ราชันเร้นลับ 448 : คาดเดาตัวจริงอามุนด์
อามุนด์…! ไคลน์พึมพำเดิมที ชายหนุ่มเคยคิดว่าผู้เย้ยเทพในเมืองเงินพิสุทธิ์บนดินแดนเทพทอดทิ้ง คือหนึ่งในลูกหลานของตระกูลอามุนด์ผู้พัฒนาตัวเองทีละนิดจนไต่เต้าไปถึงระดับครึ่งเทพ แต่ข้อมูลล่าสุดทำให้ไคลน์ต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่ทั้งหมด บางที อามุนด์คนนั้นอาจอยู่มานานกว่าสองพันปีและเป็นหัวเรือใหญ่ของตระกูลมาตั้งแต่ยุคสมัยที่สี่!ตำนานผู้ยังมีลมหายใจ… แล้วทำไมถึงต้องสร้างหลุมศพให้ตัวเอง การทำเช่นนี้ไม่น่าจะเป็นลางดีสักเท่าไร…แกล้งตายเพื่อให้รอดพ้นจากสถานการณ์บางอย่าง? หรือจะทำไปเพราะเหตุผลอื่น เช่นพิธีกรรมสำหรับหยุดเวลาร่างกายตัวเอง? มันมีอายุยืนยาวมาจากยุคสมัยที่สี่ก็เพราะช่วงชิงอายุขัยจากผู้อื่น?เราเคยคาดเดาว่าอามุนด์อาจอยู่ในลำดับ 3 หรือ 2 แต่หลังจากทราบข้อมูลใหม่ในวันนี้ การจะสมมติให้อามุนด์เป็นลำดับ 1 ก็คงไม่เกินจริงสักเท่าไร…สำหรับสัตว์ประหลาดอายุกว่าสองพันปีโดยไม่สูญเสียความทรงจำแบบมิสเตอร์อะซิก การพัฒนาไปถึงจุดดังกล่าวนับเป็นเรื่องปรกติ…ไคลน์ยืนครุ่นคิดสลับกับมึนงงเป็นระยะ สมองชายหนุ่มทำงานหนักจนคล้ายกับหม้อน้ำเดือดปุดโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงขณะเดียวกัน หุ่นกลของฮารามิคใช้มือข้างหนึ่งกระชากเนื้อตรงคอออก เผยให้เห็นความซับซ้อนของกลไกภายในเสียงของมันดังจากช่องดังกล่าวโดยอาศัยหลักการสั่นสะเทือนของอากาศ“ตรวจสอบศพ ห้ามเข้าใกล้ผม”“ขอรับ เจ้าคุณท่าน!” ไอคานส์และสมาชิกคนอื่นขานรับพร้อมกับทำสีหน้าโล่งใจปัจจุบัน ซากศพของคณะสำรวจได้กลายเป็นตะกอนพลังนานแล้ว บางส่วนผสานกับอวัยวะจนเกิดเป็นสมบัติวิเศษไม่เพียงเท่านั้น คณะสำรวจยังพกพาสิ่งของราคาแพงติดตัวหลายชิ้น!จิตแห่งจักรกลกำไรเอาเรื่อง…มีทั้งกรอบรูปวิญญาณและตะกอนพลังเงามืดหนังมนุษย์อีกหลายชิ้น มากพอจะปกปิดค่าใช้จ่ายในยุทธการ ‘เก็บกวาด’ แสนสิ้นเปลืองนั่นได้…ยิ่งลงทุนมากก็ยิ่งกำไรมาก…ไคลน์ก้มมองพื้นพลางครุ่นคิดจนกระทั่ง ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วพลางเดินตามฮารามิคผู้ไม่ได้ถือตะเกียง ไปยังผนังอีกฝั่งของโลงศพทันใดนั้น กระจกวิเศษอาโรเดสช่วยปรับแสงรอบตัว ทำให้บรรยากาศในจุดดังกล่าวสว่างพอจะมองเห็นรายละเอียดไคลน์สังเกตเห็นว่าผนังส่วนใหญ่เริ่มเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วจากเหตุการณ์ ‘เร่งเวลา’ เมื่อครู่ จิตรกรรมฝาผนังหลายชิ้นถูกผุกร่อนจนไม่เหลือเค้าเดิม และไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อีกเหลือไว้เพียงภาพเดียวซึ่งยังคมชัดราวกับของใหม่ เป็นภาพสีสันฉูดฉาด ถูกวาดไว้ในตำแหน่งเหนือสุดของกำแพง บางส่วนของภาพล้ำขึ้นไปในเขตโดมสูงด้านบนองค์ประกอบหลักในภาพคือแนวเทือกเขาทอดยาว จุดสูงสุดของยอดเขามีกางเขนใหญ่ตั้งเด่นตระหง่านรอบกางเขนแผ่แสงทรงกลดเจิดจ้า มอบกลิ่นอายความศักดิ์สิทธิ์เหนือคำบรรยายด้านหน้ากางเขนมีบุคคลร่างกายใหญ่มหึมายืนโดดเด่น ใบหน้าไม่คมชัด แต่ตัวใหญ่เสียจนแนวเทือกเขาเป็นราวกับสัตว์เลี้ยงซึ่งกำลังหมอบกราบแทบเท้าบุคคลผู้นั้นรอบตัวบุคคลปริศนาเต็มไปด้วยเทวทูตสองปีก สี่ปีก และ หกปีกจำนวนมาก เทวทูตแต่ละตนกำลังตั้งใจบรรเลงเครื่องดนตรี ไม่ว่าจะเป็นแตร ฮาร์ป หรือฟรุตด้านล่าสุดของแนวเทือกเขายาว บริเวณตีนเขา เทวทูตสิบสองปีกสองตนกำลังบรรจงขึ้นเขาด้วยท่าทีนอบน้อมแต่ละตนอุ้มทารกหนึ่งคนไว้ในอ้อมอกทารกคนซ้ายมีเส้นผมสีดำหยักศกคนขวาสีทองอ่อนคนซ้ายมีดวงตาสีดำสนิทคนขวาทองอร่ามระหว่างแนวเทือกเขาทอดยาวยังมีภาพของยักษ์ถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน และมังกรถูกมัดขาทั้งสองข้างจนไม่สามารถโบยบินได้อีกฮารามิคมองไปทางเด็กผมดำคนซ้ายมือ สีหน้าอ่อนโยนและใจดีของอาร์ชบิชอปพลันเคร่งขรึมเป็นครั้งแรกมันเปล่งเสียงแผ่วเบากับตัวเอง“อามุนด์…”ถัดมา ฮารามิคหันไปมองเด็กคนขวา มันเงียบงันสองสามวินาทีก่อนจะพึมพำ“อาดัม…”อามุนด์ อาดัม…ขณะทวนชื่อทั้งสอง ไคลน์เริ่มตระหนักว่าม่านหมอกของยุคสมัยที่สี่และสามเริ่มทวีความดำมืดจนยากจะมองเห็นความจริงมันพยายามนำข้อมูลทั้งหมดมาปะติดปะต่อและลองคาดเดาณ ยอดเขาสูงสุด บุคคลผู้ยืนหน้ากางเขนศักดิ์สิทธิ์ ถูกรายล้อมโดยเทวทูต และทำให้ยักษ์กับมังกรยอมจำนวน จะต้องเป็นเทพลำดับ 0 สักเส้นทางอย่างแน่นอน… หากจะถามว่าใครชอบใช้กางเขนเป็นสัญลักษณ์ เรานึกออกแค่พระผู้สร้างแท้จริงตนเดียว… ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ตระกูลอามุนด์สืบเชื้อสายมาจากเทพสุริยันบรรพกาลโดยตรง แต่บุคคลบนยอดเขาไม่เหมือนกับเทพสุริยันสักเท่าไร…หรือจะเป็น ‘มหาเทพผู้ปราดเปรื่องและทรงพลัง มหาเทพผู้รังสรรค์ทุกสิ่งจากต้นกำเนิด’ ตามความเชื่อของเมืองเงินพิสุทธิ์?