ราชันเร้นลับ 434 : สุสานและภารกิจ
เธอมีเบาะแส? ไคลน์แสดงสีหน้ายินดีโดยไม่ปิดบัง พร้อมกับรีบซักถาม“หาได้จากไหน?”ชายหนุ่มเตรียมจ่าย ‘ค่าปรึกษา’ โดยไม่เกี่ยงราคาขณะกำลังนั่งนิ่งในจุดเดิม ชารอนกล่าวด้วยเสียงไร้อารมณ์ประหนึ่งตุ๊กตาพูดได้“ได้ยินมาจากหนึ่งในชุมนุมลับของมาริค ใครบางคนเล่าว่า พวกเขาบังเอิญพบสุสานของขุนนางเก่า จึงเริ่มทำการสำรวจรอบนอกอย่างละเอียด แต่ยังไม่กล้าเข้าไปข้างใน พวกเขาอธิบายว่า สุสานดังกล่าวมีร่องรอยของเงามืดหนังมนุษย์ จึงต้องการรวบรวมทีมผู้วิเศษเพื่อสำรวจด้านในด้วยกัน สมบัติจะถูกแบ่งกันอย่างเท่าเทียมเมื่อจบภารกิจ”ขอความช่วยเหลือจากผู้วิเศษแปลกหน้าในชุมนุมลับเนี่ยนะ? สามารถไว้ใจคนอื่นได้ด้วยหรือ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่มีสุสานดังกล่าวตั้งแต่แรก และทั้งหมดเป็นเพียงกับดัก…ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก จึงค่อยถามต่อ“แล้วพวกเขารวบรวมคนสำเร็จไหม”“สำเร็จ” ชารอนตอบห้วนบ้าน่า… ไคลน์ไม่กล้าลงลึกรายละเอียด เพียงซักถามต่อโดยบีบเสียงให้เบาลงเพราะกังวลว่าคนขับรถม้าจะได้ยิน“แล้วหลังจากนั้น?”“หลังจากนั้น พวกเขาก็มาไม่ปรากฏตัวในชุมนุมลับอีกเลย” ชารอนอธิบายอย่างใจเย็น “หนึ่งในเพื่อนของมาริคได้เข้าร่วมคณะสำรวจในคราวนี้ด้วย และหายตัวไปอย่างไรร่องรอย… ตลอดกาล”โดยไม่รอให้ไคลน์ถาม เธอเปล่งเสียงอันล่องลอยและเป็นเอกลักษณ์“โชคยังดี มาริคพกของใช้ในชีวิตประจำวันของเพื่อนคนดังกล่าว จึงนำมาให้ฉันช่วยทำนายระบุพิกัด ผลลัพธ์นำทางพวกเราไปถึงเมืองผาขาว จนกระทั่งได้พบทางเข้าสุสานซ่อนอยู่ตรงทางแยกกลางแม่น้ำสตาร์ฟอร์ด และไม่ผิดคาด เพื่อนของมาริคอยู่ด้านในสุสานดังกล่าว แต่ในสภาพเป็นศพ”“พวกคุณเข้าไปสำรวจ?” ไคลน์โพล่งถาม“เปล่า ใช้วิธีอื่นยืนยัน” ชารอนอธิบายต่อ “กลิ่นอายของสุสานทำให้สัญชาตญาณของฉันร้องเตือน พวกเราจึงไม่กล้าเข้าไปสำรวจ”เล่ามาถึงจุดนี้ หญิงสาวจ้องมองไคลน์ด้วยดวงตาสีฟ้าสว่าง“ขอแนะนำว่า หากไม่มีความช่วยเหลือจากผู้วิเศษลำดับ 4 ขึ้นไป หรือสมบัติปิดผนึกในระดับใกล้เคียงกัน คุณไม่ควรเข้าไปสำรวจด้านในสุสาน”ถ้าแม้แต่คุณยังมองว่าอันตราย ผมคงไม่ต้องเข้าห้วงมิติสายหมอกเพื่อทำนายยืนยัน…ไคลน์ก้มหน้ามองพื้นและครุ่นคิด“พอจะทราบไหมว่าเป็นขุนนางตระกูลใด”ชารอนตอบฉะฉาน“อามุนด์”อามุนด์? ตระกูลเย้ยเทพผู้สิงร่างเดอะซันน้อยและเกือบลอบเข้ามาในห้วงมิติเหนือสายหมอกเทาสำเร็จ?