือหมาป่าอสูรผู้เข้าข่ายว่าจะเป็นเทพบรรพกาลเพียงตนเดียวในจิตรกรรมฝาผนังคือ เผ่าคนยักษ์สวมเกราะชำรุด เจ้าของขนาดร่างกายใหญ่โตนี่มัน… เมื่อเดอะฟูลตั้งใจเพ่งมองบ้าง ตาดำของมันพลันหดเกร็งจนเล็กเท่าหัวเข็มหมุดในตอนแรก เพื่อรักษามาดนิ่ง ไคลน์จึงมองเพียงผ่านๆ แต่หลังจากสังเกตอย่างละเอียด มันเริ่มตระหนักว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้องรูปลักษณ์เหล่านี้คล้ายกับ ‘หกเทวรูป’ ภายในอาคารใต้ดินโบราณของราชวงศ์ทูดอร์ ซึ่งเรากับชารอนบังเอิญพบเข้า จุดแตกต่างเดียวก็คือ เทวรูปเหล่านั้นมีโฉมหน้าคล้ายมนุษย์ แต่ภาพในจิตรกรรมฝาผนังกลับจงใจทำให้ดูเหมือน ‘ร่างมาร’ …ลำพังการมองธรรมดายังรู้สึกพะอืดพะอม โดยเฉพาะพระแม่ธรณี เทพวายุสลาตัน และสุริยันเจิดจรัส พวกเขาไม่เพียงถูกวาดให้ชั่วร้ายกว่าเดิม แต่ถึงขั้นจำแลงกายให้เป็นรูปลักษณ์ของสัตว์ประหลาด…อย่างไรก็ตาม ไคลน์ไม่แปลกใจมากนักกับเรื่องดังกล่าว เพราะในฐานะเทพมารนอกรีต พระผู้สร้างแท้จริงย่อมต้องการให้สาวกของตนเข้าใจว่า เทพทั้งหกเป็นสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายถึงกระนั้น เรายังไม่ควรด่วนตัดสินว่าภาพเหล่านี้ ‘ไม่ใช่ของจริง’ เพราะแต่เดิม เราเคยเข้าใจผิดว่า ‘เทพ’ ไม่มีรูปโฉม สาวกจึงต้องสวดภาวนาต่อตราศักดิ์สิทธิ์แทน แต่การค้นพบอาคารใต้ดินจากยุคสมัยที่สี่ ทำให้ความเข้าใจของเราเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร และเริ่มศรัทธาในตัวเทพน้อยลง…เทพคงมีเหตุผลบางอย่างให้ไม่เผยใบหน้าของตน หรือบางที นี่อาจเป็นการซ่อนแผนกุศโลบายอันแยบยลไว้ในนั้น…ไคลน์ค่อนข้างโล่งใจเมื่อเห็นว่าจัสติสมัวแต่สนใจภาพฉาย จนไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปรกติทางอารมณ์ของเดอะฟูลเมื่อครู่เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันกับความเป็นความตายของมันโดยตรง เดอร์ริคจึงไม่คิดปิดบังข้อมูลอันมากมายในความทรงจำ มันต้องการระดมสมองทุกคนเพื่อช่วยกันหาทางออกจากวังวนไม่รู้จบสิ้นไคลน์เองก็อยากช่วย แต่การนั่งอธิบายเทวรูปของหกเทพอย่างละเอียดนั้นไม่เข้ากับมาดของเดอะฟูล จึงวางแผนให้เดอะเวิร์ลเป็นผู้เปิดเผยเรื่องนี้กับทุกคนแทนยิ่งไปกว่านั้น มันยังต้องการให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า เดอะเวิร์ลคือบุคคลเดียวกับนักสืบเชอร์ล็อกบนโลกแห่งความจริงแล้วเราควรเริ่มจากตรงไหนดี…ถ้าเป็นเดอะฟูลคงต้องตอบด้วยมาดเคร่งขรึมว่า :“รัตติกาล สุริยัน วายุสลาตัน