ราชันเร้นลับ 435 : ปรากฏการณ์ดึงดูด
สองทุ่มตรง วิหารฤดูเก็บเกี่ยวหลังจากเปลี่ยนกลับเป็นชุดสุภาพ ไคลน์มองไปรอบตัว กดปีกหมวกลงต่ำ และเดินเข้าไปในโถงสวดมนต์ของวิหารโดยมีเป้าหมายเป็นเอ็มลิน·ไวท์ ผู้กำลังยืนริมกำแพงข้างเชิงเทียนสามแท่นปลายขาของแวมไพร์หนุ่มมีกระเป๋าเดินทางหนังสีดำ มองผิวเผินก็ทราบทันทีว่าถูกหุ้มด้วยชั้นกำแพงวิญญาณเมื่อเห็นนักสืบโมเรียตี้เดินเข้าใกล้ เอ็มลินพลันแสดงสีหน้าตื่นเต้นยินดี แต่เพียงไม่นานก็เผยท่าทางหวาดระแวงมันโน้มตัวหยิบกระเป๋าเดินทางสีดำพร้อมกับรีบถอยหลังสามก้าว เป็นการขยับเข้าใกล้หลวงพ่อยูทรอฟสกี้ผู้กำลังตั้งใจสวดมนต์หมอนี่กลัวว่าจะถูกเราปล้นวัตถุดิบโอสถ?ไคลน์หยุดยืนห่างจากอีกฝ่ายสามเมตรและเผยรอยยิ้ม“ผมขอยืนยันสินค้าก่อน”เอ็มลินเลื่อนกระเป๋าขึ้นมาในระดับหน้าอก ตามด้วยการไขกลไกเปิดฝากระเป๋ากำแพงวิญญาณถูกทำลายในทันที เกิดเป็นสายลมเย็นพัดผ่านไปทั่วโถงสวดมนต์ไคลน์ ผู้เปิดเนตรวิญญาณรอไว้แล้ว พลันมองเห็นประกายระยิบระยิบสว่างวาบออกจากกระเป๋า เป็นแสงจากความเข้มข้นของพลังวิญญาณภายในตัววัตถุดิบในกระเป๋าประกอบด้วยกล่องเล็กสองใบ ใบหนึ่งทำจากดีบุก สลักลวดลายซับซ้อน มองผิวเผินคล้ายกับมีน้ำหนักมาก มอบความรู้สึกดุดันแก่ผู้พบเห็น ส่วนอีกใบเป็นเพียงกล่องกระดาษธรรมดาเอ็มลินใช้มือข้างหนึ่งจับกระเป๋า และใช้อีกข้างเปิดฝากล่องดีบุกสีเงินซีดออก ด้านในบรรจุวัตถุคล้ายผลวอลนัตสีน้ำตาลอมเหลือง ผิวขรุขระเป็นร่องลึก ลักษณะคล้ายกับสมองของมนุษย์ย่อส่วนท่ามกลางเปลวเทียนไขสั่นไหววูบวาบ ผลวอลนัตเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกตลอดเวลา บางครั้งกลายเป็นสีเทาเหยี่ยวย่น บางครั้งกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มเรียบเนียน แม้จะสลับไปมาระหว่างหลากสีสัน แต่ทั้งหมดจะมีเค้าโครงคล้าย ‘ใบหน้า’ เหมือนกันฉากตรงหน้าทำให้พลังพิเศษในร่างไคลน์ซึ่งถูกย่อยสมบูรณ์ไปแล้ว เกิดการสั่นสะเทือนแผ่วเบาคล้ายกับปฏิกิริยาของแม่เหล็กต่างขั้วชายหนุ่มอาศัยพลังตัวตลกช่วยระงับสีหน้าตื่นตระหนกอันเกิดจากแรงดึงดูดทางวิญญาณ พร้อมกันนั้น มันทราบทันทีว่า สิ่งของในกระเป๋าเดินทางตรงหน้าเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากต่อมใต้สมองของนักล่าพันหน้าดูเหมือนทฤษฎีในไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์จะถูกต้อง สิ่งของลำดับสูงในเส้นทางเดียวกันจะสร้างอำนาจดึงดูดผู้วิเศษลำดับต่ำและกลางเข้าไปหา ราวกับต้องการรวมตัวเป็นพลังก้อนใหญ่เพียงหนึ่ง… แม้ว่าต่อมใต้สมองของนักล่าพันหน้าจะห่างไกลกับการเป็น ‘วัตถุลำดับสูง’ ค่อนข้างมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ในฐานะวัตถุดิบหลักโอสถลำดับ 6 พลังวิญญาณภายในย่อมมีปริมาณเข้มข้น และเมื่อนักมายากลผู้ย่อยโอสถสมบูรณ์อย่างเราเข้าไปใกล้ ปรากฏการณ์ดึงดูดจึงเกิดขึ้น…เราไม่เคยพบเจอแบบนี้เพราะการเลื่อนลำดับครั้งก่อนๆ ไม่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบหลักคุณภาพสูง ขณะเดียวกัน สัมผัสวิญญาณของเราก็ยังด้อยประสิทธิภาพเนื่องจากเป็นเพียงผู้วิเศษลำดับต่ำ… จริงสิ ทุกครั้งเมื่อเราย่อยโอสถเสร็จสมบูรณ์ ภาพของหมู่ดาวมายาจะปรากฏขึ้นรอบตัวและพยายามดึงดูดเข้าหากันเอง… ฉากดังกล่าวอาจเป็นเครื่องยืนยันกฎข้อสามแห่งโลกผู้วิเศษ กฎการดึงดูดระหว่างพลังพิเศษในเส้นทางเดียวกัน โดยยิ่งมีลำดับสูงขึ้น แรงดึงดูดก็ยิ่งมาก…เป็นหลักฐานพิสูจน์ได้ว่า กฎข้อนี้รวมถึงวัตถุดิบหลักโอสถบนเส้นทางเดียวกันด้วย…ไคลน์กำลังครุ่นคิดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าภายนอก สมองประมวลผลข้อมูลจากไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์อย่างละเอียด และนำไปผนวกกับประสบการณ์การเลื่อนลำดับทั้งสามครั้งของตน จนกระทั่งสามารถยืนยันว่ากฎข้อดังกล่าวมีแนวโน้มเป็นความจริงเอ็มลินชำเลืองไคลน์อย่างหวาดระแวงสักพักใหญ่ จึงค่อยปิดฝากล่องดีบุก และขยับไปเปิดฝากล่องกระดาษซึ่งอยู่ติดกันก้นกล่องกระดาษถูกรองด้วยสำลีหนาหลายชั้น กึ่งกลางกล่องเป็นขวดบรรจุของเหลวปริมาตร 200 มิลลิลิตร ของเหลวด้านในสูงประมาณครึ่งขวด และจะเปลี่ยนสีตลอดเวลาตามมุมของแสงตกกระทบ“สินค้าถูกต้องไหม?” เอ็มลินปิดกล่องถาม“ขอยืนยันเป็นครั้งสุดท้ายก่อน” ไคลน์หยิบเหรียญทองออกมาควงรอบนิ้วอย่างชำนาญ ประหนึ่งเหรียญกำลังระบำไปบนหลังมืออย่างมีชีวิตชีวากิ๊ง!ชายหนุ่มดีดเหรียญขึ้นฟ้าและแบมือรับ ปล่อยให้เหรียญตกลงกึ่งกลางฝ่ามือแม่นยำออกหัว คำตอบคือ ‘ใช่’ไคลน์พยักหน้ารับ สองมือล้วงช่องกระเป๋าเสื้อโค้ทและหยิบปึกธนบัตรออกมาเป็นจำนวนมาก มีทั้งมูลค่า 10 ปอนด์ 5 ปอนด์ และ 1 ปอนด์ในสกุลเงินโลเอ็น“1,450 ปอนด์” ไคลน์วางปึกธนบัตรไว้บนเครื่องเรือนใกล้เคียง“ถอยหลังไปสองก้าว ไม่สิ ห้าก้าว!” แวมไพร์เอ็มลินแสดงท่าทีหวาดระแวงชัดเจนไคลน์อมยิ้ม ยกมือขึ้น และเดินถอยหลังออกมาจากจุดดังกล่าวห้าก้าวเอ็มลินเดินเข้าไปหยิบธนบัตรปึกใหญ่ขึ้นมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ดูว่ามีการสอดไส้กระดาษเปล่าไว้หรือไม่หลังจากนับจำนวนเสร็จ มัน ‘ขว้าง’ กระเป๋าเดินทางหนังสีดำใส่ไคลน์ชายหนุ่มถึงกับผงะ แต่ด้วยความคล่องแคล่วของร่างกาย จึงใช้มือคว้ากระเป๋าไว้ได้อย่างนุ่มนวลมันเป็นกังวลว่าขวดบรรจุโลหิตนักล่าพันหน้าจะกระทบกระเทือนจนแตกร้าวเอ็มลิน·ไวท์ใช้มือโกยธนบัตรทั้งหมดและถอยกลับไปหาหลวงพ่อยูทรอฟสกี้ด้านหลังมาถึงจุดนี้ สีหน้าของแวมไพร์หนุ่มเริ่มผ่อนคลาย มันทำการตรวจสอบจำนวนเงินและลายน้ำหลายรอบจนแน่ใจเมื่อทบทวนฉากเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างถี่ถ้วน ไคลน์รู้สึกผิดเล็กน้อยเรากับเอ็มลินทำให้วิหารฤดูเก็บเกี่ยวอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ต้องมีบรรยากาศคล้ายกับแก๊งค้ายากำลังเจรจาแลกเปลี่ยน ‘ของ’ …เมื่อยืนยันว่าวัตถุดิบโอสถทั้งสองชนิดไม่บุบสลาย ไคลน์ดีดนิ้วเพื่อจุดก้านไม้ขีดไฟตามช่องลับในเสื้อโค้ท ปล่อยให้เพลิงสีแดงอมส้มลุกโชนท่วมร่างอย่างน่าหวาดเสียวเมื่อเปลวเพลิงดับมอดกลางอากาศอย่างสมบูรณ์ ร่างของไคลน์ก็หายไปโดยไร้ร่องรอยเนื่องจากมันแวะมาเยี่ยมเอ็มลินบ่อยครั้ง ไคลน์จึงไม่กังวลว่า หลวงพ่อยูทรอฟสกี้จะทราบว่าตนเป็นคนเดียวกับบุคคลปริศนาผู้ช่วยขจัดร่างลวงตาด้านมืดของเขา ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ ไคลน์มองว่าการเปิดเผยตัวตนเช่นนี้จะช่วยสร้างมิตรภาพได้ดีกว่าขณะเดียวกัน เอ็มลิน ผู้กำลังก้มหน้านับเงินกองใหญ่ พลันเงยศีรษะขึ้นพร้อมกับจ้องมองความว่างเปล่าด้วยสายตาตกตะลึงมันพึมพำกับตัวเอง“กระเป๋าเดินทางของเรา… กล่องดีบุกของเรา…!”…บนถนนบรรยากาศสลัว รถม้าคันหนึ่งกำลังแล่นผ่านแอ่งน้ำโดยมีจุดหมายปลายทางเป็นเขตราชินีฟอร์สเล่าให้เพื่อนสนิทฟังว่า ตอนนี้เธอมีอาจารย์ด้านศาสตร์เร้นลับแล้ว แต่แลกมากับการดื่มโอสถผู้ฝึกหัดเข้าไปใหม่อีกครั้งหลังจากยืนยันว่าเพื่อสนิทของตนไม่มีสัญญาณการคลุ้มคลั่ง ซิลมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า สายตากระทบกับเสาตะเกียงริมถนนซึ่งสูงกว่าเธอเพียงเล็กน้อย พร้อมกับซักถามด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจ“ฉันนึกสงสัยมาตลอด ว่าทำไมโอสถถึงไม่ถูกเก็บรักษาในสภาพของโอสถ แต่เลือกเก็บเป็นวัตถุดิบและต้องปรุงใหม่ทุกครั้ง เหมือนกับอาจารย์ของเธอ”ฟอร์สมอบคำตอบด้วยรอยยิ้ม“ฉันเคยถามเขาแล้ว ได้คำตอบกลับมาว่า มีสองเหตุผลให้ต้องทำเช่นนั้น หนึ่ง วัตถุดิบหลักโอสถมีประโยชน์ใช้สอยหลากหลาย หากนำมาปรุงเป็นโอสถจะไม่สามารถนำไปใช้งานด้านอีกได้อีก สอง เมื่อตะกอนพลังเริ่มแข็งตัว มันสามารถเก็บรักษาไว้ได้ตลอดไป แต่ไม่ใช่ในสถานะโอสถ นอกเสียจากจะใช้เทคนิคพิเศษเพื่อแยกวัตถุดิบออกมาใหม่”“ทำไมถึงเก็บไว้ในสถานะโอสถไม่ได้?” ซิลซักถามด้วยสีหน้าฉงน “โอสถไม่เหมือนกับยาวิเศษหรืออาวุธวิเศษสักหน่อย พวกมันไม่เสื่อมพลังวิญญาณเมื่อเวลาผ่านไป”ฟอร์สไม่มีกะจิตกะใจจะแกล้งเพื่อน เพียงอมยิ้มและอธิบายไปตามจริง“ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงการเสื่อมของพลังวิญญาณ แต่ถ้าอยู่ในสถานะโอสถ ทุกสรรพสิ่งจะสามารถดูดซึมพลังจากโอสถได้ ไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาชนะบรรจุโอสถด้วย พวกมันสามารถดูดซึมพลังได้ทีละนิด หลังจากผ่านไปราวสองวัน ขวดแก้วบรรจุโอสถก็จะ ‘ดื่มเสร็จ’ และกลายเป็นสมบัติวิเศษ หรือบางทีอาจมีสติปัญญา อาจารย์ของฉันเล่าว่า การปล่อยให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจะมีแต่ผลเสีย ลักษณะคล้ายกับตะกอนพลังปนเปื้อนซึ่งเกิดจากผู้คลุ้มคลั่ง จริงอยู่ เจ็ดโบสถ์หลักและองค์กรลับใหญ่จะมีเทคนิคพิเศษสำหรับแยกตะกอนพลังออกจากโอสถ แต่วิธีดังกล่าวค่อนข้างยุ่งยาก จึงไม่นิยมทำกับโอสถลำดับกลางหรือต่ำ”“สุดยอด…” ซิลถอนหายใจสายตายังคงจ้องมองออกไปข้างนอกหน้าต่างรถม้า พลางกล่าวเสียงค่อย“พวกเราใกล้ถึงแล้ว”เธอและฟอร์สกำลังเดินทางไปร่วมชุมนุมลับของมิสเตอร์ Aฟอร์สยอมยิ้มด้วยสีหน้าขื่นขม“หวังว่าจะมีถุงกระเพาะอาหารของผู้กลืนวิญญาณขาย”อาจารย์ของเธอ โดเรียน·เกรย์ ได้สอนเทคนิคสวมบทบาทก่อนเดินทางกลับ และยังมอบสูตรโอสถนักตุกติกให้ด้วย โดเรียนมอบการบ้านให้ฟอร์สไปรวบรวมวัตถุดิบของโอสถนักตุกติกด้วยตัวเอง แต่ถ้าหากย่อยโอสถเก่าหมดแล้วยังหาได้ไม่ครบ มันก็ยินดีมอบความช่วยเหลือเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ฟอร์สหมดอาลัยตายอยากไปพักใหญ่เราใช้เงินจำนวนมากซื้อโอสถนักตุกติกและเทคนิคสวมบทบาทไปเพื่ออะไร!แต่ช่างเถอะ… เป็นเพราะคำแนะนำของแฮงแมนและจัสติส รวมถึงพรจากเทวทูตของมิสเตอร์ฟูล อาจารย์จึงตรวจไม่พบว่าเราเป็นผู้วิเศษอยู่ก่อนแล้ว หากผลออกมาตรงกันข้าม เขาคงไม่คิดรับเราเป็นศิษย์แน่…เฮ่อ คิดซะว่าจ่ายเงินให้มิสเตอร์ฟูลเพื่อเอาชีวิตรอดจากคืนจันทร์เต็มดวงก็แล้วกัน…ขณะเกิดความคิดดังกล่าว หางตาฟอร์สเหลือบเห็นว่าบ้านซึ่งใช้จัดการชุมนุมลับของมิสเตอร์ A มีร่องรอยการพังถล่ม หลายจุดมีรอยไหม้สีดำอย่างชัดเจนเกิดการต่อสู้อันดุเดือด…? ใครกล้าลงมือกับมิสเตอร์ A? หน่วยพิเศษของทางการ?