ไคลน์รีบใช้พลังตัวตลกช่วยข่มอาการกระตุกของเปลือกตา พร้อมกับซักถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ“คุณทราบได้อย่างไร”ขณะกล่าวออกไป สมองของไคลน์เริ่มผุดภาพบุคคลสวมชุดคลุมยาวสีดำ หมวกปลายแหลมสีเดียวกัน ใบหน้าผอมเพรียว ดวงตาและเส้นผมสีดำสนิท สวมแว่นตาหนึ่งขาปัจจุบัน เส้นผมสีทองของชารอนกำลังส่องประกายเงางามราวกับภาพวาดสีน้ำมันฝีมือปรมาจารย์เอกแห่งยุค เธอตอบเสียงเรียบ“กลุ่มผู้ว่าจ้างเล่าให้ฟัง พวกเขาพบวัตถุโบราณหลายชิ้นจากการสำรวจรอบนอกสุสานหนแรก สมาชิกคนหนึ่งในทีมสำรวจเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ จึงนำรายละเอียดบางส่วนมาเปิดเผยในชุมนุมลับเพื่อจูงใจคนให้ไปเข้าร่วม มีการระบุว่าข้าวของเครื่องใช้บางชิ้นเป็นของตระกูลเก่าแก่แห่งราชวงศ์ทูดอร์จากยุคสมัยที่สี่ ตระกูลอามุนด์”เป็นพวกเย้ยเทพจากยุคสมัยที่สี่จริงด้วย… ไม่ผิดแน่ พวกมันมิได้ต้องคำสาปเหมือนตระกูลอับราฮัม มิได้ถูกเจาะจงทำลายโดยโบสถ์เทพธิดาเหมือนตระกูลอันทีโกนัส…จากความพิเศษและพลังอันน่าทึ่งซึ่งแสดงให้เห็นในเมืองเงินพิสุทธิ์ สถานการณ์ปัจจุบันของอามุนด์น่าจะไม่ต่างกับตระกูลซาราธสักเท่าไร พวกมันยังคงส่งต่อพลังจากรุ่นสู่รุ่นอย่างลับๆ มีผู้วิเศษลำดับสูงคอยปกป้องตระกูล และบางทีอาจเป็นถึงระดับเทวทูต พวกมันกุมความลับสำคัญของโลกไว้บางส่วน เช่น ‘พิกัด’ ของดินแดนเทพทอดทิ้ง…อันตรายจากสุสานของตระกูลดังกล่าว แม้แต่เราก็สามารถจินตนาการได้ไม่ยาก บางที อามุนด์อาจกำลังใช้พลังสักชนิดในการตรวจสอบความเป็นไปของทวีปเหนือ แม้ตัวจะอยู่บนดินแดนเทพทอดทิ้งแสนห่างไกลก็ตาม เราไม่ควรใช้สามัญสำนึกของผู้วิเศษลำดับกลางถึงล่างประเมินเหล่าครึ่งเทพ…ไคลน์ไม่ต้องคิดนานก็ได้ข้อสรุปว่าตนไม่ควรเข้าไปข้องแวะกับสุสานตระกูลอามุนด์มันเงยศีรษะจ้องชารอนด้วยสีหน้ากึ่งผิดหวังเจือจาง“นอกจากสุสานแห่งนั้น คุณก็ไม่มีแหล่งรวบรวมเงามืดหนังมนุษย์ทางอื่นแล้วใช่ไหม”ชารอนส่ายหัว“ยังมี”“หือ?” ดวงตาไคลน์เริ่มเปล่งปลั่งอีกครั้ง ชายหนุ่มรีบขยับตัวนั่งในท่าตั้งใจฟังชารอนตอบเสียงเรียบ“ในชุมนุมลับของฉัน ผู้วิเศษคนหนึ่งรับปากว่า หากใครทำภารกิจของเธอสำเร็จ จะสามารถเลือกรางวัลเป็นวัตถุดิบหลักชิ้นใดก็ได้ในลำดับต่ำกว่าครึ่งเทพ”“หรือก็คือ เธอมีวัตถุดิบหลักทุกชนิดในลำดับต่ำกว่าครึ่งเทพไว้ในครอบครอง…?”