ปัญญา ธรณี และยักษา”จากนั้นก็นิ่งเงียบ ไม่จำเป็นต้องอธิบายสิ่งใดเพิ่มเติม ปล่อยให้ตีความกันเอาเอง…ไคลน์ก้มหน้าครุ่นคิด ก่อนจะให้เดอะเวิร์ลเปล่งเสียงแหบพร่า“ผมเคยเห็นเทวรูปคล้ายคลึงภาพเหล่านี้”เมื่อตระหนักว่าสายตาทุกคู่กำลังจ้องมองมายังตน มันบังคับให้เดอะเวิร์ลกล่าวเสริม“ผมบังเอิญพบเข้าขณะสำรวจซากปรักหักพังใต้ดินจากยุคสมัยที่สี่”ออเดรย์พลันเกิดความสนใจ แต่เธอยังคงรักษากิริยาสง่างาม“มิสเตอร์เวิร์ล รูปปั้นในความทรงจำคุณมีหน้าตาเป็นเช่นไรหรือ ช่วงแสดงให้พวกเราเห็นได้ไหม? หรือถ้าต้องการเปลี่ยน ก็ลองพูดออกมา…”“ไม่จำเป็น เรื่องนี้ช่วยขจัดความคาใจของผมได้ไม่น้อยเช่นกัน” เดอะเวิร์ลยิ้มจากนั้น มันแสร้งทำเป็นขออนุญาตเดอะฟูลและตอบรับเองเสร็จสรรพ ก่อนจะฉายภาพเทวรูปของเทพทั้งหกคู่กับตราศักดิ์สิทธิ์ภาพแรกเป็นรูปปั้นของสตรีเลอโฉม รายละเอียดบนใบหน้าไม่คมชัด มือขวากำลังรองศีรษะในท่านอน ร่างกายทอดยาวไปตามแนวแท่นยกสูง สวมเดรสนักบวชสีดำราบเรียบแต่หลายชั้น ไม่หรูหราหรือโดดเด่นเกินพอดี ใต้ศีรษะมีวัตถุทรงกลมกำลังส่องแสงนวลชุดคลุมสะท้อนกับแสงตะเกียงจนเกิดประกายระยิบระยับ ราวกับเนื้อผ้าถูกประดับประดาด้วยอัญมณีเม็ดเล็กจำนวนมากเหนือศีรษะมีตราศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทุกคนบนทวีปเหนือต่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี :ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งรัตติกาลรูปปั้นสตรีผู้นี้ละม้ายคล้ายกับ ‘เทพมาร’ ตรงมุมซ้ายบนของจิตรกรรมฝาผนัง เพียงแต่มีใบหน้าเหมือนมนุษย์มากกว่า และปราศจากดวงตาน่าขยะแขยงรอบตัวไอ้พวกนอกรีต! พวกแกกล้าดูหมิ่นพระองค์ท่านได้ยังไง! ออเดรย์พลันเดือดดาล แต่เธอพยายามระงับโทสะเอาไว้ในฐานะเทพมารนอกรีตชื่อดัง พระผู้สร้างแท้จริงคงพยายามทำให้สาวกของมันดูแคลนพระองค์ท่าน… แต่ทำไมถึงมีเทวรูปของเทพธิดาอยู่ในซากปรักหักพังใต้ดินได้…?ไม่ใช่ว่าเทพจารีตจะต้องปราศจากร่างจริงหรอกหรือ? ควรจะมีเพียงตราศักดิ์สิทธิ์ให้สาวกได้กราบไหว้บูชา…ออเดรย์ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าสับสนอัลเจอร์เริ่มกระจ่างขึ้นจากเดิมเล็กน้อย“เข้าใจแล้ว… เทพมารในจิตรกรรมฝาผนังคือหกเทพจารีตในปัจจุบันนี่เอง และในอดีต พวกท่านก็เคยมีรูปโฉมของมนุษย์มาก่อน…”เข้าใจแล้วว่าทำไมโบสถ์ถึงต้องการค้นหาดินแดนเทพทอดทิ้งให้พบ…ดินแดนดังกล่าวคงมีทางเข้าซ่อนอยู่สักแห่งในทะเลโซเนีย