ถ้าอย่างนั้นก็จะสอดคล้องกับตำนานของเมืองเงินพิสุทธิ์พอดี หลังจากพระผู้สร้างลืมตาตื่นขึ้น พระองค์ทำการริบอำนาจของราชาคนยักษ์ มังกรจินตภาพ และเทพบรรพกาลตนอื่นคืนทันที…หมายความว่าเทพสุริยันบรรพกาลคือพระผู้สร้างในความหมายของชาวเมืองเงินพิสุทธิ์? พระองค์คงมีพลังในขอบเขตของ ‘สุริยัน’ และ ‘เวลา’ นอกจากนั้นยังแย่งชิงขอบเขตการปกครองมาจากราชาคนยักษ์ เออเมียร์ และมังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวลด้วย…นี่มันเหนือกว่าลำดับ 0 ไปแล้ว…อาจหมายความได้ว่า อามุนด์คือทายาทผู้สืบทอดพลังด้าน ‘เวลา’ มาจาก ‘มหาเทพผู้ปราดเปรื่องและทรงพลัง มหาเทพผู้รังสรรค์ทุกสิ่งจากต้นกำเนิด’ ของเมืองเงินพิสุทธิ์…ถ้าอย่างนั้นก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมอามุนด์ถึงแฝงตัวอยู่ในเมืองเงินพิสุทธิ์โดยไม่ทำอะไรเลยนานกว่าสี่สิบปี…นอกจากนั้นยังมีทายาทของ ‘มหาเทพผู้ปราดเปรื่องและทรงพลัง มหาเทพผู้รังสรรค์ทุกสิ่งจากต้นกำเนิด’ นามว่าอาดัมอีกตน…แล้วอาดัมสืบทอดพลังชนิดใดไป? เขายังมีลูกหลานเหลืออยู่เหมือนกับอามุนด์ไหม และถ้ามี จะเป็นตระกูลใดกัน…พระผู้สร้างแท้จริงกับบุคคลปริศนามีความสัมพันธ์ในลักษณะใด? เป็นแค่ผู้ลอกเลียนแบบโดยนำชื่อ ‘พระผู้สร้าง’ และสัญลักษณ์ ‘กางเขน’ ไปแอบอ้าง…? หรือจะเคยมีความสัมพันธ์กันจริง?ไคลน์ไม่แสดงออกทางสีหน้ามากนัก มันกังวลว่ากระจกวิเศษอาโรเดสอาจคอยจับตามองอยู่ และพบว่าตนไม่ใช่ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่ตรงตามจินตนาการฮารามิคยืนสำรวจจิตรกรรมฝาผนังสักพัก ก่อนจะขยับไปข้างหน้าสองก้าวและเหยียดฝ่ามือสัมผัสกับกำแพงเพียงพริบตา จิตรกรรมฝาผนังโบราณอันประเมินค่ามิได้ พลันร่วงกราวลงบนพื้นโดยปราศจากสุ้มเสียง แม้กระทั่งสีสันฉูดฉาดก็ยังระเหิดหายไปกับอากาศอันว่างเปล่าโบสถ์จักรกลไอน้ำมีนโยบายปกปิดและทำลายร่องรอยของยุคสมัยที่สามที่สี่ทั้งหมดทิ้งสินะ… โบสถ์อื่นจะเป็นแบบนี้ด้วยไหม?ไคลน์ขมวดคิ้วพลางเดินตามหุ่นกลของฮารามิคไปยังอีกฝั่งหลังจากเดินวนครบครึ่งวงกลม พวกมันค้นพบเบาะแสใหม่คราวนี้เป็นประตูหินจำลอง ใช้การจริงไม่ได้ในเชิงกายภาพ ถูกสร้างหลบตรงมุมห้องทันใดนั้น เสียงข้อต่อในตัวหุ่นกลฮารามิคเริ่มเสียดสี แต่ก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายหยุดการเคลื่อนไหว อาร์ชบิชอปรีบเข้าประชิดประตูหินพร้อมกับยื่นแขนขวาออกไปเตรียมสัมผัสแต่ก่อนจะได้แตะต้อง แสงกระเพื่อมคล้ายวารีพลันสว่างขึ้นเหนือบานประตูหิน ฉายเป็นภาพวิวทิวทัศน์สมจริงราวกับผู้จ้องมองถูกดึงเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ภายใน ‘จอภาพ’ คลื่นน้ำสีน้ำเงินเข้มกำลังล้อมรอบบางสิ่ง ถัดขึ้นไปเป็นทะเลหมอกสีดำลักษณะคล้ายกับของเหลวข้นเหนือทะเลหมอกสีดำมียังผาหินสูงชันยื่นยาวเสียดฟ้า ตามซอกหลืบของหน้าผามีของเหลวข้นสีดำไหลซึมด้านหลังผาหินเป็นทะเลหมอกกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาจนมองไม่เห็นเส้นบรรจบขอบฟ้าไม่เพียงความไกล แม้แต่ระดับความลึกก็ไม่สามารถกะเกณฑ์ได้ด้วยตาเปล่า ยิ่งมองก็ยิ่งมืดและพบความเงียบสงบ คล้ายกับหากตกลงไปจะไม่มีวันได้สัมผัสพื้นด้านล่างอยู่แถวไหนของโลก…?