คำถามแรกในใจไคลน์คือ : ขี้โม้!หากจะมีใครถือครองวัตถุดิบหลักไว้ในมือมากขนาดนั้น ก็คงต้องเป็นขั้วอำนาจใหญ่อย่างเช่นโบสถ์รัตติกาล และต้องมีห้องกักเก็บระดับเดียวกับวิหารศักดิ์สิทธิ์ หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือมหาวิหารสุขสงบ เท่านั้น!โบสถ์รัตติกาลอาจมีวัตถุดิบหลักของเส้นทางอื่นเก็บไว้เป็นจำนวนมากเนื่องจากไม่เคยถูกนำมาใช้งาน…เมื่อได้ยินคำถามไคลน์ ชารอนตอบสุขุม“เธอเป็นผู้วิเศษลำดับสูง”ลำดับสูง? นึกแล้วเชียว… ตัวตนระดับนี้คงเป็นสมาชิกคนสำคัญของโบสถ์ หรือไม่ก็องค์กรลับใหญ่สักแห่ง หรือถ้าไม่ใช่สองอย่างข้างต้น เธอก็ต้องเป็นผู้นำองค์กรลับเสียเอง! แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นจริง การโอ้อวดว่ามีวัตถุดิบหลักทุกชนิดในลำดับต่ำกว่าครึ่งเทพ คงออกจะเกินจริงไปสักหน่อย…ไคลน์วิเคราะห์ในใจ ชารอนเสริม“เธอระบุว่า วัตถุดิบหลักบางชนิดอาจต้องใช้เวลาในการรวบรวมนานกว่าปรกติ”นั่นปะไร… ไคลน์รีบซักถามอย่างสนใจ“แล้วภารกิจของเธอคือ?”ชารอนนั่งหลังตรงด้วยกิริยาสง่างาม“สืบหาตัวตนแท้จริงของจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด”“…”ไคลน์เชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า หากตอนนี้ตนกำลังดื่มน้ำ รับรองได้เลยว่าต้องพรวดของเหลวออกจากปากแน่นอนเราไปเหยียบตาปลาใครเข้า? ทำไมถึงถูกผู้วิเศษลำดับสูงตามล่าตัวเอาได้?ชายหนุ่มรำพันเป็นสำนวนจีนกลางอย่างกระวนกระวาย ก่อนจะสงบสติและกลับมาไตร่ตรองอย่างรอบคอบสภานักสิทธิ์สนธยา? เป็นเพราะจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดลงมือสังหารผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย บีเลียล?สมาชิกชุมนุมแสงเหนือ? พวกมันเชื่อมโยงเดอะฟูลกับไพ่ทาโรต์บนตัวศพคาพิน จึงเริ่มสืบสวนเกี่ยวกับจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด?สมาชิกของสามโบสถ์หลักหรือ MI9? พวกมันเริ่มทราบความจริงเกี่ยวกับคดีคาพิน?ทุกตัวเลือกฟังดูเป็นไปได้ทั้งหมด ไม่สามารถกาใครออกได้แม้แต่ชื่อเดียว!ไคลน์ไม่เผยความผิดปรกติทางสีหน้า เพียงเรียบเรียงคำพูดและซักถามต่อ“ทำไมเธอคนนั้นถึงต้องการทราบตัวจริงของจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด?”“ไม่มีใครรู้เหตุผล” ชารอนตอบกระชับไคลน์ก้มหน้าครุ่นคิดราวสองวินาที จึงค่อยตัดสินใจเปลี่ยนคำถาม“มีรายละเอียดของผู้ว่าจ้างไหม?”ชารอนเงียบงันสักพัก คล้ายกับกำลังใช้จินตนาการ ก่อนจะอธิบาย :“เพศหญิง สูงเกิน 1.7 เมตรเล็กน้อย ผมสีน้ำตาลเกาลัด เข้าชุมนุมแบบปกปิดหน้าตา ชอบสวมรองเท้าบูตหนังสีดำ นานครั้งจึงจะเข้าร่วมชุมนุมสักหน ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อราวสองเดือนก่อน”ชอบสวมรองเท้าบูตหนังสีดำ เพศหญิง และยังเป็นผู้วิเศษลำดับสูง…เมื่อสามปัจจัยถูกรวมเข้าด้วยกัน ความทรงจำเก่าของไคลน์พลันถูกกระตุ้นย้อนกลับไปขณะมันลอบเข้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเพื่อขโมยไพ่จักรพรรดิมืด ไคลน์ได้พบกับผู้วิเศษลำดับสูงคนหนึ่งภายในห้องอ่านหนังสือจำลองของโรซายล์ หญิงสาวเผยให้เห็นเพียงรองเท้าบูตหนังสีดำ หลังจากไคลน์หนีรอดมาได้ด้วยพลังของมิติสายหมอก ชายหนุ่มนำมาสเตอร์คีย์มาไขประตูออกจากบ้านเพื่อหลบหนี และดันโชคร้าย โผล่ออกไปเจอสุนัขปีศาจเข้าพอดี จึงรีบเผ่นหนีพลางแหกปากตะโกนขอความช่วยเหลือ หลังจากนั้นก็หาโอกาสขึ้นรถม้าได้สำเร็จ แต่ระหว่างทาง นักสืบโมเรียตี้ได้ถูกหญิงสาวปริศนาคนเดิมเรียกตัวไป ‘สัมภาษณ์’ เป็นกรณีพิเศษเป็นเธอเองหรือ? ทำไมถึงคิดตามหาจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด? หรือเพราะเธอเห็นว่าผู้ขโมยไพ่เป็นร่างวิญญาณ และทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าให้ร่างวิญญาณ ‘พก’ ไพ่จักรพรรดิมืดไว้กับตัว? จากนั้นจึงตามหาเบาะแสของจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดซึ่งมีรูปลักษณ์ภายนอกใกล้เคียงกัน?สมองไคลน์เริ่มปั่นป่วนมันยังไม่เข้าใจว่า ทำไมอีกฝ่ายถึงมั่นใจนักว่าตนถือครองไพ่จักรพรรดิมืด ไม่ใช่ไพ่เย้ยเทพใบอื่นของโรซายล์ เช่นไพ่นรก ไพ่สุริยันนอกเสียจาก เธอกำลังตามล่าไพ่เย้ยเทพอยู่พอดี และมั่นใจว่าแผ่นคั่นหนังสือในพิพิธภัณฑ์คือไพ่จักรพรรดิมืด… มาดามชารอนระบุว่าเธอเริ่มเข้าร่วมชุมนุมครั้งแรกเมื่อสอนเดือนก่อน ตรงกับช่วงนิทรรศการหวนรำลึกโรซายล์พอดี… โดยหลังจากนั้น เธออาจอาศัยอยู่ในเบ็คลันด์ต่อเพื่อสืบข่าวจากชุมนุมลับเป็นครั้งคราว หรือไม่ก็ออกจากเบ็คลันด์และกลับไปทำงานตามปรกติ แต่ยังแวะกลับมาสืบหาเบาะแสของผู้แย่งชิงไพ่จักรพรรดิมืดอย่างสม่ำเสมอ?