แต่ถูกอำพรางไว้ด้วยวิธีพิเศษ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางเล็ดลอดสายตาเหล่าครึ่งเทพไปได้…อัลเจอร์สรุปความคิดเดอะซันพลันประหลาดใจ“มิสเตอร์แฮงแมน ทั้งหมดนี่คือเทพจารีตตามคำบอกเล่าของพวกคุณใช่ไหม? เทพธิดารัตติกาล เทพวายุสลาตัน…”“ถูกต้อง” แฮงแมนยืนยันหนักแน่น“แล้วพวกท่านกระทำสิ่งใดลงไปบ้างในเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ? เกี่ยวข้องกับดินแดนเทพทอดทิ้งของพวกเราอย่างไร?” เดอร์ริครีบซักไซ้อย่างลืมตัวน่าเสียดาย ไม่มีใครตอบคำถามมันได้จากนั้น ฟอร์สยกมือขึ้นเล็กน้อย สีหน้าของเธอเจือความสับสนชัดเจน“ทำไมถึงไม่มีเทพจักรกลไอน้ำ”นั่นคือองค์ศาสดาของเธอจากพระคัมภีร์ของทวีปเหนือ เจ็ดเทพจารีตล้วนมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันเสมอ!“มีข่าวลือว่า เทพจักรกลไอน้ำ หรือชื่อเดิมคือเทพช่างฝีมือ เพิ่งเริ่มปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในช่วงยุคสมัยที่สี่เท่านั้น นับว่าช้ากว่าใครทั้งหมด และหากประเมินจากหลักฐานเหล่านี้ โอกาสเป็นจริงตามนั้นมีค่อนข้างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเพิ่งจะปรากฏตัวในช่วงปลายยุคสมัยที่สี่ ไม่ใช่ช่วงต้นหรือกลาง…”แฮงแมนอธิบายกึ่งคาดเดาท่ามกลางหัวข้อสนทนาเช่นนี้ มันยินดีเปิดเผยข้อมูลสำคัญโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนแบบนี้นี่เอง… เมื่อตระหนักว่าตนขาดข้อมูลของศาสนาตัวเอง เนื่องจากแทบไม่เคยอ่านพระคัมภีร์เลยสักครั้ง ฟอร์สเกิดความรู้สึกผิดเล็กน้อย เธอไม่ต้องการให้ใครมองว่าตนนับถือศาสนาแบบขอไปทีเดอร์ริคไม่ถามซ้ำซาก เพียงกลับเข้าประเด็นความกังวลของตน“ภาพนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญ?”“บางทีล่ะนะ ขอแนะนำให้คุณลองหาวิธีทำลายมันดู แต่อย่าได้… เอ่อ อย่าได้ทำต่อหน้าประมุขของเมืองพิสุทธิ์เป็นอันขาด”ใจจริง แฮงแมนต้องการพูดว่า ‘อย่าได้วิงวอนถึงพระนามเต็มของพวกท่านเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้น พวกท่านอาจลงมาสำแดงฤทธิ์เดชบนดินแดนเทพทอดทิ้ง’ แต่เมื่อลองไตร่ตรองอีกครั้ง มันลืมเสียสนิทว่าเดอะซันไม่เคยทราบพระนามเต็มของหกเทพจารีต“ขอบคุณมาก มิสเตอร์แฮงแมน คุณช่างจริงใจและเป็นมิตรเหมือนกับทุกที และขอบคุณพวกคุณเช่นกัน มิสจัสติส มิสเมจิกเชี่ยน มิสเตอร์เวิร์ล ทุกคนมีจิตใจดีงามมาก”เดอร์ริคกล่าวจากก้นบึ้งเป็นมิตร…? จริงใจ…?