ไคลน์พึมพำโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าฮารามิครีบชักมือกลับและแหงนมองฉากบนจอภาพจนกระทั่งเริ่มเลือนหายไปอาร์ชบิชอปก้มหน้าลงเล็กน้อยพลางพึมพำด้วยอารมณ์ซับซ้อน“นรก…”นรก…? ต้นกำเนิดการกัดกร่อนทั้งมวล? กล่าวกันว่าแม้แต่เทพตัวจริงก็ยังถูกกัดกร่อน!ไคลน์กำลังตกตะลึง แต่ภายนอกได้ใช้พลังตัวตลกปั้นหน้านิ่งชายหนุ่มหวนนึกถึงข้อความในไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ทันที อีกฝ่ายเดินเรือออกนอกเส้นทางและทำการทิ้งประโยคสุดฉงนไว้ว่า :“21 เมษายน เราได้เห็น… …นรก”เมื่อลองพิจารณาคลื่นน้ำสีน้ำเงินเข้มรอบทะเลหมอกสีดำ มันพยายามสร้างข้อสันนิษฐาน…ทางเข้านรกอยู่แถวไหนสักแห่งภายในทะเลหมอก?ถัดมา ชายหนุ่มจ้องมองบานประตูหินและเริ่มคาดเดาว่า หลังจากสร้างสุสานของตัวเองจนเสร็จ อามุนด์ได้สร้างอุโมงค์วิญญาณเพื่อเดินทางไปยังนรก โดยปล่อยให้ทุกคนคิดว่าตนตายไปแล้วส่วนเมืองเงินพิสุทธิ์และดินแดนเทพทอดทิ้งจะอยู่ในนรกหรือไม่นั้น ไคลน์ยังไม่มีข้อสรุปเพราะขาดหลักฐานรองรับ สุสานแห่งนี้มีอายุไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันห้าร้อยปี อามุนด์อาจเดินทางไปยังนรกก่อน จากนั้นค่อยเดินทางต่อไปยังดินแดนเทพทอดทิ้งซึ่งอยู่คนละแห่งบางที มันอาจกลับมาดูดซับอายุขัยของเหยื่อในสุสานเป็นระยะ…ชักอยากรู้แล้วว่า อามุนด์จะทำหน้าอย่างไรหลังจากทราบว่าหลุมศพของตนถูกรื้อค้นกระจุยกระจายเช่นนี้…ไคลน์เกิดความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกทันใดนั้น หุ่นกลของฮารามิคใช้ฝ่ามือขวาจับข้อมือซ้ายตัวเองแน่ถนัดแกร่ก! ข้อมือซ้ายของมันบิดงอเข้าหาลำตัวในลักษณะผิดรูป แต่ปราศจากรอยเลือดหรือกระดูกน่าหวาดเสียวภายในข้อมือซ้ายมีท่อเหล็กขนาดใหญ่ถูกสอดอยู่!ท่อนแขนทั้งท่อนของฮารามิค·ไฮเดินคือปืนใหญ่เวทมนตร์ขนาดย่อส่วน!