ขณะสมองกำลังร้อนจี๋ ไคลน์เผยรอยยิ้มจืดชืดตรงมุมปาก“ผมจะช่วยสืบหาเบาะแสให้อีกแรง หากมีความคืบหน้าจะรีบแจ้งให้ทราบทันที”เธอจะไม่มีวันได้อะไรไปจากฉัน!ชายหนุ่มสาบานกับตัวเองหนักแน่นชารอนพยักหน้ารับแผ่วเบาจนยากจะสังเกตเห็น และไม่กล่าวสิ่งใดเกี่ยวกับเบาะแสของเงามืดหนังมนุษย์อีกน่าทึ่งมาก แม้จะมีเธอกับมาริคแค่สองคน แต่กลับมอบข้อมูลให้เราได้มหาศาล มากกว่าเครือข่ายแวมไพร์ของเอ็มลิน และมากกว่าชุมนุมของเนตรแห่งปัญญา มิสเตอร์ไอเซนการ์ด·สแตนธอน…ไคลน์ถอนหายใจเชื่องช้า พยายามปกปิดอารมณ์ผิดหวังพร้อมกับกล่าวอย่างระมัดระวัง“คุณกับมาริคไม่ได้รับผลกระทบจากคำสาปคืนจันทร์เต็มดวงแล้วใช่ไหม”“มงกุฎจันทร์ชาดมีแค่อันเดียว” ชารอนตอบเสียงเรียบหากใครสวมมงกุฎจันทร์ชาดขณะพระจันทร์กำลังเต็มดวง คำสาปจะไม่ส่งผลกับคนผู้นั้น เรียกได้ว่าเป็นสมบัติวิเศษในฝันของเส้นทางมนุษย์กลายพันธุ์เลยทีเดียวหรือก็คือ จะมีคนหนึ่งรอด และอีกหนึ่งคนตกอยู่ในสถานการณ์เดิม… หืม ถ้าจำไม่ผิด คำสาปของมาริคจะทำให้บ้าคลั่ง ส่วนคำสาปของชารอนจะทำให้หมดแรง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครสวม มาริคแน่นอน…ไคลน์ตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อ“คุณพบวิธีขจัดการปนเปื้อนทางจิตออกจากตะกอนพลังของสตีฟหรือยัง?”มันถามพอเป็นพิธี เพราะคาดหวังกับเดอะซันน้อยไว้มากกว่า“ยัง” ชารอนตอบโดยไม่มองหน้า ประหนึ่งกำลังคุยกับคนอื่นถ้าอย่างนั้น หากเราทราบวิธีเมื่อไร จะนำมาแบ่งปันให้ฟังก็แล้วกัน อย่าลืมเตรียมเงินไว้ให้พอด้วย หึหึ…ไคลน์เพียงผงกศีรษะรับ ไม่ทราบว่าตนควรสานต่อสนทนาเช่นไรชายหนุ่มเว้นวรรคไปสักพัก“แล้วเมืองผาขาวอยู่แถวไหน”“ชานเมืองเบ็คลันด์ ถัดไปจากย่านทิศใต้ของสะพาน” ชารอนตอบห้วนจากนั้น เธอจ้องไคลน์ด้วยดวงตาสีฟ้า“หมดหรือยัง”“หมดแล้ว” ชายหนุ่มส่ายหัว ก่อนจะนึกขึ้นได้และรีบถาม “ผมสามารถบอกพิกัดของสุสานให้คนอื่นทราบได้ไหม”“เชิญ”เมื่อสิ้นเสียง ร่างของชารอนเริ่มจางลง ก่อนจะหายไปจากห้องโดยสารอย่างสมบูรณ์อาจเป็นเพราะต้องการปกปิดร่องรอย หญิงสาวจึงไม่เคยใช้น้ำหอมแม้แต่ครั้งเดียวภายในรถม้าไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่กลิ่น……………………
คอมเม้นต์