แฮงแมนอึ้งจนหมดคำพูดนับตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีใครอธิบายอุปนิสัยของมันด้วยสองคำนี้มาก่อนหลังจากปล่อยให้สมาชิกแลกเปลี่ยนข้อมูลกันสักพัก ไคลน์พลันฉุกคิดบางสิ่งได้ย้อนกลับไปในการสำรวจซากวิหารพระผู้สร้างต้นกำเนิดคราวก่อน เมืองเงินพิสุทธิ์ได้พบข้อความตรงมุมจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งแปลความหมายออกมาได้ว่า ‘กุหลาบไถ่บาป’ แต่ในคราวนั้น ชายหนุ่มมิได้สนใจชื่อดังกล่าวมากนักคงมองข้ามไม่ได้แล้ว… จากคำบอกเล่าของวิญญาณมารใต้ดิน องค์กรกุหลาบไถ่บาปถูกก่อตั้งและขับเคลื่อนโดยตระกูลเทวทูตปีกหัก เราจึงประเมินเอาเองว่า พวกมันอาจมีศักยภาพไม่ด้อยไปกว่าสภานักสิทธิ์สนธยา… บางที ‘วังวนกระแสเวลา’ ในคราวนี้อาจเป็นฝีมือพวกมันเช่นกัน…คิดได้เช่นนี้ เดอะฟูลบนเก้าอี้หัวโต๊ะเริ่มขยับตัวเปลี่ยนท่านั่ง มือข้างหนึ่งเคาะขอบโต๊ะทองแดงยาวเป็นจังหวะออเดรย์รีบหันมาจ้องด้วยดวงตาเปล่งปลั่ง เธอกำลังรอให้ท่านช่วยบอกใบ้แนวทางการสืบสวนแฮงแมน เดอะซัน เมจิกเชี่ยน หรือแม้กระทั่งเดอะเวิร์ล ทุกคนกำลังแสดงสีหน้าคาดหวังท่ามกลางม่านหมอกเทาหนาทึบ ไคลน์หัวเราะ ‘หึ’ ในลำคออย่างน่าเกรงขาม“กุหลาบไถ่บาป”กุหลาบไถ่บาป? ท่านหมายถึงอะไร…หรือนี่คือกุญแจสำหรับหลุดพ้นจากวังวนกระแสเวลา? จริงสิ มุมหนึ่งของจิตรกรรมฝาผนังมีคำว่า ‘กุหลาบไถ่บาป’ ถูกเขียนเอาไว้!เดอร์ริคเริ่มขมวดคิ้วด้วยสีหน้าครุ่นคิด คล้ายกับกำลังเข้าถึงแก่นสำคัญของบางสิ่งด้านอัลเจอร์ ออเดรย์ และฟอร์สต่างก็จดจำคำว่า ‘กุหลาบไถ่บาป’ จนขึ้นใจ แต่ก็ยังไม่กระจ่างว่ามิสเตอร์ฟูลกำลังหมายถึงสิ่งใด“ท่านเดอะฟูล กุหลาบไถ่บาปหมายความว่าอย่างไรหรือคะ” ออเดรย์อดใจไม่ไหว เธอชิงถามเป็นคนแรกแต่ในคราวนี้ ไคลน์เอาแต่นิ่งเงียบโดยไม่ยอมบอกใบ้เพิ่มเติม เพียง ‘หึ’ หนึ่งครั้งในลำคอประหนึ่งกำลังมอบบททดสอบหลักการของมันไม่ซับซ้อน องค์กรกุหลาบไถ่บาปมีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับพระผู้สร้างแท้จริง ฉะนั้น ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง กุหลาบไถ่บาปต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิหารของพระผู้สร้างแท้จริงแน่นอนอยู่แล้วคำตอบคลุมเครือเช่นนี้ ยังไงก็ไม่มีวันผิด!ส่วนกุญแจสำคัญคือสิ่งใด จะใช่ชื่อของกุหลาบไถ่บาปหรือไม่ ไคลน์ไม่จำเป็นต้องกังวลให้ปวดหัว เพราะมันเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายตีความเอาเองตามใจชอบแต่ถ้าเดอะซันหรือคนอื่นตีความผิดไปนั่นก็ไม่ใช่ความผิดของเดอะฟูลสักหน่อย……………………
คอมเม้นต์