สมกับเป็นอาร์ชบิชอปประจำโบสถ์จักรกลไอน้ำ มีอาวุธล้ำยุคเช่นนี้ซ่อนเป็นไพ่ตาย… แต่การติดอาวุธหนักคงสิ้นเปลืองงบประมาณมหาศาล ทำให้ไม่สามารถกระจายออกไปในระดับกองทัพได้ แต่ก็เพียงพอจะสร้างเป็นอาวุธประจำกายของบุคคลสำคัญ…เหตุการณ์ในวันนี้นับว่าเปิดหูเปิดตาไคลน์เป็นอย่างมาก มันได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเส้นทางผู้วิเศษซึ่งใช้คนละหลักการกับของตนโดยสิ้นเชิงเนื่องจากกฎความถาวรของพลังพิเศษ โบสถ์จักรกลไอน้ำจึงมีตะกอนพลังและวัตถุดิบหลักโอสถไม่เพียงพอสำหรับสร้าง ‘ช่างฝีมือ’ เป็นจำนวนมาก ทำไม่สามารถผลิตอาวุธทรงประสิทธิภาพได้ล้ำหน้าโบสถ์อื่นหุ่นกลฮารามิคทำการเหยียดแขนซ้ายไปยังประตูหินจำลองทันใดนั้น เสียงเฟืองและกลไกภายในร่างกายอาร์ชบิชอปเริ่มร้องคำราม ตามด้วยการสะสมของละอองพลังวิญญาณปริมาณมหาศาลไว้ในจุดเดียว‘ปืนใหญ่’ ทำการยิงลำแสงอันเจิดจ้ายิ่งกว่ายามเที่ยงตรง ใส่บานประตูหินซึ่งถูกคาดหมายว่าเป็นประตูไปสู่นรกของอามุนด์เพียงพริบตา ประตูหินจำลองถูกป่นจนแหลกเป็นผุยผงประหนึ่งไม่เคยมีตัวตนมาก่อนข…เขาทำลายประตูทิ้ง?คงน่าสนุกไม่น้อยถ้าอามุนด์ตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติและพยายามส่งตัวเองกลับมาด้วยประตูบานนี้…และพบว่ามันไม่อยู่แล้ว… ฮะฮะ!ไคลน์เกือบหลุดขำขณะจินตนาการวิดีโอบันทึกปฏิบัติการสำรวจสุสานอามุนด์จบลงตรงนี้ ภาพการมองเห็นไคลน์ ‘ซูมออก’ จนกลายเป็นเพียงจอขนาดเล็กท่ามกลางความมืดมิดรายล้อมทันใดนั้น กระจกโบราณลึกลับปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ดวงตาสองข้างซึ่งทำจากอัญมณีพลันส่องแสงข้อความสีขาวถูกเขียนขึ้นบนกระจก :“ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของท่าน อาโรเดส ขอจบการรายงานแต่เพียงเท่านี้ กระหม่อมยินดีอำนวยความสะดวกให้ท่านทุกเมื่อ”ไคลน์ยังคงหวาดระแวงกระจกนิสัยเสียและเทิดทูนตนอย่างไร้เหตุผล จึงเพียงพยักหน้ารับตามมารยาท“ทำดีมาก กลับไปได้”“ขอรับ ท่านผู้ยิ่งใหญ่เหนือโลกวิญญาณ” เมื่อข้อความของอาโรเดสถูกเขียนจบประโยค นิมิตความฝันไคลน์พลันแตกเป็นเสี่ยงๆหลังจากยืนยันว่าอาโรเดสไปจากฝันของตนแล้ว ชายหนุ่มครุ่นคิดกับตัวเองผู้ยิ่งใหญ่เหนือโลกวิญญาณ? เจ้านั่นสัมผัสถึงออร่ามิติสายหมอกได้จริงด้วย…กระจกวิเศษนิสัยเสียตนนั้นหวังรับใช้และพึ่งพาเราจากใจจริง หรือมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงกันแน่?เราไม่ควรหลงดีใจ อีกฝ่ายยังอยู่ในการครอบครองของจิตแห่งจักรกล หากผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ทางนี้คงถูกปืนใหญ่กระหน่ำยิงจนเหลือเพียงเศษขี้เถ้า…เมื่อจัดการความคิดตัวเองเสร็จ ไคลน์เฝ้ารอวันต่อไปด้วยใจจดจ่อในเมื่อจิตแห่งจักรกลดำเนินภารกิจสำรวจสุสานเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาได้เลือกหนึ่งในของรางวัลตอบแทน!……………………
คอมเม้นต์