ฟอร์สรีบส่งสัญญาณมือบอกซิลและตะโกนแจ้งคนขับด้านนอก“ไม่ใช่หลังนี้ ตรงไปอีกสองหลังค่ะ”…— แหล่งกบดานของชุมนุมแสงเหนือถูกหน่วยพิเศษบุกถล่มจนราบคาบ ผู้ก่อการร้ายได้รับความเสียหายใหญ่หลวง! —เช้าวันถัดมา ไคลน์พบพาดหัวข่าวอันน่าประหลาดใจบนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์“ขอให้มิสเตอร์ A ตายในปฏิการ” ชายหนุ่มวาดสัญลักษณ์จันทร์แดงสี่จุดกลางหน้าอกพลางสาปแช่งด้วยสีหน้าขึงขังแน่นอน มันโยนต่อมใต้สมองและเลือดของนักล่าพันหน้าเข้าไปในห้วงมิติเหนือสายหมอกเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ถูกใครตรวจพบเข้าถึงเราจะตาย แต่พวกมันก็ไม่มีวันสูญหายไปไหน…ไคลน์เคี้ยวเบคอนด้วยสีหน้าสดชื่นหลังจากเสร็จสิ้นการแลกเปลี่ยนเมื่อคืน เงินออมไคลน์จึงลดลงจนต่ำกว่า 1,000 ปอนด์อีกครั้ง เหลือเพียง 735 ปอนด์เป็นเงินสด พอสำหรับประทังชีวิตและซื้อเส้นผมของนากาทะเลลึกจากแฮงแมน แต่จะหมดสิทธิ์ซื้อตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์ไปโดยปริยายในเมื่อไม่มีเบาะแสใหม่ดีกว่าของมาดามชารอน และไม่มีเงินพอจะหาซื้อวัตถุดิบราคาแพงมาครอบครอง ไคลน์จึงพักผ่อนอยู่กับบ้านตลอดช่วงเช้า ปล่อยให้เวลาล่วงเลยจนกระทั่งหลังอาหารเที่ยง ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นมาแต่งตัวให้เรียบร้อยและเดินทางไปยังเขตสะพานเบ็คลันด์ก่อนหน้านี้ ไคลน์ได้ตกลงกับคาร์ลเซ่นจากจิตแห่งจักรกลว่า หากตนมีข้อมูลใหม่ต้องการรายงาน ให้แวะเข้าไปหาในผับดวงเฮงย่านตะวันตกของอู่ต่อเรือไบลัม แต่ถ้าคาร์ลเซ่นไม่อยู่และเป็นข่าวสำคัญ ไคลน์สามารถแวะเข้าไปแจ้งกับบิชอปในวิหารชะแลงได้ทันที ในเมื่อนักสืบเชอร์ล็อกมิได้สังกัดองค์กรลับนอกกฎหมาย ทางจิตแห่งจักรกลจึงมิได้ระแวงมากนักเนื่องจากเป็นช่วงบ่าย ลูกค้าจึงยังไม่มาก ไคลน์ได้พบคาร์ลเซ่นทันทีหลังจากเดินผ่านกรอบประตูร้านเข้าไป อีกฝ่ายกำลังนั่งดื่มอยู่คนเดียวตรงบาร์เหล้าหลังจากเดินเข้าไปใกล้ ชายหนุ่มเคาะโต๊ะส่งสัญญาณพร้อมกับรายงานเสียงค่อย“ในเขตตะวันออก มีบุคคลแปลกหน้าพยายามเผยแผ่ความเชื่อของพระผู้สร้างต้นกำเนิด”คาร์ลเซ่นจิบแอลกอฮอล์อย่างอารมณ์ดีพลางตอบเสียงเรียบ“ผมรู้อยู่แล้ว”คิดไว้ไม่ผิด… ไคลน์พึมพำพร้อมกับฉีกยิ้ม“ผมมีเบาะแสของสุสานตระกูลขุนนางเก่าจากยุคสมัย 4”“หา…”แก้วเครื่องดื่มในมือคาร์ลเซ่นพลันชะงัก มันรีบหันมาจ้องไคลน์ด้วยสีหน้าตกตะลึง ก่อนจะใช้มืออีกข้างขยับกรอบแว่นตาเพ่งมองทว่า นักสืบโมเรียตี้มิได้เล่าเบาะแสเพิ่มเติม เพียงหันไปมองบาร์เทนเดอร์ซึ่งอยู่ห่างออกไปราวสองสามก้าว และกล่าวด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย“เบียร์นันวีลล์หนึ่งแก้ว”……………………
คอมเม้นต์